รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 1039 ต้องการลับคมตนเอง? เช่นนั้นให้ข้าร่วมลับคมพวกเจ้า!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 1039 ต้องการลับคมตนเอง? เช่นนั้นให้ข้าร่วมลับคมพวกเจ้า!

ในการต่อสู้ระหว่างขอบเขตล้ำขีด สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ใบหน้าของอู่เลี่ยไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่ง

เขาสำแดงวิชากระบี่ออกมา แสงกระบี่สว่างเจิดจ้าตัดผ่านขึ้นไปยังจักรวาลดวงดารา ครั้งนี้เป็นการฟาดลงมาด้วยพลังทั้งหมดของเขา กระบี่ที่ประกอบด้วยพลังที่ระเบิดออกมาสูงสุด

กระบี่นี้เป็นการทุ่มสุดชีวิตของเขา หากยังไม่ได้ผล เขาก็ไม่เหลือความหวังอันใดอีกแล้ว

ชิ้ง!

เลือดพุ่งกระเซ็น ร่างของจักรพรรดินีถูกกระบี่ผ่าครึ่ง พริบตาต่อมาแสงกระบี่ก็กวาดล้างร่างจักรพรรดินีจนสิ้น!

“ตาย…สักที!”

อู่เลี่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ข้าบอกไปแล้ว จะเกิดเรื่องอย่างว่าขึ้นได้เช่นไร? โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสิ่งมีชีวิตมายา!”

เขาสัมผัสไม่ได้ถึงลมหายใจหรือร่องรอยของจักรพรรดินีแล้ว หากไม่มีเรื่องนอกความคาดหมายเกิดขึ้น จักรพรรดินีจะต้องถูกกระบี่นั้นกวาดล้างจนสิ้น

ประสบการณ์ของจักรพรรดินีที่เผชิญหน้ามาก่อนนั้นอันตรายกว่าตอนนี้มากโข นางยังไม่ตาย หัวใจเต๋ามั่นคงยิ่งกว่าผู้ใด คิดจะลบล้างนางจนสิ้นนับเป็นเรื่องยากอย่างถึงที่สุด!

ภายใต้แสงสว่างวิจิตรการ จักรพรรดินีสร้างร่างใหม่ขึ้นมา ทั้งยังทรงพลังมากขึ้นกว่าก่อนหน้า

“เกิด…เกิดอันใดขึ้น!”

อู่เลี่ยถลึงตามองจนแทบหลุดออกมาจากเบ้า!

เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าจักรพรรดินีทำเช่นนี้ได้อย่างไรจึงสามารถกลับมามีชีวิตใหม่ได้อีกครั้ง? ทั้งยังมีพลังแข็งแกร่งกว่าเดิม?

สวรรค์ นี่มันเกินความรู้ความเข้าใจของเขา!

แน่นอน อู่เลี่ยย่อมไม่เข้าใจจักรพรรดินี ‘ผู้เยี่ยมเยือนความตายมาหลายครั้ง’ นางเหนือธรรมดายิ่ง ลึกล้ำอย่างแท้จริง ทุกสิ่งล้วนอยู่เหนือจินตนาการ!

ฉัวะ!

เลือดสาดกระเซ็น จักรพรรดินีพุ่งตรงเข้าประชิดอู่เลี่ย ลงมือโจมตีอย่างรุนแรง เพียงไม่ถึงชั่วอึดใจ อู่เลี่ยก็ตกอยู่ในสภาพเจียนตาย หลงเหลือเพียงลมหายใจน้อยนิด ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย

สิ่งมีชีวิตขอบเขตล้ำขีดจะถูกสังหารง่ายดายได้อย่างไร?

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับขั้นต่ำกว่าจัดการขั้นสูงกว่า

แต่จักรพรรดินีสามารถทำได้จริง ๆ

ทุกครั้งที่นางต่อสู้ด้วยความเป็นตาย ตลอดเวลานางล้วนไม่เคยหยุดคิดจะหาหนทางสังหารศัตรูโดยตรง ทุกการโจมตีของนางเปี่ยมด้วยการลับคมจากความเป็นตาย นับเป็นการโจมตีร้ายแรงอย่างแท้จริง!

กระทั่งสิ่งมีชีวิตขอบเขตล้ำขีดเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีกับจักรพรรดินี ยังอันตรายอย่างมากต่อชีวิต!

หากจักรพรรดินีต้องการ ตอนนี้นางก็สามารถสังหารอู่เลี่ยได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้ระยะเวลานาน

อู่เลี่ยที่จวนเจียนใกล้ตายมีความสิ้นหวังอยู่ในแววตา ไม่มีความมุ่งมั่นต้องการจะสู้ต่ออีก

นี่เองก็เป็นความแตกต่างระหว่างเขากับจักรพรรดินี อีกทั้งยังเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เขาพ่ายแพ้ในเงื้อมมือจักรพรรดินี

หากสลับฝั่งกัน จักรพรรดินีตกอยู่ในสภาพเดียวกับอู่เลี่ย จวนเจียนตายเหลือเพียงลมหายใจแผ่วเบา นางก็ไม่มีทางเป็นเหมือนอู่เลี่ยที่ดวงตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง หมดสิ้นจิตวิญญาณการต่อสู้

ไม่มีทางที่จักรพรรดินีจะยอมแพ้ หากแต่นางเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ ซ้ำยังมีแต่จะเพิ่มมากกว่าเดิม!

จักรพรรดินีชี้นิ้วส่งลำแสงพุ่งเข้าไปในหน้าผากของอู่เลี่ย ตรวจสอบดูความทรงจำวิญญาณของอู่เลี่ย

อู่เลี่ยในสภาพใกล้ตายเช่นนี้ นางสามารถทะลวงผ่านการป้องกันไปถึงวิญญาณของเขาได้อย่างง่ายดาย ตรวจสอบความทรงจำวิญญาณทั้งหมดของอู่เลี่ยได้

“โลกใหม่ ดินแดนเก่า…”

ดวงตาของจักรพรรดินีเปล่งประกาย นางเริ่มดูตั้งแต่แรกไม่พลาดสิ่งใดแม้แต่น้อย

เนื่องจากข้อมูลเหล่านี้มีความสำคัญมาก เกี่ยวข้องกับภาพมายาและความจริง สิ่งที่ทำให้แม้แต่ผู้เบิกทางยังล้มคว่ำ เกิดปัญหาขึ้นมากมาย

น่าเสียดาย อู่เลี่ยนั้นรู้เรื่องน้อยนัก

ดินแดนเก่าในโลกใหม่เป็นเรื่องอ่อนไหวอย่างมาก ไม่เพียงแค่อู่เลี่ยที่รู้เรื่องราวเพียงน้อยนิด คนอื่นเองก็ไม่ต่างกัน

จักรพรรดินีดูข้อมูลเกี่ยวกับดินแดนเก่า ทั้งหมดล้วนคลุมเครือเป็นอย่างมาก มีเพียงแค่การคาดเดา แต่ไม่อาจยืนยันความจริง

เมื่อดูถึงตอนสุดท้ายแล้ว รูม่านตาของจักรพรรดินีก็พลันหดลงทันที

คนที่มากับอู่เลี่ย ที่แท้ยังมีอีกเจ็ดคน!

“ฆ่าสิ่งไม่มีชีวิตมายาไปก็ไม่เป็นไร ทั้งหมดล้วนเป็นเพียงภาพมายา ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตจริง ๆ?”

โทสะของจักรพรรดินีพวยพุ่ง ยังมีสิ่งมีชีวิตจากโลกใหม่เช่นอู่เลี่ยอีกเจ็ดกำลังใช้เลือดมาลับคมให้ตนเองอยู่ในอาณาจักรอื่น ๆ

“เหล่าผู้ยิ่งใหญ่สร้างโลกมายาขึ้นมา? น่าขันนัก จะเป็นไปได้อย่างไร!”

จักพรรดินีแย้มยิ้มเย็นเยียบ ไม่เชื่อแม้แต่น้อย

“อีกทั้งความจริงเล่าเป็นเช่นใด? พวกเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพวกเจ้าเองเป็นสิ่งมีชีวิตที่แท้จริง ไม่ใช่เหมือนสิ่งมีชีวิตมายาที่เหล่าผู้ยิ่งใหญ่สร้างขึ้นมากกว่าหรือ?”

“ภาพมายาและความจริง สิ่งเหล่านั้นล้วนไม่สำคัญเลย ไม่มีความแตกต่างใดแม้แต่น้อย ทุกชีวิตเบื้องหน้าต่างล้วนเป็นของจริง!”

นางลงมือสังหารอู่เลี่ยทันที

อู่เลี่ยผู้สมควรตายแปดเปื้อนเลือดจำนวนมาก สังหารเขาซ้ำเสียหมื่นครั้งก็ไม่นับว่ามากเกินไป!

“ภาพอักษร ตอนนี้ข้าจำเป็นต้องพึ่งพลังของเจ้า ข้าต้องการตามหาสิ่งมีชีวิตอีกเจ็ดตนจากโลกใหม่อย่างรวดเร็ว…”

จักรพรรดินีเรียกภาพอักษรออกมา

นี่คือภาพอักษรที่จารึกคำเอาไว้ ‘ทลายความเสียใจ ฝักใฝ่อนาคต’

ขณะเดียวกันด้านบนยังมีตราประทับของคุณชายด้วย!

นี่คือสิ่งที่คุณชายเขียนให้เมื่อครั้งที่นางต้องการจะช่วยเหลืออาจารย์ของตนเอง อีกทั้งยังประทับตราลงไปด้วย

สิ่งนี้ทำให้ภาพอักษรพิเศษเหนือชั้นเป็นอย่างมาก

น้อยครั้งที่คุณชายจะประทับตราลงไป ส่วนใหญ่เขียนเพียงอักษร ดังนั้นภาพที่มีตราประทับของคุณชายนับได้ว่าทรงพลังจนไม่อาจจินตนาการได้อย่างแท้จริง!

สิ่งมีชีวิตทั้งเจ็ดจากโลกใหม่ได้เข้าสู่จักรวาลโกลาหลที่แตกต่างกันไป ต่างล้วนแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ดังนั้นด้วยพลังในปัจจุบันของนางไม่อาจค้นหาสิ่งมีชีวิตทั้งเจ็ดจากโลกใหม่ได้อย่างรวดเร็ว

นางจึงเรียกภาพอักษรออกมา ใช้พลังของภาพอักษรเพื่อตามหาสิ่งมีชีวิตทั้งเจ็ดจากโลกใหม่ด้วยความรวดเร็ว

บึ้ม!

สิ้นเสียงของนาง กฎเกณฑ์พิเศษพลันระเบิดออกมา พลังอันแข็งแกร่งหลั่งไหลจากภาพอักษรเข้าสู่ร่างกายของนาง

นางปิดตาลง ญาณสัมผัสแผ่ขยายออกไปอย่างไร้ขอบเขต ครอบคลุมทั่วทั้งจักรวาลโกลาหลจำนวนนับไม่ถ้วน ใช้เพียงไม่ถึงอึดใจ นางก็พบ

“มาหาข้า!”

ลืมตาพลางตะโกนออกมาเสียงดัง พลังที่มองไม่เห็นห่อหุ้มสิ่งมีชีวิตจากโลกใหม่ทั้งเจ็ดในทันที พริบตาเดียวสิ่งมีชีวิตทั้งเจ็ดจากโลกใหม่ก็ถูกนำตัวมาอยู่เบื้องหน้านาง

สิ่งมีชีวิตทั้งเจ็ดจากโลกใหม่มองตากันไปมา ภายในแววตาของแต่ละฝ่ายต่างมีความตกตะลึง

พลังนี่มาจากที่ใดกัน?

พวกเขารู้สึกเพียงว่ามีพลังที่ร่วงลงมาใส่ตัว ก่อนที่พวกเขาจะสูญเสียการควบคุมร่างกาย ถูกพามายังที่แห่งนี้

หลังจากนั้นพวกเขาจึงมองเห็นจักรพรรดินี

“เจ้าเป็นใคร?!”

“สิ่งมีชีวิตมายาในดินแดนเก่า?”

พวกเขาจับจ้องมองจักรพรรดินีด้วยสีหน้าจริงจังอย่างถึงที่สุด นี่เป็นสิ่งมีชีวิตมายาหรือ?

สิ่งนี้ทำให้พวกเขาไม่อยากจะเชื่อ สิ่งมีชีวิตมายาแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ?

จับพวกเขาทั้งหมดมาที่นี่ได้ภายในพริบตา ความแข็งแกร่งเช่นนี้ ดูเหมือนจะเกินกว่าพวกเขาไปมาก จักรพรรดินีอยู่ขอบเขตใดกัน? สิ่งมีชีวิตขอบเขตคลุมฟ้าหรือ?

“นั่น…อู่เลี่ย!”

เด็กสาวเห็นศพของอู่เลี่ย หนังศีรษะของนางพลันชาวาบ อู่เลี่ยตายอย่างน่าเวทนาเกินไป ทำให้นางอดรู้สึกหวาดกลัวไม่ได้

นางก็คือเจิ้งเยี่ยนนั่นเอง

“การสังหารเช่นนี้ถือว่ายังไม่สาสมเสียด้วยซ้ำ พวกเจ้าต้องการลับคมตัวเองไม่ใช่หรือ? ยอดเยี่ยม เช่นนั้นให้ข้าเข้าร่วมการลับคมของพวกเจ้าบ้าง!”

จักรพรรดินียิ้มเย็นชา โบกมือหนึ่งครั้งพาสิ่งมีชีวิตทั้งเจ็ดจากโลกใหม่ไปยังอาณาจักรแห่งนี้

สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรแห่งนี้ล้วนถูกพวกอู่เลี่ยสังหารตายไปหมดแล้ว เลือดไหลนองอาบย้อมทั่วทุกหนแห่งจนทั้งอาณาจักรกลายเป็นสีแดงฉาน

ที่นี่คือบริเวณที่สิ่งมีชีวิตจากโลกใหม่ลงมายังดินแดนแห่งนี้นั่นเอง

จักรพรรดินีรู้มาจากความทรงจำวิญญาณของอู่เลี่ย ยังมีบุตรแห่งสวรรค์จำนวนไม่น้อยจากโลกใหม่กำลังจะมายังดินแดนแห่งนี้

ดังนั้นนางจึงมาที่นี่

เพื่อเฝ้ารอการมาถึงของบุตรแห่งสวรรค์เหล่านั้น ก่อนจะค่อย ๆ จัดการไปทีละคน!

“มาเสีย พวกเจ้าต้องการฝึกฝนลับคม เช่นนั้นข้าจะเป็นคนช่วยลับคมให้เอง!”

สีหน้าจักรพรรดินีเรียบเฉย ไม่ได้ตั้งใจจะสังหารสิ่งมีชีวิตทั้งเจ็ดจากโลกใหม่โดยตรง

สิ่งมีชีวิตทั้งเจ็ดจากโลกใหม่ตั้งการจะลับคมตนเองไม่ใช่หรือ?

บังเอิญว่านางก็ต้องการลับคมเช่นนั้นด้วย!

หลังจากนั้นนางก็ให้ภาพอักษรควบคุมตัวสิ่งมีชีวิตทั้งเจ็ดเอาไว้ ก่อนเก็บพลังด้านในร่างของนางไป เตรียมพร้อมลงมือกับพวกเจิ้งเยี่ยทั้งเจ็ดทีละคนเพื่อ ‘ลับคม!’

นางเริ่มจากเจิ้งเยี่ยนก่อน เนื่องจากเจิ้งเยี่ยนอ่อนแอสุดในบรรดาทั้งเจ็ดคน อยู่ในขั้นที่หกขอบเขตล้ำขีดเหมือนกับอู่เลี่ย ส่วนอีกหกคนที่เหลือแข็งแกร่งกว่า อยู่ในขั้นที่เจ็ดขอบเขตล้ำขีด

ซ้ำยังมีขั้นแปดขอบเขตล้ำขีดด้วย

แม้นางจะ ‘จริง’ เป็นอย่างมาก สามารถจัดการข้ามขั้นได้ แต่อย่างไรเสียก็มีขีดจำกัด ไม่อาจเอาชนะสิ่งมีชีวิตทั้งเจ็ดขอบเขตล้ำขีดทั้งเจ็ดที่มีคนเหนือกว่านางสองขั้นในคราวเดียวกันได้

ดังนั้น นางจึงเลือกแค่เจิ้งเยี่ยนก่อน

จักรพรรดินีไม่เพียงต้องการช่วยเหลือเจิ้งเยี่ยนให้ ‘ลับคม’ เท่านั้น ทว่ายังต้องการจะลับคมของตนเองเพื่อให้แข็งแกร่งขึ้นด้วย

สิ่งมีชีวิตทั้งเจ็ดจากโลกใหม่เป็นตัวลับคมที่ดีให้กับนาง

นางไม่ได้สังหารสิ่งมีชีวิตทั้งเจ็ดจากโลกใหม่โดยตรง ก็เพราะต้องการให้วาระสุดท้ายของทั้งเจ็ดขัดเกลานางให้แข็งแกร่งกว่าเดิม

“หวังว่าเจ้าจะช่วยลับคมให้ข้าได้ หากเจ้าไม่อาจช่วยลับคมให้ข้าได้ เช่นนั้นก็เป็นคราวตายของเจ้าแล้ว!”

จักรพรรดินีมองไปทางเจิ้งเยี่ยนแล้วเอ่ยอย่างเย็นชา “ดังนั้นจงพยายามเข้าเสีย อย่าได้ทำให้ตนเองสูญเสียคุณสมบัติในการลับคม”

แล้วนางก็พุ่งตรงเข้าใส่เจิ้งเยี่ยน!

เจิ้งเยี่ยนที่อยู่ด้านหน้าดีใจขึ้นมาเล็กน้อย เนื่องจากนางพบว่าจักรพรรดินีได้ระงับความแข็งแกร่งของตนเองไว้ เหลือเพียงขั้นห้าขอบเขตล้ำขีดเท่านั้น ต่ำกว่านางหนึ่งขึ้น

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การสร้างแรงกดดันและคุกคามต่อจักรพรรดินี ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องง่ายหรอกหรือ

อีกทั้งนางย่อมไม่ถูกจักรพรรดินีบดขยี้ลง

ทว่าหลังจากต่อสู้กับจักรพรรดินีไปครู่หนึ่ง นางก็ตระหนักได้ว่าความคิดของตัวเองผิดพลาด จักรพรรดินีนั้นห่างไกลจากคำว่าง่ายต่อการรับมือ จากผ่อนคลายในช่วงแรงจึงเริ่มตึงเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ

เจิ้งเยี่ยนเปลี่ยนเป็นวิตกกังวลอย่างถึงที่สุดในชั่วพริบตา เนื่องจากหากนางไม่สามารถกดดันจักรพรรดินีได้ หมายความว่านางจะถูกอีกฝ่ายสังหาร!

ด้วยเหตุนี้นางจึงเริ่มพยายามอย่างสุดชีวิต

ทว่าน่าเสียดายที่นางยังอ่อนแอกว่าอู่เลี่ยอยู่บ้าง หลังจากที่จักรพรรดินีต่อสู้กับอู่เลี่ยก็แข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นไม่ว่าเจิ้งเยี่ยนจะพยายามมากเพียงใดก็ไม่อาจพลิกสถานการณ์ได้ ไม่อาจนำพาความกดดันและคุกคามสู่จักรพรรดินีได้แม้แต่น้อย!

สุดท้ายนางก็พ่ายแพ้ลงภายใต้เงื้อมมือของจักรพรรดินี

“ขออภัย เจ้าได้สูญเสียคุณสมบัติในการมีชีวิตอยู่”

จักพรรดินีเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“ไม่ อย่า! ได้โปรดให้โอกาสข้าอีกครั้ง! ข้าจะต้องทำได้ดีกว่านี้แน่นอน!”

เจิ้งเยี่ยนคุกเข่าลงเบื้องหน้าพร้อมร้องไห้กับจักรพรรดินี

“เจ้าได้สังหารสิ่งมีชีวิตไปสิ้นสองอาณาจักร เหตุใดยามนั้นเจ้าไม่ให้โอกาสแก่พวกเขาบ้าง? ยังมีเด็กคนนั้นอีก การมีชีวิตอยู่ต่อด้วยความเจ็บปวดหมายความว่าอย่างไร? ไยเจ้าจึงต้องสังหารเขา…”

จักรพรรดินีมองเจิ้งเยี่ยนด้วยสายตาเย็นชา “เพื่อประโยชน์ต่อตัวเจ้าเอง และเพื่อไม่ให้เจ้าต้องมีชีวิตอยู่ต่อด้วยความเจ็บปวด ข้าจะส่งเจ้าไปตายเอง”

นางตรวจสอบความทรงจำวิญญาณทั้งหมดของพวกเจิ้งเยี่ยนเจ็ดคน ทุกคนล้วนสมควรตาย จิตใจพวกเขาเหี้ยมโหดเลือดเย็นเกินไป!

หลังจากนั้นนางก็สังหารเจิ้งเยี่ยนทันที

“หวังว่าพวกเจ้าจะเข้าใจ อย่าได้ทำให้ตนเองสูญเสียคุณสมบัติในการมีชีวิตอยู่!”

จักรพรรดินีจับจ้องสิ่งมีชีวิตโลกใหม่ที่เหลืออีกหกแล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท