บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1426 บีบคั้นทุกย่างก้าว

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1426 บีบคั้นทุกย่างก้าว

ตุบ! ตุบ! ตุบ!

ปิงซื่อเทียนเริ่มเคลื่อนไหวในที่สุด เขาไปอย่างไม่ช้าไม่เร็ว ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยพลังน่าเกรงขามที่ระเบิดออกมา

เสียงดังดั่งฟ้าลั่น พลังผันผวนพวยพุ่งดั่งลมพายุ

พร้อมกับย่างก้าวของปิงซื่อเทียนนั้น ใช้ตาเปล่ามองก็เห็นได้ว่ามีขุนเขาหลากหลายลูกถูกบดขยี้เป็นผุยผง ต้นไม้แหลกเป็นชิ้น พื้นดินแยกออกจากกัน

ไม่ว่าจะย่างไปทางใด ทุกอย่างก็ถูกทำลายล้างจนหมดสิ้น!

ที่นี่คือสถานที่ซึ่งหนึ่งในสิบนิกายเซียนแห่งแดนภวังค์ทมิฬ นิกายกระบี่เก้าเรืองรองตั้งอยู่ ดังนั้นเมื่อปิงซื่อเทียนเริ่มเคลื่อนไหว จึงทำให้นิกายกระบี่เก้าเรืองรองสนใจขึ้นมาทันที

“ใครกัน?”

“กล้าล่วงล้ำเข้ามาในนิกายกระบี่เก้าเรืองรองของเราหรือ? ศิษย์คุ้มกันนิกายจงฟังคำสั่งข้า เปิดค่ายกลใหญ่คุ้มนิกายเก้าบทลงทัณฑ์เสีย!”

เมื่อเห็นภูเขาที่ตั้งอยู่ไกล ๆ ทลายลงทีละลูก และเห็นชายคนหนึ่งย่างเท้าเดินเข้ามาอยู่กลางอากาศดั่งเทพเซียน สีหน้าของศิษย์นิกายกระบี่เก้าเรืองรองที่ยืนอยู่ด้านนอกทางเข้าก็เคร่งขรึมลงทันใด บ้างร้องด้วยความตกใจแล้วรีบวิ่งไปแจ้งข่าวให้ผู้อาวุโสในนิกายทราบ บ้างก็เปิดใช้ค่ายกลใหญ่คุ้มนิกายอย่างไม่ลังเล

มันเป็นเหตุการณ์ที่น่าหวาดผวายิ่ง ชายหนุ่มเจ้าของกลิ่นอายน่าเกรงขามไม่ได้มาด้วยเจตนาดีเป็นแน่!

วิ้ง!

ค่ายกลใหญ่ถูกเปิดใช้งาน ทำให้ข้อจำกัดเรืองแสงศักดิ์สิทธิ์พุ่งขึ้นฟ้าสว่างวาบไปทั่วฟ้าดิน โอบล้อมไปทั่วนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง เปล่งกระแสพลังน่าเกรงขามออกมา ให้ความรู้สึกเหมือนอสูรโบราณตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล

“หึ!” ยามเห็นเหตุการณ์นี้ ปิงซื่อเทียนก็ยังไม่เปลี่ยนสีหน้า แล้วแค่นเสียงอย่างดูแคลน เขายกมือครั้งเดียว ปราณเซียนพิสุทธิ์ก็หลั่งไหลออกมา ร้อนระอุดั่งดวงตะวันกลางฟ้า คล้ายว่าสามารถควบคุมทั้งใต้หล้าได้

สำหรับเขา ค่ายกลใหญ่คุ้มนิกายแห่งนิกายกระบี่เก้าเรืองรองก็เป็นแค่ค่ายกลธรรมดา ไม่ได้น่ากลัวสักนิด

“เจ้าเป็นใครกัน!? รีบเอ่ยนามมาเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นเราจะลงมืออย่างไร้ปรานี!” ศิษย์นิกายกระบี่เก้าเรืองรองตะโกนลั่นจากภายในค่ายกล

สายตาของปิงซื่อเทียนดั่งสายฟ้าฟาด ร่องรอยดูถูกที่มุมปากยิ่งกดลึกขึ้น มดตัวหนึ่งกล้าขึ้นเสียงใส่ข้าอย่างนั้นหรือ?

นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในอดีตยามอยู่ในนิกายวิถีกระแสสวรรค์ สมัยที่เขาเชื้อเชิญสหายเต๋าจากแดนภวังค์ทมิฬมาเข้าร่วมพิธีเป็นคู่บำเพ็ญกับชิงซิ่วอี้

แต่ตอนนั้น ทุกสิ่งอย่างกลับถูกเฉินซีที่เพิ่งมาถึงทำลายสิ้น!

ตอนนั้นเฉินซีตัวคนเดียวล่วงล้ำแดนเข้ามาในนิกายวิถีกระแสสวรรค์ เดินเข้าประตูมา สังหารศิษย์นิกายวิถีกระแสสวรรค์นับไม่ถ้วน เลือดเจิ่งนองเป็นสายน้ำ ทำลายชื่อเสียงนิกายวิถีกระแสสวรรค์จนยับเยิน

ที่สำคัญที่สุดคือ แม้จะตัวคนเดียว แต่กลับไม่มีใครกล้าขัดขวาง ทำให้เฉินซีทำลายพิธีคู่บำเพ็ญของปิงซื่อเทียนกับชิงซิ่วอี้ลงได้!

ซึ่งก็เหมือนเข้ามาล่วงล้ำเขตแดนของเขา เป็นการตบหน้าอย่างรุนแรง ทำให้ชื่อเสียงนิกายวิถีกระแสสวรรค์ถูกทำลาย ส่งผลให้ปิงซื่อเทียนเสื่อมเสียหน้า กระทั่งร่างอวตารที่ส่งลงไปยังภพมนุษย์ยังถูกทำลาย!

มีหรือปิงซื่อเทียนจะลืมความแค้นเช่นนั้นได้?

ไม่มีทาง!

ตอนนี้เขาลงมายังภพมนุษย์เป็นครั้งที่สองแล้ว ปิงซื่อเทียนแตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพลังต่อสู้หรือพลังบ่มเพาะ ล้วนเปลี่ยนแปลงไปมากจากเมื่อก่อน

วันนี้เขาตั้งใจมาแก้แค้นนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง ที่เคยปล่อยให้เฉินซีทำให้นิกายวิถีกระแสสวรรค์และตัวเขาต้องอับอายเมื่อหลายปีก่อน!

เมื่อมองไปก็เห็นว่าค่ายกลใหญ่ของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองถูกเปิดใช้เต็มที่แล้ว ทำให้เกิดแสงเรืองศักดิ์สิทธิ์ส่องไปทั่วฟ้า แปรเปลี่ยนเป็นข้อจำกัดอันน่าเกรงขาม มันซัดพลังมาดั่งคลื่นสมุทร เป็นแรงพลังที่น่ากลัวไม่ใช่น้อย

แต่ในสายตาปิงซื่อเทียน พลังเท่านี้ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!

เขายื่นมือขวาออกไปทำท่าตบอากาศตรงหน้า

ตู้ม!

ฝ่ามือสีดำขนาดใหญ่ปกคลุมฟ้าบดบังแสงอาทิตย์พลันปรากฏขึ้นเหนือค่ายกลใหญ่ จากนั้นมันก็ซัดลงมาอย่างแรง ตัวฝ่ามือปล่อยพลังแห่งการทำลายล้างออกมา ซัดเข้าไปคราวเดียวก็สะท้านค่ายกลใหญ่จนแทบถล่ม

ทว่าศิษย์หลายคนที่หลบอยู่ในค่ายกลใหญ่กลับถูกพลังตีกลับ พากันกระอักเลือดออกมาด้วยใบหน้าซีดขาว พวกที่อ่อนแอหน่อยก็ถึงกับหมดสติไปทันที

พลังซัดเพียงคราวเดียวก็น่ากลัวถึงเพียงนี้แล้ว!

“เวรแล้ว! ศัตรูแกร่งเกินไป! รีบไปเรียกพวกผู้อาวุโสมาเร็ว!”

“สวรรค์โปรด! เจ้าคนนี้เป็นใครกันแน่? เหตุใดจะมีพละกำลังผิดปกติ? หรือจะเป็นคนจากทัพต่างพิภพระดับจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์?”

นิกายกระบี่เก้าเรืองรองตกอยู่ในความโกลาหล ศิษย์ทั้งหลายล้วนตื่นตกใจ แม้พวกเขาจะมีพลังสูงส่ง แต่เมื่อเทียบกับปิงซื่อเทียนแล้วย่อมไม่อาจต่อกรได้

ตู้ม!

เมื่อปิงซื่อเทียนเห็นว่าการโจมตีครั้งเดียวยังไม่สามารถทำลายค่ายกลใหญ่ลงได้ก็มีสีหน้าไม่พอใจ ซัดฝ่ามือลงไปอีกครั้ง พริบตานั้นตะวันจันทราพลันหม่นแสง ห้วงอากาศระเบิดออก ค่ายกลใหญ่ที่คุ้มนิกายกระบี่เก้าเรืองรองเอาไว้ส่งเสียงดังลั่น ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นเส้นแสงนับไม่ถ้วน แล้วสลายหายไป กระทั่งทางเข้านิกายยังถูกทำลายป่นปี้!

ศิษย์คุ้มกันนิกายทุกคนหนีไม่ทัน จึงต้องสิ้นใจตายอยู่ตรงนั้น!

ปิงซื่อเทียนเห็นแล้วก็ไม่คิดอะไร สายตาเย็นชายังส่องประกายเหี้ยมด้วยไฟแค้น เขาพลันคำรามลั่นขึ้นฟ้า “ไอ้บัดซบแห่งนิกายกระบี่เก้าเรืองรองจงฟัง! รีบยอมแพ้แต่โดยดีแล้วข้าจะไว้ชีวิต ไม่เช่นนั้นก็อย่าโทษที่ข้าทำลายนิกายของเจ้าจนสิ้น!”

เสียงดังสนั่นดั่งสายฟ้าฟาด ดังไกลสะท้อนไปทั่วพื้นที่แสนลี้

ทันใดนั้น รอบข้างก็ตกอยู่ในความเงียบงัน อสูรภายในพื้นที่ใกล้เคียงพากันสั่นกลัว ฟ้าดินเต็มไปด้วยจิตสังหารโหดเหี้ยม ดูน่าผวาตกตะลึงเป็นยิ่ง

“โอหัง!” ทันใดนั้นก็เกิดความผันผวนในห้วงอากาศขึ้นภายในนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง จากนั้นก็มีเงาร่างของยอดฝีมือเจ้าของกลิ่นอายน่าเกรงขามหลายคนปรากฏขึ้น คนที่นำหน้ามาคือเจ้านิกายเวินหัวถิงนั่นเอง

ส่วนผู้อาวุโสนิกายกระบี่เก้าเรืองรองคนอื่น ๆ ก็ติดตามมาด้านหลัง นับจำนวนแล้วได้กว่าร้อยคน

กระทั่งสามปราชญ์แห่งเก้าเรืองรอง เฟยหลิง เติ้งเฉิน และเฟิงถิงก็ปรากฏกายเช่นกัน ทั้งสามคนนี้เป็นเหมือนเสาหลักแห่งนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง กระทั่งเจ้านิกายและผู้อาวุโสยังต้องให้ความเคารพนับถืออย่างถึงที่สุด อยู่ต่อหน้ายังต้องเรียกตนเป็นผู้น้อย

ผู้อาวุโสทั้งหลายปรากฏตัวขึ้นพร้อมกันเช่นนี้เป็นเพราะปิงซื่อเทียนสร้างเรื่องมากจนพวกเขารู้สึกโกรธขึ้นมา

“ปิงซื่อเทียน!” แต่พอรู้ว่าเป็นฝีมือปิงซื่อเทียน เวินหัวถิงและคนอื่น ๆ ก็หรี่ตาลง รู้สึกไม่เชื่อสายตาอยู่บ้าง

เหตุใดจึงเป็นเจ้านี่ได้!?

หรือเขาจะมาจากภพเซียน หวังมาแก้แค้นเรื่องเมื่อหลายปีก่อน?

ใจทุกคนหล่นวูบ จะมีใครไม่รู้เรื่องเมื่อหลายร้อยปีก่อนที่เฉินซีเคยบุกนิกายวิถีกระแสสวรรค์และทำลายร่างอวตารของปิงซื่อเทียนบ้าง?

แต่พวกเขาไม่มีใครคาดคิดว่า อีกหลายร้อยปีให้หลัง ปิงซื่อเทียนจะลงมายังภพมนุษย์เพื่อแก้แค้นนิกายกระบี่เก้าเรืองรองเช่นนี้!

“ไม่ดีแล้ว! คนผู้นี้มีกำลังแกร่งเกินไป ขนาดข้ายังรู้สึกขนหัวลุกยามเผชิญหน้า คงจะมีพละกำลังอยู่ที่ขอบเขตเซียนลึกลับหรือเหนือกว่านั้นแน่!” เติ้งเฉินมีใบหน้าเคร่งขรึม ส่งกระแสปราณไปหาคนอื่น ๆ

อะไรนะ!?

ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ใจเวินหัวถิงและคนอื่น ๆ ก็หล่นวูบ ขนาดบรรพบุรุษเติ้งเฉินยังกล่าวเช่นนี้ ก็หมายความว่าพละกำลังของปิงซื่อเทียนในตอนนี้สามารถเป็นภัยต่อนิกายกระบี่เก้าเรืองรองได้แล้วหรือ?

“ผู้อาวุโสเลี่ยเผิง แจ้งให้ศิษย์ทั้งหลายไปหลบภายในถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิต ห้ามออกมาโดยไร้คำสั่งจากเรา!”

“ผู้อาวุโสโม่หลิง ท่านมุ่งหน้าไปยังฝ่ายสงวนคัมภีร์ นำมรดกและคัมภีร์ทั้งหลายภายในออกมา จากนั้นไปซ่อนในถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิตกับพวกศิษย์ เร็วเข้า!”

“ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ เตรียมโจมตีพร้อมกัน!”

เวินหัวถิงสมกับที่เป็นเจ้านิกาย พริบตาเดียวก็สั่งการทุกอย่างเผื่อสถานการณ์เลวร้ายไว้เรียบร้อย

เวินหัวถิงรู้ดีว่าปิงซื่อเทียนมาครั้งนี้คงไม่ยอมรามือง่าย ๆ ดังนั้นเพื่อให้นิกายกระบี่เก้าเรืองรองยังอยู่ต่อไปได้ เขาจึงจำเป็นต้องตัดสินใจเช่นนี้!

คนอื่น ๆ รู้ดีว่าสถานการณ์ตอนนี้ตึงเครียดเพียงใด พวกเขาจึงไม่ถามอะไรอีก เพราะปิงซื่อเทียนในตอนนี้มีพละกำลังมากพอที่จะท้าทายนิกายกระบี่เก้าเรืองรองได้จริง ๆ!

“ดูท่าพวกเจ้าคิดจะใช้ทุกวิถีทางสู้กับข้าแบบเอาชีวิตเข้าแลก เพื่อให้นิกายยังคงอยู่สินะ?” ปิงซื่อเทียนพลันเอ่ยขึ้น น้ำเสียงเจือแววรังเกียจเดียดฉันท์ “ช่างกล้าหาญเสียจริง ขนาดข้ายังเกือบรู้สึกซาบซึ้ง น่าเสียดายที่ไม่ว่าจะดิ้นรนเพียงใด แต่สุดท้ายก็ไม่อาจเปลี่ยนชะตาที่ว่านิกายกระบี่เก้าเรืองรองต้องถูกทำลายหายสิ้นไปได้ ข้าแนะนำว่าให้พวกเจ้ายอมแพ้แต่โดยดีแล้วกลับภพเซียนไปกับข้าเสียเถอะ ไม่แน่ว่าเลือกทางนั้นอาจจะได้มีชีวิตอยู่ต่ออีกสักหลายวัน ไม่เช่นนั้น…”

เขาไม่ได้พูดจบประโยค แต่ก็สื่อความหมายได้สมบูรณ์แล้ว

เวินหัวถิงและคนอื่น ๆ สีหน้าเครียดขึง เห็นได้ชัดว่าปิงซื่อเทียนรู้ทันพวกเขาแล้ว

“หึ! ปิงซื่อเทียน เจ้าเป็นคนภพเซียน กลับลงมาอาละวาดบนภพมนุษย์ หรือจะไม่กลัวถูกสวรรค์ลงโทษแล้ว?” เติ้งเฉินเอ่ยเสียงเย็นด้วยความโกรธ ใบหน้าโกรธเกรี้ยวเต็มที่

“สวรรค์ลงโทษหรือ?” ปิงซื่อเทียนเหมือนได้ยินเรื่องขบขัน คำรามเสียงหัวเราะลั่น “ข้ามาพร้อมกับประกาศิตภพเซียนในมือ ตัวข้านี่แหละคือตัวแทนสวรรค์ พวกเจ้ากล้าล่วงเกินข้า เช่นนั้นก็เท่ากับล่วงเกินสวรรค์!”

มันเป็นคำที่โอหังและถือตนสูงส่งอย่างถึงที่สุด เหมือนกับบอกว่าตนคือเต๋าแห่งสวรรค์ สิ่งที่เขากระทำก็คือสิ่งที่สวรรค์ต้องการ ในขณะที่เวินหัวถิงและคนอื่น ๆ เป็นผู้ร้ายที่ต่อต้านเต๋าแห่งสวรรค์

“หึ! ให้ข้าดูสักหน่อยว่าเจ้ามันเป็นใครถึงกล้าทำตัวเช่นนี้!” ทันใดนั้น ชายชราในชุดดำก็แวบขึ้นฟ้ามา พร้อมกับง้าวโบราณสีทองในมือที่แกว่งกวัด เกิดเป็นแสงสีทองกรีดออกไปแล้วพุ่งเข้าใส่ปิงซื่อเทียน

เป็นการโจมตีของบรรพบุรุษเฟิงถิง!

ในสามปราชญ์แห่งเก้าเรืองรอง เขาเป็นคนที่ใจร้อนที่สุด เมื่อเขาลงมือ ง้าวทองก็ซัดพลังออกไปพร้อมกับเสียงดังหวีดหวิว

“มุกเม็ดกระจ้อยร่อยกล้าแข่งรัศมีกับตะวันจันทราหรือ?” ปิงซื่อเทียนคำรามเสียงเย็น เพียงดีดมือครั้งเดียว ก็ซัดพลังแห่งความโกลาหลออกมาได้

ตู้ม!

พลังนั่นทำลายง้าวทองได้ในพริบตาเดียว!

และแทบจะในจังหวะเดี๋ยวกันนั้น บรรพบุรุษเฟิงถิงก็กระอักเลือดออกมา ร่างเซถอยหลัง ใบหน้าซีดขาวยิ่ง การโจมตีครั้งเดียวกลับทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสได้ขนาดนี้!

คนอื่น ๆ ที่เห็นก็เบิกตากว้าง ใจสั่นสะท้านอย่างหนัก แกร่งเกินไปแล้ว! พละกำลังของปิงซื่อเทียนที่เผยให้เห็นมันมากกว่าที่พวกเขาคาดคิดไว้นัก ทำให้พวกเขารู้สึกสิ้นหวังยิ่งกว่าเดิม

“พวกเจ้าก็เห็นแล้ว ต่อหน้าข้าพวกเจ้าทำอะไรไม่ได้หรอก ข้าจะพูดอีกครั้งหนึ่งหากไม่ยอมแพ้ ก็ต้อง…ตายไปเสีย!” ปิงซื่อเทียนเอ่ยเสียงเย็นยะเยือก เอ่ยน้ำเสียงถือตนสูงส่งออกมา

“โอหัง!”

“เช่นนั้นเราก็จะเสี่ยงชีวิตลองดู!”

ว่าจบ เสียงคำรามลั่นสองเสียงก็ดังขึ้นพร้อมกัน จากนั้นเติ้งเฉินและเฟยหลิงก็เข้าโจมตีด้วยกัน พุ่งขึ้นฟ้ารุดหน้าเข้าหาปิงซื่อเทียน!

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท