บทที่ 542 คนจากพระราชวัง
ภารกิจของอาจารย์ปรุงยาหลี่คือการออกค้นหาดอกบัวหิมะขุนเขาสวรรค์ อู๋ฝานยังจำได้ไม่เคยลืมเลือน เพราะรางวัลของภารกิจดังกล่าวยิ่งใหญ่และยอดเยี่ยม ผลงานทางด้านการปรุงยาดังกล่าวไม่ใช่อะไรที่ง่ายต่อการไขว่คว้าหามา และยังไม่กล่าวถึงทักษะทางการแพทย์ที่เขาปรารถนาอยากจะได้มาครอบครอง
แต่ขุนเขาสวรรค์ราวกับเป็นตำนานเล่าขาน อาจารย์ปรุงยาหลี่ไม่ทราบว่ามันอยู่ที่ใด อู๋ฝานเองก็ไม่ทราบเช่นกัน กระทั่งขอให้คนของตนเองตรวจสอบแล้วแต่ก็ไร้ซึ่งเบาะแส ขณะนี้บังเอิญได้ยินนามของมันจากปากของอูหย่า ดังนั้นหากชายหนุ่มจะตื่นเต้นยินดีขึ้นมาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
“ขุนเขาสวรรค์มีหลายที่งั้นหรือ?” อูหย่าถามกลับด้วยความงุนงง “เท่าที่ข้าทราบ น่าจะมีขุนเขาสวรรค์เพียงแค่หนึ่งเท่านั้น”
“แล้วขุนเขาสวรรค์ที่เจ้ากล่าวถึงมันอยู่ที่ใด? เคยได้ยินนามดอกบัวหิมะแห่งขุนเขาสวรรค์หรือไม่?” อู๋ฝานเร่งร้อนถาม
“ขุนเขาสวรรค์ตั้งอยู่ในพื้นที่รอยต่อระหว่างอาณาจักรหนานปิงและอาณาจักรเฮยสุ่ย มันรายล้อมด้วยภูเขามากมายและพื้นที่อันตราย ขุนเขาสวรรค์คือหนึ่งในบรรดาภูเขาทั้งหลายของที่นั่น เป็นยอดที่สูงที่สุดซึ่งรายล้อมด้วยภูเขาอื่น อุณหภูมิค่อนข้างต่ำ เป็นพื้นที่อันตรายที่สุด หากต้องการขึ้นขุนเขาสวรรค์ก็จำเป็นต้องผ่านป่าดงดิบและภูเขาอีกหลายลูกจึงจะเดินทางไปถึง ถนนหนทางยากลำบากขนาดคนทั่วไปไม่อาจเข้าไปได้ ข้าบังเอิญได้รับแผนที่มา หลังค้นหาอยู่นานจึงมีโอกาสได้ไปที่นั่น” อูหย่าตอบกลับ “ส่วนเรื่องดอกบัวหิมะแห่งขุนเขาสวรรค์นั้นข้าไม่เคยได้ยินหรือได้เห็นมาก่อน”
อู๋ฝานพยักหน้าตอบรับ แม้อูหย่าไม่เคยได้ยินเรื่องดอกบัวหิมะแห่งขุนเขาสวรรค์ก็ไม่เป็นไร เขารู้สึกได้ว่าขุนเขาสวรรค์ที่นางเอ่ยถึงเวลานี้จะต้องเป็นสถานที่เดียวกับที่เขากำลังตามหา ส่วนว่าอีกฝ่ายจะเคยได้ยินและได้เห็นหรือไม่นั้นก็ไม่ใช่เรื่องต้องใส่ใจ อย่างไรอาจารย์ปรุงยาหลี่ก็ได้ทราบเรื่องของดอกบัวหิมะแห่งขุนเขาสวรรค์มาจากตำราแพทย์โบราณอีกทีหนึ่ง อูหย่าที่ไม่เคยได้อ่านตำราดังกล่าวจะไม่ทราบก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
‘บังเอิญจริง ๆ ที่พวกเราก็กำลังจะไปอาณาจักรหนานปิง คงมีโอกาสแวะเวียนไปตรวจสอบ และด้วยการนำทางของอูหย่าน่าจะไปถึงสถานที่เป้าหมายได้ไม่ยาก’ อู๋ฝานคิดอยู่ในใจ
“อยากขึ้นขุนเขาสวรรค์งั้นหรือ?” เมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่าย อูหย่าก็พอจะคาดเดาความคิดได้
อู๋ฝานไม่คิดปิดซ่อนเจตนาจึงตอบรับโดยตรง “ใช่ ข้าอยากขึ้นขุนเขาสวรรค์ไปค้นหาดอกบัวหิมะของที่นั่น”
“ข้าแนะนำว่าเจ้าไม่ควรไป” อูหย่าตอบกลับ “ภูมิประเทศของที่นั่นอันตรายมาก ต่อให้เดินเท้าตามปกติอย่างระมัดระวังก็ยังอาจพลาดพลั้งตกลงมา ยิ่งไปกว่านั้นที่นั่นยังมีสัตว์ป่าและสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งอาศัยอยู่มากมาย ครั้งก่อนที่ข้าไปนั้น แม้เกือบจะไปได้ถึงครึ่งทางแล้ว แต่สุดท้ายก็บาดเจ็บสาหัสจนต้องล่าถอยกลับมา”
อู๋ฝานเดาได้อยู่แล้วว่ามันต้องเป็นสถานที่ที่อันตราย อย่างไรรางวัลของภารกิจก็ดีจนเกินควร มันไม่มีทางเป็นภารกิจที่จะสำเร็จได้ง่าย ๆ
เมื่อได้ยินคำของอูหย่า เขายังคงยิ้มตอบรับ “ข้าทราบว่าสถานที่แห่งนั้นอันตราย แต่ก็มีเหตุผลจึงต้องขึ้นไป เมื่อใดถึงเวลาขอให้เจ้านำทางข้าไปยังที่นั่น ส่วนเจ้าไม่จำเป็นต้องขึ้นภูเขาไปด้วย แค่รอข้าที่ด้านล่างก็พอแล้ว”
อู๋ฝานคือผู้เล่น ดังนั้นแม้จะอันตรายล้นพ้นก็ยังมีความมั่นใจ ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ไม่คิดอยากพลาดภารกิจของอาจารย์ปรุงยาหลี่ ดังนั้นไม่ว่ามันจะอันตรายแค่ไหนตนก็ต้องขึ้นไป
ส่วนเรื่องมอนสเตอร์จำนวนมากมายเหล่านั้น สำหรับอู๋ฝานไม่ใช่เรื่องเลวร้าย เนื่องจากช่วงที่ผ่านมานี้เขาแทบไม่ได้เก็บเกี่ยวค่าประสบการณ์เพิ่มเลเวล หากมีโอกาสแล้วยังไม่คว้าเอาไว้ เลเวลของเขาก็จะยังคงต่ำเตี้ยอยู่เช่นนี้ ความแข็งแกร่งจะไม่ก้าวหน้าขึ้น ทั้งยังมีผลกับทั้งโลกแห่งนี้และโลกความเป็นจริง การที่ยังอ่อนแอจึงไม่ใช่เรื่องดี
อูหย่าอยากจะเกลี้ยกล่อมอีกสักครั้ง แต่อู๋ฝานเอ่ยขัดขึ้น “ตอนนี้มาพูดถึงเรื่องพี่สี่ของเจ้ากันต่อ”
หลังเห็นความดื้อรั้นของอีกฝ่าย นางจึงไม่อาจทำอะไรได้ บางทีพอได้เจอกับอันตรายเหล่านั้นแล้ว เขาคงเลือกจะยอมถอยด้วยตัวเอง
“ก็ได้” อูหย่าพยักหน้าตอบ “ข้าค่อนข้างมีความประทับใจดี ๆ กับเขา และเขาก็ยังได้รับความชื่นชม ผู้คนมากมายต่างมองว่าเขาคือผู้มีคุณสมบัติสืบทอดราชบัลลังก์ แต่มันก็ยังมีเรื่องลำดับความอาวุโสของพี่น้อง แม้พี่ใหญ่จะไม่ได้มีพรสวรรค์เท่าพี่สี่ แต่ก็เป็นคนจิตใจโอบอ้อม อีกทั้งเสด็จพ่อยังไม่เคยมองว่าพี่ใหญ่เป็นองค์ชายที่ขาดคุณสมบัติแม้แต่น้อย”
“แล้วพี่สี่ของเจ้าเคยติดต่อกับคนของอาณาจักรสุ่ยเยวี่ยบ้างหรือไม่?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
อูหย่าครุ่นคิดไปชั่วครู่ก่อนจะส่ายหน้า “ไม่ทราบเช่นกัน หากมีก็คงไม่ปล่อยให้คนนอกรับรู้ เดิมพวกเราก็อยู่ภายใต้อาณาจักรเหยียนเฟิง ดังนั้นสัมพันธ์ระหว่างหนานปิงและสุ่ยเยวี่ยจึงไม่ได้ดีเด่นอะไร”
อู๋ฝานพยักหน้าตอบ เป็นการบ่งบอกว่าเข้าใจได้ “ถ้าเป็นแบบนั้น พี่สี่ของเจ้าจะต้องทราบเรื่องราวเบื้องลึก แต่จะทราบข้อมูลนี้มาได้อย่างไรก็คงต้องรอจนกว่าไปเยือนอาณาจักรหนานปิง”
อูหย่าพยักหน้าตอบ “เมื่อใดถึงเวลา ข้าจะขอเจอเขาต่อหน้าเพื่อทราบให้แน่ชัดว่ามันเป็นมายังไงกันแน่”
อู๋ฝานเกิดลังเลขึ้นมา “หากพี่สี่ของเจ้ามีความเกี่ยวข้องกับความตายของราชวงศ์ …เจ้าจะจัดการกับเขาอย่างไร?”
อู๋ฝานไม่ได้กังวลเกินเหตุ มันมีความเป็นไปได้สูงมากที่จักรพรรดิพระองค์ใหม่แห่งหนานปิงจะมีปัญหา อูหย่าเองก็ทราบดี หลังได้ยินคำถาม นางจึงตอบกลับมาโดยไม่มีความลังเล “หากเขาเล่นไม่ซื่อกับเรื่องราวในครั้งนี้ ข้าจะสะบั้นศีรษะของเขาลงมาด้วยตัวเอง!”
เป็นที่ทราบกันแล้วว่าราชวงศ์แห่งหนานปิงถูกประหารภายใต้การจับกุมจนหมดสิ้น แม้กระทั่งจักรพรรดิก็ไม่มีข้อยกเว้น ดังนั้นไม่ว่าจะองค์หญิง องค์ชาย รวมถึงเหล่าพระสนมทั้งหลาย ไม่ว่าอยู่ลำดับชั้นใดล้วนถูกประหารจนหมดสิ้น จำนวนรวมควรเกินกว่าหนึ่งร้อยคน อูหย่าจะเกลียดชังอย่างล้นพ้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลก
อู๋ฝานพยักหน้าตอบโดยไม่กล่าวอะไรอีก ในเมื่ออูหย่าเตรียมใจเอาไว้แล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไร
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก!”
ขณะเวลานี้เองที่ประตูห้องของลั่วเยวี่ยถูกเคาะ คนทั้งสามจึงมีสีหน้าแปรเปลี่ยน อู๋ฝานส่งสัญญาณมือบอกให้อูหย่าเงียบก่อนจะเอ่ยขึ้น “ใครกัน?”
“ข้าเองขอรับนายท่าน” เสียงของลั่วหยางดังตอบกลับมา พวกอู๋ฝานจึงโล่งอก แต่อูหย่าก็ยังไม่กล้าส่งเสียงใด ๆ
“มีเรื่องอะไร?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
ลั่วหยางกลับมาพร้อมอู๋ฝาน ดังนั้นเด็กชายจึงทราบว่าเขาอยู่ในห้องของพี่สาวตนเอง
“นายท่าน มีขันทีจากวังหลวงมาถ่ายทอดพระราชโองการขอให้เข้าเฝ้าขอรับ” ลั่วหยางตอบกลับ
“หือ?” อู๋ฝานชะงักงันไปครู่ “องค์เหนือหัวต้องการพบข้างั้นหรือ?”
ช่วงกลางวันหลี่จื่อหยางยังเอ่ยปากบนโต๊ะอาหารว่าองค์เหนือหัวไม่ประสงค์พบผู้ใด คนภายนอกจึงไม่ทราบสถานการณ์ที่แน่ชัด แต่ก็ไม่คิดว่าเพียงกลับจากจวนของหลี่จื่อหยางไม่นาน องค์เหนือหัวจะต้องการให้เขาเข้าเฝ้าเสียแล้ว
“ขอรับ” ลั่วหยางตอบกลับ “ขันทีที่นำพระราชโองการมายังรออยู่ด้านนอกขอรับ”
อู๋ฝานมองอูหย่าและลั่วเยวี่ย “ทราบแล้ว บอกขันทีผู้นั้นรอสักครู่ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
“ขอรับนายท่าน” ลั่วหยางตอบกลับก่อนจะจากไป
“ข้าคงต้องไปวังหลวงเพื่อดูว่าองค์เหนือหัวต้องการให้ข้าเข้าเฝ้าด้วยเหตุใด พวกเจ้าอยู่ที่นี่อย่าออกไปที่ไหน โดยเฉพาะเจ้า” อู๋ฝานกำชับกับอูหย่าเป็นพิเศษ
อูหย่าพยักหน้าตอบรับ “ข้าทราบดีว่าตอนนี้ควรทำอะไรและไม่ควรทำอะไร”
“งั้นก็ดีแล้ว” ชายหนุ่มพยักหน้าตอบก่อนจะผลักประตูเปิดออกไป