สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 280 ค่ายเมฆาดำ

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 280 ค่ายเมฆาดำ

“หัวหน้าใหญ่?” เฮ่อชิงเซียวเดินเข้าไปมองสำรวจโจรที่ส่งเสียงเหิมเกริม

ตกเป็นเชลยยังเหิมเกริมเพียงนี้ ดูท่าโจรภูเขากลุ่มนี้มีอิทธิพลไม่น้อย จึงได้ยโสโอหังเช่นนี้

ราชวงศ์ต้าซย่ามีพื้นที่กว้างใหญ่ แม้ในช่วงเวลารุ่งเรืองสงบสันติที่สุด ภัยพิบัติแต่ละพื้นที่ก็เกิดเป็นระยะ กอปรกับสภาพพื้นที่ส่งเสริม จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีโจรเหล่านี้

โจรภูเขายังข่มขู่ต่อ “หัวหน้าใหญ่เรามีความสามารถมาก พวกเจ้าหนีไม่รอดแน่ ยอมปล่อยพวกข้าไปดีๆ ไม่แน่อาจยังมีชีวิตรอด!”

“เหตุใดหนีไม่รอด” เฮ่อชิงเซียวแค่นเยาะดูแคลน “พวกข้าล้วนขี่ม้า ตัดหัวเจ้าเสร็จก็ขี่ม้าไปไกลแล้ว หัวหน้าใหญ่พวกเจ้าจะไล่ตามไปหรือ”

“เฮอะ หัวหน้าใหญ่เราชำนาญการไล่ล่า ค่ายเรามีคนหลายร้อย คิดไล่ล่าพวกเจ้าแค่นี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายหรือ!” โจรภูเขาเผยสีหน้าได้ใจ

“ชำนาญการไล่ล่า…” เฮ่อชิงเซียวแววตาสว่างวาบ “ไม่เคยได้ยินว่าโจรชำนาญการไล่ล่า”

“หัวหน้าใหญ่เรา…”

โจรภูเขาที่เงียบมาตลอดพลันส่งเสียงขึ้น “เจ้าแปด!”

โจรภูเขาที่ถูกเรียกว่าเจ้าแปดกลืนวาจาที่คิดเอ่ยลงไปอย่างไม่เต็มใจนัก

เฮ่อชิงเซียวไม่สนใจทั้งสองคนหันไปกล่าวกับชายวัยกลางคน

“ท่านอา พวกท่านรีบเดินทางดีกว่า”

ชายวัยกลางคนสีหน้าลังเล “โจรพวกนี้ยังมีค่ายโจรบนเขา ข้าเกรงว่าจะพบอีก…”

เฮ่อชิงเซียวชี้ไปด้านหน้า “ค่ายพวกเขามีหลายร้อยคน โจรภูเขาซุ่มโจมตีที่นี่เพียงแค่สิบกว่าคน เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นความสำคัญของที่นี่ ท่านอา พวกท่านอย่าได้อยู่นาน รีบกลับไปใช้เส้นทางหลวงดีกว่า น่าจะไม่เกิดเหตุอันใดแล้ว”

ชายวัยกลางคนรู้สึกเฮ่อชิงเซียววิเคราะห์ได้มีเหตุผล ตัดสินใจเร่งเดินทางต่อ

“ขอเรียนถามว่าท่านผู้มีพระคุณทั้งสองชื่อแซ่อันใด”

“ให้ความช่วยเหลือเพียงเล็กน้อย ท่านอาอย่าได้เก็บมาใส่ใจ รีบเดินทางเถอะ” เฮ่อชิงเซียวเอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบ

ชายวัยกลางคนดึงดัน “ท่านผู้มีพระคุณทั้งสองช่วยเหลือพวกเราเกือบสามสิบชีวิต หากแม้แต่ผู้มีพระคุณเป็นผู้ใดก็ไม่รู้ คุณธรรมในใจคงถูกสุนัขคาบไปกินหมดแล้ว ขอท่านผู้มีพระคุณโปรดบอกด้วย พวกข้าจะได้จดจำไว้”

ซินโย่วเอ่ยว่า “ข้าแซ่ซิน”

เฮ่อชิงเซียวพยักหน้าตาม

“ข้าชื่อต้วนต้าฟู่ ทำการค้าสินค้าขึ้นชื่อในพื้นที่เหนือใต้ ขอขอบคุณคุณชายซินและทุกท่านด้วย”

ชายวัยกลางคนเอ่ยบอกชื่อตระกูลตน ก่อนจะประคองเงินร้อยตำลึงแสดงความขอบคุณ “เงินไม่มาก ไม่อาจเทียบกับบุญคุณของผู้มีพระคุณทั้งสองได้ ขอท่านผู้มีพระคุณทั้งสองโปรดอย่าได้รังเกียจ”

“ไม่รังเกียจ” เฮ่อชิงเซียวรับมาอย่างไม่รอช้า

ซินโย่วสังเกตเห็นอาการตะลึงงันของชายวัยกลางคน ก็เกือบหลุดขำ

คนที่รู้จักใต้เท้าเฮ่อย่อมรู้ว่าเขาไม่ใช่คนที่สูงส่งจนเห็นแก่เงินทอง

มองตามขบวนพ่อค้าเดินจากไปไกลแล้ว เฮ่อชิงเซียวส่งสายตาบอกให้ลูกน้องนำตัวโจรภูเขาที่พูดน้อยกว่ามา

“เจ้าคือหัวหน้าคนพวกนี้หรือ”

แววตาโจรภูเขาตื่นตระหนก หันหน้าหนีไม่เอ่ยอันใด

“ทำให้เขาเข้าใจว่าอันใดเรียกว่าเชลย” เฮ่อชิงเซียวเอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบ

องครักษ์กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินสองนายลากตัวโจรภูเขาเข้าไปในพุ่มไม้ทันที

องครักษ์อีกนายลากตัวโจรภูเขาที่ส่งเสียงเหิมเกริมก่อนหน้านี้ไปดู

ซินโย่วไม่ได้สนใจทางนั้น ไปหยุดข้างศพโจรภูเขาที่ตายไปแล้ว มองประเมินเงียบๆ

“ทำไมหรือ” เฮ่อชิงเซียวเดินมาข้างนาง

ซินโย่วเงยหน้ามองไปทางเขา “ค่ายโจรภูเขาหลายร้อย นับว่าเป็นค่ายใหญ่กระมัง ทางการไม่ได้มาปราบหรือ”

“รออีกสักครู่ก็คงรู้แล้ว”

เฮ่อชิงเซียวเพิ่งพูดจบ ก็มีเสียงร้องตะโกนแตกตื่นตกใจดังมาจากทางนั้น “ข้าพูด ข้าพูด!”

ไม่นานโจรภูเขาสองคนก็ถูกนำตัวมาตรงหน้าเฮ่อชิงเซียวกับซินโย่ว

โจรภูเขาที่สงสัยว่าเป็นหัวหน้าไม่มีท่าทีแข็งกร้าวอีกแม้แต่น้อย โจรภูเขาอีกคนเพียงแค่ไปดูอยู่ข้างๆ แต่ดูแล้วหวาดกลัวยิ่งกว่า ตัวสั่นดังกระด้งฝัดข้าว

“ข้าพูด ข้าพูดหมด!” โจรภูเขาที่ไปดูน้ำตาไหลร่วง เห็นชัดว่าตกใจหวาดกลัวมาก

“เจ้าล่ะ” เฮ่อชิงเซียวมองลงมา ถามโจรภูเขาที่ถูกทรมาน

“ข้าพูด…”

เฮ่อชิงเซียวสั่งการลูกน้องให้นำตัวโจรภูเขาที่กำลังตกใจไปสอบถามอีกทาง ทิ้งโจรภูเขาอีกคนไว้ “เจ้าคือหัวหน้าปฏิบัติการครั้งนี้หรือ”

“ใช่…ข้าคือหัวหน้าหกของค่าย…”

“เล่าเรื่องหัวหน้าใหญ่ค่ายเจ้ามา หากไม่เหมือนกับที่อีกคนบอก เจ้าควรรู้ผลที่ตามมา”

ซินโย่วมองเฮ่อชิงเซียวถามเงียบๆ

ตอนใต้เท้าเฮ่อสอบสวน ต่างกับใต้เท้าเฮ่อที่มาอ่านหนังสือที่ร้านอย่างสิ้นเชิง

“ค่ายเราชื่อว่าค่ายเมฆดำ มีพี่น้องสองร้อยกว่า บ้างก็ประสบภัยไร้บ้าน บ้างก็ที่นาถูกพวกคนมีเงินยึดครองจนไม่อาจดำรงชีพ…”

“หัวหน้าใหญ่พวกเจ้าล่ะ มาจากนอกพื้นที่?”

โจรภูเขาตกตะลึง “ท่านรู้ได้อย่างไร”

เฮ่อชิงเซียวไม่ได้ถามต่อ

องครักษ์จิ่นหลินที่รับหน้าที่สั่งสอนโจรภูเขาผู้นั้นเอ่ยเตือนเยียบเย็น “คุณชายใหญ่เราถามอันใด เจ้าก็ตอบ”

โจรภูเขาคิดถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาก่อนหน้า ใบหน้าก็ซีดเผือด “เดิมค่ายโจรภูเขาเรามีหัวหน้าใหญ่ หนึ่งเดือนก่อนถูกหัวหน้าใหญ่คนปัจจุบันฆ่าทิ้ง จึงเปลี่ยนหัวหน้า…”

ที่แท้ค่ายเมฆดำมีหัวหน้าห้าคน โจรภูเขาผู้นี้ลำดับสุดท้าย หนึ่งเดือนก่อนถูกคนร้อยกว่ายึดไป อีกฝ่ายสังหารหัวหน้าสี่คนก่อนหน้าทิ้งโดยไม่กะพริบตา โจรภูเขากระจอกกลุ่มหนึ่งก็พลันสงบเสงี่ยม หัวหน้าห้าเดิมก็กลายเป็นหัวหน้าหก ตอนนี้หัวหน้าห้าคนแรกล้วนมาจากนอกพื้นที่

“คนไม่ถึงร้อยก็ยึดค่ายโจรพวกเจ้า…”

โจรภูเขาสีหน้าเก้กัง อดพึมพำไม่ได้ “พี่น้องเราคาดเดากันเองว่า พวกหัวหน้าใหญ่คนใหม่เมื่อก่อนอาจมีพื้นเพมาจากทางการ”

“พวกเขาออกกำลังกายทุกวัน ยังตั้งแถวฝึกแบบทหาร นั่ง นอน เดินต่างกับพวกเรา…”

ได้ยินโจรภูเขาบรรยายเช่นนี้ เฮ่อชิงเซียวก็รู้สึกไม่ธรรมดา

“ค่ายโจรพวกเจ้าอยู่ที่ใด”

“ห่างจากที่ร้อยกว่าลี้ บนเขาอูอวิ๋น”

“เคยติดต่อไปมาหาสู่กับทางการหรือไม่”

โจรภูเขายิ้มกล่าวว่า “ภูเขาเราลูกนั้นป้องกันง่ายโจมตียาก ทหารทางการเคยมาหลายครั้งล้วนพ่ายแพ้กลับไป กอปรกับพวกเราปฏิบัติการอยู่บริเวณรอยต่อสองอำเภอ นานวันเข้าก็ไม่มีทางการหาเรื่องเดือดร้อนให้ตนเอง”

“ตอนนี้หัวหน้าใหญ่พวกเจ้าอยู่ในค่ายไหม”

โจรภูเขาไม่ตอบ

“หืม?”

โจรภูเขาอีกคนฉลาดหัวไวรีบเอ่ยว่า “หัวหน้าใหญ่กับหัวหน้าทั้งสี่เมื่อวานลงจากเขาไป ทิ้งรองหัวหน้าเฝ้าค่าย”

“ลงจากเขาไปที่ใด พาคนไปเท่าไร”

“พาคนไปแค่สิบกว่าคน ไปที่ใดข้าเองก็ไม่รู้ แต่ทว่าทุกสองสามวัน คนของหัวหน้าใหม่พวกนั้นก็จะผลัดกันลงเขาไป”

เฮ่อชิงเซียวถามต่ออีกสองสามคำถาม ส่วนโจรภูเขาที่ชื่อเจ้าแปดก็ตอบไม่ต่างกับคนอื่น ยกเว้นให้เบาะแสหนึ่งเพิ่มเติมมา

“หัวหน้าสองสามคนนั่นสองสามวันก็จะลงเขา ไปเที่ยวหาความสำราญในอำเภอหลิง ข้าบังเอิญได้ยินมา”

“อำเภอหลิง?” สมองซินโย่วมีภาพแผนที่หนึ่งผุดขึ้นมา “จากตรงนี้ไป อีกราวร้อยกว่าลี้ก็ถึงแล้วกระมัง”

เฮ่อชิงเซียวพยักหน้า “คืนนี้พวกเราไปพักที่สถานีพักม้า แผนจากนี้ก็คือพักที่อำเภอหลิงหนึ่งวัน”

เดินทางหน้าร้อนไม่อาจรีบเร่ง หากต้องไอแดดล้มป่วยก็อาจถึงแก่ชีวิตได้ เฮ่อชิงเซียวไม่ได้ลงใต้ครั้งแรก ส่วนเรื่องพักที่ใดระหว่างทาง ก็พอรู้อยู่ในใจ

“อำเภอหลิงข้าเคยผ่านไป เป็นสถานที่ครึกครื้นจริงๆ” ซินโย่วมองโจรภูเขาสองคนทีหนึ่ง “สองมือพวกเจ้าเปื้อนโลหิตผู้บริสุทธิ์มาไม่น้อยกระมัง”

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท