สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 281 ภัยโจร

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 281 ภัยโจร

ซินโย่วถามออกไป โจรภูเขาสองคนก็สบตากัน แววตาตกใจและหวาดกลัว

นี่คือคำถามปลิดชีพ!

“ไม่กล้าพูด?” ซินโย่วเลิกคิ้วจ้องมองโจรภูเขาที่ชื่อเจ้าแปด

เทียบกับโจรภูเขาอีกคน เห็นชัดว่าเจ้าแปดไม่ได้มีศักดิ์ศรีอันใด ถูกซินโย่วจ้องครู่หนึ่งก็ลนลาน “เมื่อก่อนพวกเราไม่ค่อยทำร้ายผู้คน หลักๆ ก็แค่ปล้นชิงทรัพย์…”

“ก็หมายความว่า ตอนนี้สังหารคนไม่กะพริบตา?”

เจ้าแปดมองไปทางหัวหน้าหกอย่างขอความช่วยเหลือ

หัวหน้าหกเพิ่งผ่านการถูกกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินทรมานมา ในใจก็หวาดกลัว ไม่มีใจคิดต่อต้านอีก ยามนี้พรั่งพรูออกมาราวกับทำนบแตก “ค่ายโจรภูเขาเปลี่ยนหัวหน้า พวกเราได้แต่ฟังคำสั่งหัวหน้าใหม่ ไม่เช่นนั้นพวกเราก็ไม่รอด”

เอ่ยถึงตรงนี้ แววตาหัวหน้าหกก็เผยกลิ่นอายคับแค้น น้ำเสียงอัดอั้น “เมื่อก่อนพี่น้องเราดื่มกินกันเต็มที่ เพราะไม่ค่อยทำร้ายผู้คนบาดเจ็บ ทางการมาปราบสองสามครั้งไม่สำเร็จก็ทำเป็นหลับตาข้างหนึ่ง ผู้ใดจะคิดว่าพอหัวหน้าใหม่มาก็เปลี่ยนไป…”

“กล่าวเช่นนี้ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงที่พวกเจ้าฆ่าคนเป็นผักปลา” ซินโย่วสีหน้าเยียบเย็น พูดจบ ก็ถามเฮ่อชิงเซียว “พี่ใหญ่คิดจัดการเช่นไร”

เฮ่อชิงเซียวได้ยินเสียงเรียก ‘พี่ใหญ่’ ก็นิ่งอึ้งไปทันที ก่อนจะเอ่ยว่า “นำตัวไปอำเภอหลิง มอบให้ขุนนางท้องถิ่นจัดการ”

ซินโย่วไม่ได้มีความเห็นคัดค้านกับการจัดการของเฮ่อชิงเซียว

พวกเขามีภารกิจ เรื่องรังโจรจึงไม่มีทั้งเวลาและกำลังคน เดิมทางการท้องถิ่นมีหน้าที่ปราบโจร โจรภูเขาสองคนนี้มอบให้ทางการเหมาะสมที่สุด

จัดการเก็บกวาดร่องรอยเรียบร้อยแล้ว พวกซินโย่วก็ออกเดินทางต่อ

วันที่ถึงอำเภอหลิงก็เป็นยามบ่าย แสดงหลักฐานแล้วก็เดินทางเข้าเมือง ได้พบกับขบวนศพยาวพอดี ทำให้ขบวนที่จูงม้าผ่านเข้ามาไม่เป็นที่สังเกตนัก

เดินผ่านคนมุงมาอย่างช้าๆ มีเสียงถอนหายใจและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังแว่วมา

“ได้ยินว่านำคนไปไม่น้อย แต่ละคนแข็งแรงกำยำ เหตุใดจึงหนีไม่รอด”

“ก็มิใช่เพราะโจรภูเขาเหี้ยมโหดหรือ เดือนก่อนได้ยินว่าฆ่าคนตายไปไม่น้อย ตระกูลอู๋ได้ยินข่าวจึงได้นำคนไปมากหน่อย…”

“ภัยโจรร้ายรุนแรงเช่นนี้ ทางการไม่สนใจหรือ”

“สนใจอันใด โจรภูเขานั่นคร่อมสองพื้นที่ ผู้ใดมาดูแล พวกเจ้านายไม่ใช่รู้สึกว่ามีเรื่องน้อยดีกว่ามีเรื่องมากหรือไร…”

ซินโย่วเลิกหมวกสานขึ้นมองไปยังขบวนศพ

ในขบวนมีคนแก่และเด็กไม่น้อย แต่ละคนต่างร้องไห้คร่ำครวญ

“ไปพักโรงเตี๊ยมก่อนเถอะ” พอสังเกตเห็นว่าซินโย่วอารมณ์ไม่ดีนัก เฮ่อชิงเซียวก็แตะไหล่นางเบาๆ

ซินโย่วพยักหน้าเล็กน้อย

ดวงตาที่มองเห็นโศกนาฏกรรมได้มาแต่กำเนิดคู่นี้ ทำให้นางไม่จมอยู่กับอารมณ์ตกต่ำนานนัก

พอเข้ามาในโรงเตี๊ยม ซินโย่วก็ล้างหน้าบ้วนปาก ร่วมโต๊ะอาหารเย็นกับเฮ่อชิงเซียว

“พี่ใหญ่ เมื่อไรจะส่งสองคนนี้ไป”

“พรุ่งนี้ ให้พวกเราออกเดินทางก่อน”

รับประทานอาหารเสร็จ เฮ่อชิงเซียวถามขึ้นว่า “ออกไปเดินเล่นข้างนอกไหม”

“ก็ดี”

พอออกมาเดินบนถนน ซินโย่วก็รู้สึกผิดปกติ “ท้องถนนคล้ายว่าเงียบเหงาเยียบเย็นอยู่สักหน่อย”

นางเคยผ่านมาทางอำเภอหลิง แม้ว่าไม่ได้อยู่นาน แต่ในความทรงจำนับว่าเป็นอำเภอที่ครึกครื้น ยามนี้ฟ้าเพิ่งเริ่มมืด อากาศหน้าร้อนตอนกลางวันก็เริ่มคลายความร้อนลงไปมาก ตามหลักแล้วควรเป็นเวลาที่ผู้คนออกมาตากอากาศเย็นสบายกัน

เดินผ่านแผงลอยที่ขายเครื่องดื่มเย็น มีคนสองสามคน เจ้าของร้านเป็นชายชราผู้หนึ่ง

ซินโย่วเดินเข้าไปซื้อสาโทเย็นสองชาม พลางเอ่ยสนทนากับเจ้าของร้าน “ท่านลุง เหตุใดคนเดินถนนจึงน้อยเช่นนี้ เข้านอนกันเร็วแบบนี้ทุกวันหรือ”

“ทั้งสองท่านมาจากนอกพื้นที่กระมัง” ยามนี้ซินโย่วกับเฮ่อชิงเซียวไม่ได้สวมหมวกสาน เจ้าของร้านริมทางไม่ทันระวังตัวเพราะทั้งสองคนหน้าตาดี

“ใช่ ข้ากับพี่ใหญ่ออกจากบ้านมาทำการค้าเล็กน้อย พอดีผ่านมาทางอำเภอของท่านลุง”

เจ้าของร้านค้าริมทางได้ยินว่าชายหนุ่มทั้งสองมาทำการค้า สีหน้าก็แปรเปลี่ยน “ทั้งสองท่านยังไม่รู้สินะ ระยะนี้พื้นที่ของเราประสบภัยโจรปล้นรุนแรง ออกจากบ้านเดินทางไกลต้องระวังหน่อย”

“มิน่าคนเดินถนนน้อยมาก เพราะเรื่องนี้หรือ” ซินโย่วเผยสีหน้าหวาดกลัว ถามอย่างตกใจ

ไม่ทันที่เจ้าของร้านจะตอบ ชายหนุ่มอีกคนที่มาซื้อเครื่องดื่มเย็นก็ตอบขึ้นก่อน “ก็ใช่น่ะสิ หลายตระกูลออกจากเมืองของพวกเราก็ปะทะกองโจรภูเขา ตอนนี้ทุกคนต่างหวาดผวา ฟ้ามืดก็ไม่อยากออกจากบ้าน”

“เป็นเช่นนี้หรือ พี่ใหญ่ เช่นนั้นพวกเรารีบกลับกันเถอะ”

ทั้งสองคนกลับไปที่พัก เข้าห้องตนเองไปแล้ว เฮ่อชิงเซียวก็เอ่ยปลอบ “อย่าได้คิดมาก พื้นที่แห่งนี้มีภัยโจรร้าย ข้าจะส่งจดหมายกลับไปรายงานราชสำนัก ทางการท้องถิ่นก็จะไม่กล้าแสร้งทำเลอะเลือนต่อ”

เช้าวันรุ่งขึ้นเตรียมออกจากที่พัก เฮ่อชิงเซียวสั่งการลูกน้องสองคน “อีกหนึ่งชั่วยาม พวกเจ้านำตัวโจรภูเขาสองคนไปส่งอำเภอ แล้วค่อยตามไปสมทบกับพวกเราที่สถานีพักม้าถัดไป”

“ขอรับ” องครักษ์กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินสองนายคว้าตัวโจรภูเขาไว้คนละคนตอบรับพร้อมกัน

เฮ่อชิงเซียวพยักหน้าให้ซินโย่ว “น้องรอง ไปกันเถอะ”

ซินโย่วไม่ขยับ

“น้องรอง?”

ซินโย่วนิ่งมององครักษ์กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินสองนายทีหนึ่ง พลันชี้ไปที่หัวหน้าหก “พี่ใหญ่ ข้าอยากพาเจ้านี่ไปด้วย”

พอเอ่ยออกไป นอกจากเชียนเฟิงกับผิงอันที่ติดตามซินโย่วซ้ายขวามีสีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินที่เหลือต่างมีสีหน้าตกใจ

คุณชายซินจะพาโจรภูเขาไปด้วยทำไม

เฮ่อชิงเซียวไม่ถามมากความก็รับปากทันที

เขารู้ความสามารถพิเศษของซินโย่ว และรู้ว่านางไม่ใช่คนเหลวไหล การที่นางทำเช่นนี้ย่อมมีสาเหตุ

เดิมโจรภูเขาสองคนคิดว่าวันนี้ถูกส่งให้ทางการ จากนั้นก็ถูกจำคุกรอวันประหาร คิดไม่ถึงว่ามีโอกาสพลิกผันเช่นนี้กะทันหัน

“แล้วข้าล่ะ” เจ้าแปดรีบถาม

ซินโย่วเอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ข้าต้องการแค่คนเดียว”

“แล้ว แล้วทำไมไม่เป็นข้า?” เจ้าแปดไม่ใช่ไม่พอใจอันใดหัวหน้าหก แต่ยามเผชิญหน้ากับความเป็นความตาย การแสวงหาทางรอดเป็นความสามารถพื้นฐาน

ซินโย่วเหล่มองเขาทีหนึ่ง เอ่ยน้ำเสียงเยียบเย็น “ข้าเลือกคนที่หน้าตาดีกว่าไม่ได้หรือ”

เจ้าแปดเบิกตาโพลงเบื้อใบ้ ก่อนจะคอตกเศร้าใจ

เขารู้ดีว่าหน้าตาดีหาภรรยาง่าย คิดไม่ถึงยังรักษาชีวิตได้ด้วย

ส่วนหัวหน้าหก พลันมีสีหน้าสับสนทันที แววตาที่มองดูซินโย่วพลันตกใจและหวาดกลัว

หนุ่มน้อยผู้นี้คิดทำอันใดเขา!

ออกจากประตูเมืองมา ซินโย่วไม่ได้ขี่ม้าพุ่งทะยาน แต่คล้ายกับชมธรรมชาติไม่รีบไม่ร้อน จนกระทั่งไปถึงที่แห่งหนึ่ง ก็กระชากบังเหียนหยุดลง

คือที่นี่

ในภาพที่เห็น องครักษ์กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินสองนายที่รับคำสั่งใต้เท้าเฮ่อคุมตัวสองโจรภูเขาไปอำเภอขี่ม้ากลับมาที่นี่ ขาม้าถูกขัดจนสะบัดทั้งสองคนกระเด็นตกจากหลังม้า ยังไม่ทันตะกายลุกขึ้นมาได้ก็ถูกมีดดาบที่ซุ่มอยู่สองข้างทางรุมฟัน

แต่ก่อนหน้านี้เห็นอยู่ว่าตอนไปจากพวกเขา องครักษ์จิ่นหลินสองนายนี้ไม่ได้มีอันใดผิดปกติ มีเพียงแค่คุมสองโจรไปส่งอำเภอเท่านั้น

คิดถึงสองโจรภูเขาบอกว่าหัวหน้าใหญ่นำคนมาเที่ยวหาความสำราญในอำเภอหลิง ซินโย่วก็คาดเดาว่า เป็นไปได้มากที่สององครักษ์จิ่นหลินส่งโจรภูเขาไปอำเภอแล้วจะถูกพวกหัวหน้าใหญ่เห็นเข้า ดังนั้นจึงคิดฆ่าปิดปาก

นี่ก็คือสาเหตุที่ทำให้ซินโย่วตัดสินใจนำตัวหัวหน้าหกมาด้วย พวกที่ซุ่มโจมตีมีสถานะใด ถึงตอนนั้นยังต้องให้หัวหน้าหกให้การยืนยันอีก

“หัวหน้าใหญ่พวกเจ้าฝีมือเป็นอย่างไร” ซินโย่วลงจากหลังม้ามาถามหัวหน้าหก

แม้หัวหน้าหกไม่เข้าใจว่าเหตุใดซินโย่วจึงถามเช่นนี้ แต่ก็ตอบแต่โดยดี “สู้สามต่อหนึ่งได้ เก่งมากอยู่”

ซินโย่วพยักหน้า ฉีกแขนเสื้อหัวหน้าหกมาแถบหนึ่ง ตอนที่เขาตื่นตกใจจะส่งเสียงร้องดังก็ยัดใส่ปากเขาไว้

“อย่าเพิ่งตื่นตกใจไป อีกสักครู่จะเชิญเจ้าชมละครสนุกสักฉาก”

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท