ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 507 ฝนตั้งเค้า

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 507 ฝนตั้งเค้า

จักรพรรดิหย่งอันย่อมรู้ว่าองค์หญิงฉางเล่อเข้าวังไม่ใช่เพียงเพราะคิดถึงเขา

และความโปรดปรานที่องค์หญิงฉางเล่อได้รับตลอดหลายปีนี้ก็ทำให้นางไม่มีความคิดจะปกปิดต่อหน้าจักรพรรดิหย่งอัน

สองพ่อลูกคุยเล่นกันครู่หนึ่ง องค์หญิงฉางเล่อก็ยิ้มเอ่ยว่า “ลูกได้ยินเงื่อนไขในการรับนางสนมครั้งนี้ของกรมพิธีการ บอกว่าต้องเป็นสตรีที่เกิดวันที่เจ็ดเดือนเจ็ด”

จักรพรรดิหย่งอันทรงมององค์หญิงฉางเล่ออย่างลึกซึ้ง “เหตุใดฉางเล่อจึงถามเรื่องนี้เล่า”

“เพราะว่าอาเซิงเกิดวันนี้เพคะ” องค์หญิงฉางเล่อพูดถึงเพื่อนสนิทด้วยท่าทีอ่อนโยน “หม่อมฉันและอาเซิงสนิทกันตั้งแต่เล็ก เสด็จพ่อทรงเป็นบุรุษที่ดีที่สุดในใต้หล้า ลูกหวังว่านางจะมีบุญวาสนาได้เข้าวัง…”

เมื่อสังเกตเห็นความผิดปกติของจักรพรรดิหย่งอัน องค์หญิงฉางเล่อก็ชะงักไปเล็กน้อย “เสด็จพ่อ?”

จักรพรรดิหย่งอันข่มคลื่นที่ซัดโหมในใจ ถามอย่างใจเย็นว่า “บุตรสาวของลั่วฉือเกิดวันที่เจ็ดเดือนเจ็ดหรือ ปีนี้นางอายุเท่าไหร่”

“อาเซิงเด็กกว่าหม่อมฉันเล็กน้อย ผ่านปีนี้ไปก็อายุสิบเจ็ดแล้วเพคะ”

“หมายความว่า บุตรสาวของลั่วฉือเกิดวันที่เจ็ดเดือนเจ็ดปีอู้เฉินหรือ” แม้ว่าจักรพรรดิหย่งอันจะเป็นผู้ที่ยากจะคาดเดา แต่น้ำเสียงของพระองค์ก็เปลี่ยนไปในครานี้

องค์หญิงฉางเล่อยิ้มพยักหน้า “วันเกิดของอาเซิงบังเอิญตรงพอดี นางเกิดยามเหม่าวันที่เจ็ดเดือนเจ็ดปีอู้เฉิน ลูกได้ยินเงื่อนไขการรับนางสนมก็คิดถึงอาเซิงทันที”

“ยามเหม่าวันที่เจ็ดเดือนเจ็ดปีอู้เฉินหรือ” จักรพรรดิหย่งอันทรงถามทีละคำ

“เพคะ” องค์หญิงฉางเล่อเม้มปากเล็กน้อย “เสด็จพ่อ เป็นเพราะลูกเล่นกับอาเซิงเลยส่งผลต่อการเข้าคัดเลือกนางสนมของนางใช่หรือไม่เพคะ”

จักรพรรดิหย่งอันทรงพยายามยิ้มให้ “ไม่หรอก พ่ออยากจะให้สตรีที่เกิดวันนี้เข้าวังมากกว่านี้แทบแย่”

เมื่อคิดถึงข่าวลือข้างนอก องค์หญิงฉางเล่อก็โค้งริมฝีปากยิ้ม

สตรีที่เกิดวันนี้จะได้เป็นฮองเฮาหรือไม่นางไม่รู้ แต่นางรู้ว่าลั่วเซิงต้องไม่อยากเข้าวังเป็นนางสนม ให้ลั่วเซิงปรนนิบัติบุรุษคนเดียวกันกับสตรีมากมายทรมานกว่าการฆ่านางให้ตายเสียอีก

แม้จะไม่มีความทรงจำในอดีตแล้ว นางเชื่อว่าเรื่องนี้ก็จะไม่เปลี่ยนไปแน่นอน

ทำให้ลั่วเซิงตายทั้งเป็น นางพอใจแล้ว

เมื่อนึกถึงความขุ่นเคืองในเรือนวิเวก องค์หญิงฉางเล่อก็แววตาเยือกเย็นลง

จักรพรรดิหย่งอันทรงหมดอารมณ์คุยต่อไป “ฉางเล่อกลับไปก่อนเถิด พ่อยังมีธุระต้องจัดการ”

องค์หญิงฉางเล่อย่อเข่าทูลลา

ในตำหนักเงียบลงในทันใด จักรพรรดิหย่งอันทรงนั่งนิ่ง สีพระพักตร์เคร่งขรึมลงเรื่อยๆ

ที่แท้บุตรสาวของลั่วฉือก็เกิดยามเหม่าวันที่เจ็ดเดือนเจ็ดปีอู้เฉิน เส้นผมบังภูเขาจริงๆ

ไฟไหม้กรมครัวเรือน ผู้บัญชาการองครักษ์จิ่นหลินผู้ภักดี ดีเสียจริงๆ!

จักรพรรดิหย่งอันยิ่งคิดยิ่งกริ้ว พระพักตร์เยือกเย็นจนแทบจับเป็นน้ำแข็ง

โจวซานยืนอยู่มุมหนึ่งเงียบๆ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ

“โจวซาน…” ผ่านไปนาน จักรพรรดิหย่งอันก็ทรงเรียกขึ้น

โจวซานขานรับทันที “พ่ะย่ะค่ะ”

“เราจำได้ว่าบุตรสาวของลั่วฉือมีความสัมพันธ์ไม่เลวกับไคหยางอ๋อง”

โจวซานลังเลครู่หนึ่ง ก้มศีรษะพูดว่า “ทูลฝ่าบาท ไคหยางอ๋องมีความสัมพันธ์ไม่เลวกับคุณหนูลั่วพ่ะย่ะค่ะ ก่อนหน้านี้ที่ไคหยางอ๋องอยู่ในเมืองหลวง เขาไปที่มีหอสุราแทบทุกวัน”

จักรพรรดิหย่งอันพระเนตรลุ่มลึก สุรเสียงมิอาจคาดเดาได้ “ไม่เลวจริงๆ”

ก่อนที่ไคอยางอ๋องจะออกเดินทาง เขาเข้าวังมาครั้งหนึ่งซึ่งก็เกี่ยวข้องกับเรื่องบุตรสาวของลั่วฉือคนนั้น

และครานั้น เขายังคิดไว้ว่าจะประทานงานแต่งงานให้พวกเขา

จักรพรรดิหย่งอันทรงย้อนคิดถึงคำพูดของราชครู ดาวเทพขุนพลเปลี่ยนจากดีเป็นร้าย มีแนวโน้มจะส่งเสริมดาวปีศาจ…

ไคหยางอ๋องที่เป็นที่โปรดปรานมาโดยตลอดคือดาวเทพขุนพลที่ราชครูทำนายไว้เมื่อหลายปีก่อน ส่วนบุตรสาวของลั่วฉือเกิดตรงกับดาวปีศาจและยังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับไคหยางอ๋อง

เห็นที บุตรสาวของลั่วฉือมีความเป็นไปได้มากที่สุดที่จะเป็นดาวปีศาจนั่น ส่วนลั่วฉือในฐานะที่เป็นขุนนางใกล้ชิดโอรสสวรรค์กลับปิดบังไว้เพราะเป็นบุตรสาว

เจ้าคนเนรคุณไม่เห็นกษัตริย์ในสายตา!

“เรียกลั่วฉือเข้าวัง!”

ครั้นโจวซานกำลังจะรับบัญชา จักรพรรดิหย่งอันก็เปลี่ยนพระทัย “ไม่ต้องเรียกลั่วฉือแล้ว เจ้าออกจากวังไปเงียบๆ ถ่ายทอดราชโองการให้เหลยหมิง…”

เหลยหมิงเป็นแม่ทัพใหญ่เหมือนกับแม่ทัพใหญ่ลั่ว ดูแลค่ายใหญ่สามค่ายในเมืองหลวง

ในบรรดาองครักษ์ของจักรพรรดินั้น องครักษ์จิ่นหลินมีหน้าที่รับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยของพระราชวัง ในขณะที่สามค่ายใหญ่ปกป้องภายในเมืองหลวงและเตรียมพร้อมสำหรับการออกรบภายนอก

องครักษ์จิ่นหลินดูแลความปลอดภัยของพระราชวัง การต้องการจับผู้บัญชาการองครักษ์จิ่นหลินย่อมมิอาจประมาทได้ การระดมพลสามค่ายใหญ่เป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดอย่างมิต้องสงสัย

โจวซานรับบัญชาออกจากพระตำหนัก จักรพรรดิหย่งอันทรงค่อยๆ ลุกขึ้น เดินไปข้างหน้าต่าง

นอกหน้าต่าง ดอกไม้เป็นสีแดง ต้นหลิวเป็นสีเขียว สัญญาณของฤดูใบไม้ผลิเริ่มชัดเจนขึ้น

ฤดูใบไม้ผลิของปีใหม่กำลังจะผ่านพ้นไปแล้ว ดาบที่ไม่คมแล้วก็ควรจะทิ้งและเปลี่ยนได้แล้ว

แม้โจวซานจะรับคำสั่งออกจากวังลับๆ แต่ก็ขัดขวางดวงตามากมายที่คอยจับตาดูมานานแล้วไม่ได้

ในบรรดาผู้คนที่จับตาดูมีคนของแม่ทัพใหญ่ลั่วและเป็นคนของลั่วเซิง ด้วยเหตุนี้ สองพ่อลูกจึงทราบข่าวในเวลาไล่เลี่ยกัน

“ท่านพ่อหาลูกหรือเจ้าคะ” ลั่วเซิงเดินเข้าไปในห้องหนังสือแม่ทัพใหญ่ลั่วด้วยฝีเท้าแผ่วเบา

“เซิงเอ๋อร์นั่งลงก่อน”

ลั่วเซิงนั่งลงเงียบๆ ครุ่นคิดว่าจะเอ่ยอย่างไรดี

แม่ทัพใหญ่ลั่วกลับเอ่ยปากก่อนว่า “เจ้าเป็นสาวเป็นนาง เดิมพ่อไม่ควรพูดเรื่องเหล่านี้กับเจ้า แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเจ้ามาก รู้ไว้ดีกว่าไม่รู้เรื่อง”

“ท่านพ่อพูดมาเถอะเจ้าค่ะ”

แม่ทัพใหญ่ลั่วเงียบลงครู่หนึ่งพูดว่า “หลังจากองค์หญิงฉางเล่อออกจากวังไม่นาน โจวซานขันทีข้างกายฝ่าบาทก็ออกจากวังแล้ว เขาไปหาแม่ทัพใหญ่เหลยผู้ดูแลสามค่ายใหญ่”

พูดถึงตรงนี้ แม่ทัพใหญ่ลั่วก็เว้นจังหวะ มองและถามลั่วเซิงว่า “เซิงเอ๋อร์ เจ้ารู้หรือไม่ว่านี่หมายถึงอะไร”

ลั่วเซิงกะพริบตาเบาๆ ถามอย่างสงบว่า “ฝ่าบาทจะทรงลงมือกับพระองค์แล้วหรือ”

แม่ทัพใหญ่ลั่วมองบุตรสาวที่จับประเด็นได้ในทันที จู่ๆ ก็ไม่รู้ว่าควรรู้สึกชื่นใจหรือทุกข์ใจดี เขาพูดเสียงขรึมว่า “หากพ่อคาดการณ์ไม่ผิด อย่างมากที่สุดสามวันแม่ทัพใหญ่เหลยก็จะนำกำลังพลมาล้อมจวนลั่วของเรา”

“ท่านพ่อ สามค่ายใหญ่อยู่ชายแดนเมืองหลวงใช่หรือไม่เจ้าคะ”

แม่ทัพใหญ่ลั่วพยักหน้า “ตั้งแต่ที่ฝ่าบาทบัญชาให้พ่อสังหารสตรีที่เกิดวันเดียวกับเจ้าและเจ้าไม่อยากออกจากเมืองหลวง พ่อก็เริ่มคิดหาทางหนีทีไล่ไว้แล้ว สามค่ายใหญ่อยู่ชายแดนเมืองหลวง การที่เหล่ากองกำลังเข้าเมืองอย่างกะทันหันจะเกิดความปั่นป่วน และจะทำให้ข้ารู้ตัว หากฝ่าบาทจะเดินหมากนี้จริงๆ เป็นไปได้มากที่พระองค์จะเลือกให้เข้าวังกลางดึกเงียบๆ และนี่ก็คือโอกาสรอดตายของจวนลั่วของเรา…”

ลั่วเซิงฟังแผนการของแม่ทัพใหญ่ลั่ว พยักหน้าไม่หยุด

เมื่อแม่ทัพใหญ่ลั่วพูดจบ เขาก็มองดูเด็กสาวที่สีหน้ายังคงสงบนิ่งแล้วยิ้มอย่างสบายใจ “เซิงเอ๋อร์ เจ้าก็กลับไปเก็บของเถอะ เตรียมเสื้อผ้าง่ายๆ ไว้ก็พอ ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทอง”

“ท่านพ่อวางใจ ลูกรู้แล้ว”

แม่ทัพใหญ่ลั่วยกมือขึ้น ตบไหล่ลั่วเซิงเบาๆ “วันที่เหลยหมิงเข้าเมืองคือเวลาที่จวนลั่วของเราหนี หนักแน่นไว้อย่าได้วิตก”

มองส่งลั่วเซิงจากไป แม่ทัพใหญ่ลั่วถอนหายใจเบาๆ

เรื่องน่าสะเทือนใจเช่นนี้ สุดท้ายแล้วก็ทำได้เพียงทำให้ดีที่สุด ไม่ว่าอะไรจะเกิดก็แล้วแต่ หวังว่าอย่าเกิดปัญหาอะไร ขอให้สวรรค์ยืนอยู่ฝ่ายจวนลั่ว

เมื่อลั่วเซิงกลับถึงเรือนเสียนอวิ๋นย่วน นางก็ไม่ได้นิ่งดูดาย สั่งโค่วเอ๋อร์ว่า “หลังจากนี้ห้าวันให้คนแพร่ข่าวลือออกไปว่าการคัดเลือกนางสนมคราวนี้เป็นแค่เรื่องหลอกลวง จุดประสงค์ที่ฝ่าบาทเลือกนางสนมที่เกิดวันเวลานั้นเข้าวังก็เพื่อสังหารพวกนางบูชาสวรรค์ เสริมพรให้องค์หญิงฉางเล่อมีอายุยืนยาว!”

จนถึงตอนนี้ นางมั่นใจแล้วว่าที่ฝ่าบาทลงมือกับจวนลั่วนั้นเกี่ยวข้องกับองค์หญิงฉางเล่อ

ทำมาไม่ทำกลับเสียมารยาท นางย่อมต้องตอบแทน

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท