ตอนที่ 282 นกขมิ้น
ทุกอย่างจัดการเรียบร้อยเหมาะสมแล้ว ซินโย่วจึงได้อธิบายต่อเฮ่อชิงเซียว “ทั้งสองคนที่คุมตัวโจรภูเขาไปจะมีเคราะห์เลือดตกยางออก ข้าเดาว่าพวกเขาถูกพวกหัวหน้าใหญ่ที่มาหาความสำราญที่อำเภอหลิงทำร้ายบาดเจ็บ…”
เฮ่อชิงเซียวได้ยิน สีหน้าก็ค่อยๆ เคร่งเครียดขึ้นมา
การที่เขาให้ลูกน้องสองคนรอพวกเขาออกเดินทางก่อนค่อยส่งโจรภูเขาไปที่ทำการ ก็เพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงที่คาดไม่ถึงแม้แต่น้อยนิด ดังที่กล่าวไว้ก่อนหน้าว่าความปลอดภัยของคุณหนูซินมาเป็นอันดับหนึ่ง
แต่นี่ถือเป็นการคิดถึงความเป็นไปได้ที่เลวร้ายที่สุด คิดไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้นจริง
ต้นไม้สูงใหญ่ใบรกครึ้ม ทั้งสองซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ไม่พูดอันใดอีก สายตามองลอดผ่านช่องว่างของกิ่งไม้จับตาตรงหน้าเงียบๆ
ต้นไม้ที่ห่างจากจุดที่ซินโย่วซ่อนตัวใกล้ที่สุดต้นนั้นมีพวกเชียนเฟิงกับผิงอันซ่อนตัวอยู่ พวกเขาไม่เหมือนกับคนอื่นที่จับตาดูด้านล่าง แต่พวกเขาจับตาอยู่ที่บนต้นไม้ที่ใกล้กันที่สุดต้นนั้น
ยามนี้เอง ทั้งสองคนยังคงขมวดคิ้วแน่น
เดิมพวกเขาควรไปเป็นเพื่อนคุณชาย ปรากฏถูกใต้เท้าเฮ่อยึดตำแหน่งไป แม้แสดงอาการดึงดันก็ไม่ได้ คุณชายเองก็ไม่เห็นด้วย
ทั้งสองคนอดงุนงงไม่ได้ องครักษ์ประจำตัวผู้อื่นเป็นกันอย่างไร
มีคนมาแล้ว
ภัยโจรทำให้ทุกคนจิตใจหวาดกลัว ลงใต้ไปอีกก็มีภัยฝนตกหนัก เส้นทางหลวงที่ห่างจากอำเภอระยะหนึ่งก็แทบจะรกร้างไร้ผู้คนเดินทางผ่าน นานๆ จึงจะมีคนผ่านมาสักคน
คนที่มาเป็นคู่สามีภรรยาหนุ่มสาวคู่หนึ่ง เดินไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ซินโย่วมองดูหญิงที่สะพายห่อผ้าพร้อมกับมองไปรอบๆ ผู้นี้ ก็รู้สึกได้ว่าโจรพวกนี้ส่งผลกระทบต่อราษฎรในแถบนี้อย่างมาก
จากนั้นก็มีรถม้าผ่านมาอีกสองสามคัน ซินโย่วเงี่ยหูฟังพลางสบตากับเฮ่อชิงเซียว
เสียงฝีเท้าม้าควบมาเร็ว ฟังแล้วเหมือนไม่ใช่ม้าแค่สามสี่ตัว
มองจากด้านบนออกไปไกล ไม่นานก็เห็นกลุ่มคนขี่ม้ามาอย่างไม่เร็วนัก มองซ้ายมองขวา แล้วก็ยกมือให้ทุกคนลงจากหลังม้า
คนด้านหลังก็พากันลงจากหลังม้า รอคนที่เป็นหัวหน้าสั่งการ
หัวหน้าหกถูกอุดปากไว้มองด้วยแววตาตกตะลึงแทบสิ้นสติ
หัวหน้าใหญ่!
“ที่นี่ก็แล้วกัน” หัวหน้าใหญ่ยกดาบก้าวเข้าไปในพุ่มไม้ที่โตเรียงรายอยู่สองข้างทาง จัดการบอกตำแหน่งกับคนที่พามาด้วย
คนกลุ่มนี้มีสิบกว่าคน ไม่นานก็มีสี่คนไล่ฝูงม้าไปยังป่ารกด้านหน้าไม่ไกลนัก เหลืออีกสิบกว่าคนรวมทั้งหัวหน้าใหญ่ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้
เดือนหกเดือนเจ็ด เป็นเวลาที่ต้นไม้ดอกไม้เติบโตงามที่สุด คนสิบกว่าคนซ่อนตัวอยู่ดังสัตว์ป่าซุ่มล่าเหยื่อตัวน้อย แววตาส่องประกายโหดเหี้ยม
“ย่ะ ย่ะ…”
สองร่างขี่ม้ามาจากทางอำเภอหลิง
“มาแล้ว” ในพุ่มไม้ หัวหน้าใหญ่กุมดาบในมือแน่น
บนต้นไม้ ซินโย่วกลั้นลมหายใจจับตามองเตรียมพร้อม
องครักษ์จิ่นหลินสองนายในเครื่องแต่งกายลำลอง ขี่ม้ามารวดเร็วก็มาถึงตรงหน้า พอเสียงนกร้องดังขึ้น บังเหียนม้าก็ถูกกระชากขึ้นทันที ขาม้างอหัก คนบนหลังม้าก็ร่วงหล่นลงไปเบื้องหน้า
ตอนทั้งสองคนถูกสะบัดร่วง หัวหน้าใหญ่ก็ลุกขึ้นยืนตวัดดาบ
โจรภูเขาที่ซุ่มอยู่สองข้างทางก็ลุกขึ้นพร้อมกัน ถือดาบออกไปขวางทางไว้
ดาบยาวลิ้มรสโลหิตคนมามากมายไม่รู้เท่าใดส่องประกายวาวภายใต้แสงตะวัน โจรภูเขายกดาบขึ้นด้วยสีหน้าแสยะยิ้มเหี้ยมโหด
ทว่าสีหน้าแสยะยิ้มเหี้ยมโหดพลันแข็งค้าง พร้อมกับเสียงร้องเจ็บปวด โจรภูเขาล้มลงตรงหน้า
ซินโย่วกระโดดลงจากต้นไม้ เดินไปหาโจรที่ร้องโอดโอยไม่หยุด
องครักษ์กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินสองนายยังไม่เข้าใจเหตุการณ์ มองไปทางเฮ่อชิงเซียวที่เดินมา “ใต้เท้า…”
ในระหว่างชุลมุน ลืมตัวเอ่ยเรียกคำเรียกขานแสดงสถานะ
“ลำบากพวกเจ้าแล้ว” เฮ่อชิงเซียวพยักหน้าก่อนเดินไปหยุดตรงหน้าหัวหน้าใหญ่
หัวหน้าใหญ่มองใบหน้าเฮ่อชิงเซียวกระจ่าง สีหน้าพลันแปรเปลี่ยน หลุดออกมาคำหนึ่ง “ใต้เท้าเฮ่อ!”
ยามนี้เองกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินตรวจสอบพื้นที่เสร็จก็เข้ามารายงาน “ใต้เท้า สามคนจับเป็น ตายไปเจ็ด”
“เก็บกวาดพื้นที่ นำตัวไปที่ป่าด้านหน้า”
เห็นทหารองครักษ์จิ่นหลินนายหนึ่งผลักหัวหน้าหกออกมา หัวหน้าใหญ่ก็จ้องตาแทบถลนหลุด “เจ้าหก เจ้านี่เอง!”
“อื้อ อื้อ อื้อ …” หัวหน้าหกที่ปากถูกอุดไว้ส่งเสียงไม่ออก ได้แต่แสดงสีหน้าอัดอั้น
ไม่ใช่เขานะ เขามีความสามารถมากมายเช่นนี้ที่ไหนกัน
เป็นเขา!
หัวหน้าหกหันขวับมองไปทางซินโย่ว
หนุ่มน้อยยังไม่เติบโตเต็มวัยในกลุ่มชายหนุ่ม รูปร่างผอมบาง ใบหน้าใสกระจ่าง แผ่นหลังกลับมีความลึกลับยากบรรยาย
ใช่แล้ว ลึกลับ
คุณชายใหญ่ผู้นี้ย่อมทำให้เขาหวาดกลัว แต่หนุ่มน้อยผู้นี้กลับให้ความรู้สึกลึกลับ
เพราะลึกลับจึงก่อให้เกิดความหวาดกลัวอย่างไร้เหตุผล
เขารู้ได้อย่างไรว่าหัวหน้าใหญ่จะดักซุ่มโจมตีสองคนที่ส่งเจ้าแปดไปที่ทำการ
เขารู้ได้อย่างไรว่าหัวหน้าใหญ่จะเลือกมาซุ่มโจมตีที่นี่
เขารู้ได้อย่างไรว่าเขาพาพี่น้องมาซ่อนตัวอยู่เนินเขาเตรียมปล้นฆ่าขบวนพ่อค้า?
หัวหน้าหกยิ่งคิดก็ยิ่งหวาดกลัว เห็นชัดว่าอยู่ภายใต้แสงแดดอ่อน แต่กลับรู้สึกมีไอเย็นเหน็บหนาวไหลลามไปยังมือเท้าไขกระดูก ในใจเต้นรัวดังกลองกระหน่ำ
ในยามนี้เอง ซินโย่วกวาดตามองหัวหน้าหกทีหนึ่ง
หัวหน้าหกตกใจสะดุ้ง ก่อนจะลมพับหมดสติไป
องครักษ์ที่คุมตัวหัวหน้าหกไว้มีสีหน้างุนงง “ใต้เท้า โจรนี่อยู่ๆ ก็หมดสติไปแล้ว”
“นำตัวออกไป” เฮ่อชิงเซียวเอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
ซินโย่วคล้ายคาดเดาประวัติความเป็นมาของหัวหน้าใหญ่ได้จากคำเรียกขานเฮ่อชิงเซียว เดินไปข้างกายเขาประเมินมองทีหนึ่ง เอ่ยน้ำเสียงเยียบเย็น “หัวหน้าใหญ่มากบารมีแท้ คำพูดเดียวก็ทำให้ลูกน้องสลบหมดสติได้”
หัวหน้าหกเพียงแค่หายใจไม่ทัน พอถูกลากระพื้นออกไปอย่างไม่ออมแรงก็เจ็บจนฟื้นขึ้นมา พอได้ยินคำพูดนี้ก็มีสีหน้าแปรเปลี่ยนไปมา
หัวหน้าใหญ่มีลูกศรปักอยู่ ได้แต่เม้มปากกลั้นความเจ็บปวด ในใจกลับเริ่มมีความหวัง
พวกเขายังมีอีกสี่คนเฝ้าอยู่ในป่า ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวทางนี้ ขอแค่คนหนึ่งหนีกลับไปค่ายโจรภูเขาได้ ก็มีต้นทุนเจรจาต่อรองแล้ว
พอถึงในป่า หัวหน้าใหญ่มองศพทั้งสี่ที่กองอยู่ที่พื้นด้วยสีหน้าซีดเผือด
“พวกเจ้ารู้ได้อย่างไร” ความไม่เข้าใจอย่างที่สุดทำให้เขาลืมความเจ็บปวดและความหวาดกลัว ส่งเสียงคำรามดังออกมา
พอสงบสติลงได้แล้ว หัวหน้าใหญ่จึงตั้งสติได้ คนเหล่านี้เป็นดังนกขมิ้นเฝ้ารออยู่ด้านหลัง[1] ไม่เกี่ยวกับหัวหน้าหก
แม้หัวหน้าหกทรยศเขา บอกคนเหล่านี้ว่าเขาอยู่อำเภอหลิง แล้วรู้ได้อย่างไรว่าเขาออกจากเมืองมาตอนไหน
นอกจาก…
หัวหน้าใหญ่สีหน้าแปรเปลี่ยน กัดฟันกรอดก่นด่า “นายอำเภอเจิ้ง เจ้าโจรชั่ว!”
เฮ่อชิงเซียวความรู้สึกไวเพียงใด พอได้ยินก็พลันนึกถึงความเป็นไปได้ที่หัวหน้าใหญ่กับนายอำเภอเจิ้งแห่งอำเภอหลิงจะแอบสมคบคิดกัน
หากเป็นเช่นนี้ ระยะนี้ที่เกิดภัยโจรร้ายละแวกอำเภอหลิงอย่างเหิมเกริม แต่ทางการไร้การเคลื่อนไหวก็สมเหตุสมผล
“เจ้าคือคนของขุนพลกบฏอู่เหยียนถิงกระมัง”
ตอนเดือนสี่ ผู้บัญชาการกองกำลังเมืองหลวงอู่เหยียนถิงนำทหารหนีลงใต้ ต่อมาถูกตามกวาดล้าง แต่ก็มีทหารหนีเล็ดลอดไปได้ประปรายอย่างไร้ร่องรอย
คิดถึงเวลาที่หัวหน้าใหญ่ยึดค่ายเมฆาดำ และยังจำเจิ้นฝูสื่อกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินเช่นเขาได้ คนผู้นี้ก็คือลูกน้องอู่เหยียนถิงที่เป็นดังปลาที่หลุดรอดจากแห
แววตาหัวหน้าใหญ่หดเกร็ง ในใจรู้สึกตกใจส่งเสียงด่าทอดังว่า “มิน่าเจ้าสุนัขแซ่เจิ้งรีบร้อนแจ้งข่าวข้าว่ามีเจ้าหน้าที่ทางการผ่านทางมา จับโจรจากค่ายเราเป็นนักโทษได้ แต่กลับไม่บอกว่าเป็นกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน ที่แท้เขารู้สถานะข้า จึงได้ร่วมมือกับกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินจะจับพวกเราเพื่อสร้างความชอบ…”
ได้ยินเสียงด่าทอของหัวหน้าใหญ่ หัวหน้าหกเริ่มหน้ามืดตาลายทันที
หัวหน้าใหญ่ถึงกับเป็นทหารกบฏ!
นายอำเภอถึงกับสมคบคิดกับโจรภูเขา!
คนที่จับกุมเขาถึงกับเป็นกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน!
สวรรค์ เขาเป็นเพียงแค่โจรกระจอก เหตุใดจึงได้ประสบเรื่องราวมากมายเช่นนี้!
ขณะหัวหน้าใหญ่แอบด่า เฮ่อชิงเซียวก็มองไปทางซินโย่ว
หัวหน้าใหญ่ไม่ทันได้สอบสวนก็สารภาพเองว่าสมคบคิดกับนายอำเภอเจิ้งแห่งอำเภอหลิง ไม่ใช่เพราะหัวหน้าใหญ่โง่เขลา แต่เพราะการซุ่มรอดังนกขมิ้นของพวกเขา ทำให้หัวหน้าใหญ่ได้แต่คิดถึงคำอธิบายที่สมเหตุสมผลนี้ นายอำเภอเจิ้งเป็นคนสองหน้า
และการที่ก่อให้เกิดการเข้าใจผิดนี้ได้ก็ล้วนเป็นเพราะนาง
ซินโย่วพลันส่งเสียงสั่งการ “เชียนเฟิง ไปนำพู่กันกับกระดาษในห่อสัมภาระมา”
[1] มาจากสำนวน ตั๊กแตนจับจักจั่น นกขมิ้นรออยู่ด้านหลัง หมายถึงนกขมิ้นรอจับตั๊กแตนอีกทอดหนึ่ง