ตอนที่ 755 กรรมตามสนองไม่สนุกล่ะสิ
เป็ดที่ใกล้จะเข้าปากบินหนีไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฮูหยินซ่งผู้เฒ่าหรือสะใภ้ตู้ก็ไม่เต็มใจทั้งนั้น พวกนางย่อมไม่อยากให้ฉินอวี่เยียนกับน้องสาวจากไป แต่คนที่มารับดันเป็นหมัวหมัวเฒ่าของฮูหยินผู้เฒ่าจวนเสนาบดี พวกนางอยากจะยื้อออกไปจนกว่าเรื่องจะเสร็จสิ้น แต่หมัวหมัวเฒ่ากลับเอ่ยถึงตำแหน่งขุนนางของซ่งลี่จวิน นั่นเป็นคำขู่
สะใภ้ตู้ไม่สนใจ แต่ฮูหยินซ่งผู้เฒ่าสนใจ เพราะนั่นคือบุตรชายเชื้อสายหลักคนโตของนาง ทำลายอนาคตของบุตรชายคนโตเพื่อสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น ได้ไม่คุ้มเสีย
สะใภ้พานซึ่งเป็นลูกสะใภ้ยิ่งจ้องมองตาเขม่น ส่งหมัวหมัวเฒ่าและคนอื่นๆ ออกไปด้วยตัวเอง
ใช้อนาคตของทั้งครอบครัวนางมาแลกกับอนาคตของครอบครัวท่านอาเล็กและสะใภ้ตู้งั้นหรือ
ฝันไปเถอะ!
ฮูหยินซ่งผู้เฒ่ามองดูพวกนางจากไปต่อหน้าต่อตา โกรธจนตัวสั่น
“ไม่รู้จักสำนักบุญคุณเลยจริงๆ!” สะใภ้ตู้เองก็แค้นมาก
ฮูหยินซ่งผู้เฒ่าขว้างถ้วยชาออกไปอย่างแรง เอ่ยด้วยความโกรธ “ล้วนเป็นความคิดชั่วๆ ของเจ้าทั้งนั้น ตอนนี้เป็นอย่างไร คนไปแล้ว เจ้าว่าเจ้าจะจัดการอย่างไร”
ชาถ้วยนั้นผ่านหน้าของสะใภ้ตู้ไป ทำเอานางตกใจจนหน้าซีด เอ่ย “ท่านแม่ ข้าก็ไม่ได้เป็นคนไล่ออกไป จะโทษข้าได้อย่างไร”
“ไม่โทษเจ้าแล้วจะโทษใคร หากไม่ใช่เพราะตอนนั้นเจ้าเอาแต่รบเร้าลี่หยางจนเป็นบ้าขึ้นมา เด็กสองคนนั่นจะถูกฉินเหมยเหนียงพาออกไปหรือ แล้วจะกลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร” ฮูหยินซ่งผู้เฒ่าเอ่ยด้วยความเกลียดชัง “มาจากตระกูลเล็กๆ สายตาก็เลยคับแคบ”
สะใภ้ตู้น้อยใจเป็นอย่างมาก เอ่ย “ข้าก็เพียงเสนอขึ้นมา แต่หากไม่มีท่านพี่และท่านแม่ตัดสินใจ พวกนางก็คงไม่ไปจากตระกูลซ่ง”
ราวกับว่านางเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจในครอบครัวนี้ ตอนนั้นที่ไล่คนออกไป หรือว่าเป็นนางที่เป็นคนตัดสินใจจริงๆ
ตอนนี้ก็เลยมาโทษนาง
“เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้!” ฮูหยินซ่งผู้เฒ่าก็อารมณ์เสียเช่นกัน ตอนนั้นหน้ามืดตามัว หุนหันพลันแล่นไปชั่วขณะ จึงไล่เด็กสาวทั้งสองออกไป ตอนนี้คิดดูแล้วสูญเสียไปไม่น้อยเลย
เด็กสาวนั้นไม่สำคัญ แต่พวกนางสามารถนำผลประโยชน์จากการแต่งงานมาสู่วงศ์ตระกูลได้ อย่างเช่นครั้งนี้ ไล่คนออกไปแล้ว ต้องการเอากลับคืนมาอีกนั้นกลับเป็นไปได้ยาก
ซ้ำพวกนางยังเปลี่ยนแซ่แล้ว บิดาผู้ให้กำเนิดก็เสียชีวิตแล้ว จากนี้ไปก็ยิ่งไม่มีความสัมพันธ์กับตระกูลซ่งอีกแล้ว
แต่สิ่งเหล่านี้ไม่สำคัญ ที่สำคัญก็คือพรุ่งนี้ตอนที่จ้าวจวิ้นอ๋องผู้นั้นมาที่จวนจะทำอย่างไร
“พรุ่งนี้ทางด้านจ้าวจวิ้นอ๋อง เจ้าจะจัดการอย่างไร” ฮูหยินซ่งผู้เฒ่าจ้องมองนางอย่างผลักภาระ
สะใภ้ตู้กล่าวอ้ำๆ อึ้งๆ ว่า “ตระกูลซ่งก็ไม่ได้มีบุตรสาวเพียงสองคนเท่านั้น”
“เจ้าอย่าแม้แต่จะคิด” ฮูหยินซ่งผู้เฒ่าจ้องนางอย่างดุเดือด กล่าวว่า “ข้าจำได้ว่าตระกูลเดิมของเจ้ามีหลานสาว รูปร่างหน้าตาไม่แย่ไปกว่าอวี่เยียนแม้แต่นิด ฤดูหนาวนี้ก็ใกล้จะปักปิ่นแล้วกระมัง”
สะใภ้ตู้หน้าซีด “ท่านแม่!”
เกรงว่าพี่สะใภ้ใหญ่นางจะฉีกนางเป็นชิ้นๆ แน่
ฮูหยินซ่งผู้เฒ่าแสยะยิ้มพลางเอ่ย “ครอบครัวอย่างตระกูลตู้จะหาได้ดีกว่าจ้าวจวิ้นอ๋องหรือ เป็นอนุก็นับว่าให้เกียรตินางแล้ว! เจ้าต้องคิดให้รอบคอบกว่านี้”
สะใภ้ตู้งึมงำ แต่กลับพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว นางกำลังยกก้อนหินทับเท้าตัวเองอยู่หรือไม่ จากวางแผนกลายเป็นถูกวางแผน
และในเวลานี้ที่หอฉังอิน จ้าวจวิ้นอ๋องที่กำลังเล่นกับนกได้ฟังข่าวลือเรื่องราวแปลกๆ ของตระกูลซ่งลี่หยางที่จมน้ำตาย อยากได้เด็กสาวที่ไล่ออกจากตระกูลกลับไป ไร้ยางอายสิ้นดี
จ้าวจวิ้นอ๋องฟังบทสนทนาอยู่ข้างหลังด้วยสีหน้าเรียบเฉย ได้ยินพวกเขาเอ่ยเพียงว่า “เด็กสาวโตแล้ว จึงมีประโยชน์แล้ว ไร้ยางอายได้เพียงนี้ก็เพราะต้องการหาคู่ที่เหมาะสมกระทั่งตระกูลที่สูงส่งมาแต่งงานเพื่อแลกกับผลประโยชน์”
“เฮ้อ นั่นสิ ก็ไม่รู้ว่าใครโชคร้ายได้ขนาดนี้ ได้ยินว่าเด็กสาวผู้นั้นถูกอาจารย์ทำนายชะตาชีวิตไว้ว่าไม่ควรแต่งงานเร็ว มิเช่นนั้นจะพิฆาตเครือญาติ”
“เรื่องนี้เจ้าก็รู้ด้วยหรือ”
“มารดาของเด็กสาวผู้นั้นบอกว่าดูเหมือนว่าฮูหยินที่เคยมีความสัมพันธ์ที่ดีในอดีตจะชอบเด็กคนนี้ก็เลยเอ่ยถาม ในฐานะที่เป็นมารดาก็คงไม่มีทางทำลายชื่อเสียงบุตรสาวของตัวเองหรอกกระมัง ตัวนางเองก็ถูกปลดภรรยา บิดาของเด็กสาวก็เสียชีวิตแล้ว ยากที่จะหาสามีที่มีภูมิหลังครอบครัวที่ดีได้ แต่ก็ยังกล่าวเช่นนี้ แล้วจะเป็นเรื่องโกหกได้อีกหรือ”
“ดวงพิฆาตเครือญาติ ทำให้ข้านึกถึงแม่นางเจียงคนดวงซวยที่เลื่องลือผู้นั้น แต่งงานสามครั้งพิฆาตตายทุกคน น่าเห็นใจนัก”
“ไปเถิดๆ อย่างไรเสียผู้โชคร้ายก็ไม่ใช่พวกเรา เอ๊ะ ภาพวาดนกฮว่าเหมยสีทองทางด้านนั้นไม่เลวเลย”
“…”
จ้าวจวิ้นอ๋อง บุรุษผู้โชคร้ายดึงขนนกด้วยความโกรธจนสั่นไปทั้งตัว ดวงพิฆาตสามี ตระกูลซ่งกล้าทำร้ายเขา?
รนหาที่ตาย!
…
เมื่อฉินอวี่เยียนและน้องสาวได้พบกับฉินเหมยเหนียงอีกครั้งก็กอดกันร้องไห้ ไม่ง่ายเลยกว่าจะหยุดร้อง ฉินเหมยเหนียงจึงลากพวกนางสองคนพี่น้องมาโขกศีรษะคำนับขอบคุณฮูหยินลิ่นผู้เฒ่า
ฮูหยินลิ่นผู้เฒ่าให้คนพยุงพวกนางลุกขึ้น จากนั้นก็ให้คนไปเอาน้ำมาให้พวกนางล้างหน้าล้างตา สำรวจมองเด็กสาวทั้งสอง ล้วนมีดวงตาที่สดใส หน้าตาน่ารัก ก็ไม่แปลกใจเลยที่ตระกูลซ่งจะไร้ยางอายได้ขนาดนี้
แต่อย่างไรก็ตาม ตระกูลซ่งก็โง่มากจริงๆ ปลดภรรยาเอกไม่เท่าไหร่ เด็กสาวที่เลี้ยงมาจนโตขนาดนี้ก็ยังทำใจไล่ออกไปได้ ช่างโง่เง่าสิ้นดี
ฮูหยินลิ่นผู้เฒ่ามอบของขวัญแรพบให้กับเด็กสาวทั้งสองตามลำดับ
ฉินเหมยเหนียงรีบปฏิเสธ “เพียงแค่ยืมอำนาจของท่านรับพวกนางออกมาข้าก็รู้สึกซาบซึ้งอย่างไม่มีที่สิ้นสุดแล้วเจ้าค่ะ ไหนเลยจะรับของขวัญแรกพบของท่านได้”
“ผู้ใหญ่ให้ อย่าได้ปฏิเสธ รับไว้เถิด ก็ไม่ใช่ของมีค่าอะไรมากมาย แม่นางกำลังจะปักปิ่น กลับต้องมาเจอเรื่องเช่นนี้ ลำบากเจ้าแล้ว” ฮูหยินลิ่นผู้เฒ่าเอ่ยพลางมองฉินอวี่เยียน
ฉินอวี่เยียนส่ายหน้า เอ่ย “ตราบใดที่ได้อยู่กับท่านแม่และน้องสาวก็ไม่เป็นไรแล้วเจ้าค่ะ”
“เด็กดี มีจิตใจที่ซื่อตรง ในภายภาคหน้าย่อมได้พบสิ่งที่ดี” ฮูหยินลิ่นผู้เฒ่ากล่าวด้วยรอยยิ้ม
ฉินอวี่เยียนคำนับ
ฉินเหมยเหนียงเห็นว่าไม่สามารถปฏิเสธได้จึงให้บุตรสาวรับไว้ แล้วโขกศีรษะคำนับนางอีกครั้ง จากนั้นก็กล่าวลา “แม้ว่าพวกนางจะถูกไล่ออกจากจวน แต่ก็ยังมีความกตัญญูอยู่เสมอ ไม่ขออยู่ที่จวนเสนาบดีต่อแล้วเจ้าค่ะ”
“จะพักสักคืนก็ได้”
ฉินเหมยเหนียงยังคงส่ายหน้า นางเป็นคนที่รู้ตัวเองดี
หลังจากคำนับขอบคุณฮูหยินลิ่นผู้เฒ่า หมัวหมัวเฒ่า และคนอื่นๆ แล้ว พวกนางสามคนแม่ลูกก็จากไป เมื่อกลับไปถึงโรงเตี๊ยม ก็เล่าเรื่องในตระกูลซ่งให้ฟังอย่างละเอียดแล้วร้องไห้อีกครั้ง
ฉินอวี่เยียนได้รู้ถึงแผนการของตระกูลซ่งจากปากของมารดา ตกใจจนหน้าซีด ริมฝีปากสั่นระริก
“ไม่ต้องกลัว ภัยพิบัติครั้งนี้ได้ผ่านพ้นไปแล้ว ครองตัวเป็นโสดสามปี เมื่อเจ้าอายุสิบแปดปีก็จะได้พบกับบุรุษที่สมดั่งปรารถนา” ฉินเหมยเหนียงเอ่ยต่อว่า “เรื่องนี้ต้องขอบคุณพี่สาวผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องเจ้า เจ้าต้องจำบุญคุณนี้ไว้ขึ้นใจ ซ้ำยังมีฮูหยินลิ่นผู้เฒ่าและคนอื่นๆ อีก กลับไปแม่จะเตรียมของขวัญส่งไปให้ ตอนนี้ไม่ทันแล้ว แต่หลังจากกลับไปเมืองหลี ทำผ้าคาดศีรษะด้วยตัวเองส่งไปให้ฮูหยินลิ่นผู้เฒ่าเป็นของขวัญขอบคุณด้วย”
“เจ้าค่ะ”
ตอนที่ฉินเหมยเหนียงไปร้องขอความช่วยเหลือที่จวนก็ไม่ได้ไปมือเปล่า นำขนมสี่สีไปด้วย ซ้ำยังวางกระเป๋าไหมที่ฉินหลิวซีมอบให้อีกหนึ่งอันไว้ในห่อขนม ซึ่งในนั้นมีขวดยาอยู่
ต่อมาฮูหยินลิ่นเปิดดูก็ประหลาดใจเล็กน้อย ยื่นให้ฮูหยินลิ่นผู้เฒ่า “ท่านแม่ มีสิ่งนี้อีกด้วย นี่ไม่ใช่ยาหย่างหรงหรอกหรือเจ้าคะ”
ฮูหยินลิ่นผู้เฒ่ารับมาดู ถอนหายใจพลางเอ่ย “นี่คงเป็นสิ่งที่เจ้าอาวาสน้อยจัดเตรียมให้ท่านอาหญิงใหญ่ของนางแน่นอน นางคิดได้รอบคอบเป็นอย่างมาก ไม่ติดค้างน้ำใจใดๆ เป็นพวกเราที่ไม่ได้ทำอะไร แต่กลับได้ประโยชน์เป็นอย่างมาก ตระกูลซ่งจิตใจโหดเหี้ยม เกรงว่าความโกรธนี้จะทำให้มีความเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ เจ้าจัดองครักษ์สองคนให้ไปส่งพวกนางกลับไปเป็นการส่วนตัวเถิด”
ฮูหยินลิ่นพยักหน้า
วันรุ่งขึ้นฮูหยินลิ่นผู้เฒ่าและคนอื่นๆ ก็ได้ยินว่าตระกูลซ่งประเคนเด็กสาวผู้หนึ่งให้แก่จ้าวจวิ้นอ๋องถึงที่ นั่นคือหลานสาวแท้ๆ ของสะใภ้ตู้ แต่จ้าวจวิ้นอ๋องกลับไม่ได้บอกว่าจะให้แต่งเข้ามาเป็นภรรยาเอกคนถัดไป เพียงรับไว้เป็นอนุภรรยา ยิ่งไม่เอ่ยถึงเรื่องที่จะมอบตำแหน่งขุนนางให้กับคนตระกูลซ่ง แต่กลับกันได้หาคนไปวางกับดักบุตรชายคนโตจากภรรยาเอกผู้นั้น ทำให้เขาถูกปลดออกจากตำแหน่งขุนนาง
และมารดาของหลานสาวผู้นั้นยิ่งโหดร้ายกว่า เมื่อรู้ว่าบุตรสาวถูกอาหญิงแท้ๆ ของตัวเองวางแผน ก็ถือมีดฆ่าหมูมาฟันประตูจวนของตระกูลซ่งจนเละเทะ บอกว่าพวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นคนสกปรก ขายบุตรสาวของนางเพื่อแลกกับความรุ่งโรจน์ ไร้ยางอายสิ้นดี ในเมื่อสกปรกขนาดนี้ก็สกปรกให้ถึงที่สุด จากนั้นก็ยกถังมูลสัตว์สองถังสาดเข้าไป สิ่งปฏิกูลเหม็นไปสามบ้านแปดบ้าน!
หลังจากเหตุการณ์นี้ตระกูลซ่งก็กลายเป็นตัวตลกในเมืองหลวง ฮูหยินซ่งผู้เฒ่าโมโหจนเป็นโรคหลอดเลือดในสมอง นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาในภายหลัง
ตอนที่ฉินเหมยเหนียงไปจากเมืองหลวงได้ยินคำพูดเหล่านี้ ก็เพียงสบถออกมา ‘กรรมตามสนองไม่สนุกล่ะสิ!’