บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1424 เป็นดั่งเทพเจ้า

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1424 เป็นดั่งเทพเจ้า

หากผู้ใดอยากเอาโลกใบเล็กแห่งนี้ไป ก็ต้องออกจากโลกใบนี้เสียก่อน

สองวันต่อมา เฉินซีและจี้อวี๋ก็เริ่มลงมือ

ฟิ่ว!

ทั้งสองทะยานอยู่บนฟ้า ตรงขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นเก้า ข้ามผ่านม่านพลังมิติชั้นแล้วชั้นเล่า และในชั่วพริบตา ก็มาถึงที่ด้านนอกโลกห้องโถงโบราณแล้ว

นี่คือท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวอันกว้างใหญ่ ซึ่งมีดวงดาวนับไม่ถ้วนเคลื่อนคล้อยอยู่ภายใน เปล่งแสงระยิบระยับมากมาย

ครั้นเมื่อหันกลับมาและมองย้อนลงไป โลกห้องโถงโบราณก็เหมือนกับเปลือกไข่ที่ทอดข้ามแม่น้ำแห่งดวงดาว มันหมุนวนอย่างช้า ๆ โดยขับเคลื่อนพลังพิภพไปพร้อมกัน

ตามความเข้าใจของเฉินซี มีโลกใบเล็กเช่นนี้ นับร้อยล้านใบในภพมนุษย์ มันกว้างใหญ่ไพศาลราวกับแม่น้ำแห่งดวงดาวที่ไร้ขอบเขต และโลกใบเล็กทุกแห่งล้วนต้องการพลังพิภพ เพื่อรักษาเสถียรภาพของมันไว้

แหล่งที่มาของพลังพิภพ คือกฎแห่งเต๋าสวรรค์!

เมื่อเทียบกับภพเซียน กฎแห่งเต๋าสวรรค์ที่ปกคลุมโลกใบเล็ก ดูเหมือนจะอ่อนแอ ไม่มีความสมบูรณ์และได้รับความเสียหายอย่างมาก

ในอดีต เฉินซีไม่เคยตระหนักถึงเรื่องนี้ ทว่าระดับการบ่มเพาะของเขาในปัจจุบันได้บรรลุขอบเขตเซียนปราชญ์แล้ว ทั้งยังกำลังก้าวเข้าสู่เส้นทางเพื่อแสวงหาความเป็นเทพ ประกอบกับครอบครองตราศักดิ์สิทธิ์แห่งห้วงมิติ ดังนั้นเพียงมองแค่แวบเดียว ก็ทราบว่าชั้นพลังที่คลุมเครือของเต๋าแห่งสวรรค์ ได้ปกคลุมโถงโบราณทั้งหมดประหนึ่งม่านกำแพงแสง

มันไม่สมบูรณ์ และรอยแยกที่เสียหายสามารถเห็นได้ทั่วไป ทำให้ดูเปราะบางยิ่ง ซึ่งเฉินซีก็มั่นใจว่า แม้จะฟื้นพลังได้เพียงครึ่งหนึ่ง ก็เพียงพอที่จะทำลายโลกใบเล็กทั้งหมด ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว!

“นี่คือโลกห้องโถงโบราณ เมื่อหลายปีก่อน ศิษย์พี่ของข้าและจักรพรรดิยมโลกองค์ที่สามได้ถกวิถีเต๋าอยู่ที่นี่เป็นเวลาสิบวัน และพวกเขาก็ทิ้งโชคลาภต่าง ๆ ไว้มากมาย” จี้อวี๋ถอนหายใจจากด้านข้าง แววตาทอประกายล้ำลึก

โชคลาภหรือ?

เฉินซีตกตะลึง ตนอาจได้รับโชคลาภเหล่านั้น เพราะไม่เพียงแต่สืบทอดมรดกของปรมาจารย์แห่งเขาเทพพยากรณ์ ฝูซี แต่ยังสืบทอดระเบียนแดนมรณะและพู่กันพิพากษามาร ที่เป็นสุดยอดสมบัติของจักรพรรดิยมโลกองค์ที่สามเช่นเดียวกัน

ทว่าเขาไม่เคยคิดเลยว่า การที่ได้รับโชคลาภดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับการถกวิถีเต๋าที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งอดีต

“เอาละ” ท่าทางของจี้อวี๋ กลายเป็นจริงจังและไม่แยแส

โอม!

เฉินซีไม่รอช้าอีกต่อไป ชายหนุ่มวาดท่าทาง ทำให้หม้อสัมฤทธิ์โบราณเก้าใบลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า มันแผ่กลิ่นอายที่เข้มข้นและสูงส่ง มันคือหม้อกลั่นศักดิ์สิทธิ์เก้าทวีป!

ฟิ่ว!

ทันทีที่สมบัติศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ปรากฏขึ้น ก็เกิดแสงสว่างวาบทันที ก่อนที่หม้อหยกสีขาวจะลอยขึ้นมาจากหม้อกลั่นสัมฤทธิ์ใบหนึ่ง มันหมุนวนพร้อมกับทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า และเปล่งแสงแห่งความศักดิ์สิทธิ์ออกมามากมายนับไม่ถ้วน

โดยปกติแล้ว นี่คือหม้อใบจิ๋ว ซึ่งเป็นบุตรสาวของจักรพรรดิบรรพกาลอวี๋

“เอ๊ะ ยัยหนูหลินหรือ?” จี้อวี๋กวาดสายตามองหม้อหยกสีขาว และสัมผัสได้ถึงดวงวิญญาณที่อยู่ในนั้นทันที จึงอุทานด้วยความตกใจ

เฉินซีตกตะลึงทันที อาจารย์ลุงรู้จักหม้อใบจิ๋ว?

ทว่าไม่นาน เขาก็เข้าใจ จี้อวี๋เป็นจักรพรรดิเต๋าบรรพกาลและเป็นหนึ่งในห้าจักรพรรดิบรรพกาลเช่นเดียวกับจักรพรรดิอวี๋ ผู้เป็นบิดาของหม้อใบจิ๋ว ด้วยเหตุนี้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จี้อวี๋จะรู้จักหม้อใบจิ๋ว

“ท่านลุงจี้อวี๋?” เสียงเย็นเยียบที่ฟังสบายหูดังออกมาจากหม้อขนาดเล็ก และมันไม่ได้ไร้อารมณ์เหมือนเคย

พร้อมกับเสียงนี้ จู่ ๆ ร่างที่สง่างามก็ลอยขึ้นมาจากหม้อหยก นางมีความสวยงามและสูงส่งอย่างไม่มีใครเทียบได้ แต่ร่างนี้ก็หายไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เฉินซีไม่มีเวลาได้พินิจรูปลักษณ์ที่แท้จริงของนางชัด ๆ

“ขออภัย ข้าไม่สามารถเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของข้าได้” เสียงหนึ่งดังออกมาจากหม้อใบจิ๋ว

จี้อวี๋พยักหน้า พร้อมขมวดคิ้ว “ข้าเข้าใจ แต่หลังจากที่ไม่ได้พบเจ้ามาหลายปี ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะ…”

“ท่านลุงจี้อวี๋ ไม่จำเป็นต้องกล่าวหรอก ข้าทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อรักษาชีวิตตัวเอง” หม้อใบจิ๋วเอ่ยขัดจี้อวี๋

เฉินซีที่กำลังฟังการสนทนาของทั้งสองจากด้านข้าง เดิมทีเขาคิดว่าจะสามารถค้นพบความลับของหม้อใบจิ๋วได้ แต่ก็ล้มเหลว เพราะหม้อใบจิ๋วไม่ยอมพูดอะไรมากกว่านี้

“ถ้าเจ้าต้องการที่จะยึดครองโลกใบเล็กก็ควรจะรีบหน่อย หากกฎแห่งเต๋าสวรรค์สังเกตเห็นหม้อกลั่นศักดิ์สิทธิ์เก้าทวีป มันจะส่งทัณฑ์สวรรค์ลงมา!” หม้อใบจิ๋วเอ่ยขัดความคิดฟุ้งซ่านของเฉินซี

“แน่นอน เราควรจัดการเรื่องนี้เสียก่อน” จี้อวี๋พยักหน้าเห็นด้วย

เฉินซีรับคำ ทว่าในใจกลับจดจำว่านามของหม้อใบจิ๋วมีคำว่า ‘หลิน’ อยู่ด้วย และความจริงเบื้องหลังเหตุผลที่นางเปลี่ยนเป็นหม้อใบจิ๋วย่อมไม่ใช่เรื่องธรรมดาอย่างแน่นอน

น่าเสียดายที่ไม่ว่าจะเป็นหม้อใบจิ๋วหรือจี้อวี๋ พวกเขาก็ไม่คิดที่จะอธิบายเหตุผลให้เขาฟังอย่างชัดเจน ดังนั้นจึงทำได้เพียงฝังคำถามนี้ไว้ในใจเท่านั้น

ในไม่ช้า หม้อสัมฤทธิ์เก้าใบก็ทะยานขึ้นสู่อากาศ และระเบิดลำแสงที่เปล่งประกายชัดเจน ภายใต้การควบคุมของหม้อใบจิ๋ว หม้อสัมฤทธิ์ใบหนึ่งก็ส่งเสียงดังกึกก้อง และขยายใหญ่ขึ้น ในชั่วพริบตา มันขยายตัวทอดผ่านท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ราวกับภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีใครมองเห็นยอดของมัน

หลังจากนั้น หม้อสัมฤทธิ์ก็เคลื่อนตัวไปในจักรวาล และห่อหุ้มลงไปที่โลกห้องโถงโบราณ

เหตุการณ์นี้วิจิตรตระการตา โลกใบเล็กที่ทอดข้ามผ่านแม่น้ำแห่งดวงดาว และมีขนาดใหญ่มาก ทว่ากลับถูกเงาของหม้อสัมฤทธิ์ปกคลุมไว้อย่างสมบูรณ์ จนดูเล็กจ้อย

“หืม? นั่นมัน…”

“บัดซบ! มีคนตั้งใจจะยึดโลกห้องโถงโบราณ!”

“รีบโจมตีเร็วเข้า!”

เมื่อโลกห้องโถงโบราณกำลังจะถูกหม้อสัมฤทธิ์ปกคลุม ในช่วงเวลาคับขันนี้ คลื่นเสียงผันผวนที่ฟังดูดุร้าย ก็ดังก้องมาจากส่วนลึกของจักรวาล

ณ เวลาถัดมา มือที่น่าสะพรึงกลัวก็ปกคลุมผืนฟ้า มันพุ่งผ่านท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวและคว้าหม้อสัมฤทธิ์อย่างดุร้าย

เหตุการณ์นี้ทำให้เฉินซีตกตะลึง ไม่คิดว่าจะมีคนสามารถขัดขวางกระบวนการนี้ได้

ทว่าจี้อวี๋เตรียมตั้งรับไว้แล้ว แววตาพลันเปลี่ยนเป็นเฉยชา ร่างกายระเบิดกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัว เพียงสะบัดแขนเสื้อ ก็สร้างคลื่นพลังศักดิ์สิทธิ์อันน่าสะพรึงกลัวพุ่งออกไป มันเหมือนกับพายุในจักรวาล ทั้งยังระเบิดเสียงกัมปนาทขณะเข้าปะทะมือนั้น

ภายใต้คลื่นพลังที่รุนแรงและน่าสะพรึงที่เกิดจากปะทะนี้ ทำให้หมู่ดวงดาวในระยะสองหมื่นห้าพันลี้แตกสลาย อุกกาบาตกลายเป็นผุยผง เป็นเหตุการณ์ที่น่าพรั่นพรึงยิ่ง

เนื่องจากการโจมตีครั้งนี้ หม้อใบจิ๋วจึงหยุดมือ และระมัดระวังมากขึ้น

ในที่สุด เฉินซีก็สังเกตเห็นร่างสองร่างปรากฏขึ้นในส่วนลึกของจักรวาล คนหนึ่งสวมชุดโบราณและมงกุฎสูง มีใบหน้าเรียวเล็ก และมีสายตาที่น่าสะพรึงกลัวเหมือนสายฟ้าฟาด

อีกร่างหนึ่งเป็นชายวัยกลางคนตัวเตี้ยที่สวมเสื้อคลุมปักอักษรสีเหลืองเข้ม มีหนวดเหมือนตัวอักษร ‘八’ และใบหน้าอ้วนท้วนก็ปกคลุมไปด้วยความมืดมนชวนขนลุก ยิ่งไปกว่านั้น กลิ่นอายของคนผู้นั้นยังน่ากลัวยิ่งกว่าชายร่างผอมที่ยืนอยู่ข้างเคียงเสียอีก

“จั่วชิวฮง!” มองแวบเดียวเฉินซีจำชายวัยกลางคนตัวเตี้ยได้ทันที น่าแปลกที่เป็นอาจารย์ใหญ่ฝ่ายนอกของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า จั่วชิวฮง!

ทันใดนั้น สีหน้าของเฉินซีก็กลายเป็นมืดมน คนจากตระกูลจั่วชิวมาปรากฏตัวที่นี่ จึงสามารถคาดเดาเป้าหมายของอีกฝ่ายได้ชัดเจน มันมาเพราะตระกูลเฉิน!

หากข้ามาช้าไปหนึ่งก้าว เจ้านี่คงทำสำเร็จแล้ว! เมื่อคิดถึงจุดนี้ จิตสังหารที่ไม่อาจควบคุมได้ พลันพุ่งออกมาจากหัวใจของเฉินซีอย่างดุเดือด

อันที่จริง จั่วชิวฮงดำรงอยู่ในขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้น แต่นี่คือภพมนุษย์ ดังนั้นพลังของจั่วชิวฮงจึงถูกผนึกไว้ไม่ต่างจากเฉินซีนัก

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เฉินซีมั่นใจว่าเขาสามารถสังหารอีกฝ่ายได้!

“ท่านอาจารย์ลุง คนผู้นั้นคือจั่วชิวฮงของตระกูลจั่วชิว และสหายของเขาก็มาจากตระกูลจั่วชิวเช่นกัน” เฉินซีรีบแจ้งจี้อวี๋ผ่านกระแสปราณอย่างรวดเร็ว

ทันทีที่ได้ยินคำว่าตระกูลจั่วชิว จี้อวี๋ก็เข้าใจวัตถุประสงค์ของพวกมันทันที

“เฉินซี!!!” นัยน์ตาของจั่วชิวฮงหดลงเมื่อเห็นเฉินซี แน่นอนว่า เขาไม่เคยคาดคิดว่าจะได้พบกับเฉินซีที่นี่ สีหน้าพลันทวีความน่ากลัวยิ่งขึ้น

“พี่ปั๋วอวินเห็นหรือไม่? เจ้านั่นก็คือเด็กสารเลวที่ไม่ควรเกิดมาในโลกนี้!” จั่วชิวฮงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา ทุกคำเย็นยะเยือกและแหลมคมราวกับดาบ

“โอ้?” ชายร่างผอมจ้องมองเฉินซีด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ จากนั้นเลื่อนสายตาไปทางจี้อวี๋ ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในฉับพลัน เขาไม่สามารถสัมผัสถึงพลังของจี้อวี๋ได้เลย!

เพราะนี่คือภพมนุษย์ ดังนั้นแม้ว่าจะมีพลังแตกต่างกันในภพเซียน แต่เมื่อลงสู่ภพมนุษย์ ทุกคนจะถูกควบคุมโดยพลังของเต๋าแห่งสวรรค์ และใช้พลังได้เพียงขอบเขตเซียนสวรรค์เท่านั้น

แต่ชายร่างผอมรู้สึกว่ากลิ่นอายของจี้อวี๋ ไม่ใช่แค่ขอบเขตเซียนสวรรค์!

นี่เป็นเรื่องที่น่าฉงน หรือว่าพลังของคนผู้นี้จะแข็งแกร่งจนถึงขั้นมองข้ามพลังงานของเต๋าแห่งสวรรค์ได้?

“ยัยหนูหลิน เจ้ายึดโลกห้องโถงโบราณต่อไป เฉินซี ปล่อยสองคนนี้ให้เป็นหน้าที่ของข้า ถือว่าเป็นของขวัญการจากลา” จี้อวี๋กล่าวเสียงเย็น ในขณะที่กลิ่นอายทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง แค่ชั่วพริบตา มันทำให้จักรวาลสั่นสะเทือนราวกับกำลังคร่ำครวญ

เหมือนกับเทพบรรพกาลที่หลับลึกอยู่ภายในร่างกายได้ตื่นขึ้น ซึ่งแม้แต่เฉินซีก็ตกตะลึง

เมื่อเงยหน้ามองจี้อวี๋อีกครั้ง อีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะกลายเป็นคนละคน ร่างกายเปล่งประกายด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ประหนึ่งสุริยันที่แผดแผา และเปล่งรัศมีที่ดูสูงส่งอย่างยิ่ง

เขาเป็นดั่งทวยเทพ!

นี่คือกลิ่นอายที่แท้จริง กลิ่นอายของจักรพรรดิเต๋าบรรพกาล!

การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันนี้ ทำให้เขากลายเป็นเทพสูงสุดที่ปกครองจักรวาลอันกว้างใหญ่ ทั้งยังเปล่งพลังศักดิ์สิทธิ์อันไร้ขอบเขต!

“ยังมัวยืนเฉยอยู่อีก รีบหนีเร็ว!”

เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงในกลิ่นอายที่น่าเกรงขามของจี้อวี๋ ใบหน้าของจั่วชิวฮงและชายร่างผอมก็ซีดลง ความหวาดกลัวก็พุ่งออกมาจากหัวใจ

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาไม่กล้าลังเล และทะยานไปในอวกาศด้วยพลังทั้งหมดที่มีโดยสัญชาตญาณ ทั้งยังหวังว่าตนจะเกิดมาพร้อมกับขาอีกคู่หนึ่ง

น่าเสียดาย ไม่ว่าอีกฝ่ายจะหนีไปได้เร็วแค่ไหน ก็ไม่สามารถรอดพ้นสายตาของจี้อวี๋ได้ เขาเหยียดแขนออก จากนั้นมือสูงวัยก็พุ่งผ่านท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว พุ่งตรงไปหาจั่วชิวฮงและชายร่างผอมอย่างไร้ลังเล

ตู้ม ตู้ม

ด้วยญาณมหาเทวะอมตะของเฉินซี เขาเพียงสัมผัสได้ว่า เสียงกัมปนาทอันน่าสะพรึงกลัวสองเสียงดังก้องอยู่ในจักรวาลที่ไกลโพ้น จากนั้นแสงเรืองรองก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ดวงดาวนับไม่ถ้วนแตกสลายเป็นผุยผง มันเหมือนกับว่ามีพายุอวกาศปะทุขึ้นที่นั่น

“พวกมันตายแล้วหรือ?” เฉินซีอ้าปากค้าง

“พวกมันตายแล้ว” จี้อวี๋ตอบด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ราวกับทำเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่ควรแก่การพูดถึง

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท