ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 297 เล่นไม่ซื่อใช่ไหม?!

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 297 เล่นไม่ซื่อใช่ไหม?!

หัวหน้าตะขาบมรกตที่จับข้อเท้าของโม่จวินเจ๋อเอาไว้ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก กลับถูกเตะเข้าไปหลายครั้ง

แน่นอนว่าเขาไม่ยอมเสียเปรียบแน่! ขณะที่หลบลูกเตะของอีกฝ่าย มือของเขาก็ออกแรงดึงไปด้วย

กึก!

ข้อเท้าของโม่จวินเจ๋อหัก…

โม่จวินเจ๋อไม่แสดงสีหน้าเจ็บปวดแม้แต่น้อย รีบเปลี่ยนมาใช้เท้าอีกข้างเตะต่อทันที

“เจ้าเป็นบ้าไปแล้วรึ?!” หัวหน้าตะขาบมรกตโวยวาย

โม่จวินเจ๋อโต้กลับทันที “แล้วเจ้าเป็นใบ้รึไง!”

แค่ส่งเสียงร้องหรือเตะกลับก็สิ้นเรื่อง ฝ่ายหนึ่งจะได้ไม่ต้องโดนเตะ ส่วนอีกฝ่ายก็ไม่ต้องกระดูกหัก!

“แล้วฮวนฮวนล่ะ?” โม่จวินเจ๋อถาม

“ข้ากลืนลงท้องไปแล้ว” หัวหน้าตะขาบมรกตตอบ

ขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากัน ร่างกายก็ร่วงหล่นลงไปเรื่อย ๆ หลิงเยว่ที่อยู่ข้างหน้า พยายามมองว่าอะไรกันแน่ที่ลากมือของนาง แต่ทำได้เพียงแค่นั้นก็มีควันลอยขึ้นมาบดบังสายตา รับรู้ได้เพียงความรู้สึกเหนียว ๆ ที่ข้อมือเท่านั้น

สิ่งแรกที่หลิงเยว่นึกถึงคือลิ้น นางรู้สึกขยะแขยงกับของเหนียว ๆ ชื้น ๆ แบบนั้น จึงรีบเรียกเจ้าดอกไม้สีดำออกมา แล้วให้มันแปลงร่างเป็นกรรไกร ตัดสิ่งที่พันธนาการมือนางออก

มือข้างนั้นว่างเปล่าได้เพียงไม่นาน อีกมือก็ถูกพันธนาการอีกครั้ง เจ้าดอกไม้สีดำเลยพยายามตัดต่อไป

ข้างหนึ่งตัดไม่หยุด อีกข้างก็พันธนาการไม่หยุด ความเร็วในการร่วงหล่นไม่เพียงแต่ไม่ลดลง กลับยังเร็วขึ้นกว่าเดิมเสียอีก!

หลิงเยว่รู้สึกสิ้นหวังอย่างที่สุด!

“หลิงเยว่?”

หลิงเยว่ขยับเท้าเป็นการตอบโม่จวินเจ๋อ

เมื่อได้รับการตอบสนอง โม่จวินเจ๋อจึงเบาใจ นางยังไม่เป็นลมก็ดีแล้ว

“มองเห็นไหมว่าอะไรกำลังลากเจ้าอยู่?”

“มอง… ไม่เห็น”

“กรี๊ด!”

เสียงกรีดร้องดังมาแต่ไกล หลิงเยว่ดูเหมือนจะเห็นเงาร่างสีม่วงแวบผ่านควันที่ฟุ้งกระจาย เสียงกรีดร้องนั้นฟังดูเหมือนเสียงของติงหลิวหลิ่ว

“อ๊าก!”

เปลวไฟร่างมนุษย์สีม่วงอีกร่างหนึ่งแวบผ่านไป คราวนี้เป็นลู่เป่ยเหยียน

ขณะที่หลิงเยว่กำลังครุ่นคิด สิ่งที่พันธนาการมือนางอยู่ก็รัดแน่นขึ้น ราวกับว่าต้องการจะทำอะไรบางอย่าง แต่เจ้าดอกไม้สีดำไม่ปล่อยโอกาส แล้วปรี่เข้าไปตัดมันออกอีกครั้ง

“อือ…”

คราวนี้หลิงเยว่ได้ยินเสียงของมัน

“ช่วยด้วย! ศิษย์พี่ใหญ่!”

ว่านอวี้เฟิงร้องโหยหวน แต่ไม่นานเสียงก็เงียบหายไป

คราวนี้แย่แล้ว หรือว่าศิษย์พี่รองจะ…

หลิงเยว่รีบใช้มืออีกข้างควานไปทางว่านอวี้เฟิง ส่วนอีกสิ่งหนึ่งกลับดึงนางลงไป ทั้งสองฝ่ายดึงกันไปมาจนหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ

โม่จวินเจ๋อและหัวหน้าตะขาบมรกตที่อยู่ด้านหลัง อาศัยแสงจากเปลวไฟสีม่วงบนตัวหลิงเยว่มองเห็นคนที่ลากนางอยู่ได้อย่างชัดเจน

คนคนนั้นแขนขายาวมาก หัวล้าน ตาเหมือนฝังด้วยคริสตัลสีม่วง ไม่มีจมูก ปากอ้ากว้าง ลิ้นสีดำน้ำตาลยาว ๆ กำลังพันอยู่ที่ข้อมือของหลิงเยว่

เมื่อมองดูอย่างละเอียดจะเห็นว่าแขนขาทั้งสี่ข้างของมันบิดเบี้ยว เหมือนกับอากาศที่บิดเบี้ยวเพราะความร้อนสูงในตอนกลางวัน

โม่จวินเจ๋อไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตแบบนี้มาก่อน

“ทำไมถึงมีสิ่งน่าเกลียดแบบนี้อยู่ด้วย?” หัวหน้าตะขาบมรกตพูดออกมาด้วยความรู้สึกขยะแขยง

“อย่ามัวแต่ดูอยู่เฉย ๆ สิ หาทางช่วยข้าก่อน!”

เมื่อหลิงเยว่ขยับเท้า โม่จวินเจ๋อก็เข้าใจ

มนุษย์หนึ่งคนกับตะขาบหนึ่งตัวและสิ่งนั้นเริ่มดึงกันไปมา ทันใดนั้น มีเสียงกระดูกหลุดดังขึ้น หลิงเยว่พลันร้องลั่น!

กระดูกที่มือของนางหลุดออกไปแล้ว!

“แค่กระดูกหลุดเอง ทนหน่อยเจ้ามนุษย์เปราะบาง! อีกไม่นานจะรู้ผลแพ้ชนะแล้ว!”

“ศิษย์น้องห้า! รอข้าก่อน ข้าจะข้าม… อ๊าก!”

หัวหน้าตะขาบมรกตพูดจบ เสียงของผู่ตานก็ดังมาแต่ไกล

หลิงเยว่ “…”

กว่าผู่ตานจะมาถึง นางคงกลายเป็นปุ๋ยไปแล้วกระมัง!

แต่พอได้ยินเสียงกรีดร้องรอบ ๆ หลิงเยว่ก็เบาใจ อย่างน้อยแปลว่าทุกคนยังมีชีวิตอยู่ ยกเว้นเสียงของว่านอวี้เฟิงที่เงียบหายไป

“ศิษย์พี่รอง ท่านอยู่ที่ไหน? ส่งเสียงหน่อย!”

“อือ”

ทั้งสามคนเงยหน้ามองขึ้นไปพร้อมกัน แต่ไม่พบร่างของว่านอวี้เฟิง

“ศิษย์พี่รอง ข้าเป็นใคร?” หลิงเยว่รีบถาม แต่ไม่มีเสียงตอบรับจากด้านบน ราวกับว่ามีบางอย่างเลียนแบบเสียงของว่านอวี้เฟิงเพื่อตอบนาง

ยิ่งคิดยิ่งน่ากลัว ในตอนนี้หลิงเยว่ขนลุกไปทั่วทั้งตัวแล้ว!

มันยังสามารถเลียนแบบเสียงได้ด้วย แถมไม่ว่าจะตัดลิ้นมันยังไงก็งอกใหม่ได้! ครั้งนี้พวกเขาคงเจอศัตรูตัวฉกาจเข้าให้แล้ว

หลิงเยว่นึกในใจ เจ้าดอกไม้สีดำแปรเปลี่ยนจากกรรไกรเป็นแส้ปราบมาร พันรอบตัวสิ่งนั้นไว้แน่น

แต่สิ่งนั้นกลับสลายไปเมื่อถูกสัมผัส แล้วรวมตัวเป็นรูปร่างคนกลับมาจับหลิงเยว่ไว้

“เจ้าดอกไม้สีดำ เจ้าไหวไหม!”

“ไหวสิ!” คราวนี้เจ้าดอกไม้สีดำกลายเป็นตาข่ายแน่นหนา ครอบคลุมสิ่งนั้นเอาไว้ หลิงเยว่กำลังจะดึงมือที่หลุดกลับมา แต่มีบางอย่างพันรอบข้อมือของนางอีกครั้ง

สิ่งนั้นที่ถูกตาข่ายจับไว้ กลายเป็นกลุ่มควันลอยผ่านรูตาข่ายออกมา

“แช่แข็ง!”

โม่จวินเจ๋อฟาดกระบี่เหมันต์เร้นลับออกไป ทันใดนั้นพลังสายหนึ่งของกระบี่เหมันต์เร้นลับก็แช่แข็งสิ่งนั้นไว้ หลิงเยว่ยังไม่ทันได้ดีใจก็มีแสงสีม่วงพวยพุ่งออกมาจากรูปปั้นน้ำแข็ง น้ำแข็งที่แช่แข็งเจ้าสิ่งนั้นพลันละลายจนหมดสิ้น!

“ไร้ประโยชน์เสียจริง! ดูข้านี่!” หัวหน้าตะขาบมรกตรวบรวมพลัง แล้วปากอ้ากว้างพ่นน้ำลายกัดกร่อนใส่สิ่งนั้นจนทั่วร่างจนมันละลายหายไป

“หึ…” หัวหน้าตะขาบมรกตหัวเราะได้ครึ่งทาง ก็เห็นสิ่งนั้นกลับมารวมร่างเป็นคนอีกครั้ง หัวหน้าตะขาบมรกตชะงักไป น้ำลายของเขาน่ากลัวขนาดนี้ ทำไมถึงกัดกร่อนเจ้าสิ่งที่น่ารังเกียจนี่ไม่ได้?

น่าอับอายยิ่งนัก!

หัวหน้าตะขาบมรกตโกรธมาก เขาปล่อยเท้าของโม่จวินเจ๋อ แล้วออกแรงว่ายน้ำไปต่อสู้กับสิ่งนั้นอย่างดุเดือด

หลิงเยว่และโม่จวินเจ๋อที่เป็นอิสระ ตัดสินใจไปสมทบกับคนอื่น ๆ ก่อน ส่วนหัวหน้าตะขาบมรกตแน่นอนว่าจะต้องช่วยถ่วงเวลาให้พวกเขา!

ทั้งสองคนว่ายน้ำไปเรื่อย ๆ ในที่สุดถึงได้พบกับปล่องไฟร่างมนุษย์อีกดวง

“อย่าเข้ามา อย่าเข้ามาเด็ดขาด!” ฉีซิวซีแม้ว่าจะโดนควันบังตา แต่ไม่ได้ตาบอดสนิท เขายังมองเห็นเปลวไฟสีม่วงได้เลือนราง

ถ้ามีแค่ดวงเดียว เขาคงไม่ลังเลที่จะเข้าไปหา แต่เบื้องหลังคนผู้นั้นมีแสงสีม่วงจำนวนมากตามมา แถมยังเป็นรูปร่างคนทั้งหมด

โม่จวินเจ๋อและหลิงเยว่ที่ได้ยินเสียงปฏิเสธของฉีซิวซี ต่างหันหลังกลับไปมองพร้อมกัน จากนั้นทั้งสองคนก็สบตาเข้ากับดวงตาสีม่วงคู่หนึ่ง

หรือว่า… พวกเขาจะว่ายน้ำมาถึงรังของสิ่งนั้นแล้ว?

หลิงเยว่ถูกสิ่งนั้นกลืนหายไปทันที แน่นอนว่าโม่จวินเจ๋อหนีไม่พ้นเช่นกัน ทั้งสองคนจึงถูกลากลงไปใต้ผืนทราย

ฉีซิวซีตัดสินใจหันหลังกลับทันที แต่น่าเสียดายที่ความเร็วและพลังของเขาถูกจำกัด เลยถูกสิ่งนั้นลากลงไปเช่นกัน…

หัวหน้าตะขาบมรกตที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือด เหลือบไปเห็นสิ่งน่าเกลียดมากมายกำลังว่ายน้ำเข้ามาจากทุกทิศทาง เขาก็โกรธมาก!

“จะทำอะไร? คิดว่าคนเยอะแล้วจะแน่รึ? ถึงข้าจะไม่มีคน แต่ข้ามีตะขาบเยอะ!”

หัวหน้าตะขาบมรกตอ้าปาก กำลังจะพ่นลูกหลานออกมา แต่กลับมีสายฟ้าสีม่วงพุ่งมาปิดปากของเขาแทน จากนั้น… เขาก็ถูกลากลงไปเช่นกัน

ทุกคนถูกลากลงไปในส่วนลึกของทะเลทรายโดยสิ่งนั้นที่ปรากฏตัวขึ้นกะทันหัน ไม่สามารถขัดขืนได้

แม้ว่าจะใช้พลังโจมตีที่รุนแรงที่สุดเพื่อทำลายล้างสิ่งนั้น แต่มันกลับสามารถรวมตัวได้ในพริบตา อีกทั้งยังรวมตัวเร็วกว่าการโจมตีของพวกเขามาก

หลงหว่านโหรวจึงยอมแพ้ สือเชี่ยนที่สิ้นหวังอีกรายก็พุ่งผ่านตัวนางไป ตามด้วยอวี้เจิน… จากนั้นสิ่งนั้นที่ลากนางอยู่ก็เร่งความเร็ว พุ่งไปข้างหน้าโม่จวินเจ๋อและเปลวไฟสีม่วงรูปร่างมนุษย์ที่มองไม่ออกว่าเป็นใคร จากนั้น… นางก็หมดสติไป

ก่อนหมดสติ ดูเหมือนนางจะได้ยินหลิงเยว่ตะโกนว่า “ศิษย์พี่หญิง”

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท