ตอนที่ 1550 อำนาจทางทหาร
หลิ่วผิงเกากำดาบที่เอวแน่นพลางยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี
“กองทัพอันผิงของกระหม่อมได้รับหน้าที่ในครั้งนี้แทนกองทัพไป๋ ย่อมต้องทำให้ดีที่สุดให้สมกับความเชื่อพระทัยของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้ายิ้มๆ
“ฝ่าบาท! มากันแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
หลิ่วผิงเกาเห็นกลุ่มคนขี่ม้าตรงมาทางนี้ คนด้านหน้าสุดถือธงสัญลักษณ์ของต้าโจว เขาจึงชี้ให้ไป๋ชิงเหยียนดู
บริเวณนี้ถูกทหารของหลิ่วผิงเกาคุ้มกันไว้หมดแล้ว เซียวหรงเหยี่ยนสวมชุดคลุมตัวใหญ่ขี่ม้าตรงเข้ามา เมื่อเห็นร่างผมอเพรียวของไป๋ชิงเหยียนยืนอยู่ที่หน้ากระโจมเขาจึงหันไปสั่งให้ทหารของตัวเองหยุดม้าลง จากนั้นพาเพียงเยว่สือเข้าไปหาไป๋ชิงเหยียนเท่านั้น
“ผู้สำเร็จราชการ!”
หัวหน้าองครักษ์ขี่ม้าตามไปสองสามก้าว
“ทหารของต้าโจวล้อมบริเวณนั้นไว้เต็มไปหมด หากท่านพาไปเพียงเยว่สืออาจไม่ปลอดภัย เชิญจักรพรรดินีต้าโจวออกมาสนทนาในที่แจ้งดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ หากอยู่สายตาของพวกกระหม่อมกระหม่อมจะได้คุ้มครองความปลอดภัยของผู้สำเร็จราชการได้พ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่จำเป็น จักรพรรดินีต้าโจวไม่ใช่คนเช่นนั้น!”
“ท่านอ๋อง!”
หัวหน้าองครักษ์ห้ามเซียวหรงเหยี่ยนไม่สำเร็จ เขาได้แต่มองตามด้วยความเป็นกังวล
ไป๋ชิงเหยียนยืนเอามือไขว้หลังมองเซียวหรงเหยี่ยนเดินตรงเข้ามาหานาง นางบีบมือที่ไขว้อยู่ทางด้านหลังแน่น
การพบเซียวหรงเหยี่ยนในวันนี้มีทั้งความรู้สึกส่วนตัวและส่วนรวม
เมื่อครู่ตอนอยู่ในเมืองอันซุ่นนางได้รับรายงานว่ากองทัพต้าเยี่ยนที่ตั้งฐานทัพอยู่ในตงอี๋เกิดการปะทะกับชาวบ้านตงอี๋ แคว้นตงอี๋ส่งทหารไปปกป้องชาวบ้าน ทหารสองฝ่ายเกิดการปะทะกัน ตงอี๋กล่าวด้วยความโมโหว่าตอนนี้ตงอี๋เป็นรัฐบรรณาการของต้าโจวแล้ว พวกเขาจะไม่จ่ายค่าชดเชยให้ต้าเยี่ยนอีก จากนั้นประกาศศึกกับต้าเยี่ยนอย่างเป็นทางการ
ไป๋ชิงเหยียนไม่รู้ว่านี่คือแผนการของท่าป๋าเย่าหรือทหารต้าเยี่ยนทะเลาะกับชาวบ้านตงอี๋ขึ้นมาจริงๆ แล้วท่าป๋าเย่าพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสแทน
ทว่า ไป๋ชิงเหยียนรับรู้จากการอ่านเนื้อหาในจดหมายว่าท่าป๋าเย่าควบคุมราชสำนักตงอี๋ได้แล้ว ขุนนางซึ่งเป็นสายลับของต้าโจวกล่าวว่าจักรพรรดิตงอี๋เป็นมีสติปัญญาแหลมคม เขาทูลให้ไทเฮาของตงอี๋ไปอยู่เป็นเพื่อนจักรพรรดิองค์ก่อนของตงอี๋ตามราชโองการที่ทิ้งไว้ได้โดยไม่ต้องเป็นห่วงสิ่งใดอีกแล้ว
จักรพรรดิตงอี๋เป็นคนออกมาคัดค้านเรื่องนี้ เขากล่าวว่าราชโองการระบุไว้ว่ารอให้เขาโตเป็นหนุ่มก่อนค่อยส่งไทเฮาไปอยู่กับจักรพรรดิตงอี๋ ขุนนางในราชสำนักต่างชื่นชมความกตัญญูของจักรพรรดิตงอี๋ ไทเฮาของตงอี๋ถูกขุนนางในราชสำนักทอดทิ้งอย่างไม่ใยดี ท่าป๋าเย่าสั่งให้คนกักบริเวณไทเฮาไว้ จากนั้นแพร่ข่าวลือออกไปว่าไทเฮาประชวรหนัก
