คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 754 ตระกูลซ่งต่ำช้าจริงๆ

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 754 ตระกูลซ่งต่ำช้าจริงๆ

ซ่ง ไม่สิ ควรจะเป็นฉินอวี่เยียนนั้นร้อนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากนับตั้งแต่ก้าวเข้าสู่จวนซ่งจนถึงตอนนี้ก็เกือบสองเดือนแล้ว ทุกครั้งที่นางอยากเสนอว่าจะจากไป ท่านย่าที่แสดงละครเก่งของนางผู้นั้นก็จะร้องไห้น้ำตาไหล บอกว่าเมื่อก่อนหน้านี้ทำไม่ดีกับพวกนาง จึงได้เกิดเหตุการณ์ที่คนผมขาวต้องส่งคนผมดำ เป็นความผิดของนางเองอะไรทำนองนั้น ซ้ำยังมีสะใภ้ตู้แม่เลี้ยงของนางยืนอยู่ด้านข้างใช้ความกตัญญูมากดดันด้วยท่าทางคลุมเครือแปลกๆ พวกนางจึงไม่อาจเอ่ยอะไรได้ ทำได้เพียงรอ

ยิ่งรอก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ เพราะสายตาที่สะใภ้ตู้มองพวกนางดูมีแผนการราวกับว่ากำลังดูสินค้าชิ้นหนึ่งที่มีชีวิตเพื่อรอราคา เผยให้เห็นรอยยิ้มเยาะเย้ยเป็นครั้งคราว ทำให้ฉินอวี่เยียนรู้สึกขนลุกในใจ ดึงน้องสาวมาอยู่ด้วยกัน ชะเง้อคอตั้งตารอมารดาของนางมาเคาะประตู…

มารับพวกนางออกไป

แต่นางคิดไม่ถึงว่าคนที่มารับคือหมัวหมัวเฒ่าที่อยู่ข้างกายฮูหยินผู้เฒ่าจวนเสนาบดีลิ่น?

พวกนางคิดไม่ถึง ฮูหยินซ่งผู้เฒ่าก็ยิ่งคิดไม่ถึง นั่นเป็นถึงจวนเสนาบดีลิ่น อย่าว่าแต่ตอนนี้ที่ตระกูลฉินล้มลง ฉินเหมยเหนียงถูกปลดภรรยากลับตระกูลเดิม แม้ว่าจะเป็นก่อนหน้านี้ที่ไม่ได้ถูกปลด ไหนเลยที่นางกับฮูหยินผู้เฒ่าขั้นหนึ่งท่านนั้นจะมีความสัมพันธ์กัน แต่ตอนนี้?

ฟังดูสิว่าหมัวหมัวเฒ่าผู้นี้เอ่ยว่าอย่างไร บอกว่าฉินเหมยเหนียงกำลังเป็นแขกอยู่ที่จวนเสนาบดี พูดคุยอยู่เป็นเพื่อนกับฮูหยินผู้เฒ่า!

ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของฮูหยินซ่งผู้เฒ่าแทบจะแข็งทื่ออยู่แล้ว สะใภ้ตู้ที่นั่งอยู่ทางโต๊ะด้านซ้ายของนางกล่าวว่า “พี่หญิงฉินกับฮูหยินลิ่นผู้เฒ่าสนิทกันเพียงนั้นเชียวหรือ”

หากฉินเหมยเหนียงเกาะแข้งเกาะขาฮูหยินลิ่นผู้เฒ่าตั้งแต่แรก มีหรือที่ซ่งลี่หยางจะปลดนาง อย่างไรเสียนั่นก็คือมารดาของเสนาบดีลิ่น

หมัวหมัวเฒ่านั่งบนเก้าอี้หลังตั้งตรง เอ่ยว่า “เมื่อก่อนฮูหยินผู้เฒ่าของพวกเราเคยไปสนทนาธรรมในวัดตอนที่มีพิธีทางพระพุทธศาสนา นางเป็นคนนิสัยดีมีเมตตา ย่อมถูกใจฮูหยินผู้เฒ่าของพวกเรา”

นี่กำลังสื่อถึงใครกัน

สะใภ้ตู้แสยะยิ้ม กล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ กลับเมืองหลวงมาตั้งนาน เหตุใดจึงรอจนถึงตอนนี้แล้วค่อยไปเยี่ยมล่ะ”

หมัวหมัวเฒ่าเหลือบมองนาง “นี่คือจุดที่แม่นางฉินรู้ประสาและมีมารยาท ตระกูลฉินตกต่ำ ซ้ำนางยังถูกปลดภรรยาพาบุตรสาวกลับตระกูลเดิม กลัวว่าจะถูกคนรังเกียจ และยิ่งไม่อยากถูกคนกล่าวหาว่ามาขอพึ่งฮูหยินลิ่นผู้เฒ่าจึงไม่กล้ามาหา หากไม่ใช่เพราะพบกันระหว่างทาง นางก็ไม่ยอมไปด้วยซ้ำ”

นางเอ่ยคำโกหกอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตามความจริงจะเป็นเช่นนี้จริงๆ หรือไม่ เจ้าก็ไปตรวจสอบเอาเองเถิด!

สะใภ้ตู้ถูกโต้แย้งจนหน้าแดงก่ำ สะใภ้ที่แต่งกับบุตรชายคนโตเชื้อสายหลักที่นั่งอยู่อีกฝั่งของนายหญิงซ่งผู้เฒ่าใช้หางตาเหลือบมองพี่สะใภ้ม่ายผู้นี้ โง่เง่า

ฉินอวี่เยียนและน้องสาวเดินเข้ามาในเวลานี้ หลังจากที่คำนับทุกคนแล้วก็มองไปยังหมัวหมัวเฒ่า

“นี่ก็คือคุณหนูใหญ่และคุณหนูรองกระมัง ไม่ได้พบหน้ากันหลายปี หน้าตางดงามราวกับดอกไม้” หมัวหมัวเฒ่ายิ้มพลางก้าวเข้าไป จับมือฉินอวี่เยียนและฉินอวี่ชิงก่อนจะมองสำรวจ กล่าวว่า “บ่าวคือหมัวหมัวข้างกายฮูหยินผู้เฒ่าจวนเสนาบดี ครั้งนี้ได้รับคำสั่งเป็นพิเศษจากฮูหยินผู้เฒ่าให้มารับพวกท่านทั้งสองพี่น้องไปพบ”

ฉินอวี่เยียนและน้องสาวระงับความตื่นเต้น คารวะนาง เอ่ยตอบรับ “เจ้าค่ะ”

หมัวหมัวเฒ่าไม่ได้เลี่ยงการคำนับนี้ รับไว้อย่างเต็มใจ ทั้งยังเอ่ยต่ออีกว่า “เดิมทีท่านแม่ของพวกท่านก็อยากจะมารับพวกท่านสองคนพี่น้องกลับบ้านด้วยตัวเอง แต่นางถูกฮูหยินผู้เฒ่าลากตัวไปสนทนาธรรมไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้ จึงต้องให้หญิงชราอย่างข้ามาแทน”

“ท่านแม่สบายดีหรือไม่เข้าคะ” น้ำเสียงของฉินอวี่ชิงกระอึกกระอักเล็กน้อย

“สบายดี เว้นเสียแต่คิดถึงพวกท่านสองคนพี่น้อง” หมัวหมัวเฒ่ายิ้มพลางเอ่ยตำหนิว่า “พวกท่านก็จริงๆ เลย การไว้อาลัยท่านพ่อทางด้านนี้ก็สิ้นสุดลงแล้ว ควรจะรีบกลับไปปรนนิบัติอยู่ข้างกายมารดาจึงจะถูก เหตุใดจึงเล่นสนุกจนไม่กลับบ้าน”

นายหญิงซ่งผู้เฒ่าเอ่ยว่า “อวี่เยียนและน้องสาวเป็นลูกหลานตระกูลซ่งของพวกเรา ย่อมต้องอยู่ที่ตระกูลซ่ง”

หมัวหมัวเฒ่าประหลาดใจ “แต่ตอนนั้นที่พวกท่านปลดแม่นางฉิน ก็มอบแม่นางทั้งสองให้กับนางแล้วไม่ใช่หรือ มิฉะนั้นแม่นางฉินก็คงไม่พาพวกนางตั้งครัวเรือนสตรีเปลี่ยนแซ่แล้ว”

นายหญิงซ่งผู้เฒ่าสีหน้ามืดครึ้ม

หมัวหมัวเฒ่าเอ่ยอีกว่า “อีกอย่าง ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านก็ไม่ควรรั้งพวกนางสองคนพี่น้องไว้ ได้ยินแม่นางฉินบอกว่ามีการทำนายดวงชะตาของบุตรสาวคนโตว่าอยู่ในช่วงไม่ดีนัก ไม่ควรแต่งงานเร็ว มิฉะนั้นแต่งกับใครก็จะพิฆาตผู้นั้น กระทั่งพิฆาตทั้งเครือญาติ”

นายหญิงซ่งผู้เฒ่าใจสั่น

สะใภ้ตู้เอ่ย “การทำนายดวงชะตาล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งนั้น”

“จะกล่าวเช่นนั้นก็ไม่ถูก เทพเจ้าอยู่เหนือศีรษะ คนธรรมดาทำอะไรไว้ล้วนมองเห็นอย่างชัดเจน มิเช่นนั้นจะมีคำกล่าวที่ว่า ‘มนุษย์ทำสิ่งใดสวรรค์เฝ้าดูอยู่’ ได้อย่างไร นายหญิงใหญ่ท่านว่าเป็นเช่นนี้หรือไม่” หมัวหมัวเฒ่าหัวเราะในลำคอ กล่าวอีกว่า “หญิงชราอย่างข้าเอ่ยมากไปแล้ว ท่านฮูหยินผู้เฒ่า ฮูหยินผู้เฒ่าของพวกเรากำลังรอเด็กสาวทั้งสองไปหา ต้องการเลือกลวดลาย จะได้ให้แม่นางช่วยทำผ้าคาดศีรษะ เช่นนั้นข้าขอตัวพาพวกนางกลับตระกูลเสนาบดีได้หรือไม่”

“คือว่า…”

“หากฮูหยินผู้เฒ่าไม่วางใจ ก็สามารถส่งหมัวหมัวติดตามไปส่งได้ เห็นพวกเราเข้าไปในจวนเสนาบดีกับตาแล้วค่อยไปก็ยังได้” หมัวหมัวเฒ่าเอ่ยปากขัดจังหวะคำพูดของนาง

ฮูหยินซ่งผู้เฒ่าโมโหถึงขีดสุด มองไปยังฉินอวี่เยียน แสดงสีหน้าท่าทางน่าสงสาร “เยียนเอ๋อร์ เจ้าจะทิ้งท่านย่าไปจริงๆ หรือ ในตระกูลซ่ง พวกเจ้ายังคงเป็นคุณหนูใหญ่และคุณหนูรองอยู่นะ”

ฉินอวี่เยียนไม่ใช่คนโง่ ท่านแม่ถึงขั้นไปร้องขอความช่วยเหลือจากจวนเสนาบดีเช่นนี้ให้มาหาพวกนางสองคนพี่น้อง เห็นได้ชัดว่ากลัวว่าตระกูลซ่งจะกักตัวคนไว้ไม่ปล่อยจึงได้ยืมอำนาจ แล้วนางจะทำเสียการได้อย่างไร

นางยิ้มเล็กน้อยแล้วจึงเอ่ย “นายหญิงผู้เฒ่า พวกเราสองคนพี่น้องเปลี่ยนเป็นแซ่ฉินแล้ว เป็นลูกหลานตระกูลฉิน นายหญิงผู้เฒ่ามีลูกหลานในตระกูลมากมาย แต่ท่านแม่ของข้ามีเพียงข้าสองคนพี่น้องเท่านั้นเจ้าค่ะ”

ฮูหยินซ่งผู้เฒ่าสีหน้ามืดครึ้ม “เจ้าต้องคิดให้ดี อยู่ที่ตระกูลซ่งพวกเจ้าจะยังคงเป็นคุณหนูผู้สูงส่ง สวมเครื่องประดับเงินทองและเสื้อผ้างดงาม แต่หากติดตามท่านแม่เจ้า ก็จะเป็นเพียงแค่สามัญชนคนธรรมดา”

ฉินอวี่เยียนดึงฉินอวี่ชิงมาคำนับนาง “พวกเราขอให้นายหญิงผู้เฒ่าสุขภาพแข็งแรงอายุยืนยาว” หลังจากเอ่ยจบก็ไปยืนอยู่ข้างหลังหมัวหมัวเฒ่า

หมัวหมัวเฒ่ายิ้มพลางเอ่ย “เช่นนั้นพวกเราก็ขอตัวก่อน”

นางพาสองคนพี่น้องถอยออกไปที่ประตู ขณะที่กำลังจะเดินออกไปก็หยุดฝีเท้า เอ่ยว่า “จริงสิ เกิดเรื่องขึ้นกับตระกูลฉินกะทันหัน ซ้ำยังถูกปิดเงียบไว้ ได้ยินแม่นางฉินบอกว่าสินสอดทองหมั้นถูกใส่กุญแจไว้ในตระกูลฉินไม่สามารถนำออกมาเพื่อตรวจสอบกับจวนของท่านได้ แต่รายการสินสอดทองหมั้นนี้ ไม่แน่อาจจะสามารถนำคืนกลับมาได้ในเร็วๆ นี้ เกรงว่าจวนของท่านจะต้องเตรียมไว้ให้ดี มิเช่นนั้นเมื่อตระกูลฉินมาเอาสินสอดที่จวน หากไม่ครบก็จะถูกคนครหาได้”

ฮูหยินซ่งผู้เฒ่ากับสะใภ้ตู้สีหน้าเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก สินสอดทองหมั้นของสะใภ้ฉิน ไหนเลยจะยังเหลืออยู่

“แม้ว่าแม่นางฉินจะถูกปลดออกจากจวน แต่ก็ไม่ได้ทำความผิดเจ็ดประการ[1] ซ้ำยังให้กำเนิดบุตรสาวทั้งสอง ย่อมสามารถนำสินสอดทองหมั้นกลับคืนไปได้ ตระกูลของท่านก็เป็นตระกูลมีหน้ามีตา คงจะไม่ซุกซ่อนไว้หรอกกระมัง” หมัวหมัวเฒ่ายังเอ่ยต่อไป

สะใภ้ตู้กล่าวว่า “นางถูกปลดภรรยา แล้วจะเอาสินสอดคืนไปได้อย่างไร”

ฮูหยินซ่งผู้เฒ่าดุเสียงเบา “หุบปาก!”

หมัวหมัวเฒ่าเหลือบมองนางอย่างดูหมิ่น อนุภรรยาผู้นี้เลื่อนตำแหน่งข้นมาเป็นภรรยาเอก แต่ก็ไม่มีอำนาจ จึงกล่าวว่า “หากสตรีไม่ได้ทำความผิดเจ็ดประการ และไม่ได้ทำผิดพลาดร้ายแรง แม้ว่าจะถูกปลด ก็ย่อมสามารถนำสินสอดกลับคืนไปได้ ก่อนหน้านี้ไม่เอากลับมา นั่นเป็นเพียงเพราะว่ารายการสินสอดทองหมั้นถูกใส่กุญแจเก็บไว้ในตระกูลเดิมไม่ทันได้เอาออกมา และจวนของท่าน…หึ”

หากตระกูลซ่งเป็นคนให้ความสำคัญกับความรู้สึก ตอนนั้นที่ไล่คนออกไป แม้ว่าจะไม่มีรายการสินสอดแต่ก็ควรจะคืนสินสอดให้กับนาง แต่พวกเขากลับให้นางออกมาตัวเปล่า แม้แต่สายเลือดของตัวเองก็ไล่ออกไปด้วย ต่ำช้าจริงๆ!

[1] ความผิดเจ็ดประการ คือภรรยามีความผิดหนึ่งในเจ็ดข้อขึ้นไป ประกอบด้วย 1.อกตัญญู 2.ไร้ทายาท 3.มีชู้ 4.ริษยา 5.เป็นโรคร้าย 6.ปากมาก 7.ลักขโมย

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท