ผู้กล้าเหนือกาลเวลา – บทที่ 423 โลกมายาอันลึกลับ

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 423 โลกมายาอันลึกลับ

“หลักๆ แล้วค่าใช้จ่ายการซื้อข่าวกรองของข้าค่อนข้างสูง แต่ว่าอาชิงน้อยเจ้าวางใจเถอะ เงินล้วนใช้ในเรื่องของการลงทุนทั้งนั้น”

ในแผ่นหยกมีเสียงหัวเราะอย่างกระอักกระอ่วนดังมา

“ข้าจะบอกเจ้าให้ หากครั้งนี้ข้าทำได้สำเร็จ พวกเราก็จะรวยเละ ภารกิจสิบปีที่ข้าออกไปข้างนอกสู้สุดชีวิต ล้วนเทียบกับครั้งนี้ไม่ได้เลย!

“ดังนั้น…เลยต้องขอการสนับสนุนเงินทุนจากศิษย์น้องสักหน่อย”

เสียงนายกองแฝงด้วยความร้อนใจ ที่มีมากกว่านั้นคือความวาดหวังในอนาคต

สวี่ชิงได้ยินก็ประหลาดใจเล็กน้อย ด้วยความเข้าใจในตัวนายกองที่เขามี เรื่องนี้เป็นไปได้จริงๆ แต่ว่าระดับความบ้าคลั่งจะต้องสูงมากๆ ด้วยเช่นกันแน่นอน

ดังนั้นหลังจากสวี่ชิงคิดๆ แล้ว ก็ตกลงให้การสนับสนุนหินวิญญาณ

หินวิญญาณของเขาในตอนนี้ยังพอมี สิ่งหลักๆ ที่ขาดคือแต้มกองทัพ ดังนั้นหลังจากพูดกับนายกองสามสี่ประโยค เดิมคิดจะเอาไปให้ หรือไม่ก็ให้อีกฝ่ายมาเอาเอง แต่นายกองไม่รู้ยุ่งอะไร คืนนี้ไม่มีเวลา

ดังนั้นทั้งสองคนจึงนัดเจอกันที่สำนักมายาจำแลงปีศาจ

ขณะเดียวกันสวี่ชิงก็บอกนายกองเกี่ยวกับเรื่องที่วังครองกระบี่สามารถใช้แต้มกองทัพไปศึกษาเคล็ดวิชาของสามสำนักใหญ่ได้ นายกองเมื่อได้ยินก็ลิงโลดดีใจนัก

“มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ ทำไมถึงไม่เคยได้ยิน

“ข้ารู้แล้ว นี่เป็นเล่ห์กลเล็กๆ ของสามสำนักใหญ่ ยืนอยู่ในมุมของวังครองกระบี่ไม่ค่อยอยากเห็นผู้ครองกระบี่ใต้บัญชาการมาจากสามสำนักใหญ่ทั้งหมด ตอนนี้ยังไม่เป็นไร แต่หากระยะนานไปก็จะทิ้งเป็นหายนะแอบแฝงให้กับอนาคต จึงไม่ได้ประกาศเรื่องใช้แต้มกองทัพไปศึกษา แต่เพื่อแสดงความใจกว้าง ก็ไม่ได้ขัดขวางอะไร

“แต่ยืนอยู่ในมุมของสามสำนักใหญ่ ย่อมหวังให้ผู้ครองกระบี่ทุกคนมีความสัมพันธ์กับพวกเขา จึงมีเรื่องใช้แต้มกองทัพเผยแพร่เคล็ดวิชาสู่ภายนอกสำนัก

“แต่สรุปแล้ว วังครองกระบี่แข็งแกร่ง สามสำนักร่วมหัวจมท้ายกับวังครองกระบี่มีความสัมพันธ์กันอย่างแนบแน่น นี่ก็คงเป็นวิถีการเอาชีวิตรอดของสามสำนักใหญ่”

นายกองสรุปวิเคราะห์ สวี่ชิงหลังจากที่ได้ฟังก็พยักหน้าหงึกๆ เขารู้สึกว่าที่นายกองพูดมามีเหตุผล

จากนั้นหลังจากที่ทั้งสองคนนัดเวลาในวันพรุ่งนี้ นายกองที่อยู่ท่ามกลางความวาดหวัง ก็จบสิ้นการสื่อเสียง

วางแผ่นหยกสื่อเสียงลง สวี่ชิงขบคิดเรื่องการเพิ่มพลังของมือทั้งสองจากเคล็ดวิชาพรางมารยาชิงมรรคาต่อ

‘ส่วนการผสานไอพลังประหลาด…ความจริงข้าไม่จำเป็นต้องจำกัดอยู่แค่ไอพลังประหลาดหรือพิษเท่านั้น’ สวี่ชิงคิดๆ จากนั้นวังสวรรค์วังที่สามในกายก็สั่นสะเทือน พลังพิษต้องห้ามแผ่ซ่านผสานมาในมือทั้งสอง

มือทั้งสองของเขาก็แผ่พิษเข้มข้นออกมาทันที จากนั้นพิษก็เปลี่ยน เกิดเป็นไอพลังประหลาดเฉพาะตัวของเขา

จากนั้นหลังจากที่วังสวรรค์วังที่สี่สั่นสะเทือนมือทั้งสองของสวี่ชิงก็กลายเป็นสีม่วง พลังพระจันทร์สีม่วงแผ่อวลมาในมือทั้งสองเวลานี้เอง

‘การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ เวลาต่อสู้ศึกเป็นตาย ศัตรูของข้าจะทำป้องกันอย่างไรก็ไม่ไหว ในช่วงเวลาสำคัญก็จะทำให้เป็นการโจมตีอันถึงแก่ชีวิตได้’

วิธีการขบคิดปัญหาของสวี่ชิงล้วนซ่อนเร้นและลงมือโดยที่อีกฝ่ายคาดไม่ถึงมาโดยตลอด นี่เกี่ยวกับการเติบโตของเขาในตอนที่เขายังเป็นเด็ก เกี่ยวกับรูปแบบของยอดเขาลำดับเจ็ดสำนักเจ็ดเนตรโลหิต

เวลาหนึ่งคืนก็ได้ผ่านไปจากการที่สวี่ชิงปรับเคล็ดวิชาพรางมารยาชิงมรรคาของตัวเอง วันที่สองสวี่ชิงไม่ได้ไปกรมราชทัณฑ์ แต่ขอลาหยุดสามวันไปสำนักมายาจำแลงปีศาจ

ในฐานะที่เป็นสามสำนักใหญ่เขตปกครองผนึกสมุทร ตำแหน่งของสำนักมายาจำแลงปีศาจตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองหลวงเขตปกครอง มีพื้นที่ไม่น้อยเลย

ในนั้นมีค่ายกลส่งข้ามขนาดใหญ่หลายค่ายกลเปิดอยู่ตลอดปี ทำให้สำนักจริงที่อยู่ห่างจากที่นี่ในระยะหนึ่งสามารถรักษาความเชื่อมโยงกับเมืองหลวงเขตปกครองเอาไว้ได้อย่างแนบแน่น

และหน้าที่ของสำนักย่อยที่นี่ก็มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือให้บริการผู้ครองกระบี่

สวี่ชิงตอนที่มาถึงก็เห็นผู้ครองกระบี่หลายคนเข้าๆ ออกๆ ส่วนนายกองมาถึงตั้งนานแล้ว นั่งยองๆ อยู่ในบริเวณที่ห่างออกไปไม่ไกล กินผิงกั่วไปด้วย โบกมือให้สวี่ชิงด้วย

“อาชิงน้อย ทางนี้”

สวี่ชิงเดินไป

สวี่ชิงรับไว้กินไปคำหนึ่ง ยื่นตั๋ววิญญาณไปให้นายกอง

มองตั๋ววิญญาณ นายกองฮึกเหิมเป็นอย่างยิ่ง หลังจากที่กัดผิงกั่วคำใหญ่ไปเต็มคำก็เอ่ยอย่างลึกลับขึ้นว่า

“ศิษย์น้องเล็กวางใจ ตามแผนของข้า ห่างจากลงมือทำเรื่องใหญ่อีกไม่นานแล้ว”

“ความเสี่ยงมากเพียงใด” สวี่ชิงถาม

“ไม่มีความเสี่ยงใดๆ ทั้งสิ้น!” นายกองท่าทางมั่นใจมาก

สวี่ชิงพยักหน้า เขารู้แล้ว นี่หมายถึงความเสี่ยงสุดๆ แน่ๆ

“ไม่คุยแล้ว ข้าจะไปหาอู๋เจี้ยนอู เจ้านั่นจ่ายหินวิญญาณมาไม่น้อย ผ่านจากความสัมพันธ์ของข้าเข้าร่วมการทดสอบผู้ครองกระบี่รอบเสริม วันนี้รับการทดสอบมหาจักรพรรดิหยั่งจิต เมื่อคืนวานข้าได้ถ่ายทอดข้อมูลพวกนั้นของข้าเมื่อครั้งนู้น ทำให้เขารู้สึกว่าเงินที่จ่ายมาคุ้มค่า”

นายกองลุกขึ้น

“ข้าจะไปดูว่าผลเป็นอย่างไร ดูซิว่าเขาจะได้จั้งเดียวหรือไม่!”

นายกองดวงตาฉายแววคาดหวัง จากไปอย่างเบิกบานสำราญใจ

สวี่ชิงมองเงาแผ่นหลังของนายกองผาดหนึ่ง เขารู้สึกว่านายกองจะต้องมีความแค้นกับอู๋เจี้ยนอูอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นแล้วจะหลอกคนคนหนึ่งสองครั้งติดๆ ได้อย่างไร

ดังนั้นหลังจากที่มองเงาร่างนายกองหายไปจนสุดสายตา สวี่ชิงก็เดินเข้าไปในสำนักมายาจำแลงปีศาจ

สำนักมายาจำแลงปีศาจที่ตั้งอยู่ในเมืองหลวงเขตปกครอง รูปแบบของทั้งสำนักเป็นวงแหวน ภายใต้การโอบล้อมจากสิ่งก่อสร้างเป็นชั้นๆ ก็เกิดเป็นค่ายกลมายาอันเป็นลักษณะเฉพาะของสำนักพวกเขา

และบนสิ่งก่อสร้างทุกแห่งล้วนสลักอสูรร้ายแปลกประหลาดเอาไว้ บ้างดุร้ายเหี้ยมเกรียม บ้างสงบนิ่งเป็นมงคล ในบรรดาพวกมันส่วนใหญ่แล้วกำเนิดในพื้นที่ต้องห้าม และมีต่างเผ่าจำนวนหนึ่งด้วย

แต่ในแนวคิดของสำนักมายาจำแลงปีศาจ สิ่งเหล่านี้สามารถเอามาเป็นเมล็ดพันธุ์ปีศาจได้ทั้งนั้น

และสถานที่ที่ศึกษาเคล็ดจำแลงปีศาจคือในตำหนักถ่ายทอดเคล็ดวิชาของภายใน

ตำหนักนี้ไม่ใช่ตำหนักใหญ่ในความหมายปกติแบบนั้น แต่เป็นช่องโครงสร้างหินแต่ละช่องๆ ทุกช่องเป็นเอกเทศ ไม่รบกวนกันและกัน

มีประมาณร้อยกว่าช่อง

หลังจากจ่ายแต้มกองทัพในจำนวนที่กำหนดแล้ว ลูกศิษย์สำนักมายาจำแลงปีศาจก็พาสวี่ชิงมาถึงที่นี่อย่างมีมารยาท ก่อนเขาจะเลือกช่องหนึ่งแล้วเดินเข้าไป

ในช่อง สวี่ชิงเห็นค่ายกลที่สลักไว้บนพื้นและป้ายหินป้ายหนึ่ง

ป้ายหินไม่ได้เก่าเท่าไร ไม่ได้แฝงไว้ด้วยความล้ำลึกยาวนานอะไร และไม่มีร่องรอยของวันเวลาที่ผ่านไปสักเท่าไร แต่อักขระที่อยู่บนนั้นกลับแฝงความโบราณ

เห็นได้ชัดว่าป้ายหินนี้เป็นป้ายจำลอง ไม่ใช่ป้ายหินดั้งเดิม

แต่ตั้งอยู่ที่นี่ จะเป็นของดั้งเดิมหรือไม่จะต้องไม่ส่งผลกับการสัมผัสรับรู้เคล็ดวิชาอย่างแน่นอน ดังนั้นสวี่ชิงหลังจากที่อ่านดูก็นั่งขัดสมาธิลง มองป้ายหินพลางสูดลมหายใจลึก ดวงตาฉายแววมุ่งมั่น

‘แต้มกองทัพที่ใช้ในการสัมผัสรับรู้ไม่น้อยเลย เวลาสัมผัสรับรู้ทั้งหมดสามวัน ทางที่ดีที่สุดคือทำให้สำเร็จในทีเดียว!

‘หวังว่าเคล็ดจำแลงปีศาจจะตรงกับการวิเคราะห์ของข้า ทำให้ภูเขาจักรพรรดิภูตของข้า…ปรากฏออกมาได้’

สวี่ชิงไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น ในเสี้ยวพริบตาที่หลับตา เขาก็แผ่ประสาทสัมผัสออกมา ผสานไปในป้ายหินข้างหน้า

ทันทีที่สัมผัสกับป้ายหิน เขาได้ยินเสียงคำรามที่เหมือนมาจากห้วงเวลาบรรพกาลมากมายดังก้องขึ้นในจิตใจ

เสียงคำรามเหล่านี้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เหมือนลมพายุท่วมจมเขาในพริบตา ร่างสวี่ชิงพลันสะท้านเฮือก เขาสัมผัสได้ถึงการปะทุของพลังที่ส่งข้ามมากลุ่มหนึ่ง

แตกต่างจากการสัมผัสรับรู้ที่เคยประสบมาก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง สวี่ชิงพลันลืมตาขึ้นมา สิ่งที่ปรากฏข้างหน้าเขาคือความว่างเปล่า

และสถานที่ที่เขาอยู่ก็ไม่ใช่ช่องว่างสัมผัสรับรู้ที่สำนักมายาจำแลงปีศาจแล้ว แต่ถูกส่งมาในตัวปลากึ่งโปร่งแสงตัวหนึ่ง

ปลาตัวนี้มีขนาดสิบจั้ง บางตำแหน่งปิดอักขระสีดำ บนนั้นวาดใบหน้าร้องไห้เอาไว้ แว่วๆ มีเสียงร้องไห้ดังสะท้อน กำลังว่ายไปในความว่างเปล่าข้างหน้า

ข้างหน้าปลามีโคมสีเขียวดวงหนึ่ง แผ่แสงเย็นเยือก ท่ามกลางความวางเปล่าเหมือนไฟผีน่าขนลุกกำลังนำทาง

สวี่ชิงจิตใจสั่นสะท้าน ภาพนี้เกินความคาดหมายของเขา และในขณะที่สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป ลุกขึ้นในท้องปลาด้วยความระแวงระวัง เสียงเก่าแก่ล้ำลึกก็ดังขึ้นในตัวปลา

“ผู้ทดสอบเคล็ดจำแลงปีศาจ

“สถานที่ท่านกำลังเดินทางไปในขณะนี้คือสถานที่สัมผัสรับรู้เคล็ดจำแลงปีศาจที่แท้จริง”

“ที่นั่น…มีชื่อว่าโลกมายา

“โลกมายาเป็นเศษเสี้ยวโลกที่ลึกลับยากเกินหยั่งเป็นอย่างยิ่งแห่งหนึ่งที่ปฐมบรรพจารย์ของสำนักเราพบโดยบังเอิญ ท่านจะทำสัญญาให้สำเร็จที่นั่น ทันทีที่สำเร็จนับจากนั้นท่านก็จะมีความสามารถในการจำแลงปีศาจ

“เคล็ดจำแลงปีศาจไม่ต้องสัมผัสรับรู้ ดูที่สัญญาเท่านั้น

“ที่ต้องสัมผัสรับรู้จริงๆ คือหลังจากที่สัญญาสำเร็จแล้ว ร่างเงาปีศาจที่ย้ายมาจากทะเลความรู้สึกในอนาคต ทฤษฎีของการจำแลงปีศาจก็คือยืมพลังของโลกมายา ช่วยท่านทำให้ปีศาจในทะเลความรู้สึกปรากฏออกมา ดังนั้น…จึงเป็นที่มาของสัญญานี้

“การทำสัญญานี้ใช่ว่าจะต้องสำเร็จ มีความเป็นไปได้ที่จะล้มเหลว อีกทั้งโลกมายาเจ้าเล่ห์ สุดท้ายแล้วจะสามารถทำสัญญาได้อย่างราบรื่นหรือไม่ ดูที่วาสนาของท่าน

“แต่โปรดจำไว้ว่า นี่เป็นความลับสุดยอดของสำนักข้า ห้ามแพร่งพรายออกไปโดยเด็ดขาด ผู้ฝ่าฝืนจะต้องได้รับการลงโทษ!

“ไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลว หลังจากที่ท่านเข้าไปในแดนมายานึกถึงปลาหวนคืน ก็จะกลับมาที่นี่ ขอให้ท่านโชคดี”

ดวงตาสวี่ชิงฉายประกายวาววาบ เขาฟังออกว่าเสียงเก่าแก่ล้ำลึกนี้ไม่ได้สื่อสารกับแค่ตนเท่านั้น ฟังจากเสียงของอีกฝ่ายก็รู้ว่านี่เป็นเสียงบันทึก

ในตอนที่ในใจสวี่ชิงขบคิดเร็วจี๋นั้น จู่ๆ ดวงตาของเขาก็พลันจ้องเพ่ง มองเห็นในความว่างเปล่าที่ไกลๆ มีรูปสลักหินตาเดียวตัวมหึมาปรากฏขึ้น

ที่หน้าอกของรูปสลักหินมีโพรงเรียบเสมอโพรงหนึ่ง ทะลุร่างไป

ส่วนใบหน้าของรูปสลักหินรางเลือน มีเพียงปากที่อ้าเท่านั้นที่นับว่าชัดเจน มองไกลๆ เหมือนทางเข้าโลกใบหนึ่ง

ขณะเดียวกัน ปลาที่สวี่ชิงอยู่ข้างในตัวนี้ก็กระโดดไปข้างหน้ารูปสลักหิน

ที่นี่ หลังจากที่ร่างปลากึ่งโปร่งแสงตัวนี้กระตุกเล็กน้อย ก็พ่นฟองอากาศออกมาฟองหนึ่ง ร่างของสวี่ชิงก็อยู่ในฟองอากาศนี้เข้าไปในปากของรูปสลักหิน

เสี้ยวขณะต่อมา สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าสวี่ชิงคือโลกที่อยู่เหนือจินตนาการของเขาใบหนึ่ง

โลกใบนี้ตลบอวลไปด้วยหมอกบางๆ ในหมอกมีเสียงซุบซิบดังมา สิ่งที่ทำให้สวี่ชิงรู้สึกแปลกประหลาดน่าขนลุกคือวัตถุสีขาวขนาดมหึมาก้อนหนึ่ง ลอยผ่านหน้าสวี่ชิงไปอย่างช้าๆ

วัตถุสีขาวนั่น สิ่งที่สะท้อนในสายตาสวี่ชิงเป็นอันดับแรกคือรอยหยักที่เหมือนคลื่น จากนั้นมันก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็ปรากฏขึ้นโดยสมบูรณ์

เป็นสมองขนาดมหึมาก้อนหนึ่ง

บนนั้นไม่ได้มีเพียงรอยหยักเท่านั้น ยังมีร่องกลางที่ชัดเจน และสมองน้อยสีน้ำตาลที่มีขนาดเล็กกว่าเล็กน้อยข้างสมองสีเข้ม

ดูแล้วน่าสยดสยองขนหัวลุกนัก

มันลอยอยู่ในหมอก จะเห็นได้ว่าข้างล่างสมองยังมีร่างแหที่เป็นเหมือนทั้งเส้นเลือดและเส้นประสาทมากมาย ราวกิ่งไม้รกๆ

สมองแบบนี้ไม่ได้มีเพียงก้อนเดียวในโลกหมอกแห่งนี้

สวี่ชิงรูม่านตาหดเล็ก ทอดสายตามองไป ต้นไม้สมองในหมอกมีจำนวนมหาศาล พวกมันจมๆ ลอยๆ อยู่ในหมอก ตอนนี้ที่ปรากฏขึ้นรอบๆ เขาก็มีหลายร้อยแล้ว และในจุดลึกของหมอกยิ่งมีมากกว่านี้

จำนวนโดยรวมทั้งหมดไม่อาจสรุปรวมได้

อีกทั้งต้นไม้สมองที่นี่ทุกต้นล้วนกำลังขยุกขยิก เสียงซุบซิบพูดคุยดังออกมาจากพวกมันนั่นเอง

“มาอีกคนแล้ว”

“ชู่ เบาหน่อย อย่าทำเขาตกใจหนี”

“ที่ไกลๆ ยังมีอีกคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าพวกเขารู้จักกันหรือไม่”

“ไม่รู้ แต่ข้าว่าเจ้านี่เหมือนจะอร่อยมาก ได้ยินมาว่าเผ่ามายาจะทำสงครามแล้ว พวกเราต้องระวังหน่อย”

“มาเถอะ เลือกข้าเถอะ พวกเรามาทำสัญญากัน”

“เจ้าอยากจำแลงปีศาจหรือไม่ ข้าทำให้เป็นจริงได้ เพียงแต่เจ้า…ต้องมอบความทรงจำช่วงหนึ่งให้ข้า”

“ความทรงจำอะไรก็ได้เอามาลองมอบให้ข้าได้ทั้งนั้น ขอเพียงข้าพอใจ ข้าก็จะทำสัญญากับเจ้า”

เสียงทั้งหมดเหมือนบีบเสียงพูดอยู่ข้างๆ หู แปลกประหลาดนัก

สวี่ชิงสีหน้าเคร่งขรึม การสัมผัสรับรู้เคล็ดวิชาแบบนี้เขาเพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก ตอนนี้ในขณะที่มองไปรอบๆ อย่างเย็นชาก็มีต้นไม้สมองต้นหนึ่งลอยมา

“พวกมันล้วนกำลังหลอกเจ้า ล้วนอยากกินเจ้าให้เกลี้ยง เจ้าทำสัญญากับข้าเถอะ เจ้าแค่ยกมือแตะข้าก็พอ ข้าขอแค่ความทรงจำช่วงสั้นๆ เท่านั้น ให้ข้าเถอะๆ ข้าหิวมาก รีบให้ข้า รีบให้ข้า…”

เสียงจิตเทพที่ดังมาจากสมองนั่นแผ่ความปรารถนาและความละโมบ ขณะพูดสมองก็ยังขยุกขยิกอย่างรวดเร็วด้วย น่าขยะแขยงเป็นอย่างยิ่ง

“อย่าเชื่อมัน มันหลอกคนไปตั้งมากมายแล้ว ก่อนหน้านี้มันกินสหายคนหนึ่งของเจ้าจนกลายเป็นคนไม่มีความทรงจำ ลืมว่าต้องทำสัญญากับมัน”

“ใช่แล้ว มันเจ้าเล่ห์มาก เจ้าเลือกข้า ข้ากินแค่นิดเดียว ให้ข้าๆ”

“เลือกข้า…ข้าหิวเหลือเกิน ข้าอยากกิน หากเจ้าไม่ให้ข้า ข้าจะไม่ให้เจ้าออกไป!”

เสียงรอบๆ เพิ่มมากขึ้นมาทันที สมองหลายสิบก้อนตรงดิ่งมาหาสวี่ชิง ล้อมเขาเอาไว้ตรงกลาง ขณะเดียวกับที่แผ่ความปรารถนาออกมาก็แผ่จิตคิดร้ายและความละโมบออกมาอย่างปิดไม่มิด

สวี่ชิงเงียบนิ่ง เขานึกถึงสิ่งที่เสียงเก่าแก่ล้ำลึกนั้นพูดตอนระหว่างทางที่มา

ที่นี่เป็นโลกเศษเสี้ยวแปลกประหลาดชื่อว่าโลกมายา ทำสัญญากับโลกใบนี้จะสามารถสำแดงเคล็ดจำแลงปีศาจได้ และดูจากตอนนี้ วิธีที่จะทำสัญญาก็คือให้ต้นไม้สมองหนึ่งในนั้นกินความทรงจำช่วงหนึ่งของตัวเอง อีกทั้งยังต้องทำให้พอใจอีกด้วย

นี่ก็คือส่วนที่เจ้าเล่ห์ เพราะพอใจหรือไม่พอใจ พวกมันเป็นผู้ตัดสิน

“ความทรงจำหรือ…” สวี่ชิงหรี่ตา จู่ๆ ก็มองไปทางสมองที่แผ่จิตคิดร้ายรุนแรงที่สุดออกมาก้อนนั้น เอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา

“ข้าเลือกเจ้า”

สวี่ชิงพูดพลางยกมือขึ้น

สมองใหญ่ที่ขยุกขยิกไม่หยุดนั่นพุ่งมาถึงทันที สัมผัสเข้ากับฝ่ามือของสวี่ชิง

“เช่นนั้น เจ้าจะให้ความทรงจำช่วงใดกับข้า…” จากคำพูดที่ส่งมา จิตคิดร้ายและความละโมบก็พุ่งมาที่จิตใจของสวี่ชิง แต่ดูเหมือนมันจะไม่สามารถเลือกเองได้ ต้องให้สวี่ชิงระลึกความทรงจำให้

“ข้าให้ความทรงจำหลังจากที่ข้าตื่นขึ้นที่เขตติงหนึ่งสามสอง ของที่ตัวข้าเองยังจำไม่ได้ ดูซิว่าเจ้าจะจำได้หรือไม่ กินให้อร่อย” ในดวงตาสวี่ชิงแฝงความเย็นยะเยียบ เอ่ยเสียงเบา

เสี้ยวขณะต่อมา สมองที่สัมผัสกับฝ่ามือของเขา จากการสัมผัสก็พลันสั่นสะท้านขึ้นมา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Status: Ongoing
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง…รายละเอียดกำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง ‘เอ่อร์เกิน’ ผู้เขียน ‘หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์’ ‘สู่วิถีสุรา’ ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน’ ‘หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา’ เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก ‘สวี่ชิง’ เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท