สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 1214 ตอนพิเศษ (83.1)

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 1214 ตอนพิเศษ (83.1)

ลู่จื่ออวิ๋นกำลังตัดแต่งไม้ดอก

แกรก! กิ่งดอกไม้ไม่ได้ถูกตัดออก แต่ดอกตูมที่พึ่งผลิขึ้นมาใหม่กลับถูกตัดออกแล้ว

นางถือดอกตูมนั้นไว้แล้วเอ่ยอย่างเศร้าใจ “จริง ๆ เลย ไม่ง่ายเลยกว่าจะปลูกได้ ผลที่ได้กลับถูกข้าฆ่าตายแล้ว”

“คุณหนู…” ติงเซียงวิ่งเข้ามาจากข้างนอก “เกิดเรื่องบนเขาแล้วเจ้าค่ะ”

“มีอะไร?” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยถาม

“ได้ยินว่าเกิดดินถล่มบนเขา พวกคุณชายชูอีบังเอิญถูกฝังไว้ข้างในเจ้าค่ะ หัวหน้าหมู่บ้านกับชาวบ้านคนอื่น ๆ กำลังรุดไปที่นั่นแล้ว บ่าวได้ยินข่าวก็รีบวิ่งมารายงานท่านก่อนเจ้าค่ะ”

“ขึ้นเขาประเดี๋ยวนี้!”

ภูเขาถล่ม นอกจากชูอี คนนอกผู้หนึ่งที่ถูกฝังอยู่ข้างในแล้ว หลี่หยวนจงและคนของเขาก็ถูกฝังอยู่ข้างในเช่นกัน

เสียงนั้นดังมากจนชาวบ้านที่ทำงานอยู่ใกล้ ๆ ได้ยินว่าเกิดอันตรายขึ้นบนภูเขาจึงขึ้นไปตรวจสอบและพบว่าเกิดเรื่องนี้ขึ้น

โชคดีที่มีคนไปดู หากสายไปแม้เพียงน้อยนิด เกิดเรื่องกับคุณชายสกุลหลี่ในหมู่บ้านพวกเขา เช่นนั้นทั้งหมู่บ้านคงถูกสกุลหลี่เกลียดชัง จำต้องรู้ว่าสกุลหลี่มีหน่อเนื้อนี้เพียงคนเดียว หลี่หยวนจงเป็นคนสำคัญของสกุลหลี่

หัวหน้าหมู่บ้านพาชาวบ้านไปช่วยคน

เมื่อลู่จื่ออวิ๋นมาถึงและเห็นกองดินเล็ก ๆ ตรงหน้าจึงเอ่ยถามติงเซียง “คนของเราอยู่ไกลจากที่นี่หรือไม่”

“เผื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝัน คนของเราจึงซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านข้าง ๆ เจ้าค่ะ” ติงเซียงกล่าว “บ่าวจะส่งสัญญาณให้พวกเขามาช่วยคนประเดี๋ยวนี้”

ติงเซียงจุดพลุขึ้นไป

หัวหน้าหมู่บ้านและชาวบ้านได้ยินเสียงนั้นแล้วล้วนหันไปมอง เมื่อพวกเขาเห็น ‘ดอกไม้ไฟ’ บนท้องฟ้า สีหน้าของพวกเขาพลันแปลกประหลาดขึ้นมา

ในสายตาของพวกเขามองว่า เกิดเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวพันถึงชีวิตคนขึ้น ฮูหยินลู่ซึ่งมีที่มาไม่แน่ชัดผู้นั้นไม่คิดจะช่วยคน กลับจุดพลุเฉลิมฉลอง ช่างเลือดเย็นเกินไปแล้ว

ไม่นานหลังจากนั้น ผู้คุ้มกันลับในชุดดำก็มาถึง

“ดินถล่ม ที่นี่มีคนติดอยู่หลายคน พวกเจ้าไปช่วยคนเถอะ” ลู่จื่ออวิ๋นชี้กองดินย่อม ๆ ฝั่งตรงข้ามแล้วออกคำสั่ง

“ขอรับ”

ชาวบ้านต่างจ้องมองคนชุดดำเหล่านี้ด้วยสายตาว่างเปล่า

หัวหน้ากลุ่มคนชุดดำกล่าวกับชาวบ้าน “โปรดหลีกทางให้พวกข้า ระวังอย่าให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บ”

ชาวบ้านรีบหลีกทางให้ทันที

ผู้คุ้มกันลับเริ่มใช้กำลังภายในระเบิดกองดินที่ทับถมออก เมื่อเห็นว่าเนินดินเริ่มเล็กลงเรื่อย ๆ เพื่อความปลอดภัยของผู้ที่อยู่ข้างใน พวกเขาจึงหยิบยืมเครื่องมือการเกษตรต่าง ๆ จากชาวบ้าน

“หัวหน้าหมู่บ้าน พวกเขาเป็นผู้ใดหรือ?” ชาวบ้านเอ่ยถามหัวหน้าหมู่บ้านด้วยความสงสัย

หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยด้วยความโมโห “พวกเจ้าไม่รู้ ข้าจะรู้หรือ? พวกเขาโผล่มากลางอากาศ พวกเจ้าเห็นพวกเขาเมื่อใด ข้าก็เห็นพวกเขายามนั้น”

“ฮูหยินท่านนั้นมีที่มาอย่างไรหรือ?”

“ไม่ใช่เพียงแม่ม่ายธรรมดาผู้หนึ่งหรือ?”

“หน้าตาเช่นนี้ ยังจะเป็นแม่ม่ายธรรมดาหรือ?”

“ข้าว่า นางหน้าตาเช่นนี้ จักต้องเป็นเศรษฐีหรือผู้สูงศักดิ์ ด้วยความงามของนาง ครอบครัวธรรมดา ๆ ทั่วไปจะครอบครองได้อย่างไรกัน?”

หัวหน้าผู้คุ้มกันเอ่ย “นายหญิง ทะลุแล้วขอรับ”

“ช่วยคน”

ผู้คุ้มกันเอ่ยกับหัวหน้าหมู่บ้าน “ตอนนี้ต้องรบกวนทุกท่านช่วยคนแล้ว”

“แน่นอน พวกเรามาที่นี่ก็เพื่อช่วยคน” หัวหน้าหมู่บ้านโบกมือบอกคนในหมู่บ้าน “อย่ามัวแต่อึ้ง รีบช่วยคนเร็วเข้า!”

ลู่จื่ออวิ๋นยืนอยู่รอบนอก รอชาวบ้านและผู้คุ้มกันช่วยคนออกมาคนแล้วคนเล่า

นางยืนยันตัวตนคนเหล่านั้นอย่างระมัดระวัง เมื่อเวลาผ่านไป ผู้ที่ถูกช่วยออกมาก็ยิ่งมีมากขึ้น ลู่จื่ออวิ๋นเองก็ยิ่งกังวลมากขึ้น อย่างไรเสียจนกระทั่งบัดนี้ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของชูอี

“ออกมาแล้วเจ้าค่ะ” ติงเซียงชี้ไปข้างหน้า

ลู่จื่ออวิ๋นมองผ่านไป

นางเห็นชูอีถือหน้าไม้คันหนึ่งและเงื่อนที่ช่วยให้อยู่รอดปลอดภัยที่ป้าหลินผูกให้เขา

นางวิ่งเข้าไป ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดแก้มชูอีแล้วจึงจำหน้าเขาได้อีกครั้ง ลู่จื่ออวิ๋นรับรู้ได้ถึงลมหายใจของเขา

“นายหญิง ท่านวางใจ เขาเพียงแค่หมดสติไป ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต” หัวหน้าผู้คุ้มกันลับกล่าว “ตอนที่พวกเราพบเขา เขาปกป้องตนเองเป็นอย่างดี หากแต่มีนายน้อยผู้หนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส”

ขณะที่พูดคุยกันอยู่ ผู้คุ้มกันลับสองคนก็นำนายน้อยผู้นั้นออกมา

“เขาไม่เป็นไรกระมัง?”

หัวหน้าผู้คุ้มกันลับกล่าว “ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต เพียงแต่แขนถูกทับ ดูเหมือนอาการบาดเจ็บจะสาหัส ไม่รู้ว่าจะมีผลตามมาหรือไม่ ทำได้เพียงส่งไปโรงหมอเพื่อตรวจดูอาการและรับการรักษาถึงจะรู้ได้ขอรับ”

“เช่นนั้นพวกเจ้าก็ส่งคนเหล่านี้ไปเถอะ!” ลู่จื่ออวิ๋นกล่าว

หัวหน้าหมู่บ้านกับชาวบ้านเดินเข้ามา

“ฮูหยินลู่ ที่นี่ไม่มีอะไรให้พวกเราช่วยแล้ว เช่นนั้นพวกเรากลับก่อน”

หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยกับลู่จื่ออวิ๋นอย่างสุภาพ ทั้งยังระมัดระวังท่าทีกว่าเดิมมาก อย่างไรเสียในฐานะแม่ม่ายผู้หนึ่ง นางกลับเสกผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไม่อาจแตะต้องขึ้นมาได้มากมายเพียงนี้ แม้แต่คนโง่ก็ไม่กล้าปฏิบัติต่อนางอย่างคนธรรมดาทั่วไป

ลู่จื่ออวิ๋นพยักหน้าน้อย ๆ

ชาวบ้านเดินจ้ำอ้าวจากไปไว ๆ ราวกับถอยลี้หนีห่างจากสถานที่ที่แห่งภัยพิบัติ

“หัวหน้าหมู่บ้าน” ลู่จื่ออวิ๋นเรียกหัวหน้าหมู่บ้าน “คนเหล่านั้นเป็นคนของข้า เพียงแต่ข้าไม่ชอบให้ผู้อื่นมานินทาชีวิตข้า ดังนั้นเรื่องเมื่อครู่ที่พวกท่านเห็นล้วนต้องเก็บไว้เป็นความลับ”

“แน่นอน” หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พวกเราเป็นชาวนาธรรมดา ๆ ไม่รู้ถึงการมาของผู้สูงศักดิ์ ได้โปรดอย่าถือสาในความหยาบคายของพวกข้า เมื่อครู่พวกเราไม่รู้สิ่งใดและไม่เห็นสิ่งใดทั้งสิ้น”

ลู่จื่ออวิ๋นยิ้มน้อย ๆ “เช่นนั้นก็ดี”

หลังจากพวกหัวหน้าหมู่บ้านไปแล้ว ลู่จื่ออวิ๋นก็ยัดยาที่พกติดตัวไว้เข้าปากชูอี

ยาเม็ดนั้นมาจากหุบเขาเทพโอสถ ถึงแม้จะเหลือเพียงลมหายใจเดียว ขอเพียงกินยาได้ทันและนำไปส่งที่โรงหมอทันกาล ชีวิตของคนผู้นั้นก็จะรักษาเอาไว้ได้

ปวด! ปวดหัวยิ่งนัก! สมองราวกับมีบางอย่างบีบเคล้นอยู่ข้างใน ราวกับต้องการจะแตกออกเป็นสองส่วน

“ชูอี… ชูอี…”

ผู้ใดกำลังพูด?

ชูอีเป็นผู้ใด?

“ท่านป้าไม่ต้องห่วง ท่านหมอตรวจดูแล้ว บอกว่าเพียงแค่โดนหินหล่นใส่หัว จากชีพจร ดูแล้วไม่มีปัญหาใหญ่อะไร เพียงแต่ต้องรอให้เขาฟื้นขึ้นมา ดื่มยาสักสองสามวันก็ไม่เป็นไรแล้ว”

เสียงนี้…

อวิ๋นเอ๋อร์

นี่เป็นเสียงอวิ๋นเอ๋อร์

เซี่ยเฉิงจิ่นลืมตาขึ้น เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยใบหน้าหนึ่ง

เมื่อคนผู้นั้นเห็นเขา ดวงตาก็เปี่ยมไปด้วยความยินดี “ฟื้นแล้ว ท่านป้า เขาฟื้นแล้ว!”

ป้าหลินคว้าแขนของเซี่ยเฉิงจิ่นไปตบลงบนหลังมือเบา ๆ แล้วเอ่ยอย่างตื่นเต้น “ชูอี เจ้าฟื้นแล้วหรือ!”

“ชูอี?” นั่นผู้ใดกัน?

เซี่ยเฉิงจิ่นรู้สึกราวกับตนกำลังฝัน

ในความฝัน เขาติดอยู่กลางหมอก เขาเห็นลู่จื่ออวิ๋นอยู่ข้างหน้า อยากจะเข้าไปใกล้ ๆ นาง แต่กลับถูกหมอกปกคลุมอยู่เสมอ อย่างไรก็ไม่อาจเข้าใกล้ตัวนางได้

ตอนนี้ในที่สุดเขาก็ทะลุผ่านหมอกมาได้แล้ว แต่สมองของเขากลับเริ่มสับสนมากขึ้นทุกที

ในเวลานี้จึงรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย

ความทรงจำมากมายหลั่งไหลเข้ามาในความคิดเขา

เขาจำทุกอย่างได้แล้ว

เขาถูกคนสนิททรยศ หน้าตาเสียโฉม ความทรงจำหายไป

ครั้นเมื่อลู่จื่ออวิ๋นหาเขาพบ เขากลับไม่รู้จักนาง ไม่เพียงเท่านั้น เขายังพยายามผลักไสนางออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า ครั้งหนึ่งเกือบจะทำร้ายนางด้วยซ้ำ!

เซี่ยเฉิงจิ่นกำหมัดแน่น

“ข้าอยากส่องกระจก”

ลู่จื่ออวิ๋นประหลาดใจ

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท