บทที่ 424 จักรพรรดิภูตจุติ!
ในโลกมายา ภาพที่ประหลาดยิ่งกว่ากำลังปรากฏอยู่
ในปราณหมอกไม่จบสิ้น ต้นไม้สมองใหญ่ที่เดิมละโมบและมีเจตนาร้ายคิดจะกลืนกินความทรงจำของสวี่ชิง ตอนนี้ขณะที่สวี่ชิงนึกความทรงจำใจเขตติงหนึ่งสามสองออกมา พริบตาที่ยอมให้อีกฝ่ายกินนั้น…
สมองใหญ่ก็อดสั่นขึ้นไม่ได้
มันเห็นตัวตนที่ไม่ควรเห็น ที่นี่ไม่มีพลังสะกดจากกรมราชทัณฑ์ อาจเพราะเหตุผลนี้ที่ทำให้เมื่อมันเห็นแล้วจึงไม่อาจลืมได้
ส่วนมันที่กลืนกินความทรงจำเพื่ออยู่รอดโดยเฉพาะก็พิเศษอย่างมาก ทั้งหมดนี้ทำให้ต้นไม้สมองใหญ่ได้รับความเจ็บปวดรุนแรง สุดท้ายก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมา
ต้นไม้สมองใหญ่ต้นอื่นรอบๆ เหมือนจะเจอเรื่องทำนองนี้น้อยมาก หรืออาจไม่ได้สัมผัสประสบการณ์นานแล้ว ตอนนี้แต่ละต้นจึงแผ่ระลอกคลื่นอารมณ์สงสัย
“ทำไมหรือทำไมหรือ”
“อร่อยขนาดนั้นเลยหรือ”
“ข้าก็อยากลองบ้าง”
คำพูดเหล่านี้ ทำให้สวี่ชิงเข้าใจทันทีว่าพวกสมองใหญ่ในโลกมายาเหล่านี้ก็ยังดูใสซื่ออยู่บ้าง
ท่ามกลางความสงสัยของต้นไม้สมองใหญ่เหล่านี้ สมองใหญ่ที่กรีดร้องอยู่เบื้องหน้าสวี่ชิง ตอนนี้เสียงร้องก็เปลี่ยนเป็นกรีดร้อง
ไม่ว่าร่างของมันจะสมองใหญ่หรือสมองเล็ก ก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ก้านสมองสั่นกระตุก กระทั่งกระเสือกกระสนอย่างรุนแรงด้วย คิดจะถอยหนี
แต่มือขวาของสวี่ชิงก็คว้าเอาไว้ จับอีกฝ่ายไว้แน่น กดนิ้วมือลงไป ทำให้มันดิ้นไม่หลุด จากนั้นจึงส่งเสียงเรียบๆ ออกมา
“อร่อยหรือไม่”
“ข้า…” เสียงกรีดร้องของต้นไม้สมองใหญ่นั้นยิ่งน่าตกตะลึงเข้าไปอีก ก้องไปรอบทิศ ต่อมาเสียงตูมดังขึ้นก็แหลกเละ จนกลายเป็นก้อนเหนียวหนึบนับไม่ถ้วนกระจายไปทั่ว
มลายหายสิ้น
การตายของมันทำให้รอบด้านเงียบลงในทันที ต่อให้สมองใหญ่อื่นๆ จะใสซื่อสักเพียงใด ตอนนี้ก็ตอบสนอง แต่ละร่างพลันถอยหลบ และมีเสียงกรีดร้องดังมาด้วย
“ทำไมมันถึงระเบิดไปแล้ว!”
“กินความทรงจำอะไรเข้าไปกัน!”
“เจ้าให้มันกินอะไรไปน่ะ!”
สวี่ชิงสะบัดก้อนเหนียวหนืดบนมือออกด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เหมือนครุ่นคิด
นี่คือวิธีที่เขาคิดออกในช่วงสั้นๆ และเป็นการหยั่งเขตติงหนึ่งสามสองด้วย
อันที่จริง สวี่ชิงก็ใช่ว่าไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเขตติงหนึ่งสามสองเลย
ถึงแม้เขาจะไม่รู้รายละเอียด แต่จำนวนตำราไม้ไผ่ที่ลดลงรวมถึงคำพูดของศีรษะนั่นยังมีรายละเอียดบางอย่างอยู่อีก ทำให้เขาวิเคราะห์คำตอบส่วนหนึ่งได้นานแล้ว
เขตติงหนึ่งสามสองมีความน่าสะพรึงอยู่ ตนน่าจะตื่นตัวหลายครั้งแล้วแต่จำไม่ได้ทุกครั้ง สวี่ชิงพึมพำในใจ
‘จะต้องเกี่ยวข้องกับเทพเจ้าแน่
‘บางทีองค์นั้นอาจเป็นตัวตนที่หากผู้ใดเห็นแล้วจดจำจะตกอยู่ในคำสาปจนตายงั้นหรือ
‘ดังนั้นที่สะกดมันในกรมราชทัณฑ์ มีความเป็นไปได้ว่าเพื่อทำให้คนที่เห็นทุกคนลืมมันไป แล้วใช้การลืมนี้ตัดขาดบ่วงกรรมหรือ
‘นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ข้านึกความทรงจำนั้นไม่ออกเช่นนั้นหรือ’
สวี่ชิงครุ่นคิด เขาจำได้รางๆ ว่าพัศดีคนที่แล้วพูดกับตนว่า ตอนที่เจ้าคิดว่ารู้คำตอบแล้ว อันที่จริงยังมีเรื่องอีกมากมายที่รอเจ้าอยู่
‘เช่นนั้นก่อนที่ข้าจะลืมทุกครั้ง คำตอบที่ข้าได้รับคือเช่นนี้หรือ หรือที่บอกว่ายังมีที่ลับยิ่งกว่านี้อีกคือสิ่งที่ข้ายังไม่รู้ แล้วคำตอบของข้าถูกต้องเพียงใด’
สวี่ชิงครุ่นคิด สายตาไปหยุดมองต้นไม้สมองใหญ่ต้นอื่นๆ
เขารู้สึกว่าในโลกมายาที่แปลกประหลาดนี้น่าสนใจมาก ที่นี่ไม่เพียงทำให้ตนเองได้รับเคล็ดจำแลงปีศาจเท่านั้น แต่ยังนำมาใช้หยั่งเขตติงหนึ่งสามสองได้ด้วย
สวี่ชิงเตรียมจะหยั่งอีกครั้ง จึงก้าวไปด้านหน้าก้าวหนึ่งปรากฏที่เบื้องหน้าต้นไม้สมองใหญ่อีกต้น อีกฝ่ายร่างสั่นเทิ้มคิดจะหลบ สวี่ชิงจึงยกมือขวาขึ้น
“อร่อยนะ มากินสิ”
สมองใหญ่นั่นเหมือนจะดิ้นรน แต่การกระหายความทรงจำก็ยังทำให้มันเข้าใกล้อย่างระแวดระวัง สัมผัสฝ่ามือของสวี่ชิง และต้นไม้สมองใหญ่ต้นอื่นก็พากันสังเกตการณ์
เพียงแต่พริบตาต่อมา ต้นไม้สมองใหญ่ที่สัมผัสกับสวี่ชิงก็สั่นอย่างรุนแรง ส่งเสียงกรีดร้อง ตอนที่ริ้วรอยยับย่นทั้งหมดบิดเบี้ยวจวนเจียนระเบิด สวี่ชิงก็เอ่ยอย่างรวดเร็ว
“เจ้าเห็นอะไร!”
“ข้าเห็น…”
เสียงตูมดังสนั่น ยังไม่ทันพูดจบ ต้นไม้สมองใหญ่ก็แตกกระจาย
สวี่ชิงสีหน้าปั้นยาก หันไปมองต้นไม้สมองใหญ่ต้นถัดไป
สมองใหญ่รอบๆ ทั้งหมดถอยออกมาในพริบตา แต่ละต้นแผ่ระลอกคลื่นหวาดกลัวอย่างชัดเจน หนีไปไกลอย่างบ้าคลั่ง
สวี่ชิงรู้สึกไม่ค่อยพอใจ จึงไหววูบตามออกมา ไม่นานก็ไล่ตามต้นหนึ่งทัน แตะท่ามกลางเสียงกรีดร้องของอีกฝ่าย เอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า
“มาเถอะ อร่อยมากนะ”
เวลาไหลผ่านไปเช่นนี้ สามวันต่อมา ตอนที่ถึงขีดจำกัดการฝึกฝนของสำนักมายาจำแลงปีศาจ ปลาใหญ่ที่รออยู่ด้านหน้ารูปปั้นก็ออกแรงสูด ฉับพลันร่างของสวี่ชิงก็อยู่ในตัวปลาใหญ่
ตอนที่ปลาใหญ่ไหววูบหันหน้ากลับมา สวี่ชิงที่อยู่ในร่างมันก็หันมองรูปปั้นด้วยแววตาเสียดาย และดูอาลัยอาวรณ์เล็กน้อย
‘น่าเสียดาย ยังหาคำตอบไม่ครบเลย หาเจอแค่บางส่วนเท่านั้น หากให้เวลาข้าอีกหน่อยล่ะก็…’
สวี่ชิงพึมพำในใจ เขารู้สึกว่าที่นี่จะกลายเป็นที่ที่ตนจะไขเขตติงหนึ่งสามสองให้กระจ่างได้
‘แต่จะมาทุกวัน แต้มกองทัพที่ต้องใช้ก็มากเกินไป’
สวี่ชิงส่ายหัว จากนั้นก็ยกมือขึ้น ยันต์อักขระที่ดูคล้ายกับต้นไม้สมองใหญ่ ลอยขึ้นมากลางฝ่ามือเขา
นี่คือพันธสัญญากับโลกมายา
ผู้ทดสอบที่เข้ามาทุกคน หลังจากที่ทำให้ต้นไม้สมองใหญ่พึงพอใจจากการกลืนกินความทรงจำ ก็จะได้รับยันต์อักขระนี้มาเป็นพันธสัญญา ทำให้หลังจากนี้สามารถจำแลงปีศาจออกมาได้
ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่ใช้ในการจำแลงปีศาจ นอกจากตัวผู้บำเพ็ญที่ต้องแบกรับแล้ว โลกมายาก็จะช่วยแบ่งเบาไปส่วนหนึ่ง
ส่วนรายละเอียดจะมีสัดส่วนอย่างไร ทุกคนล้วนแตกต่างกัน จะตัดสินจากพันธสัญญาที่ทำไว้กับต้นไม้สมองใหญ่ในโลกมายาเหล่านั้น
สวี่ชิงสะกดความเสียดายในใจ โบกมืออีกครั้ง กลางมือเขาปรากฏอันที่สอง ที่สาม ที่สี่…
สุดท้ายก็มียันต์อักขระทั้งหมดสามสิบสองอันลอยอยู่เบื้องหน้าเขา
ทุกอันเป็นหนึ่งพันธสัญญา ทำให้จำแลงเงาที่ย้ายมาในทะเลความรู้สึกออกมาได้ ส่วนภาระจะเป็นอีกฝ่ายแบกรับไว้เป็นส่วนใหญ่ สวี่ชิงจ่ายออกไปน้อยมาก
สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ สวี่ชิงเข้าใจเหตุผล
นี่คือการยอมรับความปรารถนาดีของเขาจากต้นไม้สมองใหญ่ในโลกมายาเหล่านั้น
จำนวนมากขนาดนี้ ก็เพราะการยอมรับนี้มีน้ำหนักมาก
สวี่ชิงทอดถอนใจ สะบัดแขนเสื้อ เก็บยันต์อักขระทั้งสามสิบสองอัน จากนั้นก็หลับตาลงนั่งสมาธิ
เวลาผ่านไป ร่างกายเขาสั่นขึ้นมาอีกครั้งอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ขณะที่ความรู้สึกระหว่างส่งข้ามปรากฏขึ้น ร่างกายของเขาก็หายไปจากตัวปลาใหญ่ กลับมาในห้องสัมผัสรับรู้ของสำนักย่อยมายาจำแลงปีศาจในเมืองหลวงเขตปกครองแล้ว
การส่งข้ามเสร็จสิ้น สวี่ชิงลืมตาขึ้น นึกย้อนถึงประสบการณ์สามวัน สุดท้ายก็สูดลมหายใจลึก ลุกขึ้นเดินออกจากห้อง
เขาเตรียมจะกลับไปที่ห้องฝึกบำเพ็ญในหอกระบี่ ทดสอบเคล็ดจำแลงปีศาจว่าจะเป็นเช่นที่ตนเองคิดว่าจะจำแลงจักรพรรดิภูตออกมาหรือได้ไม่
พร้อมกับความคิดนี้ สวี่ชิงก็พุ่งออกจากสำนักย่อยสำนักมายาจำแลงปีศาจ ทะยานไปบนพื้น เมื่อมาถึงหอกระบี่ก็เข้าไปทันที จากนั้นกางค่ายกลป้องกันรอบๆ
เมื่อเสร็จสิ้นเรื่องเหล่านี้ สวี่ชิงก็สำรวจรอบๆ ห้องฝึกบำเพ็ญ
ห้องฝึกบำเพ็ญในหอกระบี่สร้างมิติขึ้นมาเอง มีพื้นที่กว้างมาก
เมื่อแน่ใจว่าที่นี่สามารถทนรับเงาของจักรพรรดิภูตได้ แววตาสวี่ชิงก็มีความคาดหวัง ล้วงยันต์อักขระพันธสัญญาของต้นไม้สมองใหญ่ออกมาชิ้นหนึ่ง ผสานมันกับเขาจักรพรรดิภูตในทะเลความรู้สึก
อักขระนี้ก็ส่องสว่างเจิดจ้าขึ้นจากการเข้าใกล้
แสงสว่างขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายทะเลแสงก็สาดส่องปกคลุมเขาจักรพรรดิภูติ
ขณะเดียวกันด้านนอกร่างสวี่ชิง ยอดเขาเลือนรางก็ปรากฏขึ้นบนตัวเขา ค่อยๆ มาแทนที่เงาของเขา
แม้ว่าจะเล็กกว่าเขาจักรพรรดิภูต แต่ก็ยังน่าพรั่นพรึง และเมื่อมองอย่างละเอียดก็จะเห็นว่าภูเขานี้เป็นรูปร่างคนนั่งขัดสมาธิอยู่!
แม้ว่าทั้งร่างจะกึ่งโปร่งแสง อยู่ในความเลือนราง แต่กลับปิดบังความโหดเหี้ยมโถมสวรรค์เอาไว้ไม่ได้ เห็นชุดเกราะสีดำสนิทบนตัวของร่างนี้เลือนๆ มือถือมีดขนาดยักษ์ แบกโลกไว้บนบ่าสองใบ
ราวกับเป็นวิญญาณเทพชั่วร้ายองค์หนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิ
ชุดเกราะทุกชุ่นบนตัวเขาแฝงพลังบดขยี้ทั่วสารทิศไว้ด้วย ดาบยักษ์ก็เหมือนจะผ่าโลกทั้งใบได้
ระลอกคลื่นที่น่าตกตะลึงแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขา มาพร้อมกับความโหดเหี้ยม คุ้มคลั่ง และยิ่งมาพร้อมความโกรธแค้นฟ้าดิน อานุภาพน่าตกตะลึง กลืนกินมาชั่วกัปชั่วกัลป์
และยังเห็นกระบองท่อนหนึ่งรางๆ จำแลงออกมาบนหัวเข่า แผ่แรงสะกดที่น่าสะพรึงกลัว
ร่างเงานี้ ก็คือจักรพรรดิภูต!
ส่วนหน้าตา ก็ดูคล้ายคลึงสวี่ชิงถึงแปดส่วน!
เพียงแต่ตอนนี้รูปร่างทั้งหมดของมันเป็นรูปธรรมแค่หนึ่งส่วน ยังดูไม่สมจริงนัก และตอนนี้หอกระบี่ก็ทานรับไม่ไหวแล้ว ส่งเสียงครืนครัน ราวกับกำลังจะถล่มลงมา
จนพริบตาต่อมา จากเสียงเปรี๊ยะที่ดังก้อง ยันต์อักขระพันธสัญญาชิ้นนั้นในทะเลความรู้สึกของสวี่ชิงก็แตกกระจัดกระจาย
ทะเลแสงอันตรธานหายไป เงาจำแลงจักรพรรดิภูตนอกร่างกายสวี่ชิงก็สลายไปในพริบตาเช่นกัน หายไปจนสิ้น
ร่างสวี่ชิงสั่นสะท้าน ลืมตาขึ้น กระอักเลือดออกมาคำใหญ่ แต่ในดวงตากลับเผยความยินดีแรงกล้าออกมา
“ใช้ได้!”
สวี่ชิงหายใจหอบถี่ เขาปรารถนาที่จะจำแลงเขาจักรพรรดิภูตออกมานานแสนนาน แต่กลับทำไม่ได้เลย จนพริบตาเมื่อครู่นี้ในที่สุดเขาก็สัมผัสได้ถึงความหวังที่จะความสำเร็จ
ถึงแม้ท้ายสุดจะหายไป แต่นี่ก็เพราะยันต์อักขระพันธสัญญาชิ้นนั้นแบกรับถึงขีดจำกัดแล้ว
“ยันต์อักขระสิบชิ้น น่าจะจำแลงออกมาได้หนึ่งครั้ง!” สวี่ชิงตื่นเต้น สูดลมหายใจลึก สะกดความคิดอยากทดลองต่อ
ยันต์อักขระพันธสัญญาที่เขามีเหลืออยู่แค่สามสิบเอ็ดใบเท่านั้น ถ้าต้องสิ้นเปลืองเพื่อทดสอบ สวี่ชิงก็รู้สึกปวดใจ
‘นำมาใช้เป็นท่าไม้ตายได้ ถ้าคำนวณคร่าวๆ ข้าน่าจะสามารถใช้ร่างจักรพรรดิภูตได้สามครั้ง’
สวี่ชิงดวงตาเปล่งประกาย ขณะเดียวกันก็ขบคิดว่าจะสะสมแต้มกองทัพเพิ่ม หลังจากที่ใช้สามครั้งนี้ก็จะสะสมแต้มกองทัพจนเพียงพอที่จะไปยังโลกมายาได้อีกครั้งหนึ่ง
และตอนที่เขากำลังคำนวณ แผ่นหยกสื่อเสียงของเขาก็สั่นไหว ด้านในสื่อเสียงสับสนที่ไม่อาลัยอาวรณ์ต่อสิ่งใดอีกแล้วของนายกองดังออกมา
“ศิษย์น้องเล็ก…”
สวี่ชิงตกตะลึง หยิบแผ่นหยกสื่อเสียงออกมา
“เกิดเรื่องอะไรอีกแล้วหรือ”
“ศิษย์น้องเล็ก เจ้าว่าเขาถือดีอย่างไร ถือดีอย่างไรกัน” ในแผ่นหยก เสียงของนายกองมีความขมขื่น และมีความสับสนอยู่ลึกๆ ด้วย
“การหยั่งใจของเจ้าโง่อู๋เจี้ยนอูนั่น คำตอบก็เป็นสิ่งที่ข้าให้ไป ข้อมูลที่ข้าซื้อมาครั้งนั้นข้าขายต่อให้เขาในราคาสูง ข้าเห็นเขาท่องจำทั้งหมด ข้ากระทั่งกลัวเขาจะลืม ยังทดสอบเขาตั้งหลายรอบ ข้ามองเขาเดินเข้าไปหยั่งใจ สุดท้ายข้าเห็นเขา…ได้ประกายแสงมาห้าพันจั้ง!
“ห้าพันจั้งเลยนะ!
“คำตอบเดียวกันข้อมูลเดียวกัน ทำไมข้าได้แค่จั้งเดียว เดิมข้าคิดว่าเขาก็ต้องได้หนึ่งจั้ง เช่นนี้ถึงจะยังมีเพื่อน…”
สวี่ชิงเงียบนิ่ง ครู่หนึ่งก็เอ่ยปลอบ
“หนึ่งจั้งก็มีข้อดีของหนึ่งจั้ง อย่างน้อยก็เป็นหนึ่งเดียวนะขอรับ”
ในแผ่นหยกเงียบนิ่ง ครู่หนึ่งจึงสื่อเสียงฟุ้งซ่านของนายกองมา
“ศิษย์น้องเล็ก เจ้านี่ปลอบคนไม่เป็นเลยจริงๆ
“เจ้าว่าตอนที่อู๋เจี้ยนอูหยั่งใจจะสวมบทบาทจักรพรรดิโบราณเสวียนโยว จากนั้นไปร่ายโคลงกลอนต่อหน้ามหาจักรพรรดิหรือไม่
“ไม่ได้การแล้ว ข้าต้องไปถามเสียหน่อย!”
สวี่ชิงถือแผ่นหยก รู้สึกเห็นใจกับสิ่งที่นายกองประสบพบเจอมาก พิจารณาถึงไมตรีพี่น้อง สวี่ชิงจึงไว้อาลัยเงียบๆ หลายอึดใจ…
จากนั้นก็เก็บแผ่นหยก ลุกขึ้นเดินออกไป เริ่มรับภารกิจเพื่อหาแต้มกองทัพ
เวลาผ่านไป ในที่สุดนายกองก็ยังไม่ได้คำตอบ สวี่ชิงก็ไม่แน่ใจ หลายวันนี้หลักๆ เขามุ่งไปที่แต้มกองทัพ
ลาดตระเวน สืบค้น จับกุมรวมถึงช่วยสนับสนุนภารกิจต่างๆ มากมาย
ในนี้ซานเหอจื่อรวมถึงหวังเฉินและเยี่ยหลิงก็คอยช่วยเหลือไม่น้อย พวกเขาแบ่งไปในกรมต่างๆ ขอแค่มีภารกิจไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ก็จะเรียกทุกคนมาร่วมด้วยช่วยกันทุกครั้ง
ข่งเสียงหลงวิ่งแจ้นมาบางครั้ง ทุกคนก็จะไปทำภารกิจให้เสร็จสิ้นด้วยกัน เช่นนี้แม้ว่าแต้มกองทัพจะถูกแบ่งสรรปันส่วน แต่ความเร็วในการเสร็จสิ้นภารกิจก็น่าตกตะลึง
โดยเฉพาะจื่อเสวียน หลังจากได้ยินว่าสวี่ชิงต้องการแต้มกองทัพ ก็ใช้สถานะของผู้ดูแลสำนักย่อยพันธมิตรแปดสำนักออกคำสั่ง ผู้ครองกระบี่ที่มาจากพันธมิตรแปดสำนักในช่วงหลายปีนี้จึงเข้ามาช่วยกัน
ถึงอย่างไรสวี่ชิงก็เป็นอาลักษณ์ของเจ้าวัง สถานะนี้รวมถึงประกายแสงหมื่นจั้ง ทำให้คนมากมายยินยอมที่จะข้องเกี่ยวด้วย
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเดิมทุกคนก็เป็นคนในพันธมิตรเดียวกัน
ก่อนหน้านี้สวี่ชิงเก็บตัวเกินไป มีคนติดต่อกับเขาน้อยมาก ทุกคนจึงไม่มีโอกาสนี้
ตอนนี้เมื่อจื่อเสวียนออกคำสั่ง ทุกคนก็ยินยอม เรื่องขันอาสาเหล่านี้จึงไม่ค่อยมีคนที่รังเกียจรังงอน
ดังนั้นสุดท้าย สวี่ชิงจะสำเร็จภารกิจหกถึงเจ็ดเรื่องในแทบจะช่วงค่ำของทุกวัน
แต้มกองทัพจึงเริ่มเพิ่มมากขึ้น แม้จะไม่มากนัก แต่จากจำนวนที่เพิ่มขึ้นไม่หยุดของแต้มกองทัพ ความรู้สึกพึงพอใจจึงเพิ่มขึ้นมา
การรับภารกิจอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ ก็ทำให้ชื่อเสียงของสวี่ชิงในเมืองหลวงเขตปกครองยิ่งขยายเปนวงกว้าง
สวี่ชิงก็ยังคงไปกรมราชทัณฑ์ในตอนกลางวัน ทั้งหมดยังเหมือนเดิม เด็กชายก็ไม่ได้เกิดปัญหาอะไรขึ้นอีก
จนวันหนึ่งหลังผ่านไปครึ่งเดือน สวี่ชิงที่เพิ่งจะเดินออกมาจากเขตติงหนึ่งสามสอง กำลังจะไปรับภารกิจ แต่ไม่ทันออกจากกรมราชทัณฑ์ กระบี่อาญาสิทธิ์ผู้ครองกระบี่ของเขาก็ส่งคำสั่งจากวังครองกระบี่มา
“สวี่ชิง มาที่วังครองกระบี่เดี๋ยวนี้!”
เสียงในกระบี่อาญาสิทธิ์น่าเกรงขามมาก เผยความเย็นชาวูบหนึ่ง มาพร้อมกับการห้ามตั้งข้อสงสัยด้วย