อาจเป็นเพราะสถานการณ์ของตงอี๋ในตอนนี้แตกต่างจากตอนแรก อีกทั้งจักรพรรดิองค์น้อยของตงอี๋เป็นคนเด็ดขาด ราชสำนักตงอี๋จึงปรองดองกันอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จักรพรรดิตงอี๋สั่งให้ทุกคนทำสิ่งใด ทุกคนล้วนไม่กังขาในคำสั่งของเขาแม้แต่น้อย
จากนิสัยของท่าป๋าเย่า หากไทเฮาของตงอี๋ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยม ท่าป๋าเย่าอาจไว้ชีวิตนาง วันหน้านางอาจมีโอกาสได้พบหน้าบุตรชายของนางอีกครั้ง ทว่า หากไทเฮาตงอี๋คิดก่อความวุ่นวายขึ้นมาอีก ท่าป๋าเย่าคงไม่เก็ยนางไว้ในตงอี๋อีกแน่!
ไป๋ชิงเหยียนเคยเห็นความแค้นและเด็ดขาดของเด็กคนนี้มาแล้ว เพื่อการแก้แค้นแล้ว…เด็กคนนี้ทำร้ายได้แม้กระทั่งตัวเอง ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงไทเฮาของตงอี๋เลย
ไป๋ชิงเหยียนอยากหยั่งเชิงเซียวหรงเหยี่ยนดูว่าเขาจะแบ่งกองทัพส่งไปยังตงอี๋หรือไม่
“หยุด…”
เซียวหรงเหยี่ยนร้อนใจอยากพบหน้าไป๋ชิงเหยียนเร็วๆ จึงขี่ม้ามาด้วยความเร็ว เมื่อใกล้ถึงกระโจมจึงสั่งให้ม้าศึกสีดำหยุดวิ่ง จากนั้นกระโดดลงจากหลังม้าและเดินตรงไปหาไป๋ชิงเหยียน
เยว่สือเดินตามหลังเซียวหรงเหยี่ยนไปด้วยรอยยิ้มที่ซ่อนไว้ไม่มิดอีกต่อไป
“ฝ่าบาท…”
เซียวหรงเหยี่ยนโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียน
“เยว่สือคารวะฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
เยว่สือรีบทำความเคารพเช่นเดียวกัน
“ผู้สำเร็จราชการลุกขึ้นเถิด”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวพลางหันไปพยักหน้าให้เยว่สือยิ้มๆ
“เยว่สือติดตามรับใช้ผู้สำเร็จราชการสบายดีหรือไม่”
เยว่สือรู้ดีว่าในสายตาคนภายนอกเขายังคืออดีตองครักษ์ของเซียวหรงเหยี่ยน ไป๋ชิงเหยียนเป็นห่วงเขาจึงไม่ใช่เรื่องแปลก เขารีบแสดงละครร่วมกับไป๋ชิงเหยียนทันที
“ทูลฝ่าบาท ผู้สำเร็จราชการดูแลเยว่สือเป็นอย่างดี คุณหนูใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า จากนั้นผายมือเชิญเซียวหรงเหยี่ยน
“เชิญผู้สำเร็จราชการ…”
“เชิญฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
น้ำเสียงของเซียวหรงเหยี่ยนแฝงไปด้วยรอยยิ้ม เขากล่าวอย่างเป็นทางการกับไป๋ชิงเหยียนเช่นเดียวกัน
“ฝ่าบาททรงดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ใช่แล้ว โรคระบาดในเมืองที่อยู่ในเขตการปกครองของต้าโจวคอบคุมได้แล้ว เราคิดว่าสวรรค์กำลังปกป้องต้าโจวดังนั้นราชสำนักต้าโจวจึงโปร่งใส ชาวบ้านในแคว้นสามัคคีปรองดอง ไม่เหมือนแคว้นต้าเยี่ยนที่ทำให้ผู้สำเร็จราชการต้องลำบากและเหนื่อยใจถึงเพียงนี้ ช่างลำบากท่านแล้วจริงๆ”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวพลางยิ้มออกมาน้อยๆ
“ผู้สำเร็จราชการควรเข้าใจว่าเราขัดเจตนาของสวรรค์มิได้ ต้าโจวคือผู้ที่ถูกกำหนดให้ได้ครอบครองใต้หล้าแห่งนี้!”
เซียวหรงเหยี่ยนเข้าใจในสิ่งที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าวดี
เป็นดั่งที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจริงๆ ต้าโจวเพิ่งถูกสถาปนาขึ้น ต้าโจวกำลังผลักดันระบบการปกครองใหม่ แคว้นกำลังเจริญรุ่งเรืองและพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนต้าเยี่ยน…อำนาจของเชื้อพระวงศ์ฝังลึกอยู่ในราชสำนัก ที่สำคัญต้าเยี่ยนไม่กล้ากำจัดเชื้อพระวงศ์จนสิ้นแบบที่ต้าโจวทำ ไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็ต้องคอยระวังทุกฝีก้าว เขาไม่เหมือนไป๋ชิงเหยียนที่กุมอำนาจทางทหารไว้หมดแต่เพียงผู้เดียว!
เขากับอาลี่เคยใจอ่อนกับไทเฮา ไม่กล้าขับไล่ไทเฮาไปจากเมืองหลวงของต้าเยี่ยน ดังนั้นต้าเยี่ยนจึงทำผิดมาเรื่อยๆ นับตั้งแต่ที่แทงข้างหลังต้าโจวในสงครามซีเหลียง ตอนนี้ต้าเยี่ยนเป็นเหมือนสัตว์ที่กำลังพยายามต่อสู้อย่างสุดชีวิต!
หากไม่ได้พบกับไป๋ชิงเหยียน เซียวหรงเหยี่ยนคงไม่เคารพชีวิตผู้อื่นถึงเพียงนี้ เขาคงกำจัดเชื้อพระวงศ์เหล่านั้นให้สิ้นซากจนไม่เหลือแม้แต่ผู้เดียวตั้งแต่ที่อาลี่ขึ้นครองราชย์
เขาควรกำจัดความขัดแย้งภายในของต้าเยี่ยนก่อนต้าเยี่ยนจึงจะแข็งแกร่งได้
ทว่า นับตั้งแต่ที่แคว้นต้าจิ้นล่มสลาย แคว้นต้าโจวซึ่งเป็นแคว้นคู่แข่งที่แข็งแกร่งถือกำเนิดขึ้น เซียวหรงเหยี่ยนไม่รู้ว่าต้าโจวจะให้เวลาต้าเยี่ยนได้มีเวลาฟื้นตัวกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งหรือไม่
การลังเลชั่วขณะและการเคารพชีวิตของผู้อื่นทำให้เขาตัดสินใจอย่างเด็ดขาดไม่ได้
ทว่า เวลาไม่เคยรอให้ผู้ใดตัดสินใจ มันเคลื่อนตัวไปด้านหน้าตลอดเวลา หากคว้าโอกาสในตอนนั้นไว้ไม่ได้ก็ไม่มีทางคว้ามันได้อีกตลอดไป
บางทีเซียวหรงเหยี่ยนอาจไม่รู้ตัวว่าเขายอมรับไปแล้วว่าระบอบการปกครองของต้าโจวมีประโยชน์ต่อชาวบ้านมากกว่าระบอบการปกครองของต้าเยี่ยน
เพราะการเปลี่ยนแปลงของไป๋ชิงเหยียนคือสิ่งที่จีโฮ่วมารดาของเขาอย่างทำมาตลอด ทว่า ไม่กล้าทำและไม่สามารถทำได้
ไม่เพียงแต่เซียวหรงเหยี่ยนเท่านั้น เด็กน้อยอย่ามู่หรงลี่ก็คงสัมผัสได้เช่นเดียวกัน มิเช่นนั้นอาลี่คงไม่ส่งคนไปยังแคว้นตงอี๋เช่นนี้
ทั้งสองคนยังไม่ทันได้เดินเข้าไปในกระโจมที่หลิ่วผิงเกาสั่งให้ทหารตั้งขึ้นก็ได้ยินเสียงม้าตรงมาทางนี้เสียก่อน
ม้าเร็วถูกทหารต้าโจวขวางไว้ แม่ทัพในชุดนักรบของต้าเยี่ยนกระชากบังเหียนม้าให้หยุดลง จากนั้นตะโกนเรียกเซียวหรงเหยี่ยนด้วยความร้อนใจ
“ผู้สำเร็จราชการ ผู้สำเร็จราชการ!…”