ตอนที่ 1547 ดูถูก
เซียวหรงเหยี่ยนนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้านบนสุด เขาถือฎีกาที่เจ้าเมืองลี่อี้ขอบำเหน็จให้เหล่าเชื้อพระวงศ์ที่เจ้าเมืองเขียนขึ้นและยังไม่ทันถูกส่งไปเมืองหลวงไว้ในมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างยื่นไปอังไฟ ชายหนุ่มก้มหน้าลงเล็กน้อย ไม่ได้มองเหล่าเชื้อพระวงศ์ที่คุกเข่าอยู่กลางโถงรับรองแม้แต่น้อย แสงจากเตาผิงส่องสะท้อนหน้ากากสีเงินของเซียวหรงเหยี่ยนจนเห็นอย่างริบหรี่
เจ้าเมืองและแม่ทัพคุ้มกันเมืองคุกเข่าอยู่ทางด้านหลังเชื้อพระวงศ์ พวกเขาก้มหน้าอย่างไม่กล้ามองหน้าผู้สำเร็จราชการที่ขึ้นชื่อว่าโหดร้ายที่สุดของต้าเยี่ยน
“เจ้าเมืองลี่อี้คือผู้ใด” เซียวหรงเหยี่ยนเอ่ยถาม
ร่างของเจ้าเมืองลี่อี้แข็งทื่อ เขารีบคลานเข่าไปด้านหน้า “กระหม่อมอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ”
เซียวหรงเหยี่ยนวางฎีกาไว้บนโต๊ะสีดำข้างกาย เอื้อมมือทั้งสองข้างไปอังไฟแล้วมองไปทางเจ้าเมืองด้วยแววตาเคร่งขรึม “เกิดโรคระบาดขึ้นในเมืองลี่อี้ เชื้อพระวงศ์เหล่านี้อยู่ช่วยรักษาชาวบ้านในโรงหมอทั้งวันทั้งคืนอย่างนั้นหรือ”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงเยือกเย็นของเซียวหรงเหยี่ยนเจ้าเมืองลี่อี้จึงตระหนักได้ทันทีว่าผู้สำเร็จราชการไม่ได้ต้องการพบเชื้อพระวงศ์เหล่านี้เพื่อตบรางวัลให้ ทว่า ต้องการพบเพื่อจับผิดต่างหาก
“ไม่…ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ…” เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นที่หน้าผากของเจ้าเมืองลี่อี้ เขาก้มหน้าต่ำกว่าเดิม “เรื่องพวกนั้นเป็นหน้าที่ของหมอพ่ะย่ะค่ะ”
เซียวหรงเหยี่ยนถามต่อ “เช่นนั้นเชื้อพระวงศ์เหล่านี้พาบ่าวรับใช้ไปช่วยดูแลผู้ป่วยในโรงหมออย่างนั้นหรือ”
“ไม่…ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ” น้ำเสียงของเจ้าเมืองลี่อี้แผ่วกว่าเดิม “เป็น…เป็นหน้าที่ของทหารพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นหรือ ข้าชักสงสัยแล้วสิว่าเชื้อพระวงศ์เหล่านี้สร้างความดีความชอบใหญ่หลวงอันใดถึงขนาดทำให้เจ้าเมืองเขียนฎีกาไปขอบำเหน็จจากฝ่าบาทเช่นนี้” เซียวหรงเหยี่ยนยกชาขึ้นจิบ เชื้อพระวงศ์ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นได้ยินคำของเซียวหรงเหยี่ยนจึงรู้สึกหวาดกลัวยิ่งนัก พวกเขายังจำได้ดีว่าเซียวหรงเหยี่ยนจัดการกับพวกเขาเช่นไรตอนจักรพรรดิต้าเยี่ยนเพิ่งขึ้นครองราชย์ได้ไม่นาน หลายเดือนก่อนหน้านี้สองคนในพวกเขาทำผิดจนถูกผู้สำเร็จราชการขับไล่ออกจากแคว้นต้าเยี่ยนไปแล้ว
เดิมทีพวกเขาอยากถือโอกาสที่ต้าเยี่ยนเกิดโรคระบาดขึ้นให้เจ้าเมืองลี่อี้ขอบำเหน็จจากฝ่าบาทให้พวกเขา อย่างน้อยจักรพรรดิองค์น้อยของต้าเยี่ยนจะได้เห็นความจงรักภักดีของพวกเขา พวกเขาจะได้มีโอกาสกลับไปยังเมืองหลวงอีกครั้ง หากพวกเขายังอยู่ในที่ห่างไกลจากอำนาจในราชสำนักเช่นนี้ต่อไป ชีวิตของพวกเขาได้จบสิ้นแค่นี้แน่นอน
ทว่า พวกเขานึกไม่ถึงว่าผู้สำเร็จราชการจะเดินทางมายังเมืองลี่อี้
เจ้าเมืองลี่อี้เห็นเชื้อพระวงศ์ไม่กล้ากล่าวสิ่งใดจึงกล่าวออกมาช้าๆ “เหล่าเชื้อพระวงศ์สั่งให้คนต้มโจ๊กแจกจ่ายให้ชาวบ้าน ชาวบ้านจึงไม่อดอยาก กระหม่อมคิดว่าอาหารคือสิ่งจำเป็นที่สุดในตอนนี้จึงคิดว่าพวกเขามีความดีความชอบมากพ่ะย่ะค่ะ”
เซียวหรงเหยี่ยนจิบชาอีกอึก จากนั้นกล่าวขึ้นอย่างไม่รีบร้อน “ดูท่าในเมืองลี่อี้คงมีแต่เชื้อพระวงศ์เท่านั้นที่บริจาคโจ๊กให้ชาวบ้าน เจ้าเมืองถึงได้ขอบำเหน็จให้แต่พวกเขา ข้าคงต้องสืบเรื่องนี้สักหน่อยแล้ว”
เมื่อได้ยินคำกล่าวของเซียวหรงเหยี่ยนเชื้อพระวงศ์บางคนรีบก้มศีรษะคำนับแนบพื้นทันที “ผู้สำเร็จราชการ พวกเราถูกผู้สำเร็จราชการขับไล่มายังเมืองลี่อี้ พวกเราไม่เคยคิดอยากได้ความดีความชอบ แค่อยากทำคุณไถ่โทษเท่านั้น”
เชื้อพระวงศ์คนอื่นเข้าใจจุดประสงค์ของเซียวหรงเหยี่ยนในทันที พวกเขารีบก้มศีรษะคำนับและกันตัวเองออกจากปัญหาในครั้งนี้ “ใช่แล้ว พวกเราไม่เคยอยากได้ความดีความชอบ ผู้สำเร็จราชการได้โปรดวินิจฉัยด้วย”
“ผู้สำเร็จราชการ เจ้าเมืองเป็นคนทำเรื่องนี้โดยพลการ ไม่เกี่ยวกับพวกเราแม้แต่น้อย!”
เชื้อพระวงศ์คนหนึ่งมองไปทางเจ้าเมือง “เจ้าเมือง พวกเราไม่เคยอยากได้ความดีความชอบจากการแจกจ่ายโจ๊กเลยสักครั้ง เหตุใดเจ้าต้องทำร้ายพวกเราด้วย”
“โรคระบาดในเมืองลี่อี้ควบคุมได้แล้ว ผู้ที่มีความดีความชอบที่สุดคือบรรดาหมอ เหตุใดเจ้าถึงไม่ทูลขอบำเหน็จให้หมอเหล่านั้นกลับมาขอให้พวกข้าเช่นนี้ นี่มันไม่เหมาะสมสักนิด พวกข้าคือเชื้อพระวงศ์ การแจกจ่ายโจ๊กให้ชาวบ้านคือหน้าที่ของพวกข้าอยู่แล้ว ไม่สมควรได้รับการยกย่องสักนิด ฎีกาของเจ้าทำให้พวกข้าเดือดร้อน ผู้สำเร็จราชการจะมองพวกข้าเป็นคนเช่นไร! คนทั่วหล้าจะมองพวกข้าเป็นคนเช่นไรกัน!”
เจ้าเมืองลี่อี้กล่าวสิ่งใดไม่ออกแม้แต่น้อย คนที่ลอบบอกให้เขาทูลขอบำเหน็จให้ก็คือเชื้อพระวงศ์เหล่านี้ ตอนนี้กลับกันตัวเองออกจากปัญหาและโยนความผิดทั้งหมดให้แก่เขา เจ้าเมืองตัวเล็กๆ อย่างเขาจะสู้เชื้อพระวงศ์เหล่านี้ได้อย่างไรกัน เขาจำต้องทำตามนั้นอยู่ดี
ไม่ว่าอย่างไรเหล่าเชื้อพระวงศ์ก็ไม่เคยกล่าวเรื่องนี้ออกมาอย่างโจ่งแจ้ง ต่อให้เขาแก้ตัวก็ไม่มีหลักฐานอยู่ดี
เซียวหรงเหยี่ยนเห็นสีหน้าลำบากใจของเจ้าเมืองและสีหน้าไม่พอใจของแม่ทัพคุ้มกันเมืองก็เข้าใจเรื่องทุกอย่างในทันที เขาจะไม่รู้นิสัยของเชื้อพระวงศ์เหล่านี้ได้อย่างไรกัน เชื้อพระวงศ์เหล่านี้รับมือยากมาก เจ้าเมืองลี่อี้ก็คงไม่ใช่คนมีความรับผิดชอบสักเท่าใด มิเช่นนั้นคงไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นหรอก เชื้อพระวงศ์เหล่านี้คงสื่อเป็นนัยๆ ให้เจ้าเมืองรับรู้ เจ้าเมืองเกรงกลัวอำนาจของคนเหล่านี้จึงได้แต่เขียนฎีกาขอบำเหน็จให้คนเหล่านี้และเตรียมส่งไปยังเมืองหลวง
“ล้วนเป็นความผิดของกระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม…กระหม่อม…”
เจ้าเมืองลี่อี้กล่าวเสียงสั่นเทายังไม่จบก็เห็นเยว่สือเดินเข้ามาด้านในเสียก่อน เขาโค้งกายทำความเคารพเซียวหรงเหยี่ยนจากนั้นกล่าวขึ้น “องค์ชาย คนจากเมืองอันซุ่นมาบอกว่าจักรพรรดินีต้าโจวเสด็จมาถึงเมืองอันซุ่นแล้ว พระองค์อยากพบผู้สำเร็จราชการเพื่อขอจูเฉิงหรูจากองค์ชายพ่ะย่ะค่ะ”
เยว่สือกล่าวพลางเหลือบมองเจ้าเมืองลี่อี้ที่คุกเข่าตัวสั่นเทาอยู่บนพื้นแวบหนึ่ง จากนั้นกล่าวต่อ “ได้ยินว่าเป็นหมอของเมืองลี่อี้ที่ถูกตัดสินโทษประหารพ่ะย่ะค่ะ ทางนั้นกล่าวว่าหากต้าเยี่ยนไม่ต้องการคนมีความสามารถเช่นนี้ต้าโจวต้องการพ่ะย่ะค่ะ ต้าโจวขอให้ผู้สำเร็จราชการเห็นแก่จักรพรรดินีต้าโจวสักครั้งพ่ะย่ะค่ะ”
เซียวหรงเหยี่ยนรู้แล้วว่าไป๋ชิงเหยียนเดินทางมาถึงเมืองอันซุ่นแล้ว มิเช่นนั้นเขาก็คงไม่เดินทางมาถึงเมืองลี่อี้ในเวลาใกล้เคียงกันเช่นนี้หรอก
“จูเฉิงหรูอย่างนั้นหรือ” เซียวหรงเหยี่ยนเอ่ยถามออกมาพลางมองไปทางเจ้าเมืองลี่อี้ เขาเห็นเจ้าเมืองมีสีหน้าย่ำแย่กว่าเดิม
“ผู้สำเร็จราชการ คนผู้นี้คือสายลับของต้าโจวที่แฝงตัวอยู่ในต้าเยี่ยนพ่ะย่ะค่ะ!” เชื้อพระวงศ์คนหนึ่งรีบยัดข้อหาให้จูเฉิงหรูด้วยความร้อนรน “การที่จักรพรรดินีต้าโจวเสด็จมารับตัวคนผู้นี้เองคือหลักฐานที่มัดตัวเขาอย่างแน่นหนา ผู้สำเร็จราชการจะปล่อยตัวเขาไปง่ายๆ ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ มิเช่นนั้นชาวบ้านต่ำต้อยผู้อื่นอาจเลียนแบบการกระทำของเขาได้ นี่ไม่เป็นผลดีต่อต้าเยี่ยนของพวกเราสักนิดพ่ะย่ะค่ะ!”
เซียวหรงเหยี่ยนมองไปทางเชื้อพระวงศ์ที่เรียกชาวบ้านว่าชาวบ้านต่ำต้อยด้วยแววตาเยือกเย็นจนคนผู้นั้นตัวสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว
เยว่สือเห็นท่าทีของเจ้านายตัวเองก็รู้สึกตกใจเช่นเดียวกัน ก่อนหน้านี้เจ้านายของเขาไม่เคยโมโหเมื่อได้ยินผู้อื่นเรียกชาวบ้านเหล่านั้นว่าชาวบ้านต่ำต้อย
จู่ๆ เขาก็นึกถึงเหตุการณ์ที่คุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋สั่งสอนบุตรอนุของนายท่านรองของตระกูลไป๋กลางถนนเพราะคนผู้นั้นเรียกชาวบ้านว่าชาวบ้านต่ำต้อยขึ้นมาได้ นางกล่าวว่าชาวบ้านต่ำต้อยเหล่านั้นคือเหตุผลที่กองทัพไป๋มีชีวิตอยู่ ชาวบ้านจ่ายภาษีเลี้ยงดูกองทัพไป๋ ตระกูลไป๋ของหญิงสาวกลัวว่าจะชดใช้บุญคุณของชาวบ้านได้ไม่หมด
เยว่สือรู้ในทันทีว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋มีอิทธิพลต่อเจ้านายของเขามากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่เจ้านายไม่รู้ตัว ตอนนี้เจ้านายของเขาจึงให้ความสำคัญกับชาวบ้านเช่นเดียวกับที่คุณหนูใหญ่ทำ