บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1425 แทบจะเป็นบ้า

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1425 แทบจะเป็นบ้า

จั่วชิวฮงมีระดับการบ่มเพาะที่ขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้น และในภพเซียน เขาเป็นอาจารย์ใหญ่ฝ่ายนอกของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า ในทางกลับกัน ชายร่างผอมที่สามารถร่วมทางไปกับเขา เพื่อลงไปสู่ภพมนุษย์นั้น ย่อมต้องมีการบ่มเพาะและฐานะที่ทัดเทียบกับจั่วชิวฮงอย่างแน่แท้

ถึงกระนั้น ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองของภพเซียน กลับถูกสังหารด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว โดยที่ไม่มีโอกาสได้หลบหนีใด ๆ นั่นทำให้เฉินซีรู้สึกตกตะลึงอย่างอดไม่ได้

นี่เป็นที่ประจักษ์ว่าความแข็งแกร่งของจี้อวี๋นั้นน่าสะพรึงเพียงใด

แต่เวลาต่อมา เฉินซีก็ไม่กล้าคิดถึงเรื่องนี้ต่อไป เพราะทันใดนั้น เขาก็สังเกตเห็นกลิ่นอายที่ทำให้หัวใจสั่นไหว และมันแผ่ซ่านออกมาจากส่วนลึกของจักรวาล!

นั่นคืออำนาจของเต๋าแห่งสวรรค์!

มันแตกต่างจากกฎแห่งเต๋าแห่งสวรรค์ที่รักษาสภาพของโลกใบเล็กอย่างห้องโถงโบราณไว้ พลังงานของเต๋าแห่งสวรรค์นี้น่ากลัวอย่างยิ่ง เป็นพลังงานที่แท้จริงของเต๋าแห่งสวรรค์ของทั้งสามภพ ทั้งยังไร้ขอบเขต สูงสุด และเปี่ยมด้วยกลิ่นอายที่น่าเกรงขามอย่างไร้ขอบเขต

“ข้าต้องไปแล้ว…” จี้อวี๋เงยหน้าขึ้นมอง เสื้อผ้าปลิวสะบัด ความเย่อหยิ่งฉายชัดอยู่บนใบหน้า ประหนึ่งกำลังเยาะเย้ยต่อพลังของเต๋าแห่งสวรรค์

ทันใดนั้น เฉินซีก็เข้าใจ แม้การโจมตีของจี้อวี๋ก่อนหน้านี้จะทำลายล้างจั่วชิวฮงกับสหายภายในกระบวนท่าเดียว แต่มันก็เผยกลิ่นอายของจี้อวี๋เช่นกัน เต๋าแห่งสวรรค์จึงสัมผัสได้ถึงตัวตนของเขาแล้ว!

เปรี้ยง!

ในจักรวาลอันไกลโพ้น สายฟ้าอันน่าสะพรึงกลัวของเต๋าแห่งสวรรค์ได้พุ่งเข้ามา และมันกลายเป็นสายฟ้าสีเทาคลุมเครือที่พุ่งทะยานผ่านจะจักรวาลอย่างดุเดือด ไม่ว่าจะผ่านไปที่ใด ดวงดาวจะแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ ห้วงมิติจะถูกแยกออกจากกัน กาลเวลาจะไหลทวนทิศ และทำให้ทุกสิ่งตกอยู่ในสภาพพังทลาย

เมื่อมองจากระยะไกล ทั้งจักรวาลดูเหมือนจวนจะล่มสลาย

“ยัยหนูหลิน มัวเหม่อกระไรอีก? รีบลงมือเร็วเข้า!” จี้อวี๋ตะโกนก้อง ร่างกายเปล่งประกาย และยืนตระหง่านอย่างภาคภูมิท่ามกลางดวงดาว เขากางแขน ในขณะที่เปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมามากมาย ประหนึ่งดวงอาทิตย์ที่แผดเผาพร่างพราว ส่องแสงเจิดจ้าและส่องสว่างไปทั้งโลกา

เพียงชั่วพริบตา เขาทำให้สายฟ้าของเต๋าแห่งสวรรค์ไม่สามารถคืบหน้าต่อไปได้!

นี่ไม่ต่างจากการต่อต้านพลังงานของเต๋าแห่งสวรรค์ของสามภพ!

เฉินซีรู้สึกตกตะลึงอย่างยิ่ง ชายหนุ่มเบิกตากว้างแต่ไม่อาจทำสิ่งใดได้ จึงทำได้เพียงดูฉากเหล่านี้ และยอมรับการตัดสินใจของจี้อวี๋ ส่วนการสังหารจั่วชิวฮงและชายร่างผอมถือเป็นของขวัญการจากลา

แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อเห็นจี้อวี๋กำลังต่อสู้กับพลังของเต๋าแห่งสวรรค์ มันเหมือนกับได้เห็นปาฏิหาริย์ที่ท้าทายสวรรค์ ทำให้เขาตกตะลึงจนสุดขั้วหัวใจ

“นี่หรือ… คือพลังที่แท้จริงของผู้อาวุโส!”

เมื่อไตร่ตรองว่าผู้ยิ่งใหญ่จากยุคบรรพกาล ผู้ท่องผ่านสามภพอย่างอิสรเสรี กลับคอยเคียงข้างตนมาโดยตลอด

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผู้อาวุโสจี้อวี๋คงไม่เต็มใจที่จะเก็บตัวเช่นนี้กระมัง?

นี่เขาเตรียมตัวสำหรับวันนี้มาโดยตลอดเลยหรือ?

ในขณะที่เฉินซีมึนงงสับสน หม้อใบจิ๋วก็เริ่มควบคุมหม้อกลั่นศักดิ์สิทธิ์เก้าทวีป เพื่อที่จะนำโลกโถงโบราณออกไป และจากนั้นมันก็กลายเป็นดวงแสงที่ไหลเข้าสู่ร่างกายของเฉินซี

การลงสู่ภพมนุษย์ในครั้งนี้ พลังของเฉินซีเกือบทั้งหมด ถูกผนึกโดยจานข่ายหมื่นดารา เพื่อหลีกเลี่ยงโอกาสที่จะถูกทำลายล้างด้วยพลังของเต๋าแห่งสวรรค์

ทว่าหม้อใบจิ๋วไม่มีความสามารถดังกล่าว และไม่มีทางที่มันจะต้านทานพลังของเต๋าแห่งสวรรค์ได้เหมือนที่จี้อวี๋ทำ มันจึงต้องซ่อนตัวอยู่ภายในร่างเฉินซี และคอยพึ่งพากลิ่นอายของชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากเพื่อปกปิดตนเอง

ครืน!

“เจ้าหนู ดูแลตัวเองด้วย!” ท่ามกลางเสียงอันยิ่งใหญ่ ร่างของจี้อวี๋ก็เปล่งประกายแรงกล้า จากนั้นจึงเดินเข้าสู่ทางเดิน และหายลับไปในพริบตา

ฟิ่ว!

เมื่อร่างของจี้อวี๋หายไป สายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์ที่โหมกระหน่ำในจักรวาลอย่างรุนแรงก็หยุดลงทันที และค่อย ๆ สลายหายไปในที่สุด

ตั้งแต่ต้นจนจบ มันไม่ได้สนใจเฉินซีแม้แต่น้อย

แน่นอนว่า นี่เป็นการพิสูจน์ว่า เฉินซีที่ถูกผนึกพลังไปเกือบทั้งหมด ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นภัยคุกคามต่อเต๋าแห่งสวรรค์ของสามภพ

เขาไปแล้วหรือ?

หลังจากที่ทุกอย่างกลับสู่ความเงียบ เฉินซีก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจเล็กน้อย ปรมาจารย์ฝูซีได้หายตัวไปหลายปีแล้ว ไยผู้อาวุโสต้องเดินตามรอยเท้าเขาอีก?

“เราจะไปที่ใดกันต่อหรือ?” หม้อใบจิ๋วกล่าว “ข้าไม่อยากอยู่ในภพมนุษย์นานนัก มันอันตรายเกินไป”

เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ และละทิ้งความคิดฟุ้งซ่านในใจ “ตอนนี้เรายังกลับไปไม่ได้ ข้าจะมุ่งหน้าไปยังแดนภวังค์ทมิฬ”

“หึ เจ้าคงไม่ได้คิดที่จะมุ่งหน้าไปยังแดนภวังค์ทมิฬ เพื่อรับผู้หญิงของเจ้าขึ้นสู่ภพเซียนกระมัง?” หม้อกลั่นใบจิ๋วหัวเราะเสียงเย็น น้ำเสียงเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย

ใบหน้าของเฉินซีแข็งทื่อ และกล่าวด้วยความเขินอายเล็กน้อย “ข้าไปที่นั่นก็เพื่อจัดการเรื่องศิษย์ของข้าจริง ๆ ยังมีศิษย์พี่และศิษย์น้องมากมายอยู่ที่นิกายกระบี่เก้าเรืองรอง ข้าไม่อาจปล่อยพวกเขาไปตามยถากรรมได้ นับประสากระไรถึงเรื่องนั้น…”

หม้อใบจิ๋วกลับขัดจังหวะ “ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้มากความ ข้าไม่ใช่ผู้หญิงที่ยึดติดกับเจ้า”

ยึดติด… นี่เป็นดั่งการเยาะเย้ยอย่างไม่ปิดบัง

เฉินซีลูบจมูกและไร้วาจาจะกล่าว เหตุใดหม้อใบจิ๋วถึงดูแปลกไป มันเกิดอะไรขึ้น?

ตั้งแต่สมัยโบราณจวบจนปัจจุบัน กล่าวกันว่าภพมนุษย์นั้นมีโลกใบใหญ่สามพันใบ และโลกใบเล็กอีกมากมายมหาศาล

ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโลกใบใหญ่หรือโลกใบเล็ก แท้จริงแล้วก็คือห้วงมิติที่กระจัดกระจาย ซึ่งคล้ายกับกระจกที่แตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และไม่ว่าโลกใบเล็กหรือโลกใบใหญ่ต่างก็มีเเส้นทางที่เชื่อมโยงถึงกัน

ตัวอย่างเช่น สมรภูมิบรรพกาล ที่เฉินซีได้ผ่านเมื่อครั้งที่ออกจากราชวงศ์ซ่ง เพื่อเข้าสู่แดนภวังค์ทมิฬ มันเป็นเส้นทางที่เชื่อมโลกใบใหญ่กับโลกใบเล็กไว้

อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับเฉินซีที่จะมุ่งหน้าไปยังแดนภวังค์ทมิฬ เพราะเขารู้ตำแหน่งที่ตั้งของแดนภวังค์ทมิฬอย่างแม่นยำ เพียงทะยานผ่านห้วงมิติ จากนั้นทะลวงผ่านกำแพงมิติหลายต่อหลายชั้น ก็จะมาถึงแดนภวังค์ทมิฬได้อย่างราบรื่น ดังนั้นจึงไม่เป็นที่เขาจะต้องพึ่งพาเส้นทางนี้

ฟิ่ว!

ร่างของเฉินซีวูบวาบซ้ำแล้วซ้ำเล่าในอวกาศ เขาเดินทางข้ามผ่านกำแพงอวกาศจำนวนนับไม่ถ้วน กะพริบซ้ำแล้วซ้ำเล่าในอวกาศ เดินทางข้ามกำแพงอวกาศจำนวนนับไม่ถ้วน และในที่สุด ก็มาถึงแดนภวังค์ทมิฬหลังจากผ่านไปราวหนึ่งก้านธูป

ที่แห่งนี้คือเทือกเขาเตี้ย ๆ และมีเมืองหนึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ถึงเจ็ดร้อยห้าสิบลี้

หืม…

ทันทีที่มาถึงที่นี่ เฉินซีรู้สึกได้ทันทีว่าผนึกพลังของเขาเสื่อมลงอย่างมาก อย่างน้อยก็ฟื้นพลังได้ถึงสี่ในสิบส่วน!

นั่นหมายความว่า ชายหนุ่มสามารถใช้พลังของขอบเขตเซียนลึกลับได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งอยู่ห่างจากขอบเขตเซียนทองคำเล็กน้อยเท่านั้น!

การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ทำให้ญาณมหาเทวะอมตะและพลังแข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นกลิ่นอายจึงเปลี่ยนไปด้วยเหตุนี้

“แดนภวังค์ทมิฬเป็นโลกใบใหญ่ที่อยู่ใกล้กับภพเซียนมากที่สุด ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน นิกายโบราณมากมายและผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่ธรรมดาได้ถือกำเนิดขึ้นที่นี่ และกฎของเต๋าแห่งสวรรค์ ก็ใกล้เคียงกับภพเซียนมากที่สุด หากไม่ใช่เซียนทองคำก็ไม่อาจสร้างภัยคุกคามต่อโลกอันกว้างใหญ่นี้ได้”

หม้อใบจิ๋วสังเกตเห็นความสับสนของเฉินซี ดังนั้นจึงรีบอธิบาย “ยกตัวอย่างเช่น ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขนนกและแดนไร้นาม สามารถเรียกว่าเป็นโลกใบเล็กได้ก็เพราะเหตุนี้ แน่นอนว่า พลังของผู้เป็นเซียนทองคำนั้นเกินขอบเขตพลังของเต๋าแห่งสวรรค์ในแดนภวังค์ทมิฬ ดังนั้นเซียนทองคำจึงไม่อาจลงมาที่นี่”

หลังจากที่ทราบเรื่องนี้ เฉินซีก็หวนนึกถึงเรื่องของเขากับเหลียงปิงที่กลับมาจากพิภพยันต์อักขระเมื่อหลายปีก่อน ในเวลานั้น เหลียงปิงมีระดับการบ่มเพาะที่ขอบเขตเซียนลึกลับ แต่พลังของนางก็ไม่ถูกจำกัดจากกฎแห่งเต๋าสวรรค์ของแดนภวังค์ทมิฬ

ในทางกลับกัน เมื่อปิงซื่อเทียนลงมาสู่แดนภวังค์ทมิฬโดยมีประกาศิตของภพเซียนอยู่ในความครอบครอง มันกลับเป็นร่างอวตารเท่านั้น จึงทำให้ครอบครองพลังที่ขอบเขตเซียนสวรรค์เท่านั้น

“ปิงซื่อเทียน?”

เมื่อนึกถึงชื่อนี้ ความเกลียดชังก็พลุ่งพล่านออกมาจากใจของเฉินซี และรู้สึกเหมือนก้อนบางอย่างติดอยู่ในลำคอ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าสารเลวนั่นหายไปไหนแล้ว หลังจากอยู่ในภพเซียนมาหลายปี ข้ากลับไม่เคยได้ยินข่าวของมันเลย…

เทือกเขากระบี่เก้าเรืองรอง

นี่คือที่ตั้งของหนึ่งในสิบนิกายเซียนที่ยิ่งใหญ่ในแดนภวังค์ทมิฬ นิกายกระบี่เก้าเรืองรอง

ในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมานี้ พร้อมกับการรุกรานแดนภวังค์ทมิฬของกองทัพต่างพิภพอย่างไม่หยุดยั้ง ฝนโลหิตก็โปรยปรายไปทั่วโลกแห่งการบ่มเพาะอย่างไม่หยุดยั้ง ในขณะที่ไฟสงครามได้โหมกระหน่ำไปทั่วอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

เมื่อเผชิญกับสงครามขนาดใหญ่เช่นนี้ นิกายและกองกำลังเล็ก ๆ ที่ไม่สามารถปกป้องตนเองได้ ก็ถูกถอนรากถอนโคน ถูกทำลายล้าง หรือสูญเสียนิกายของตนเอง ทำให้ต้องแสวงหาที่หลับภัย เพื่อให้ได้รับการปกป้องจากกองกำลังชั้นแนวหน้า

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ในฐานะหนึ่งในสิบนิกายเซียนที่ยิ่งใหญ่ของแดนภวังค์ทมิฬ นิกายกระบี่เก้าเรืองรองได้เปิดรับกองกำลังเล็ก ๆ จำนวนมาก จนนิกายกระบี่เก้าเรืองรองได้ขยับขยายมากกว่าเดิมถึงสองเท่า

ไม่ใช่แค่นิกายกระบี่เก้าเรืองรองเท่านั้น แต่เหล่ากองกำลังชั้นแนวหน้าอื่น ๆ ก็เป็นเช่นเดียวกัน เพื่อต่อต้านการรุกรานของกองทัพต่างพิภพ พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องร่วมมือกันต่อต้านศัตรู

ในวันนี้ ชายหนุ่มหล่อเหลาที่มีดวงตาราวกับภาพมายาของแสงดารา ได้ปรากฏกายที่หน้านิกายกระบี่เก้าเรืองรอง เขาเอามือไพล่หลัง มีรัศมีสูงส่ง และแผ่กลิ่นอายน่าเกรงขามที่มิอาจสั่นคลอนได้

น่าตกใจที่คนผู้นี้คือปิงซื่อเทียน!

เขามองไปยังส่วนลึกของเทือกเขาจากระยะไกล สีหน้าเย็นชายิ่ง พลางกล่าวพึมพำด้วยเสียงแผ่วเบา “แม้แต่ศิษย์ชั้นยอดอันดับสองของนิกายอำนาจเทวะ ท่านซุ่ยเหรินถิงก็ยังมุ่งเป้าไปที่เฉินซี นิกายกระบี่เก้าเรืองรองของเจ้าก็สมควรที่จะมีส่วนในเรื่องนี้…”

ปิงซื่อเทียนนึกถึงตอนที่ลงมาสู่ภพมนุษย์ครั้งล่าสุด และการต่อสู้ระหว่างเขากับเฉินซีที่นิกายวิถีกระแสสวรรค์ ในเวลานั้นร่างอวตารถูกเฉินซีทำลายล้าง และเขาแทบจะเป็นบ้าด้วยความเกลียดชัง

แต่ตอนนี้ เขาลงมาสู่แดนภวังค์ทมิฬอีกครั้ง และสภาพจิตใจก็แตกต่างไปจากอดีต นอกจากความเกลียดชังที่ไม่อาจลืมเลือนในใจแล้ว ยังมีความรู้สึกรุนแรงที่โหยหาการแก้แค้น

เขาทนมันมานานเกินไปแล้ว!

ศิษย์พี่หญิงที่เขารักอย่างชิงซิ่วอี้ ถูกพรากไปจากอก ในขณะที่เฉินซีที่เขาเคยดูถูกเมื่อหลายปีก่อนนั้น กลับมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วใต้หล้า และกลายเป็นศิษย์สายในอันดับหนึ่งของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า ในขณะที่เขายังเป็นเพียงศิษย์บริวารเต๋าในนิกายอำนาจเทวะ…

ทั้งหมดนี้เปรียบเสมือนหนามพิษที่แทงลึกเข้าไปในหัวใจ และมันทำให้เขาแทบจะเป็นบ้า เขาจึงต้องแก้แค้น และต้องระบาย!

มิฉะนั้น เขาได้กลายเป็นบ้าจริง ๆ แน่!

“เฉินซี! โอ้! เฉินซี! ปัจจุบันแม้แต่นิกายอำนาจเทวะก็ต้องการที่จะกำจัดเจ้า จะมีใครในโลกนี้สามารถช่วยเจ้าได้อีก?” ปิงซื่อเทียนหายใจเข้าลึก ๆ ในขณะที่เลือดในร่างกายพลุ่งพล่าน ความเกลียดชังและความทะเยอทะยานในใจกู่ร้องคำรามดุจสัตว์ร้าย

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท