ผู้กล้าเหนือกาลเวลา – บทที่ 425 ผู้มาเยือนไม่เป็นมิตร

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 425 ผู้มาเยือนไม่เป็นมิตร

สวี่ชิงชะงักฝีเท้า ก้มหน้ามองกระบี่อาญาสิทธิ์ในมือ ดวงตาเผยแววคร่ำเคร่ง

คำสั่งนี้มากะทันหันมาก ไม่ได้บอกสาเหตุ ส่วนน้ำเสียงก็ค่อนข้างคุ้นเคย หลังจากขุดคุ้ยความทรงจำอย่างละเอียด ก็พบว่าเป็นผู้ดูแลซือหม่าจากสำนักเซียนล้ำบารมีคนนั้น

สวี่ชิงดวงตาล้ำลึก เขานึกถึงจางซืออวิ้น จนนึกถึงตระกูลเหยา ระแวดระวังเพิ่มขึ้น

‘ผู้ดูแลซือหม่าเรียกหาข้ามีธุระอันใด’

ขณะที่สวี่ชิงขบคิด กระบี่อาญาสิทธิ์ของเขาก็สั่นขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นข่งเสียงหรงที่ส่งสื่อเสียงมา

“สวี่ชิง เจ้าได้รับคำสั่งหรือยัง”

“ได้รับแล้วขอรับ” สวี่ชิงครุ่นคิด แอบมีคำตอบเลาๆ ในใจ

“เช่นนั้นก็ไม่ผิดแล้ว พวกเสี่ยวเหอกับเสี่ยวเฉินเองก็ได้เหมือนกัน เฮ้อ น่าจะตามเรื่องที่พวกเราไปสังหารเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ก่อนหน้านี้ย้อนหลัง”

เมื่อรู้ว่าสวี่ชิงก็ได้รับคำสั่งด้วย ข่งเสียงหรงก็รีบจบการส่งสื่อเสียง เขากำลังเร่งเดินทางไปยังวังครองกระบี่

สวี่ชิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็ออกจากกรมราชทัณฑ์

ตอนนี้ช่วงฟ้ายามเย็น แสงพลบค่ำราวกับฉาบย้อมท้องนภา ใช้แสงที่เหลือสาดส่องลงพื้นพสุธา ราวกับจะสะท้อนแผ่นดินให้เป็นสีเลือด

สวี่ชิงเงยหน้าขึ้นมอง กระโจนขึ้น เหินตรงไปยังวังครองกระบี่

ตำแหน่งผู้ดูแลนี้ ในวังครองกระบี่มีอำนาจสูงส่ง แต่ละท่านแบกรับหน้าที่สำคัญ ในนี้เรื่องที่ผู้ดูแลซือหม่ารับผิดชอบจะเกี่ยวข้องกับการคุมกฎ และรวมไปถึงบัญญัติภายในของผู้ครองกระบี่อีกด้วย

ดังนั้นไม่ว่าจะข่งเสียงหรงหรือว่าสวี่ชิงก็ไม่อาจมองข้ามคำสั่งของเขาได้ทั้งสิ้น

ไม่นานนัก ขณะที่สวี่ชิงกำลังครุ่นคิดว่าจะรับมืออย่างไร ก็มาถึงวังครองกระบี่แล้ว เพิ่งมาถึงก็เห็นข่งเสียงหรงกับเยี่ยหลิง

“พวกเราห้ามยอมรับเด็ดขาด!” เมื่อเห็นสวี่ชิงเหินมา ข่งเสียงหรงก็ส่งสื่อเสียงทันที

สวี่ชิงพยักหน้า ไม่นานนักซานเหอจื่อกับหวังเฉินก็ตามมา ทั้งสองคนสีหน้าเคร่งขรึม สีหน้าปั้นยากอยู่บ้าง

“พี่ข่ง สวี่ชิง วังครองกระบี่จะทำอะไรกันแน่ เอ๊ะ พวกเรามีความผิดหรือ”

“เสี่ยวเหอ!” ข่งเสียงหรงถลึงตา

ซานเหอจื่อแค่นเสียง ไม่พูดอะไรต่อ

“เรื่องราวจะเป็นแบบที่พวกเราคิดไว้หรือไม่ก็ยังไม่รู้ พวกเราไปกันเถอะ อย่าให้ผู้ดูแลซือหม่ารอนาน” ข่งเสียงหรงเอ่ยขึ้นแช่มช้า เดินนำเข้าไปก่อน

สวี่ชิงครุ่นคิด หันหน้าไปมองซานเหอจื่อที่กำลังอดกลั้นโทสะรวมถึงร่างแยกควันขจรของหวังเฉิน เอ่ยแผ่วเบาว่า

“ให้คนเห็นมากหน่อย อาจจะดีกว่า”

ซานเหอจื่อกับหวังเฉินเข้าใจทันที ต่างฝ่ายต่างล้วงแผ่นหยกออกมา เยี่ยหลิงก็เช่นกัน

ข่งเสียงหรงไม่ได้ห้ามปราม แต่เปลี่ยนจากสาวเท้าก้าวใหญ่เป็นก้าวที่เล็กลง

เช่นนี้กลุ่มคนทั้งหมดก็เดินเข้าไปในประตูใหญ่วังครองกระบี่ หลังจากเดินไปราวหนึ่งชั่วก้านธูป ในที่สุดก็มาถึงตำหนักบัญญัติที่ผู้ดูแลซือหม่าประจำอยู่

มีคนนับสิบคน ตอนนี้กำลังยืนอยู่ด้านนอกตำหนักบัญญัติ

แต่ละคนสีหน้าเคร่งขรึมเย็นชา พลังบำเพ็ญไม่ธรรมดา เสื้อผ้าก็ไม่ใช่ชุดนักพรตวังครองกระบี่ แต่เป็นสีเหลือง ที่แขนเสื้อปักอักษรมรรคาเอาไว้ตัวหนึ่ง

หลังจากที่เห็นพวกสวี่ชิง สายตาของคนนับสิบนี้ก็กวาดมา

ข่งเสียงหรงเลิกคิ้ว เอ่ยขึ้นอย่างอดไม่อยู่ ยืนอยู่ด้านนอกตำหนักบัญญัติ ประสานหมัดไปทางตำหนักใหญ่

“ข้าน้อยข่งเสียงหรง มาด้วยคำสั่งจากผู้ดูแลซือหม่า”

“พวกเขาคือผู้บำเพ็ญจากตระกูลเหยา” ร่างแยกควันขจรของหวังเฉินเอ่ยเตือนสวี่ชิงแผ่วเบา จากนั้นก็ทำเช่นเดียวกับข่งเสียงหรง ประสานหมัดส่งเสียงออกไป

สวี่ชิงกับซานเหอจื่อและเยี่ยหลิง ก็พากันคารวะ

เมื่อทุกคนเอ่ยขึ้น เสียงแค่นเย็นชาก็ดังออกมาจากด้านในตำหนักบัญญัติ จากนั้นก็มีคนเดินออกมาจากด้านในตำหนักสามคน

คนที่อยู่ตรงกลาง คืออาจารย์ของจางซืออวิ้น ผู้ดูแลซือหม่า

ทางซ้ายเขามีชายชราคนหนึ่ง สวมชุดนักพรตแบบเดียวกับผู้บำเพ็ญตระกูลเหยา แต่ระลอกคลื่นสมบัติวิญญาณชัดเจนมาก ดวงตาเหมือนมีประกายสายฟ้าอยู่ ตอนนี้สีหน้าไร้อารมณ์ กวาดตามองพวกสวี่ชิง

ส่วนทางด้านขวาของผู้ดูแลซือหม่ายังมีอีกหนึ่งคน

พริบตาที่มองไปยังคนนั้น พวกของสวี่ชิงม่านตาก็หดลง

คนผู้นี้ ไม่ใช่เผ่ามนุษย์

เขาคือเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์

องครักษ์ชุดดำกลางคนเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ที่คำรามขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยวหลังจากที่พวกสวี่ชิงไล่ล่าสังหาร แต่ท้ายสุดก็ก้าวข้ามเขตแดนมาไม่ได้คนนั้นนั่นเอง

เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้มีสถานะในเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่ง พลังบำเพ็ญก็อยู่ระดับสมบัติวิญญาณ ขณะที่กลิ่นอายแผ่ซ่านออกมาก็แฝงสมบัติลับสี่ชิ้นไว้ด้วย พลังแข็งแกร่งถึงขีดสุด

เขายืนอยู่ทางขวาของผู้ดูแลซือหม่า กวาดมองมายังพวกของสวี่ชิงอย่างเย็นชา

เห็นเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ในวังครองกระบี่ เรื่องนี้สวี่ชิงรู้สึกเหมือนเป็นเรื่องตลก ขณะที่แดกดันกันจนถึงขีดสุดนั้น เขาก็สังเกตเห็นว่าพวกของข่งเสียงหรงแต่ละคนหายใจหอบถี่ขึ้น

ตอนนี้เอง ผู้ดูแลซือหม่าก็เอ่ยขึ้นเสียงเรียบกับชายชราตระกูลเหยาว่า

“พ่อบ้านซุน มากันหมดแล้ว ท่านสอบถามได้”

เมื่อชายชราตระกูลเหยาคนนั้นได้ยินก็พยักหน้า ประสานหมัดคารวะไปทางผู้ดูแลซือหม่า จากนั้นก็หันหน้ามองพวกสวี่ชิงอย่างเย็นชา สีหน้าเคร่งขรึมอย่างมาก น้ำเสียงเผยจิตสังหาร เอ่ยเสียงขรึม

“พวกเจ้ากล้าหาญเสียเหลือเกิน!

“ไม่รู้จักแยกแยะถูกผิด ไม่มีเหตุมีผล สังหารผู้ติดตามทูตเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ของข้าที่มาเยี่ยมเยือนเขตปกครองผนึกสมุทร!

“ทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองเผ่าเช่นนี้ มีโทษถึงตาย!”

สวี่ชิงขมวดคิ้ว ประโยคนี้ของอีกฝ่ายมีปัญหา ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่การสังหาร แต่อยู่ที่ไม่รู้จักแยกแยะถูกผิดรวมถึงไม่มีเหตุมีผล

การตำหนิเช่นนี้ สวี่ชิงรู้สึกเหมือนกับว่าอีกฝ่ายคิดจะให้พวกตนบอกเหตุผลออกมา

แต่…จากการฝึกฝนลับรวมถึงความเข้าใจวังครองกระบี่ของสวี่ชิง เขามั่นใจมากว่าเรื่องการไปรับสายลับ เป็นเรื่องที่ห้ามพูดออกมาเด็ดขาด แม้สายลับระหว่างสองเผ่าจะไม่พูดถึง แต่ก็มีทั้งสองฝ่าย

แต่หากพูดออกมา ก็จะแตกต่างออกไป จะถูกจับจุดนี้ทำให้เดือดร้อน

นอกจากนี้คำตอบของพวกเขา ก็เป็นไปได้ว่าจะถูกอีกฝ่ายสืบสาวจนเจอเบาะแสบางอย่าง

สวี่ชิงครุ่นคิด และพวกซานเหอจื่อก็เข้าใจเหตุผลนี้กันอย่างรวดเร็ว ทุกคนไม่ใช่คนโง่ ไม่มีใครพูดอะไรทั้งนั้น ข่งเสียงหรงก็ทำท่าทางมึนงง

“สังหารผู้ติดตามทูตเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์หรือขอรับ เป็นไปไม่ได้หรอก ช่วงนี้พวกเราฝึกบำเพ็ญกันอยู่ตลอด ทุกคนเป็นพยานให้กันได้”

ชายชราตระกูลเหยาแค่นเสียงเย็นชา เหมือนคร้านจะต่อปากต่อคำกับเจ้าเด็กน้อยข่งเสียงหรง สีหน้าจึงปรากฏความนอบน้อม ประสานหมัดไปยังผู้บำเพ็ญเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์คนนั้น

“สหายเต๋าเฉิน ท่านเห็นว่าอย่างไร”

เมื่อองครักษ์ชุดดำกลางคนเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ได้ยินก็มองพวกสวี่ชิงผาดหนึ่ง จู่ๆ ก็หัวเราะ หันไปพูดกับผู้ดูแลซือหม่าที่อยู่ข้างกาย

“ผู้ดูแลซือหม่า สาเหตุของเรื่องนี้อันที่จริงคือคณะทูตเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ของข้าระหว่างทางที่มาที่นี่ พบว่าในกลุ่มคณะทูตมีสายลับคนหนึ่งที่ไม่รู้ที่มาลักขโมยสิ่งสำคัญของเผ่าข้าไป

“คณะทูตจึงออกคำสั่งให้จับกุมเขา แต่สุดท้ายไม่ใช่แค่หาตัวสายลับคนนี้ไม่เจอ ผู้ติดตามของคณะทูตก็มาถูกวังครองกระบี่ของพวกเจ้าลอบสังหารทิ้งอย่างโหดเหี้ยม

“หรือว่าสายลับที่ขโมยของสำคัญเผ่าข้าไปคนนั้น จะเป็นวังครองกระบี่ของพวกเจ้าที่จงใจส่งมาให้ไปขโมยของของพวกข้า เราสองเผ่ามีความสัมพันธ์อันดีมาหลายยุคหลายสมัย พฤติกรรมเช่นนี้ เป็นสิ่งที่วังครองกระบี่จะสื่อ หรือว่าจากเขตปกครองผนึกสมุทร หรือว่ามาจากเผ่ามนุษย์ของพวกเจ้ากันแน่”

พูดถึงตรงนี้ ดวงตาขององครักษ์ชุดดำกลางคนก็เปล่งประกาย ยกมือขวาขึ้นโบก ทันใดนั้นแผ่นหยกเม็ดหนึ่งก็ปรากฏ ด้านในฉายภาพภาพหนึ่งออกมา

ในภาพ คือภาพฉากที่พวกสวี่ชิงกำลังสังหารปราณก่อนกำเนิดรวมถึงหลบหนี แล้วยังคำพูดสามประโยคสุดท้ายของข่งเสียงหรงนั่นด้วย ชัดเจนอย่างมาก

พวกของข่งเสียงหรงดวงตาเปล่งประกายเย็นวาบ

สวี่ชิงหน้าไร้อารมณ์ แต่ดวงตาก็เย็นเยียบด้วยเช่นกัน

ผู้ดูแลซือหม่าสีหน้าไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ต้นจนจบ ตอนนี้หลังจากดูภาพในแผ่นหยกผาดหนึ่ง ก็ส่ายศีรษะ

“วังครองกระบี่ของข้าไม่เคยมีคำสั่งเช่นนี้ และไม่เคยมีสายลับอยู่ด้วย”

เมื่อชายชราตระกูลเหยาข้างๆ ได้ยินก็เอ่ยเสียงเย็นชา

“หากบอกว่าไม่มีสายลับ ไม่ได้ออกไปทำภารกิจที่รับแล้วล่ะก็ เช่นนั้นการกระทำของคนเหล่านี้ก็คือพฤติกรรมส่วนตัวทั้งสิ้นสินะ และการสังหารผู้บำเพ็ญเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ คือแผนที่จะก่อให้เกิดสงครามระหว่างทั้งสองเผ่า ความผิดนี้มิอาจให้อภัย!”

“ใครก็ได้ ควบคุมตัวพวกเขา ส่งไปเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ เพื่อปลอบขวัญสหายวีรบุรุษที่ต้องตายไปอย่างน่าอนาถเหล่านั้น!”

เมื่อชายชราตระกูลเหยาพูดออกมา ผู้บำเพ็ญตระกูลเหยานับสิบคนก็ปะทุพลังบำเพ็ญ เดินมาหาพวกสวี่ชิง

ดวงตาสวี่ชิงเปล่งประกายเย็นวาบ ข่งเสียงหรงเงยหน้าขึ้นฉับพลัน ในดวงตาเผยความไม่เป็นมิตรออกมาในพริบตา ด้านหลังของลานจู่ๆ ก็ปรากฏสายรุ้งยาวหลายสายหวีดหวิวเข้ามา

ท่วงท่าพลังมหาศาล เสียงแหวกผ่าอากาศ ทะยานตรงมายังลานกว้าง

จากเสียงครืนครันที่ส่งออก ร่างหลายร่างทะยานลงมา ล้วนเป็นผู้ครองกระบี่ทั้งสิ้น!

ผู้ครองกระบี่แต่ละยุคจากพันธมิตรแปดสำนัก

ผู้ครองกระบี่พันธมิตรแปดสำนักในช่วงหลายปีนี้ส่วนใหญ่ถูกจัดออกไปทำภารกิจนอกมณฑล แต่วันนี้อยู่ที่เมืองหลวงเขตปกครองกันหมด ล้วนกลับเข้ามา

ก่อนหน้านี้ระหว่างทาง สวี่ชิงส่งสื่อเสียงให้พวกเขาไปแล้ว

ตอนนี้จากการเข้ามา ผู้ครองกระบี่พันธมิตรแปดสำนักเหล่านี้ แต่ละคนแผ่ปราณพิฆาต คุ้มครองอยู่รอบๆ ตัวพวกสวี่ชิง จ้องมองไปทางพวกชายชราตระกูลเหยาอย่างหยามหมิ่น

“น่าสนใจ จับผู้ครองกระบี่ในวังครองกระบี่งั้นหรือ”

“มาๆๆ จับปู่ของพวกเจ้ากลับไปเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์พร้อมพวกเราเลย!”

“ปลอบประโลมสหายวีรบุรุษรึ”

“ข้าจะแทงหัวแม่เจ้าเดี๋ยวนี้!”

ระหว่างที่พูดคุย ผู้ครองกระบี่เหล่านี้ก็กระตุ้นพลังบำเพ็ญ พลังโหมขึ้นท้องฟ้า จิตสังหารแผ่ซ่าน

ผู้บำเพ็ญตระกูลเหยา ชะงักฝีเท้า

พ่อบ้านซุนตระกูลเหยาแค่นเสียงเย็นชา คิดจะพูด แต่ตอนนี้ก็มีเสียงหวีดหวิวมาแต่ไกลดังขึ้นอีกครั้ง!

มีผู้ครองกระบี่อีกกลุ่มแหวกอากาศส่งเสียงแหลม ตรงมาอย่างเร่งด่วน

นับร้อยคน แต่ละคนปราณพิฆาตโหมขึ้นฟ้า พวกเขาล้วนมาจากชีพจรอัสนีบรรพกาล หลังจากรับแจ้งจากหวังเฉินก็ตรงมาอย่างรวดรี่

ตอนนี้เมื่อเข้ามาใกล้ สายฟ้าก็ฟาดครืนครัน สั่นฟ้าสะเทือนดิน

เฉินถิงหาวก็อยู่ในนี้ ยิ้มเยาะอยู่กลางอากาศคำรามเสียงต่ำ

“ใครกล้าแตะต้องผู้ครองกระบี่ของข้า!”

ผู้ครองกระบี่ชีพจรอัสนีบรรพกาลคนอื่นๆ ก็ตะโกนขึ้นมาเช่นกัน

“สังหารเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์แล้วอย่างไร ทำไมหรือ ข้าเคยกินด้วยซ้ำ!”

“ตระกูลเหยา พวกเจ้ายังเหลือยางอายอยู่บ้างหรือไม่”

เมื่อเห็นภาพนี้ ผู้บำเพ็ญตระกูลเหยาทั้งหมดก็ใจสั่นสะท้าน

แต่ยังไม่จบ เพียงพริบตาในวังครองกระบี่ก็มีเสียงหวีดหวิวดังขึ้นอีกครั้ง!

ผู้ครองกระบี่ส่วนหนึ่งของสำนักมายาจำแลงปีศาจรวมถึงสำนักเหมันต์โลหิต ก็เหาะเหินตรงมาอย่างรวดเร็ว จำนวนมากมายนับร้อย ท่วงท่าพลังประดุจสายรุ้ง

ผู้ครองกระบี่ในนี้ของสำนักมายาจำแลงปีศาจก็กลายร่างเป็นปีศาจขนาดใหญ่หลายร่าง ราวกับเหล่าปีศาจเริงระบำ ฟ้าดินเปลี่ยนสี

สำนักเหมันต์โลหิตก็ปราณเลือดโหมขึ้นฟ้า ครืนครันไปทั้งแปดทิศ สายลมโหมกรรโชก และส่งเย็นออกมากึกก้องทั่วอาณาบริเวณ

“เป็นคนดีๆ ไม่ชอบ รังจะทำตัวเป็นสุนัขให้ได้!”

“บอกพวกเจ้าเป็นสุนัขก็ยังสงสารสุนัขเลย!”

“สุนัขหน้าหมูไม่สู้เดรัจฉาน!”

“พวกเราจะคอยดู ใครหน้าไหนที่กล้ามาแตะต้องผู้ครองกระบี่!”

ด้วยการรวมกลุ่มของหลายฝ่าย ผู้ครองกระบี่จำนวนเกือบพันเต็มท้องฟ้า ล้อมที่แห่งนี้เอาไว้ ใช้สายตาที่เต็มไปด้วยปราณสังหารคาวเลือดเข้มข้นจ้องไปที่ตระกูลเหยาเขม็ง จับจ้องเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์

จิตสังหารรุนแรง พุ่งทะลวงท้องฟ้า สั่นคลอนสวรรค์และแผ่นดิน

ราวกับว่าแค่ตระกูลเหยาเคลื่อนไหวเพียงนิด พวกเขาก็จะระเบิดพลังทั้งหมด แล้วบดขยี้ทิ้งให้ราบเป็นหน้ากลอง ไม่เหลือไว้แม้สักคน

เผชิญหน้ากับปราณพิฆาตเช่นนี้ ผู้บำเพ็ญตระกูลเหยาแต่ละคนก็หน้าเปลี่ยนสี

โดยเฉพาะที่ไกลยิ่งกว่าตอนนี้ยังมีร่างผู้ครองกระบี่ที่จิตสังหารคุกรุ่นอีกหลายร่าง กำลังทะยานเข้ามาใกล้ จนทำให้ผู้ครองกระบี่ในที่นี้มากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อผู้ดูแลตระกูลเหยาที่ยืนอยู่ข้างๆ ผู้ดูแลซือหม่าเห็นทั้งหมด ก็อดจิตเทพสั่นสะท้านอย่างรุนแรงไม่ได้ ลมหายใจหอบถี่ ม่านตาทั้งสองหดเล็กลง

เหมือนกำลังจะเกิดการกบฏขึ้น

“ผู้ดูแลซือหม่า!” ผู้ดูแลตระกูลเหยาหันหน้าไปมองผู้ดูแลซือหม่า องครักษ์ชุดดำเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ข้างๆ สีหน้าก็มืดครึ้มเช่นกัน

สีหน้าของผู้ดูแลซือหม่ายังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย เวลานี้เอ่ยยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม

“พ่อบ้านซุน คนข้าก็เรียกมาเพราะเห็นแก่หน้าจวนตระกูลเหยา ท่านก็ถามคำถามจบแล้ว คำตอบพวกท่านก็ได้ยินแล้ว

“ทั้งหมดชัดเจนมาก สายลับไม่ใช่คนที่พวกเราส่งไป ผู้ติดตามทูตเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ใช่พวกเราที่สังหาร ส่วนภาพในแผ่นหยกนั่นพวกข้าจะสร้างขึ้นมาสักเท่าไรก็ได้ ถ้าท่านชอบข้าจะส่งไปให้”

ผู้ดูแลซือหม่าลูบเครา ยิ้มน้อยๆ เอ่ยเสียงแผ่วเบา

“เรื่องมารยาท วังครองกระบี่ของข้าก็ทำถึงที่สุดแล้ว แต่ตระกูลเหยาของพวกท่านไม่ค่อยรู้ความ มาพูดเช่นนี้ในวังครองกระบี่ของข้า

“ท่านพูดผิด ทำให้คนของวังครองกระบี่โกรธ เรื่องนี้ ข้าก็ช่วยท่านไม่ได้เช่นกัน”

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Status: Ongoing
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง…รายละเอียดกำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง ‘เอ่อร์เกิน’ ผู้เขียน ‘หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์’ ‘สู่วิถีสุรา’ ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน’ ‘หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา’ เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก ‘สวี่ชิง’ เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท