บทที่ 1037 เข้าตาจน
องค์หญิงรัชทายาทกัดฟันและกล่าวว่า “ปล่อยข้า เราจะสู้ไปด้วยกัน!” นางไม่ใส่ใจกับความจริงที่ว่าตอนนี้กำลังเปลือยกายอยู่ เพราะไม่ว่าจะอย่างไร หลังจากนี้นางย่อมฆ่าทหารเหล่านี้ที่ได้เห็นทุกอย่างอยู่แล้ว และหนีไปให้เร็วที่สุด
ซูอันไม่สนใจนาง ทว่าแท่งพิษกลับปรากฏอยู่ในมืออีกข้างของเขา จากนั้นจึงใช้วิชาร่างก้าวทานตะวันถักทอเป็นภาพลวงตานับไม่ถ้วน
เกราะของทหารราชองครักษ์ดูเหมือนจะไม่มีความต้านทานเลย แท่งพิษตัดผ่านพวกมันเหมือนกระดาษ ซูอันไม่ได้เลือกที่จะโจมตีมือหรือคอที่เปลือยเปล่าเพราะเป้าหมายมีขนาดเล็กเกินไป เขาต้องการฆ่าด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว เพราะสิ่งที่เขาขาดมากที่สุดในตอนนี้คือเวลา
ทหารราชองครักษ์วางใจในเกราะป้องกันของตัวเองมากเกินไป พวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่ามีดสีดำนี้จะสามารถตัดผ่านเกราะเข้ามาได้เหมือนไม่มีอะไรเลย? มันสามารถตัดทะลุเกราะธาตุของผู้บ่มเพาะที่ทรงพลังได้ นับประสาอะไรกับชุดเกราะของพวกเขา
เหล่าทหารรู้สึกว่าตัวเองได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ดังนั้นพวกเขาจึงเพิกเฉยต่อความเสียหายโดยสิ้นเชิง พวกเขาวางแผนที่จะล้อมและปราบผู้ชายคนนี้ลง อย่างไรก็ตาม จู่ ๆ ร่างกายของพวกเขาชักกระตุก อักขระสีดำที่ลึกลับจำนวนมากกระจายออกจากบาดแผล จากนั้นทัศนวิสัยของพวกเขาก็มืดลงตลอดกาล
ซูอันไม่กล้ายั้งมือในช่วงเวลาวิกฤตนี้ ทหารเหล่านี้ปรากฏตัวอย่างรวดเร็วมากเกินไป ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นส่วนหนึ่งของกับดักนี้อย่างแน่นอน
ดวงตาที่สวยงามขององค์หญิงรัชทายาทเบิกกว้าง นางกำลังคิดอยู่ว่าจะร่วมมือกับซูอันเพื่อจัดการกับคนเหล่านี้อย่างไร แต่เพียงอึดใจต่อมา เขาได้สังหารกลุ่มทหารที่ขวางทางไปหมดแล้ว!
“เจ้าทำได้อย่างไร?” แม้ว่าจะไม่ใช่เวลามากังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะถาม
รายงานระบุว่าการบ่มเพาะของซูอันอยู่ที่ระดับห้าหรือหกเท่านั้น แม้ว่านางจะรู้ว่าเขาเอาชนะจ้าวจื่อระดับแปดได้ แต่ทุกคนเชื่อว่าเขาไม่ได้เอาชนะทายาทของราชันลมปราณด้วยความแข็งแกร่งของตัวเอง แต่มีผู้บ่มเพาะลึกลับช่วยเขาไว้ นอกจากนี้จ้าวจื่อมีนิสัยหยิ่งผยอง ดังนั้นอาจเป็นเพราะประเมินคู่ต่อสู้ต่ำไป
ตอนนี้นางได้เห็นฉากนี้กับตา องค์หญิงรัชทายาทรู้สึกว่านางต้องประเมินความแข็งแกร่งของซูอันอีกครั้ง
ซูอันไม่ตอบ เขามองดูศพทหาร จากนั้นจึงยื่นมือออกมา ดูดศพทั้งสี่เข้าไปในดวงแก้วผู้รอบรู้
“สมบัติเชิงมิติสำหรับเก็บของ!” องค์หญิงรัชทายาทเป็นผู้รอบรู้ นางคิดในใจทันที ซูอันก็มีสมบัติแบบนี้เช่นกัน!
นางตอบสนองอย่างรวดเร็วและถามว่า “ทำไมเจ้าถึงเก็บแต่ร่างของพวกเขาอย่างเดียว? รีบเก็บข้าไปข้างในด้วยสิ!” ตอนนี้นางต้องการแค่ที่ซ่อนที่ปลอดภัย ถ้านางสามารถซ่อนตัวอยู่ในสมบัติเชิงมิติได้ ก็จะไม่มีใครค้นพบนาง
ซูอันตอบอย่างไม่อดทนว่า “สมบัติเก็บของเชิงมิติไม่สามารถเก็บสิ่งมีชีวิตได้! แต่ถ้าพระองค์กลายเป็นศพแล้ว กระหม่อมก็ไม่รังเกียจที่จะเก็บไว้เหมือนพวกเขาเช่นกัน!”
ปี่หลิงหลงกัดริมฝีปากและพูดว่า “ถ้าไม่มีทางเลือกจริง ๆ ก็เก็บข้าเข้าไปเถอะ! ข้ายอมเป็นศพดีกว่าถูกมองในสภาพแบบนี้!”
ไม่ว่านางจะยังคงเป็นองค์หญิงรัชทายาทหรือไม่ก็ตามนั้นเป็นเรื่องรอง นางจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไรถ้าถูกผู้คนเห็นในสภาพเปลือยเปล่า? นอกจากนี้ตระกูลปี่ย่อมเดือดร้อนมัวหมองไปด้วย นางยอมตายและยุติปัญหาทั้งหมดด้วยตัวเอง
ซูอันตกใจ เดาได้คร่าว ๆ ถึงความตั้งใจของนาง เขาถอนหายใจ ผู้หญิงในโลกนี้ต่างก็ใส่ใจในเกียรติของตัวเองและวงศ์ตระกูลอย่างลึกซึ้ง
เพื่อเห็นแก่วงศ์ตระกูล ชูเหยียนได้เลือกที่จะแต่งงานกับขยะที่ไร้ประโยชน์อย่างเขา เจิ้งตานยินยอมแต่งงานกับซ่างเชียน ส่วนตอนนี้องค์หญิงรัชทายาทยังเต็มใจที่จะเสียสละตัวเองเพื่อเห็นแก่ตระกูลปี่ของนาง
ซูอันไม่ได้อยู่นิ่ง แต่ยังคงวิ่งต่อไปพร้อมกับองค์หญิงรัชทายาทในอ้อมแขน
“กลับไปที่วังตะวันออก!” องค์หญิงรัชทายาทสั่ง นางรู้ว่าตั้งแต่สนมไป่มุ่งเป้ามาที่ตัวเอง คนเหล่านี้จึงไม่ใช่พวกเดียวที่พวกนางต้องรับมือด้วย พวกเขาจะส่งคนไปที่วังตะวันออกด้วยเพื่อพิสูจน์ว่านางไม่ได้อยู่ที่นั่น
วิธีที่ดีที่สุดในการขจัดความสงสัยทั้งหมดคือ การกลับไปที่วังตะวันออก ด้วยวิธีนี้ ตราบใดที่นางปฏิเสธที่จะยอมรับ ความพยายามในการใส่ร้ายทั้งหมดของสนมไป่ก็จะไร้ความหมาย
“ดี!” ซูอันรีบมุ่งหน้าไปยังวังตะวันออก มีผู้คนมากมายในเส้นทางที่ไป แต่ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถหลีกเลี่ยงล่วงหน้าได้เสมอ ราวกับว่ารู้ว่ามีใครอยู่ที่ไหนบ้าง
หลายครั้งที่องค์หญิงรัชทายาทรู้สึกตื่นตระหนก อย่างไรก็ตาม เมื่อนางเห็นว่าซูอันสามารถหลบเลี่ยงผู้คนได้ทั้งหมด นางก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ในที่สุด นางก็มีโอกาสเงยหน้าขึ้นมองเขา ทันใดนั้น นางก็พบว่าผู้ชายคนนี้หล่อเหลา กรามแข็งแกร่งเป็นสันและสีหน้าที่มั่นคงดุจขุนเขา ทำให้นางรู้สึกปลอดภัยอย่างประหลาด
นางคิดในใจว่า มันจะดีแค่ไหนถ้าซูอันเป็นแบบนี้ในยามปกติ? เขามักจะแกล้งทำตัวไร้ยางอายและเหลาะแหละอยู่เสมอ ซึ่งห่างไกลจากบุคลิกในตอนนี้มาก
ปี่หลิงหลงรู้สึกว่าหัวใจเริ่มเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นางไม่รู้ว่าเป็นเพราะความหวาดกลัวในสถานการณ์ปัจจุบันหรือไม่ แต่นางก็เอาหน้าซุกอกของเขาโดยไม่รู้ตัว
วงแขนของเขาอบอุ่นราวกับวงแขนของท่านสิบเอ็ด… นางรีบโยนความคิดนี้ทิ้งไปทันที จะเอาเขาไปเปรียบเทียบกับท่านสิบเอ็ดได้อย่างไร?… แต่ข้าต้องยอมรับว่าเขามีความสามารถจริง ๆ!
ซูอันไม่มีเวลาว่างให้ความสนใจกับความคิดของนาง ด้วยสมาธิเต็มสิบส่วน เขาใช้ตราหยกควบคุมสิ่งมีชีวิตที่อยู่ใกล้เคียงและยืมดวงตาของพวกมันเพื่อสังเกตทหารที่อยู่รอบตัวราวกับมีแผนที่ดาวเทียมอยู่ในหัว
แต่ความวุ่นวายได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทหารที่ได้ยินข่าวรีบโอบล้อมปิดพื้นที่เข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ จนมีพื้นที่ว่างน้อยลง มีหลายครั้งที่เขาเกือบถูกค้นพบถ้าเคลื่อนไหวช้าเกินไป
แต่โชคไม่เข้าข้างตลอดไป มีอยู่ครั้งหนึ่ง ทหารได้พบตัวพวกเขา แม้จะเสียเวลานานในการกำจัดฝั่งตรงข้ามไม่นาน แต่เขาก็ยังสูญเสียโอกาสที่จะฝ่าออกไป…
ในความเป็นจริง การรักษาความปลอดภัยในพระราชวังนั้นเข้มงวดมาก โอกาสที่ว่าไม่เคยมีอยู่จริง พวกเขาจะถูกพบไม่ช้าก็เร็ว
ซูอันกระโจนเข้าไปในมุมมืดของสวนหินพร้อมกับองค์หญิงรัชทายาท เขาหมดเรี่ยวแรงไปมากกับการวิ่งเพื่อเอาชีวิตรอด เขาสูญเสียทั้งพลังชี่และแรงใจมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
องค์หญิงรัชทายาทก็เป็นคนฉลาดเช่นกันและกล่าวทันทีว่า “ไปต่อไม่ได้แล้วเหรอ?”
“พะย่ะค่ะ” ซูอันหอบหายใจ ทหารมากันมากขึ้นเรื่อย ๆ และไม่มีช่องว่างให้ใช้ประโยชน์อีกต่อไป ตอนนี้ทำได้แค่รอโอกาสเท่านั้น
ใบหน้าของปี่หลิงหลงซีดเผือด ทันใดนั้น นางรวบรวมความคิดและพูดว่า “เจ้าควรจะฆ่าข้าแล้วเก็บร่างไว้ในสมบัติเชิงมิติของเจ้า เจ้าจะพ้นผิดได้ถ้าอยู่คนเดียวโดยไม่มีข้า”
นางไม่ได้เสียสละอย่างกล้าหาญ แต่ที่ตัดสินใจเช่นนี้เป็นเพราะรู้ดีว่าสภาพเปลือยเปล่าในตอนนี้ของนางนั้นมันจะยิ่งสร้างความเสียหายใหญ่หลวงหากมีคนพบเจอ