ตอนที่ 287 คุยความลับในคุก
รองนายอำเภอหยางได้ยินแผนการของซินโย่ว สีหน้าก็เปลี่ยนไปมาไม่หยุด สุดท้ายขมวดคิ้วถามขึ้นว่า “หากเกลี้ยกล่อมโจรภูเขาไม่สำเร็จเล่า”
แผนการของคุณชายซินท่านนี้ โจรภูเขาที่ถูกจับตัวมาเป็นกุญแจสำคัญที่สุด
“ข้าไปกล่อมเอง หากกล่อมไม่ได้…” ซินโย่วมองไปทางเฮ่อชิงเซียว “เช่นนั้นก็คงรอใต้เท้าเฮ่อสั่งเคลื่อนกองกำลังหนิงซานมาแล้ว”
ได้ยินว่ามีแผนรับมือรองรับอีกต่อแล้ว แม้รองนายอำเภอหยางรู้สึกได้ถึงความจริงใจปราบโจรของอีกฝ่าย แต่ก็รู้ดีว่านี่คือแผนการที่จะเลือกใช้ในยามจำเป็น
ค่ายเมฆาดำยึดครองชัยภูมิได้เปรียบ ป้องกันง่ายโจมตียาก การเคลื่อนกำลังทหารจำนวนมากไปปราบ แม้ว่าปราบได้ แต่ฝ่ายตนเองย่อมบาดเจ็บล้มตายไม่น้อย
หากยืนในมุมของราชสำนักก็คือได้ไม่คุ้มเสีย ถึงตอนนั้นไม่แน่ว่าไม่ได้ความชอบ แต่กลับมีความผิดแทน
รองนายอำเภอหยางคิดถึงความเป็นไปได้นี้ แม้ว่าสำหรับเขาแล้วจะไม่นึกเสียใจภายหลัง แต่ไม่รู้ว่าคนอื่นคิดเช่นไร
เขารับรู้ได้ทันทีว่าหากแผนการของคุณชายซินท่านนี้เป็นจริงได้ย่อมดีที่สุด
“เช่นนั้นก็รบกวนคุณชายซินแล้ว”
ห้องขังในที่ทำการอำเภอ หัวหน้าใหญ่ถูกแยกไปขังเดี่ยว หัวหน้าหกกับเจ้าแปดถูกขังไว้ด้วยกัน
“หัวหน้าหก ท่านเข้ามาได้อย่างไร” เจ้าแปดเห็นหัวหน้าหกเข้ามาก็ตกใจเบิกตาโพลง
หัวหน้าหกมองเขาอย่างอารมณ์เสียทีหนึ่ง “ข้าเข้ามามีอันใดแปลก หัวหน้าใหญ่ก็เข้ามาด้วย”
“ซี๊ด…หัวหน้าใหญ่ก็เข้ามาด้วยหรือ พวกหัวหน้าใหญ่ไม่ใช่ไปเที่ยวเล่นสำราญอยู่อำเภอหลิงหรือ เข้าคุกมาได้อย่างไร”
“ข้าเองก็ไม่รู้” หัวหน้าหกลูบใบหน้า แววตาแข็งทื่อ “เจ้าแปด เจ้าเชื่อว่าโลกนี้มีผีไหม”
เจ้าแปด “?”
“หัวหน้าหก ข้ารู้สึกว่า พวกเราเป็นโจรก็ดังมุดศีรษะเข้าไปในกางเกงแล้ว[1] มีวันเช่นนี้ก็มิใช่เรื่องแปลก ไม่ถึงขั้นต้องตกใจจนเสียสติกระมัง”
คุณชายซินท่านนั้นบอกว่าเพราะเขาน่าเกลียด จึงได้เลือกพาหัวหน้าหกไป เขาพลันคิดตกเรื่องหนึ่ง
กลัวอันใด อีกสิบแปดปีเขาก็ได้เป็นชายชาตรีอีกครั้ง และจะเป็นชายชาตรีที่รูปงาม!
“ผู้ใดตกใจเสียสติ” หัวหน้าหกยกมือตบศีรษะเจ้าแปดทีหนึ่ง พึมพำว่า “ข้ารู้สึกว่าพบเจอเรื่องประหลาดเข้าแล้ว”
“เช่นนั้นท่านก็ลองเล่ามาหน่อยว่าเรื่องประหลาดอันใด” เจ้าแปดจี้ถาม
“เรื่องก็เริ่มจากตอนพวกเราแยกจากกัน…”
หัวหน้าหกเพิ่งเริ่มต้นเล่าก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น
“โจรสองคนนั้นขังอยู่ที่นี่”
เสียงไขกุญแจดัง ก่อนที่ทหารเฝ้าคุกจะเปิดประตูออก
หัวหน้าหกเบิกตากว้าง จ้องมองชายหนุ่มที่ดุจภูตผีในใจเขาเดินเข้ามา
ในคุกมืดสลัว ใบหน้าชายหนุ่มมีรอยยิ้มละไม พยักหน้าให้ทหารเฝ้าคุกเอ่ยว่า “ข้าขอคุยกับพวกเขาส่วนตัวสักหน่อย”
“ท่านระวังด้วย” ทหารเฝ้าคุกปิดประตูเรียบร้อยก่อนจะถือแม่กุญแจออกไป
ซินโย่วก้าวไปหาหัวหน้าหก
หัวหน้าหกพลันตั้งสติได้ถอยกรูดไปหลบหลังเจ้าแปด
เจ้าแปดสีหน้างุนงง
เกิดเรื่องอันใดขึ้น
“หัวหน้าหกคล้ายกลัวข้า?” ชายหนุ่มยืนนิ่งเอียงใบหน้าเล็กน้อยมองดู
มุมปากเขาอมยิ้ม ท่าทางครึ้มใจอย่างยิ่ง
หัวหน้าหกเพิ่งไปหลบหลังเจ้าแปดเป็นปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณ ยามนี้สงบจิตใจลงได้ ก็รู้ว่าไม่อาจหลบพ้น จึงได้ตัดใจก้าวออกมา
“คุณชายซินมีธุระ?”
ซินโย่วพยักหน้า กวาดตามองเจ้าแปดทีหนึ่ง “พบกันอีกแล้ว”
เจ้าแปดยิ้มแห้ง แววตาวูบไหว
ก่อนถูกส่งมาที่ทำการ คุณชายซินผู้นี้แอบบอกเขาว่า นอกจากคนที่คุมตัวเขามาสองคนแล้ว หากเขาไม่เปิดเผยเรื่องคนที่เหลือ บางทีอาจมีโอกาสรอดออกไปได้
เขาไม่เชื่อแม้แต่น้อย แต่ตอนถูกนายอำเภอถาม ไม่รู้ผีร้ายใดดลใจให้เขาหุบปากสนิท
ถึงตอนนี้เห็นชัดว่าคุณชายซินที่เร่งเดินทางกลับมาอีกแล้ว ดูแล้วยังได้รับการต้อนรับจากเจ้าหน้าที่อำเภออีกด้วย
หรือว่า…เขาจะรอดชีวิตออกไปได้จริง
คิดถึงความเป็นไปได้นี้ ในใจเจ้าแปดก็เต้นโครมคราม แววตาที่มองดูซินโย่วก็มีความหวังขึ้นมา
หากมีชีวิตรอดออกไปได้จริง ผู้ใดคิดจะไปเกิดใหม่แล้วต้องทนทุกข์อีกสิบแปดปีกัน หากเกิดมาหน้าตาน่าเกลียดกว่าเดิมเล่า
“หัวหน้าหก มานั่งนี่” ซินโย่วกวาดตามองเลิกชายเสื้อลงนั่ง
เห็นท่าทางสบายๆ เช่นนี้ หัวหน้าหกก็ยิ่งรู้สึกว่าชายหนุ่มตรงหน้าลึกลับยากคาดเดา ลังเลครู่หนี่งก็ลงนั่ง
ซินโย่วยิ้มกล่าวว่า “หัวหน้าหกนั่งใกล้หน่อย เรื่องที่ข้าจะพูดไม่อาจแพร่ออกไปได้”
หัวหน้าหกได้แต่เขยิบนั่งใกล้เข้ามาอย่างกลัวๆ กล้าๆ
เจ้าแปดเองก็ถูกอาการของหัวหน้าหกทำเอากลัวไปด้วย ถามอย่างระแวดระวังขึ้นว่า “แล้วข้า…”
นั่งลงหรือว่านั่งไกลหน่อย
“เจ้าก็ฟังด้วย”
ได้ยินซินโย่วเอ่ย เจ้าแปดก็รีบนั่งชิดติดหัวหน้าหก
“ตอนนี้หัวหน้าหกรู้ว่าหัวหน้าใหญ่คนปัจจุบันของพวกท่านเป็นทหารกบฏแล้วกระมัง”
“อะไรนะ หัวหน้าใหญ่เป็นทหารกบฏ?” เจ้าแปดตกใจเกือบผุดลุกขึ้น
ไม่รอให้ซินโย่วเอ่ยต่อ หัวหน้าหกก็ด่าขึ้นเบาๆ “อยากตายหรือ เจ้าหุบปาก!”
เจ้าแปดรีบหุบปากทันที
“เช่นนั้นเจ้ารู้ไหมว่าเหตุใดหัวหน้าใหญ่ก่อกบฏ”
หัวหน้าหกส่ายหน้างุนงง
เขาจะไปรู้ได้อย่างไร เขาก็มิใช่ทหารกบฏ เขาเป็นแค่โจรตัวเล็กๆ!
“ปลายปีที่แล้ว ติ้งเป่ยเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ พวกเจ้าเคยได้ยินไหม”
หัวหน้าหกกับเจ้าแปดพยักหน้าพร้อมกัน “ได้ยิน”
แม้ติ้งเป่ยห่างจากที่นี่ไกล แต่ภัยแผ่นดินไหวเช่นนี้เป็นที่สนใจของทุกคน พอเวลาล่วงเลยมา มีการติดต่อเดินทางไปมาเหนือใต้ ข่าวสารก็ย่อมแพร่มาถึงนานแล้ว
“ได้ยินว่าบ้านเรือนพังทลายหมด ล้มตายไปไม่น้อย…”
ซินโย่วพยักหน้าเล็กน้อย “มีผู้ประสบภัยมากมายจริง โดยเฉพาะวันหิมะตกหนักในเดือนสิบสองที่เกิดเหตุนั้น หิมะทับถมผสมน้ำค้างแข็ง”
หัวหน้าหกกับเจ้าแปดต่างนิ่งเงียบ
พวกที่มาเป็นโจรภูเขาค่ายเมฆาดำ ส่วนใหญ่ก็ล้วนเป็นชาวบ้านยากจนไร้หนทางดำรงชีพหมดสิ้น อย่างไรที่มีชีวิตเช่นนี้ก็ถือเป็นส่วนน้อย
หัวหน้าหกคิดถึงสภาพเดิมของตนเอง
ครอบครัวเขาเดิมมีที่นาไม่กี่หมู่[2] ครอบครัวขยันทำงานก็มีชีวิตไม่เลว ปรากฏในปีนั้นแล้งจัด ไม่ได้ผลผลิตแม้สักเมล็ด ได้แต่ไปยืมเงินจากบ้านคหบดีเพื่อให้ก้าวผ่านความยากลำบากครั้งนั้นไป แต่ปรากฏว่านับวันชีวิตก็ยิ่งยากลำบาก สุดท้ายที่นาถูกคหบดียึดไป บ้านแตกสาแหรกขาด
ซินโย่วมองทั้งสองคนก่อนจะค่อยๆ เอ่ยว่า “หัวหน้าใหญ่ก็คือหนึ่งในขุนพลที่ได้รับการแต่งตั้งจากฮ่องเต้ให้ไปให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติติ้งเป่ย…”
ได้ยินซินโย่วเล่าถึงอู่เหยียนถิงโกงกินงบช่วยเหลือผู้ประสบภัย สังหารราษฎร ความผิดถูกเปิดโปงแล้วก็นำทหารหนีลงใต้ หัวหน้าหกกับเจ้าแปดต่างสีหน้าแปรเปลี่ยนไปมา โมโหจนขอบตาแดงก่ำ
“ขุนนางสุนัขเหล่านี้!”
รับรู้ได้ว่าคุณชายซินท่านนี้ก็คือขุนนางราชสำนัก หัวหน้าหกก็ระงับความโมโหไม่ด่าทออีก
เจ้าแปดอายุน้อย ไม่คิดมากอันใด “หัวหน้าหก เจ้าขุนนางสุนัขพวกนี้เลวยิ่งกว่าโจรอย่างพวกเราเสียอีก”
“โจรอย่างพวกเราเลวตรงไหน ก็แค่แย่งชิงเงินทองเล็กน้อยไหม…” หัวหน้าหกโต้กลับด้วยสัญชาตญาณ พอตั้งสติได้ว่าซินโย่วอยู่ข้างๆ ก็รีบหุบปากทันที
“หัวหน้าหกรู้ไหมว่าเหตุใดข้าจึงเอ่ยเล่าเรื่องเหล่านี้”
หัวหน้าหกส่ายหน้าอีกครั้ง
คงไม่ได้มาข่มขู่พวกเขาให้กลัวกระมัง เขาอยู่ในคุกแล้ว อย่างไรก็ไม่อาจรอดชีวิตไปได้อีกแล้ว
“ค่ายเมฆาดำป้องกันง่ายโจมตียาก ทางการท้องถิ่นรู้สึกว่ากระดูกก้อนนี้เคี้ยวยาก แต่หากราชสำนักรู้ว่าค่ายเมฆาดำซ่อนเร้นทหารกบฏ หัวหน้าหกคิดว่าราชสำนักจะไม่บุกโจมตีค่ายเมฆาดำเพราะโจมตียากหรือ”
หัวหน้าหกสีหน้าซีดขาว
สำหรับโจรภูเขา หากจัดการยาก ทางการก็จะปิดตาข้างหนึ่ง แต่หากเกี่ยวข้องกับทหารกบฏ เช่นนั้นก็ย่อมต้องทุ่มสรรพกำลังปราบให้สิ้นซาก!
ค่ายเมฆาดำจบสิ้นแล้ว!
[1] เปรียบถึงงานเสี่ยงภัย
[2] หน่วยวัดพื้นที่สมัยก่อน โดย 1 หมู่ เท่ากับ 166.5 ตารางวา หรือ 666 ตารางเมตร