สามีข้าคือขุนนางใหญ่ – บทที่ 831 เข่นฆ่าพวกทหารแปรพักตร์! (1)

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

บทที่ 831 เข่นฆ่าพวกทหารแปรพักตร์! (1)

ยามอาทิตย์อัสดง กองทัพทหารม้าเฮยเฟิงเข้าสู่สภาพพร้อมรบทั้งค่าย พวกที่เก็บของก็เก็บของไป พวกที่ออกเดินทางก็ออกเดินทางไป

หนานกงเจ๋อถูกมัดมือไพล่หลังติดกับเสาไม้ในค่าย เมื่อครึ่งชั่วยามก่อนเขาฟื้นขึ้นมาแล้ว เดิมนึกว่าตัวเองจะโดนทรมานอย่างไร้มนุษยธรรม สุดท้ายกลับไม่ใช่

คนพวกนั้นมัดเขาไว้ที่นี่แล้วก็ไม่สนใจเขาอีกเลย

ฝ่ามือที่ได้รับบาดเจ็บพันผ้าพันแผลไว้ บาดแผลน่าจะถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว ไม่มีคราบโลหิตซึมออกมาเท่าใดนัก

เขาเห็นทหารม้าพวกนั้นเดินผ่านหน้าเขาไปมา ก็มุ่นหัวคิ้วพลางลุกขึ้น

สถานที่ที่เขาถูกมัดไว้อยู่ใกล้กับกระโจมของผู้บัญชาการกองทัพทหารม้าเฮยเฟิง จากโสตประสาทของเขาเพียงพอที่จะได้ยินเสียงสนทนาด้านในได้ เขารู้ว่าคืนนี้จะมีศึกเดือดแน่นอน และรู้ด้วยว่ากองทัพทหารม้าเฮยเฟิงล้วนเตรียมตัวกันอย่างไรบ้าง

หากเขาสามารถบอกแผนการทำศึกของกองทัพทหารม้าเฮยเฟิงให้กับกองทัพหนานกงได้ ก็จะสามารถจัดการกองทัพทหารม้าเฮยเฟิงได้โดยไม่ต้องเปลืองแรงเลย!

เสียดายก็แต่ไอ้เด็กนั่นใช้โซ่เหล็กมัดเขาไว้ เขาดิ้นไม่หลุดแม้แต่น้อย!

เขาวางแผนจะล่อทหารม้าให้เดินมาหา เกลี้ยกล่อมให้อีกฝ่ายพาตนไปพบผู้บัญชาการค่ายทหารม้าเฮยเฟิง แบบนี้เขาก็จะสามารถหาโอกาสหลบหนีได้

แต่เขาเรียกอยู่ตั้งหลายครา ทหารม้าพวกนั้นที่เดินผ่านหน้าเขาไปมาก็ราวกับหูหนวกอย่างไรอย่างนั้น

“น่าชังนัก!”

หนานกงเจ๋อกัดฟัน

เขาต้องคิดหาวิธีออกไปจากที่นี่

จะทำให้ตัวเองกลายมาเป็นจุดอ่อนของกองทัพหนานกงที่โดนกองทัพทหารม้าเฮยเฟิงกุมไว้ไม่ได้

ในขณะที่เขากำลังเค้นสมองคิดหาวิธีหลบหนีอยู่นั้น ก็เห็นกู้เจียวกอดหมวกเหล็กเดินออกมาจากกระโจมตัวเอง

เขารีบเปล่งเสียงออกไปทันที “เซียวลิ่วหลัง! เจ้าจะมาไม้ไหนอีก! เจ้านึกว่าจับข้าได้แล้วจะสามารถทำให้ท่านพ่อข้ายอมจำนนต่อเจ้าได้ใช่หรือไม่! ข้าขอเตือนเจ้าไว้เลยนะ เจ้าล้มเลิกความคิดนี้เสียแต่เนิ่นๆ ดีกว่า! ท่านพ่อข้าไม่มีทางคุกเข่ายอมจำนนให้กับเจ้าเด็ดขาด!”

กู้เจียวเอ่ยกับที่ปรึกษาหูที่ติดตามออกมา “อย่าลืมใส่น้ำให้เยอะหน่อย เคี่ยวไฟอ่อนๆ ”

ที่ปรึกษาหูพยักหน้าหงึกหงัก “ขอรับ ข้าน้อยจดจำไว้แล้ว”

“จางสือหย่ง!” กู้เจียวเรียกแม่ทัพฝ่ายซ้ายดูแลกิจการทหารกองหนุนทัพหลังที่กำลังแบกสัตว์ที่ล่ากลับมาได้เอาไว้แล้วเอ่ย “มีสมุนไพรสองสามตะกร้าไม่ทันได้ตาก เจ้าหาคนเอาไปรมควันที”

“ขอรับ” จางสือหย่งขานรับ

กู้เจียวเรียกทหารมาอีกสองสามคนเพื่อสั่งงาน จนกระทั่งสีหน้าหนานกงเจ๋อดำเป็นก้นหม้อแล้ว นางจึงได้เดินมาหาอย่างไม่รีบไม่ร้อน

นางกอดหมวกเหล็กไว้ กดตามองต่ำไปยังหนานกงเจ๋อสภาพอเนจอนาถ ก่อนจะเอ่ยถาม “มีเรื่องอะไร”

หนานกงเจ๋อไม่ชอบความรู้สึกที่ต้องเงยหน้ามองเช่นนี้เลย แต่หากเขาไม่มอง ก็จะเห็นได้ชัดว่าตัวเองหวาดกลัวอีกฝ่าย

หนานกงเจ๋อเหลือบตามองขึ้น เอ่ยอย่างเย็นชา “เจ้าไม่มีทางได้สมปรารถนาหรอก! ท่านพ่อข้าไม่มีทางใช้เมืองฉวี่หยางทั้งเมืองมาแลกตัวข้า!”

กู้เจียว “อ๋อ”

ปฏิกิริยาสงบนิ่งของกู้เจียวทำให้หนานกงเจ๋อยิ่งมีเพลิงโทสะโชติช่วงกว่าเดิม เป็นแค่ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมแท้ๆ แต่ไม่ว่าจะทำอะไรล้วนมีท่าทางนิ่งสงบไม่สะทกสะท้านเลย

เขากัดฟันกรอดข่มขู่ “แล้วก็ เจ้าไม่มีทางสมปรารถนาได้! พวกเจ้ามีทหารม้าแค่สองหมื่นนายเท่านั้น ตระกูลหนานกงของข้ามีกำลังทหารถึงแปดหมื่นนาย! วิธีการพวกนั้นที่เจ้าใช้ยามอยู่ต่อหน้ากองทัพใหญ่แปดหมื่นนายก็ใช้การไม่ได้ด้วยซ้ำ! เซียวลิ่วหลัง ยามนี้เจ้าเปลี่ยนใจขึ้นมายังทันนะ! ส่งตัวข้ากลับไปเสียแต่โดยดี! แล้วโขกหัวให้ท่านพ่อข้าดังๆ สามครั้ง แต่นี้ต่อไปสวามิภักดิ์ต่อตระกูลหนานกงของข้า บางทีอาจจะยังไว้ชีวิตเจ้าได้!”

“พูดจบหรือยัง” กู้เจียวโคลงศีรษะ ดวงตาคู่งามที่ไม่รู้จักหวาดกลัวสิ่งใดจ้องมองเขา “ฝีปากก็ไม่ได้เรื่องเท่าใดนัก”

เอ่ยจบ ก็เดินจากไปอย่างรังเกียจเดียดฉันท์

กองทัพใหญ่เตรียมพร้อมออกเดินทาง บรรดาขุนนางแพทย์ก็แบกสมุนไพรกับล่วมยาติดตามมา

ยามทำศึกจะมีคนได้รับบาดเจ็บอยู่ไม่ขาด การที่มีขุนนางแพทย์อยู่นั้นจึงจำเป็นมาก

ค่ายทหารขนาดใหญ่พลันว่างเปล่าไปกว่าครึ่ง ที่เหลืออยู่เป็นทหารกองทัพหลังและทหารบาดเจ็บที่ส่งตัวกลับมาจากแนวทัพหน้าเมื่อบ่ายนี้

หนานกงเจ๋อดึงสายตาที่พินิจมองรอบด้านกลับมา ขมวดคิ้วมุ่นอย่างฉงน

เซียวลิ่วหลังจากไปจริงๆ เขาไม่ได้พาตนไปด้วย

นี่มันช่างน่าแปลกใจยิ่งนัก

หากเขาเป็นเซียวลิ่วหลัง เขาจะทำอย่างไรเมื่อสองทัพประจันหน้ากัน เขาก็คงจะผลักบุตรชายสายตรงตระกูลหนานกงอย่างตนไปเป็นโล่ป้องกันธนู ให้กองทัพหนานกงไม่กล้าบุ่มบ่ามลงมือ

“หรือว่า… เขาคิดว่าหากพ่ายศึกค่อยเอาข้ามาเป็นยันต์ป้องกันชีวิตผืนสุดท้าย ไม่ได้การ ข้าจะปล่อยให้เซียวลิ่วหลังสมดังใจไม่ได้! ข้าต้องหนีออกไป!”

ฟากฟ้ามืดครึ้มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งมืดมิดสนิทแล้ว

บนเนินเขาสองฟากฝั่งของหุบเขา มีทหารม้าค่ายทหารม้าเฮยเฟิงที่แทบจะกลืนกินไปกับรัตติกาลหลบซุ่มอยู่

หลี่จิ้นหมอบอยู่บนก้อนหินก้อนหนึ่งของเนินเขาทางฝั่งตะวันออก จับจ้องการเคลื่อนไหวด้านล่างหุบเขาอย่างใกล้ชิด ส่วนบนเนินเขาฝั่งตะวันตกที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขา มีถงจงที่กำลังระแวดระวังอยู่ตลอดเวลา

ด้านหลังของพวกเขาทั้งสองเป็นทหารม้าที่ประจำตำแหน่งของตัวเอง แต่ละคนเตรียมพร้อมกันดี เพื่อรับมือกับกองทัพทหารแปรพักตร์หนานกงที่อาจจะปรากฏตัวขึ้นได้ตลอดเวลา

หลี่จิ้นแนบหูกับพื้น ทันใดนั้น เขาก็สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนตรงเนินเขา มีคนมาแล้ว!

กล่าวให้ถูกก็คือ เป็นกองทัพใหญ่มาแล้ว!

หลี่จิ้นผิวปากเป็นเสียงนกกาเหว่า ถงจงผิวปากเป็นเสียงนกกาเหว่าตอบมาสองหน ทั้งสองฝ่ายต่างรู้กัน พากันชูมือขวาของตัวเองขึ้น

เสียงเกือกม้าแว่วจากไกลๆ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ผสานกับเสียงเสียดสีของชุดเกราะอยู่ในหุบเขาอันเงียบสงัด ฟังดูแล้วให้บรรยากาศการเข่นฆ่าเป็นพิเศษ

คืนนี้แสงจันทร์ไม่เลว

ชุดเกราะสะท้อนแสงเย็นเยียบ เสียงเกือกม้ากึกก้องอวลอึงอยู่ในหุบเขา

เข้าใกล้หุบเขามาแล้ว

สิบจั้ง… เจ็ดจั้ง… ห้าจั้ง…

หลี่จิ้นเอามือลงทันที “โยน!”

ทหารม้ายี่สิบกว่านายด้านหลังเขางัดท่อนไม้ในมือให้ก้อนหินขนาดยักษ์เด้งลงไปก้อนแล้วก้อนเล่า

ก้อนหินกลิ้งหลุนๆ ลงมาจากเนินเขาขรุขระ ส่งเสียงกัมปนาทราวกับฟ้าคำราม กองทัพทหารแปรพักตร์หนานกงที่เข้าสู่หุบเขาถูกหินยักษ์กระแทกจนแตกกระเจิง กระบวนทัพพลันยุ่งเหยิงโกลาหล

เสียงร้องโหยหวนสอดประสานกัน

ส่วนทางถงจงก็ไม่ยอมน้อยหน้า เขาจุดไฟเผาสนามเพลาะด้านหลังอย่างรุนแรง “ยิง!”

ค่ายทหารทหารม้าเฮยเฟิงกฎระเบียบเข้มงวด การฝึกฝนก็รอบด้านครบครันที่สุดเช่นกัน พวกเขาไม่เพียงถนัดทำศึกบนหลังม้าเท่านั้น ยังเชี่ยวชาญการรบแบบทหารราบ และกระบวนทัพธนูด้วย

ลูกธนูของพวกเขาทาน้ำมันไว้ หลังจากจุดไฟในสนามเพลาะแล้ว เปลวไฟร้อนระอุก็จะพุ่งเข้าใส่กองทัพทหารแปรพักตร์ในหุบเขาอย่างมืดฟ้ามัวดิน

กองทัพทหารแปรพักตร์แทบจะไร้จังหวะโต้คืน ล้มลงกับพื้นกันเป็นพรวน

รองแม่ทัพตกตะลึง

แม้ว่าเขาจะรู้ตัวแล้วว่าพวกเขามาตาย แต่ก็ไม่คิดฝันว่าจะตายกันไวปานนี้!

ฟุ่บ!

ลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งมา รองแม่ทัพเอนตัวหลบไปด้านหลัง ลูกธนูเฉียดปลายจมูกเขาไป

ทิ้งความร้อนจากเปลวไฟไว้ที่ปลายจมูกเขา เขาตกใจจนเหงื่อเย็นผุดขึ้นทั่วกาย!

ทว่า…จะถอยไม่ได้แล้ว!

เขากุมบังเหียนแน่น ชักกระบี่ออกมาจากบั้นเอว “บุก! ฆ่าพวกมัน!”

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

Status: Ongoing

นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ ผู้เขียนเดียวกับเรื่องหมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม!

จากสายลับสาวสวยแห่งยุคปัจจุบันต้องทะลุมิติมาอยู่ในร่างของ กู้เจียว หญิงอัปลักษณ์สติไม่สมประกอบแห่งหมู่บ้านชนบทห่างไกล

แม้สติไม่สมประกอบแต่ชอบคนหน้าตาดี กรรมเลยไปตกที่ เซียวลิ่วหลัง ที่เจ้าของร่างช่วยเหลือเอาไว้โดยบังเอิญ

เพราะบุญคุณเซียวลิ่วหลังจึงต้องแต่งเข้าอย่างไม่เต็มใจและยังรังเกียจเจ้าของร่างเดิมสุดใจ

แต่เพราะ ‘ฝันบอกเหตุ’ ที่ร่างเดิมมีทำให้ กู้เจียวคนใหม่ได้รู้ว่าเซียวลิ่วหลังสามีของนางคนนี้ ในอนาคตจะได้กลายเป็นขุนนางใหญ่ของราชสำนัก

เพราะงั้นนางจะปกป้องเขาจากภัยร้ายทั้งหลายเพื่อประคองเขาขึ้นสู่ตำแหน่งอย่างราบรื่นเอง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท