บทที่ 1498 ยังมีทางรอด
อย่างไรก็ตาม นอกจากที่หมอหลวงห่าวเหลียนตรวจอย่างละเอียดแล้ว ในใจของเขาก็ยังมีความสงสัยมากมาย
ใต้ท้าวหลูเป็นเพียงขุนนางระดับสี่ หากคนในครอบครัวเกิดล้มป่วย ก็ทำได้เพียงตรวจโรคกับหมอหลวงเท่านั้น แต่ครานี้เหตุใดฮ่องเต้ถึงส่งเขามา
ด้วยจรรยาบรรณของหมอ จะให้เขามองดูร่างที่แหลกสลายของฮูหยินฟาง เขาก็ทนไม่ได้เช่นกัน แต่เขาเป็นหมอของฮ่องเต้ ฮองเฮา และไทเฮา โดยทั่วไปจะไม่รักษาคนอื่นง่าย ๆ ทำไมฮ่องเต้ถึงส่งเขามาที่นี่
หรือว่าจะเป็นใต้เท้าฟางที่ทำการร้องขอจริง ๆ หรือ
ถ้าใต้เท้าฟางทำเรื่องร้องขอ ท่านหมอหลวงห่าวอาจจะเชื่อในสิ่งนี้อยู่
เพียงแต่ความคิดแบบนี้ ตอนที่เห็นจวิ้นจู่ ความจริงก็ได้กระจ่างแจ้งขึ้นมา
ถานอวี้ซูคุยกับกู้เสี่ยวหวานอยู่ครู่หนึ่ง ครั้นได้ยินว่าหมอหลวงอยู่ที่นี่ ทั้งยังพบแหล่งที่มาของโรคในเครื่องหอมที่ฮูหยินฟางใช้ทุกวัน กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ จึงรีบไปที่ลานของฮูหยินฟาง
ทันทีที่เข้ามาก็เห็นหมอหลวงห่าวกำลังตรวจสอบเครื่องหอมที่ฮูหยินฟางใช้
กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ไม่อยากรบกวนพวกเขาจึงหยุดรอให้พวกเขาตรวจสอบเสร็จเสียก่อน
เมื่อหมอหลวงห่าวเงยหน้าขึ้นก็เห็นจวิ้นจู่ผู้เป็นที่รักของฮ่องเต้และไทเฮา จากนั้นก็คลายความสงสัย
เดิมทีจวิ้นจู่อยู่ที่นี่ไม่น่าแปลกใจ
หมอหลวงห่าวเหลียนทำความเคารพ ถานอวี้ซูพยักหน้า เช่นนั้นก็ถือว่าได้พบกันแล้ว
อย่างไรก็ตาม ถานอวี้ซูกลับยังรู้สึกแปลก ๆ ในใจ
หมอหลวงห่าวมีความเชี่ยวชาญในการรักษาพี่ชายฮ่องเต้ เหตุใดจึงมาที่จวนหลูเพื่อรักษาฮูหยินฟาง
เป็นไปได้หรือไม่ที่ได้รับคำสั่งมาจากพี่ชายฮ่องเต้
หมอหลวงห่าวมา ต้องได้รับคำสั่งจากพี่ชายฮ่องเต้หรือไทเฮา แต่ใครเป็นคนรายงานเรื่องที่ฮูหยินฟางป่วยหนัก
หรือใครทำเรื่องร้องขอพี่ชายฮ่องเต้ และเชิญหมอหลวงมาที่นี่
ถานอวี้ซูสงสัย นางมองท่านหมอหลวงอย่างใจจดใจจ่ออยู่แบบนั้น หากแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป
ตอนฮูหยินหลูเห็นถานอวี้ซูก็เดาได้เช่นกัน
จวิ้นจู่เชิญท่านหมอหลวงมาหรือ
หากแต่ก็ยังแอบแปลกใจเล็กน้อย เรื่องที่หมอหลวงห่าวเหลียนมา เหตุใดจวิ้นจู่จึงไม่เคยเอ่ยเรื่องนี้เลย
หลังจากจุดธูปหอมกลิ่นอีหลานเซียงก็พบยาอีกตัวในน้ำแกงปลาที่ฮูหยินฟางดื่มทุกวัน
หมอหลวงห่าวเหลียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ปลาตัวนี้ถูกวางยาและทำปฏิกิริยากับพิษในธูปของฮูหยินฟาง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ยาเข้าไปในร่างกายจนถึงจุดสูงสุดแล้ว ฮูหยินฟางทนไม่ไหวจนกระอักเลือดออกมา”
“ท่านหมอหลวง ท่านแม่ของข้าจะยังรอดหรือไม่” ฟางเพ่ยหยาร้องไห้ทั้งน้ำตา
หมอหลวงห่าวเหลียนลูบเคราและพูดว่า “มีเจ็ดส่วนที่จะช่วยฮูหยินฟางได้”
เมื่อได้ยินว่าสามารถรักษาได้ ฟางเพ่ยหยาและทุกคนที่อยู่ที่นั่นตาเป็นประกาย “จริงหรือ”
“อาการป่วยของฮูหยินฟาง ข้าพบสาเหตุของโรคแล้ว จ่ายยาอีกสองสามอย่างและข้ามั่นใจว่าจะหายขาด แต่ระหว่างนี้ห้ามไปสัมผัสกับสาเหตุของโรคเด็ดขาด หากอาการแย่ลงก็ยากที่จะช่วยได้” หมอหลวงห่าวเหลียนกล่าวอย่างหนักแน่น
ทุกคนในราชวงศ์ชิงรู้ดีถึงความสามารถของหมอหลวงห่าวเหลียน มิเช่นนั้นคงไม่ได้มาเป็นหมอประจำพระองค์ของฮ่องเต้ ฮองเฮา และไทเฮา
หมอหลวงห่าวเหลียนพูดเช่นนี้ ฟางเพ่ยหยา ฮูหยินหลูและคนอื่น ๆ ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หมอหลวงห่าวเหลียนมั่นใจว่าช่วยได้ เหวินซินก็คงจะรอดแล้วจริง ๆ
นางก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ลำบากท่านหมอหลวงห่าวแล้ว รบกวนท่านหมอหลวงห่าวรีบจ่ายเถอะ ข้าจะสั่งให้คนไปเอายามาให้”
หมอหลวงห่าวเหลียนพยักหน้า จ่ายยาแล้วให้เจ้าหน้าที่ที่อยู่ข้าง ๆ ไปหยิบยา หลังจากแนะนำสมาชิกของตระกูลหลู ท่านหมอหลวงห่าวมาหาถานอวี้ซูและทำความเคารพ “คารวะจวิ้นจู่”
ถานอวี้ซูรู้ว่าฮูหยินฟางได้รับการช่วยชีวิตแล้วก็ดีใจแทนฟางเพ่ยหยา คนตรงหน้าคือขุนนางผู้มีคุณูปการในใจจึงมีความสุขและเคารพมากยิ่งขึ้น ไม่ให้ท่านหมอหลวงห่าวคุกเข่าลง พยุงให้เขายืนขึ้น “ท่านหมอหลวงไม่ต้องคุกเข่า วันนี้ต้องขอบคุณท่านหมอหลวงห่าว”
ห่าวเหลียนลูบเคราและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “จวิ้นจู่สุภาพเกินไปแล้ว จรรยาบรรณของหมอ นั่นเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว”
เป็นหน้าที่ของหมอหลวง แต่วันนี้ให้หมอหลวงห่าวเหลียนออกมาด้วยตนเอง ถานอวี้ซูยังคงรู้สึกว่าพี่ชายฮ่องเต้เห็นอกเห็นใจผู้ใต้บังคับบัญชา
ดังนั้นจึงคุยกับหมอหลวงห่าวเหลียนเกี่ยวกับอาการป่วยและการดูแลฮูหยินฟางในอนาคต หมอหลวงห่าวเหลียนก็ตอบพวกเขาทั้งหมด และคำตอบนั้นค่อนข้างละเอียดและน่าพอใจ ซึ่งทำให้ถานอวี้ซูวางใจ
พี่ชายฮ่องเต้ส่งคนมาย่อมไม่ผิด
ฮูหยินหลูเห็นท่านหมอหลวงคุยเล่นกับจวิ้นจู่ ยิ่งแน่ใจว่าจวิ้นจู่เชิญท่านหมอหลวงห่าวมา
ดังนั้นมองไปที่ผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังจวิ้นจู่ นางยืนอยู่ข้างหลังจวิ้นจู่ ไม่ได้ด้อยกว่าจวิ้นจู่ผู้สูงศักดิ์และไม่มีใครเทียบได้
เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นเงียบ ๆ เหมือนไม่ได้อยู่ แต่ไม่มีใครกล้าเพิกเฉยต่อการมีอยู่ของนาง
ดวงตาที่สวยงามคู่นั้นทำให้ผู้คนประหลาดใจว่าใบหน้าใต้ผ้าคลุมนั้นงดงามเพียงใด
บุคลิกไม่แยแสเหมือนดอกเบญจมาศ
ตอนนี้จวิ้นจู่กำลังพูดคุยกับท่านหมอหลวงห่าว แม่นางก็ยืนอยู่ตรงนั้นเงียบ ๆ ดวงตาไม่สั่นไหวและก้มศีรษะลงเล็กน้อย
หาที่เปรียบมิได้
“ท่านแม่ ยาหมดฤทธิ์แล้ว” ซ่งจวินหัวเห็นว่าแม่สามีกำลังจ้องมองแม่นางที่คลุมหน้าโดยไม่พูดอะไรสักคำและดูเหมือนแม่นางจะรู้ตัว ก็เริ่มมองมาทางนี้ขณะถือถ้วยยาที่ต้มแล้ว ซ่งจวินหัวรีบดึงฮูหยินหลูเดินออกไป เลี่ยงการจ้องมองของกู้เสี่ยวหวาน
กู้เสี่ยวหวานสะดุ้ง แต่ไม่พบสายตาคู่นั้นที่จ้องมองมาที่ตัวเอง ดังนั้นจึงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย