รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 1038 แตกต่างราวฟ้ากับเหว จักรพรรดินีของ ‘จริง’ เกินไป!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 1038 แตกต่างราวฟ้ากับเหว จักรพรรดินีของ ‘จริง’ เกินไป!

อู่เลี่ยคาดไม่ถึงอยู่บ้าง สิ่งมีชีวิตมายารู้ว่าตนเองเป็นภาพมายา? นี่มันเกินความคาดหมายของเขาจริง ๆ

สีหน้าของจักรพรรดินีเรียบนิ่ง ไม่ตอบถามสิ่งใดอีก

หลังจัดการอู่เลี่ยลงได้ นางย่อมรู้สิ่งทุกเรื่องที่ต้องการ ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาซักไซ้

จักรพรรดินียกหอกในมือ ดวงตาทอประกายเย็นเยียบจับจ้องไปทางอู่เลี่ย “สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในอาณาจักรแห่งนี้ เจ้าเป็นผู้สังหารหรือ?”

“หือ เจ้าถามข้าหรือ?”

มุมปากอู่เลี่ยกระตุก อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ เขาเจอสิ่งมีชีวิตมายาที่น่าสนใจจริง ๆ ถึงกับถ้าพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเช่นนี้

กระทั่งในโลกใหม่ยังมีสิ่งมีชีวิตจำนวนน้อยนักที่กล้าเอ่ยกับเขาเช่นนี้!

อู่เลี่ยขยับไหล่ ท่าทางราวกับเตรียมพร้อมจะต่อสู้เต็มที่แล้ว

“เจ้าไม่มีโอกาสได้พูดอีกแล้ว!”

จักรพรรดินีถือหอกพุ่งเข้าไปถึงอู่เลี่ยในพริบตา นางลงมืออย่างเด็ดขาด ไม่มีการปล่อยปละ แทงหอกเปล่งประกายแสงเย็นเยียบไปตรงหัวใจของอีกฝ่าย!

อู่เลี่ยเองก็ไม่ธรรมดาเช่นเดียวกัน เขาสมกับเป็นบุตรแห่งสวรรค์ของโลกใหม่ ปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วยิ่ง ร่างกายขยับออกด้านข้างด้วยความรวดเร็ว หลีกเลี่ยงการโจมตีจากจักรพรรดินี พร้อมยกขาข้างหนึ่งเตะไปยังท้องจักรพรรดินี

จักพรรดินีงอเข่าขวาขึ้นป้องกันลูกเตะของอู่เลี่ย ตอบสนองเร็วยิ่งกว่า!

ตู้ม!

อู่เลียอ้าปากพ่นสายฟ้าออกมา แสงสว่างเปล่งประกายเจิดจ้า สามารถสังหารสิ่งมีชีวิตต่ำกว่าขั้นห้าขอบเขตล้ำขีดได้ทันที!

ปฏิกิริยาตอบสนองของจักรพรรดินีชวนตกตะลึง ความเร็วยิ่งน่าอัศจรรย์ ด้วยระยะใกล้เพียงนี้ สายฟ้าแทบจะมาถึงในทันที ไม่อาจหลีกเลี่ยง ทว่านางกลับหลบได้!

ยิ่งไปกว่านั้นจักรพรรดินียังสามารถแทงหอกโจมตีอู่เลี่ยกลับ!

ดวงตาอู่เลี่ยวาวโรจน์ ลำแสงน่าสะพรึงกลัวพุ่งออกมาสกัดหอกของจักรพรรดินี!

“ปิดฟ้าผนึกดิน!”

เขากู่ร้องออกมาเสียงดัง เต๋าอันน่าสะพรึงกลัวพลุ่งพล่าน ก่อตัวขึ้นเป็นคุกปิดผนึกจักรพรรดินีเอาไว้

ตู้ม!

พลังของจักรพรรดินีพุ่งสูงขึ้น พลันพลังที่มองไม่เห็นเคลื่อนไหว คุกที่ปิดผนึกนางเอาไว้ระเบิดออกในพริบตา พังทลายแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ!

นางลงมือหมายจัดการในทันที จิตสังหารอันน่าหวาดหวั่นแผ่กระจายทั่วฟ้าดิน กระทั่งอู่เลี่ยหลังได้สัมผัสร่างกายก็สั่นสะท้านขึ้นมาเล็กน้อย

สวรรค์ นี่ต้องผ่านการต่อสู้เป็นตายมามากน้อยเพียงใดกันถึงจะมีจิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้?

รูม่านตาของอู่เลี่ยหดลง ภายในใจตื่นตะลึงอย่างยิ่ง นี่เป็นครั้งแน่ที่เขาได้เห็นจิตสังหารอันน่าหวาดกลัวถึงเพียงนี้ อดีตที่ผ่านมาไม่เคยพานพบมาก่อน!

เขาไม่รู้ว่าจักรพรรดินีได้ผ่านประสบการณ์เช่นใดมาบ้าง แต่ไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อยว่าประสบการณ์ของจักรพรรดินีเหนือเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการได้!

นั่นเป็นเรื่องจริง ประสบการณ์ของจักรพรรดินีนั้นเกินกว่าที่อู่เลี่ยจะจินตนาการได้

ระหว่างเส้นทาง จักรพรรดินีผ่านการต่อสู้นองเลือดมาโดยตลอด เป็นการต่อสู้ถึงขึ้นชีวิตอย่างแท้จริง นางถึงขั้นไม่แน่ใจเสียด้วยซ้ำว่าถูกความตายย่างกรายมาเยือนกี่ครั้งแล้ว!

นางมีภาพอักษรที่คุณชายมอบให้อยู่กับตัว สามารถปกป้องตัวเองได้อย่างไร้กังวล ทว่านางไม่เคยใช้มันเลยแม้จะจวนเจียนตายก็ตามที ตราบใดที่เห็นความหวังจะเอาชนะได้เพียงน้อยนิด นางก็จะไม่ใช้มัน!

ยามนั้นขอบเขตของนางไม่ได้สูงมากนัก เมื่อตรงเข้าไปในพื้นที่อันตราย นางก็สัมผัสได้ว่าความตายกำลังมาเยือนเข้าจริง ๆ

ร่างเนื้อและวิญญาณของนางระเบิดออก แก่นกำเนิดชีวิตแทบสูญสิ้น หลงเหลือเพียงลมหายใจเบาบาง

แต่นางก็ยังไม่ใช้ภาพอักษร เพราะต้องการต่อสู้ด้วยพลังของตนเอง

ในเวลานั้น กระทั่งภาพอักษรยังทนไม่ไหว เริ่มทำการเคลื่อนไหวด้วยตนเอง หมายจะเข้ามาปกป้อง เพราะกลัวว่านางจะตายลงจริง ๆ

ด้วยเหตุนี้ นางจึงได้รับการช่วยเหลือ

แต่หลังจากเหตุการณ์นั้น นางก็รู้สึกมาเสียใจในภายหลัง เสียใจที่สมบัติภาพอักษรเข้ามาช่วยเหลือนาง

ภายใต้แรงคุกคามจากความตายที่แท้จริงเท่านั้นจึงจะทำให้นางปลดปล่อยศักยภาพที่มากกว่าเดิมออกมาได้ ทว่าภาพอักษรไม่ปล่อยโอกาสเช่นนั้นให้กับนาง

ก่อนที่นางจะปลดปล่อยศักยภาพมากกว่าเดิมออกมา ภาพอักษรก็ช่วยเหลือนางแล้ว

หลังจากนั้นเป็นต้นมา เมื่อนางเข้าไปในแดนอันตราย นางก็ไม่ได้นำภาพอักษรติดตัวไปด้วยอีกเลย

ทุกครั้งที่เกิดการต่อสู้อันดุเดือด นางจะเก็บภาพอักษรเอาไว้ในสถานที่ห่างไกลลิบลิ่วเสียก่อน ป้องกันไม่ให้ภาพอักษรยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือนาง

เพราะรู้ว่าหากนำภาพอักษรติดตัวไปด้วย นางคงไม่อาจสัมผัสได้ถึงแรงคุกคามจากความตายที่แท้จริง สุดท้ายภายในใจยังคงรู้สึกพึ่งพิงอยู่เสมอ รู้สึกว่าอย่างไรตนเองก็ไม่ตาย ด้วยมีภาพอักษรคอยช่วยเหลือตลอดเวลา

อย่างไรเสียก่อนหน้านี้ก็มีตัวอย่างให้เห็น ภาพอักษรเคลื่อนไหวด้วยตนเองเพื่อช่วยนางจากความตาย

นอกจากนี้ นางยังตระหนักได้เป็นอย่างดี ไม่ว่านางจะวางภาพอักษรเอาไว้ไกลเพียงใด อีกทั้งยังตราข้อห้ามจำนวนมากลงไป หากภาพอักษรต้องการจริง ๆ ก็สามารถลงมือช่วยเหลือนางได้

พลังที่ภาพอักษรครอบครองอยู่เหนือเกินกว่าจินตานาการ

นางที่กระจ่างแจ้งจุดนี้เป็นอย่างดีต้องกำชับกับภาพอักษรอย่างจริงจังทุกครั้ง บอกภาพอักษรว่าต่อให้นางเผชิญหน้ากับสิ่งใดก็ไม่ต้องช่วยเหลือ แม้นางใกล้ตายจริง ๆ ก็ตาม!

นางรู้ว่าภาพอักษรมีจิตวิญญาณ เข้าใจคำพูดของนางได้ จึงตั้งใจตัดเส้นทางถอยหลังทั้งหมดของตนเอง ใช้ความเป็นตายมาลับคมตนเอง!

ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ทั้งหมดที่นางเผชิญหน้ามาไม่ใช่สิ่งที่อู่เลี่ยจะจินตนาการได้จริง ๆ

ชีวิตนางเกือบสิ้นลงจริง ๆ กลายเป็นผู้เยี่ยมเยือนขอบเหวแห่งความตายหลายครั้ง กระทั่งเหล่า ‘สำนึกโรค’ เหล่านั้นยังหวาดเกรงต่อนาง บอกว่าไม่เคยเห็นผู้ที่ยืนหยัดไม่กลัวตายถึงเพียงนี้!

ด้วยเหตุนี้ นางไม่พัฒนาก้าวกระโดดอย่างรวดเร็วก็นับเป็นเรื่องงยากแล้ว!

ประสบการณ์ของอู่เลี่ยนั้น เกรงว่าแม้อู่เลี่ยจะลับคมผ่านความเป็นตายจากทั้งสองโลกมาก็ยังห่างไกลเกินกว่าจะเทียบนางได้ ยังเป็นเด็กน้อยเกินไป

ถึงอู่เลี่ยจะคิดว่าตนเองกำลังลับคมหาประสบการณ์จากความเป็นตาย แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ เขาไม่ได้ตัดเส้นทางถอยของตนเองทิ้งไปจริง ๆ การต่อสู้ที่กดขอบเขตเอาไว้ เป็นเพียงวิธีการไม่ลึกซึ้ง หาได้เด็ดขาดอย่างแท้จริง หากต้องเผชิญหน้ากับแรงคุกคามจากความตาย เขาจะต้องปลดผนึงพลังตนเองอย่างแน่นอน

แม้ว่าเขาจะไม่ต้องการปลดผนึกด้วยตนเอง แต่สัญชาตญาณจะต้องทำอย่างแน่นอน

เพราะเขาไม่ได้ตัดเส้นทางถอยอย่างแท้จริง และยังคงมีหนทางทิ้งเอาไว้อยู่

เห็นได้ชัดว่าคนเช่นนี้ไม่อาจเจอกับแรงกดดันจากความตายที่แท้จริงได้ ไม่มีทางกระตุ้นศักยภาพสูงสุดออกมาตลอดกาล

การลับคมของเขากับจักรพรรดินี ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจนำมาเปรียบเทียบได้จริง ๆ!

ตู้ม!

จักรพรรดินีดุดันอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ การเคลื่อนไหวทุกครั้งหมายปลิดชีพคน ไม่มีการกระทำอันสูญเปล่า ล้วนเป็นกระบวนท่าสังหาร

รูม่านตาอู่เลี่ยหดแคบลงเรื่อย ๆ หลังจากปะมือกับจักรพรรดินีไปเพียงไม่นาน เขาก็ถูกจักรพรรดินีกดข่มลงอย่างสมบูรณ์ ภายในใจของเขาสั่นสะท้าน มองไม่เห็นความหวังในการเอาชนะอย่างสิ้นเชิง!

คาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าบนโลกจะมีผู้ดุร้ายเช่นนี้อยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสตรีงามอย่างถึงที่สุดผู้นี้!

ต้องมีหัวใจเต๋ามั่นคงเพียงใดจึงจะอดทนฝึกฝนตนมาได้ถึงขั้นนี้?!

สิ่งมีชีวิตมายา…น่ากลัวถึงเพียงนี้เชียวหรือ?

เสียงกัมปนาทดังขึ้น แสงอันน่าสะพรึงกลัวระเบิดจากร่างของอู่เลี่ย เขา…ปลดผนึกแล้ว!

นี่คือการปลดผนึกด้วยสัญชาตญาณ เขาไม่สามารถควบคุมได้อย่างสมบูรณ์ ไม่อาจระงับความหวาดกลัวในใจได้

และนี่เองก็เป็นช่องว่างระหว่างเขากับจักรพรรดินี

หากเป็นจักรพรรดินีคงไม่ลงเอยเช่นนี้ ในใจของนางไร้ซึ่งความหวาดกลัว ความหวาดกลัวทั้งหมดถูกนางพิชิตลงได้ เกรงว่าต่อให้ไม่เห็นความหวัง นางก็ยังสามารถควบคุมสัญชาตญาณของร่างกายได้!

อู่เลี่ยไม่เอ่ยสิ่งใด เนื่องจากเขารู้สึกอัปยศยิ่ง ถึงกับปลดผนึกออกมาด้วยสัญชาตญาณ? น่าอับอายขายหน้าเกินไปแล้ว!

ก่อนที่จะต่อสู้กับจักรพรรดินี เขาพบว่าจักรพรรดินีอยู่ขั้นห้าขอบเขตล้ำขีด ดังนั้นเขาจึงผนึกขอบเขตตนเองลงไปอยู่ขั้นห้าขอบเขตล้ำขีดเช่นกัน

ขอบเขตที่แท้จริงของเขานั้นอยู่ที่ขั้นหกขอบเขตล้ำขีด

ยามนี้เขาได้ความแข็งแกร่งทั้งหมดกลับมา ฟื้นคืนสู่ขั้นที่หกขอบเขตล้ำขีด

อู่เลี่ยเปลี่ยนสถานการณ์ในพริบตา ไม่ถูกกดดันอีกต่อไป ขอบเขตล้ำขีดขั้นที่ห้าและหก แม้มองแล้วห่างเพียงหนึ่งขั้น ทว่าใช้คำว่าแตกต่างราวฟ้ากับดินมาอธิบายก็ไม่เกินไปนัก

ขอบเขตล้ำขีดคือการทลายขีดจำกัด ความแตกต่างแต่ละขั้นนั้นไม่อาจจินตนาการได้อย่างสมบูรณ์ ไม่มีทางก้าวข้ามได้!

ตู้ม!

เสียงระเบิดอันน่าสะพรึงกลัวดังขึ้นไม่หยุด อู่เลี่ยลงมือโจมตีอย่างดุดันราวกับพายุฝนโหมกระหน่ำ เขารู้สึกอับอายเป็นอย่างมากในการเผชิญหน้าจักรพรรดินี จึงหมายกำจัดจักรพรรดินีให้เร็วที่สุด

น่าเสียดายที่เขาประเมินจักรพรรดินีต่ำไป!

ประสบการณ์ของนางห่างไกลเกินกว่าเขาจินตนาการได้ มีเสถียรภาพเหนือเขาอย่างแท้จริง ขอบเขตแล้วขอบเขตเล่า ทั้งหมดต่างมาจากเลือดเนื้อของนางเอง ใช้ชีวิตเป็นตัวผลักดันให้พัฒนาขึ้นไป นี่ไม่ใช่สิ่งที่อู่เลี่ยจะเทียบได้

สภาพแวดล้อมในดินแดนใหม่ดีเป็นอย่างมาก อู่เลี่ยฝึกฝนในดินแดนใหม่ย่อมพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ทว่าเขาขาดประสบการณ์การต่อสู้ เวลาแทบทั้งหมดใช้ไปกับการนั่งฌาน

ในดินแดนใหม่ สถานการณ์ของสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ไม่ได้แตกต่างจากเขามากนัก

ช่วยไม่ได้ สภาพแวดล้อมในดินแดนใหม่นั้นยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก ฝึกฝนส่ง ๆ ก็พัฒนาได้อย่างรวดเร็วแล้ว

นี่เองจึงเป็นเหตุผลให้อู่เลี่ยต้องมาที่ดินแดนเก่าแล้วผนึกขอบเขตของตนเองลง ใช้การต่อสู้นองเลือดมาลับคมตนเอง

ขอบเขตที่พวกเขาครอบครอง ‘ว่างเปล่า’ เกินไป มีความ ‘ไม่จริง’ และ ‘ไม่มั่นคง’ อย่างมากในทุกขอบเขต

ทว่าขอบเขตจักรพรรดินีนั้นเป็นของ ‘จริง’ จริงเสียจนไม่มีทางจริงไปกว่านี้!

จุดนี้ตอนต้นอาจไม่เห็นชัด แต่หลังจากสู้ต่อไปครู่หนึ่ง อู่เลี่ยที่ยังไม่อาจเอาชนะจักรพรรดินีได้ เขาตระหนักถึงจุดนี้ขึ้นมาแล้ว!

จักรพรรดินีก้าวข้ามสิ่งมีชีวิตขั้นห้าขอบเขตล้ำขีดที่เขาเคยพบเจอมา กล่าวได้ว่าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!

พลังของเขาแข็งแกร่งยิ่ง ตอนแรกถึงขั้นกดดันจักรพรรดินีลงได้ ทว่าเขากลับไม่อาจจัดการจักรพรรดินีลงได้ตั้งแต่ต้นจนจบ หลังจากนั้นยิ่งการต่อสู้ดำเนินต่อไป เขาก็ยิ่งรู้สึกอ่อนแรง แม้ใจจะสู้แต่พลังกลับไม่อำนวย

ทว่าจักรพรรดินีไม่ตกอยู่ในสภาวะเช่นนั้น นางยิ่งสู้ยิ่งดุดันมากขึ้นเรื่อย ๆ!

“ข้าไม่ควรพ่ายแพ้แก่สิ่งมีชีวิตมายาขั้นห้าขอบเขตล้ำขีด!”

เขาเบิกตากว้าง ไม่อาจทำใจเชื่อได้จริง ๆ

การพ่ายแพ้ด้วยเงื้อมมือสิ่งมีชีวิตมายานับว่าขายหน้ามาก เท่านั้นยังไม่พอ สิ่งมีชีวิตมายานั่นยังอยู่ขั้นห้าขอบเขตล้ำขีด นี่ยิ่งน่าอัปยศมากเข้าไปใหญ่ เทียบแล้วประหนึ่งช้างกับมดต่อสู้กัน แต่ช้างกลับถูกมดตัวเดียวสังหารลงได้!

“เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางเป็นไปได้!”

เขากู่ร้องออกมา ไม่อาจยอมให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้น หากเป็นไปตามนั้น การฝึกฝนของเขานับว่าสูญเปล่า จะต้องไปใต้ต้นไม้เพื่อแขวนคอตนเองแล้ว!

ทันใดนั้น ลมหายใจของเขาพลันปะทุขึ้น ระเบิดพลังออกมาอย่างรุนแรง เขาไม่อาจยอมให้ตนเองพ่ายแพ้แก่สิ่งมีชีวิตขั้นที่ห้าขอบเขตล้ำขีดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสิ่งมีชีวิตขั้นห้าขอบเขตล้ำขีดเป็นสิ่งมีชีวิตมายา!

เขาสู้อย่างสุดชีวิต สาบานว่าถึงตายก็ต้องปกป้องศักดิ์ศรีสุดท้ายของตนเองไว้!

ศักดิ์ศรีสุดท้ายไม่อาจสูญสิ้น ไม่เช่นนั้นแล้ว เขามีชีวิตอยู่ไปก็ไม่ต่างอันใดกับตาย!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท