ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 514 ทหารไล่ล่า

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 514 ทหารไล่ล่า

“ในขบวนมีสตรี พวกเขาไม่ใช่กองกำลังในบังคับบัญชาของแม่ทัพใหญ่เหลย!”

ทันทีที่เสียงนี้ดังขึ้น หน้าประตูเมืองก็โกลาหล

หัวหน้าทหารรักษาการณ์พุ่งออกมาโดยไม่ใส่ชุดคลุม ตะโกนว่า “รีบไล่ตามไป!”

หากเป็นยามปกติ เหล่าผู้รักษาการณ์คงกำลังหลับสบายในยามนี้และคงจะเคลื่อนไหวเอื่อยเฉื่อย แต่คืนนี้ผิดปกติเกินไป พวกเขาเปิดประตูเมืองสามครั้งแล้ว หัวหน้าทหารรักษาการณ์จึงกำชับให้ลูกน้องระมัดระวังเป็นพิเศษตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว

เมื่อเป็นเช่นนี้จึงมีทหารรักษาการณ์มากมายไล่ตามออกไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีมือธนูอีกสิบกว่านายยืนบนกำแพงเมือง

ธนูทะลุผ่านท้องฟ้ายามกลางคืน เสียงกรีดร้องดังขึ้นตามมา

ด้านหลังมีทหารทะลักออกมา ด้านข้างมีคนของตนเองร้องอนาถ ทำลายจิตใจที่ตั้งมั่นของอี๋เหนียงแปดลงสิ้นเชิง นางขาอ่อนล้มไปข้างหน้า

มือข้างหนึ่งยื่นออกมาดึงอี๋เหนียงแปดขึ้นมา

หงโต้วลากอี๋เหนียงแปดวิ่งพลางดุว่า “อายุขนาดนี้แล้ว กรีดร้องอะไรนักหนา คราวนี้จบกันแล้ว”

ขบวนที่เดิมทีข้ามสะพานอย่างเป็นระเบียบตกอยู่ในความวุ่นวาย

ขบวนทั้งขบวนมีอวิ๋นต้งนำอยู่ข้างหน้าพร้อมองครักษ์จิ่นหลินส่วนใหญ่ ตรงกลางคือคนจวนลั่ว ท่ามกลางกลุ่มคนจวนลั่วญาติผู้หญิงอยู่ข้างหน้า แม่ทัพใหญ่ลั่วตามหลัง

ตั้งแต่ที่ได้ยินเสียงร้องอุทานของอี๋เหนียงแปด แม่ทัพใหญ่ลั่วก็รู้ว่าแย่แล้ว เขาชักดาบออกมาหันไปตะโกนว่า “พังสะพาน!”

องครักษ์จิ่นหลินที่อยู่รั้งท้ายชักดาบออกมาทันที พวกเขาพากันตัดเชือก

ลูกธนูมากมายร่วงลงมาราวห่าฝน แม่ทัพใหญ่ลั่วตวัดดาบปัดลูกธนู

“แม่ทัพใหญ่ ท่านรีบไป!” องครักษ์จิ่นหลินคนหนึ่งขวางข้างหน้าแม่ทัพใหญ่ลั่วเอ่ยเร่งอย่างร้อนรน

ค่ำคืนนั้นมืดมน เสียงกรีดร้องน่าหวาดกลัว แม่ทัพใหญ่ลั่วกัดฟันกวัดแกว่งดาบขวางลูกธนูพลางถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว

ลูกธนูหยุดลงครู่หนึ่ง ทหารที่ไล่ล่าขึ้นมาบนสะพานแล้ว

สหายข้างหลังเขาพยายามตัดโซ่นั่นอย่างเอาเป็นเอาตาย

ในที่สุดก็ได้ยินเสียงโซ่แตก องครักษ์จิ่นหลินที่ยังไปทันกระโดดไปยังฟากตรงข้ามอย่างรวดเร็ว ส่วนองครักษ์จิ่นหลินที่โดดไม่ทันและองครักษ์จิ่นหลินที่ยืนเป็นโล่เพื่อขัดขวางทหารไล่ล่ากลับร่วงลงไปในคูเมือง

ผู้ที่ตกลงไปด้วยยังมีทหารที่ตามล่า

เสียงตกน้ำดังขึ้นไม่หยุด จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงตะคอกอย่างโมโหของแม่ทัพรักษาเมือง “ให้ตายเถอะ!”

เมื่อเห็นขบวนลอบออกเมืองค่อยๆ หนีไปไกล หัวหน้าทหารรักษาการณ์ก็ตัดสินใจพูดว่า “พายเรือข้ามไป!”

ตั้งแต่เรื่องผิดปกติอย่างแม่ทัพใหญ่เหลยนำทหารเข้าเมืองก็รู้ได้ว่าคืนนี้ต้องเกิดเรื่องใหญ่ หากเขาทำงานผิดพลาดต้องมีแต่ตายสถานเดียว มีเพียงขวางพวกเขาไว้ได้จึงจะมีชีวิตรอด

องครักษ์จิ่นหลินที่อวิ๋นต้งพามารวมกับคนจวนลั่วแล้วมีกว่าพันคน เนื่องจากขบวนสะเปะสะปะเกินไป แม้ทำลายสะพานจะช่วยยื้อเวลาได้ไม่น้อย แต่ทหารที่ไล่ล่ายังคงใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

หงโต้วลากอี๋เหนียงแปดอย่างกระหืดกระหอบ

อี๋เหนียงแปดพูดเสียงสะอื้นว่า “ปล่อยข้าเถอะ ข้าเป็นตัวถ่วง…”

“หุบปากเถอะ!” หงโต้วกลอกตา เร่งฝีเท้าเร็วขึ้น

เมื่อเห็นญาติผู้หญิงในขบวนจะไม่ไหวแล้ว แม่ทัพใหญ่ลั่วจึงตะโกนขึ้นว่า “หยุด!”

ขบวนทั้งขบวนหยุดลงในทันที

แม่ทัพใหญ่ลั่วจับดาบแน่น มองไปทางประตูเมืองประจิมทิศแล้วพูดอย่างสงบว่า “กำลังมีจำกัด จะวิ่งไปตลอดไม่ได้ กำจัดทหารไล่ล่ากลุ่มนี้ทิ้งก่อนค่อยว่ากัน!”

ลูกน้องทุกคนรวมตัวกันข้างแม่ทัพใหญ่ลั่ว พวกเขาล้วนถือดาบยาว มองไปยังทิศทางนั้นด้วยสีหน้ามุ่งมั่น

ในเมื่อการต่อสู้ครั้งนี้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เช่นนั้นก็มาเถิด

หงโต้วปล่อยอี๋เหนียงแปดลง มือเท้าเอวและพูดเสียงหอบว่า “เหนื่อยจะตายแล้ว…”

ก่อนที่นางจะพูดจบ สาวใช้ตัวน้อยก็มองอี๋เหนียงแปดด้วยดวงตาเบิกกว้าง

“น้องแปด (พี่แปด)…” เหล่าอี๋เหนียงล้อมวงเข้ามา

แม่ทัพใหญ่ลั่วได้ยินเสียงก็เดินเข้าไป

อี๋เหนียงแปดกะพริบตาสองสามที มองแม่ทัพใหญ่ลั่วอย่างยากลำบาก

แม่ทัพใหญ่ลั่วคุกเข่าลง ขมวดคิ้วพูดว่า “เจ้าแปด ไยจึงทำเช่นนี้เล่า…”

เนื่องจากมีอี๋เหนียงหลายคน ตอนที่อยู่ในอุโมงค์เขาฟังไม่ออกว่าคือใคร แต่เมื่อครู่ตอนที่อยู่บนสะพานข้ามคูเมืองเขากลับฟังออกทันทีว่าผู้ที่สร้างปัญหาคือเจ้าแปด

จังหวะนั้นเขาเองก็รู้สึกโมโหอยากจะทุบตีสตรีคนนี้สักที แต่หากถามว่าเสียใจที่พานางออกมาหรือไม่ คำตอบคือไม่เสียใจ

บุรุษเช่นพวกเขามีหน้าที่ปกป้องสตรีอยู่แล้วมิใช่หรือ หากเจออันตรายแล้วทิ้งคนชรา สตรีและเด็กไว้ เช่นนั้นจะต่างจากสัตว์เดรัจฉานอย่างไร

อี๋เหนียงแปดหน้าซีด ลมหายใจรวยริน “นายท่าน ข้า… ข้าจะเป็นตัวถ่วงต่อไปไม่ได้อีกแล้ว… ข้าขอโทษทุกคนด้วย…”

อี๋เหนียงแปดเบิกตากว้างกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง ก่อนที่สติของนางจะหายไป นางไม่เห็นความรังเกียจใดๆ บนใบหน้านายท่านเลย

น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงจากหางตาของอี๋เหนียงแปด

ราวกับว่าข้างหน้านางมีแสงสว่าง เมื่อมองผ่านแสงนั้นไปก็เห็นหญิงสาวรูปร่างงดงามสวมชุดสีชมพูถูกชายร่างสูงใหญ่โอบไว้ในอ้อมอก

ชายคนนั้นพูดกับนางว่า “เจ้าแปด ในเมื่อเจ้ามาที่จวนลั่วแล้ว เช่นนั้นก็ใช้ชีวิตอย่างสบายใจ ผ้าไหมผ้าแพรแล้วแต่เจ้าจะสวมใส่ อาหารเลิศรสโอชาแล้วแต่เจ้าจะกิน มีเพียงเรื่องหนึ่ง ห้ามทำร้ายลูกๆ”

นางทำได้แล้ว นางได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสงบ กลายเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่สบายที่สุดในชีวิต

แต่ว่านางโลภมาก หากมีชาติหน้านางยังอยากอยู่กับนายท่าน ไม่ต้องกินอาหารเลิศรสโอชา ไม่ต้องสวมผ้าไหมผ้าแพร ขอเพียงมีบุตรสาวที่งดงามเหมือนกับเหล่าคุณหนู เรียกนายท่านว่าท่านพ่อและเรียกนางว่าท่านแม่

เสียงร้องไห้สะอื้นเบาๆ รอบศพอี๋เหนียงแปดดังขึ้น

เหล่าอี๋เหนียงจับมีดสั้นที่ซ่อนในแขนเสื้อเงียบๆ

นั่นคือมีดสั้นที่เตรียมไว้ตั้งแต่ทราบข่าว ทุกคนมีคนละเล่ม เพื่อที่ว่าเมื่อถึงจุดจบพวกนางจะไม่ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของศัตรูและถูกดูแคลนเหยียดหยาม

มองศพของอี๋เหนียงแปด เหล่าอี๋เหนียงมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย บางทีประโยชน์ของมีดสั้นเล่มนี้ไม่ใช่มีไว้เพื่อหลีกเลี่ยงความอัปยศอดสูเท่านั้น

น้องแปดพูดถูก ที่จริงพวกนางเป็นตัวถ่วง ตอนนี้องครักษ์ตายไปอย่างน้อยสิบกว่าคนเพราะน้องแปด ใครจะรู้ว่าคราวหน้าจะทำร้ายคนอีกมากมายเพียงใดเพราะพวกนาง

หากไม่มีพวกนาง…

ที่แม่ทัพใหญ่ลั่วมีสถานะเช่นทุกวันนี้ได้ย่อมไม่ใช่คนกล้าบ้าบิ่นโดยไร้แผนการใดๆ เมื่อเห็นเหล่าอี๋เหนียงมีสีหน้าไม่ชอบมาพากลก็ด่าว่า “เจ้าพวกโง่ หยุดคิดไร้สาระได้แล้ว หากอยากจะตายจริงๆ ก็ต้องรอให้พวกเราชายชาตรีตายหมดเสียก่อน!”

“นายท่าน…” เหล่าอี๋เหนียงทำท่าจะพูดอะไร

แม่ทัพใหญ่ลั่วพูดอย่างไม่สบอารมณ์นักว่า “ทหารจะมาถึงแล้ว อย่าทำให้ข้าเสียสมาธิ!”

เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

จำนวนคนที่ตามมาทันนั้นคาดว่ามีมากกว่าสองร้อยคน ซึ่งเป็นจำนวนทหารรักษาการณ์ที่ปกติจะประจำการอยู่ที่ประตูเมืองแต่ละแห่ง หากเกิดสถานการณ์ที่รับมือไม่ไหวจะจุดไฟส่งข่าวเพื่อระดมกำลังคนทันที

ทว่าเมืองหลวงสุขสงบมาเป็นเวลานาน แม้จะจุดไฟเตือนภัย ทหารกลุ่มใหญ่ก็ใช่ว่าจะมาถึงในระยะเวลาอันสั้น สิ่งที่แม่ทัพใหญ่ลั่วต้องทำก็คือรีบกำจัดทหารไล่ล่ากลุ่มนี้ให้เร็วที่สุด เพื่อยื้อเวลาในการหลบหนี

เมื่อเห็นทหารไล่ล่าใกล้มาถึงข้างหน้าแล้ว แม่ทัพใหญ่ลั่วก็เตรียมโจมตีด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แต่จู่ๆ ก็มิรู้ว่าลูกธนูจำนวนมากพุ่งมาจากไหน ทหารที่ตามไล่ล่าล้มลงทั้งหมด

“มีคนซุ่มโจมตี!” ฝ่ายทหารตามล่าและอีกฝ่ายตะโกนขึ้นพร้อมกัน

แม่ทัพใหญ่ลั่วชะงัก

มี…กองหนุน?

หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง แม่ทัพใหญ่ลั่วก็มองไปที่อวิ๋นต้งทันที

บุตรบุญธรรมที่สงบนิ่งมาโดยตลอดส่ายศีรษะอย่างงงงัน “ไม่ใช่ข้า”

ครานี้เองลั่วเซิงก็พูดเสียงเบาว่า “ท่านพ่อ หรือไม่ท่านลองพูดหว่านล้อมทหารไล่ล่าให้หนีไปพร้อมพวกเราสิเจ้าคะ”

แม่ทัพใหญ่ลั่ว “?”

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท