หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 53 ไม่มีหญ้าขึ้นเหนือหลุมศพ

บทที่ 53 ไม่มีหญ้าขึ้นเหนือหลุมศพ

บทที่ 53 ไม่มีหญ้าขึ้นเหนือหลุมศพ

ขณะนั้นหลานเยาเยายืนอยู่เบื้องหน้าเขา มองเขาด้วยสายตาเย็นชา ริมฝีปากเผยอขึ้นเล็กน้อยพลางเอ่ยปาก

“หลานเฉินมู๋อยู่ที่ไหน?”

เมื่อท่านแม่ฉูซื่อให้กำเนิดนาง ร่างกายก็อ่อนโรยลง และยังปิดประตูตายไม่ออกไปไหนมาไหน และในท้ายที่สุดก็ป่วยทรุดลงจนเสียชีวิต

แต่ทว่ากลับไม่มีใครเห็นศพของนาง เมื่อนางยังเด็กมีคนพูดกันว่า เพราะนางเป็นเพียงอนุภรรยา ทางจวนจึงไม่มีการจัดงานพิธีศพอย่างยิ่งใหญ่

มีเพียงโลงศพเรียบง่าย พิธีฝังดำเนินไปอย่างรวดเร็ว หรือว่าเรื่องนี้มีเบื้องลึกเบื้องหลังปิดบังอยู่หรือไม่?

เป็นอย่างที่หลานเยาเยาคาดคิด หลานเฉินมู๋กลับไม่อยู่ในจวนแม่ทัพ กลับมาอยู่ที่ห้องส่วนตัวแห่งหนึ่งบนร้านเหล้าอันหรูหราตระการตา

“คุณหนูหก ท่านแม่ทัพอยู่ด้านใน!”

บนหน้าผากขององครักษ์มีแผลและเลือดปะปนจนแยกไม่ออก เลือดสดแดงฉานถูกเช็ดอย่างรีบร้อน จนทั้งหน้าผากและทั่วทั้งใบหน้าต่างเปรอะเต็มไปด้วยรอยเลือด เขาคำนับอย่างนอบน้อมพานางมายังประตูห้องส่วนตัว

“อืม!”

หลานเยาเยานำผ้าสีขาวสะอาดผืนหนึ่ง วางไว้บนมือขององครักษ์ “ผ้าผืนนี้อบด้วยยา เจ้านำไปพันแผลเจ้าเอง”

เมื่อพูดจบก็ปั้นหน้าเย็นชาเดินเข้าไปในห้อง

องครักษ์มองดูผ้าสีขาวสะอาดบนมือ ยืนนิ่งงันอยู่เป็นเวลาเนิ่นนาน แล้วก็ทรุดตัวคุกเข่าลงบนพื้น ร้องไห้เงียบๆ พลางเอ่ยปากพึมพำกับตัวเอง

“ขอบพระคุณคุณหนูหก ขอบพระคุณคุณหนูหก ข้าน้อยต้องตอบแทนท่านในภายภาคหน้าอย่างแน่นอน”

หลานเยาเยากลับไม่ใส่ใจเสียงคร่ำครวญตรงประตู เมื่อนางก้าวเขามาในห้อง ก็ปิดประตูตามหลัง

ภายในห้องส่วนตัวตกแต่งอย่างหรูหราโอ่อ่า หลานเฉินมู๋แต่งกายด้วยอาภรณ์สีน้ำตั๋วเงินเข้ม เขายืนอยู่ตรงขอบหน้าต่าง เมื่อได้ยินเสียงประตูปิดลง ก็ค่อยๆหันกายมา ใบหน้าซีดราวกระดาษขาว

เมื่อทราบว่าหลานเยากำลังเดินมา แววตาของเขากับปรากฏแววกระอักกระอ่วนขึ้น แต่ก็หายไปในพริบตาเดียว พลางรีบหัวเราะขึ้นอย่างเบิกบานใจ

“เยาเยา ในที่สุดเจ้าก็มา บิดาเช่นข้าดีใจเป็นอย่างยิ่ง เจ้าอยากกินอะไร?ดื่มอะไรรีบสั่งเถิด ขอเพียงเป็นสิ่งที่เจ้าชอบ ข้าจะซื้อให้เจ้าทุกอย่างเลย”

เหอะ เหอะ!

สายตาอันสัตย์ซื่อ น้ำเสียงอันจริงใจ ท่าทางที่ดูสงบ นี่มันช่างเป็นภาพลักษณ์ของบิดาแสนประเสริฐจริงๆ!

น่าเสียดายที่ภาพลักษณ์นี้ช่างซับซ้อน น่ารังเกียจ และแสนจอมปลอม…

“ท่านไม่ต้องแสดงบทบิดาผู้แสนประเสริฐ เมื่ออยู่ต่อหน้าข้า ท่านแสดงไม่ได้หรอก ท่านเพียงแค่บอกข้ามาว่าท่านอยากพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องมารดาข้า?”

นางพูดขวานผ่าซาก ไม่อยากจะเปลืองน้ำลาย

ที่นางตกลงใจมากับองครักษ์ เพียงเพื่ออยากรู้เรื่องเกี่ยวกับมารดาของนางเท่านั้น คนอื่นในจวนแม่ทัพต่างก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรสำหรับนาง

“เยาเยา… ช่างเถอะ ช่างมันเถอะ เรื่องราวในอดีตที่เคยทำกับเจ้า เจ้าคงยังโกรธและเกลียดแค้นในใจ

องค์รัชทายาทยกเลิกงานเสกสมรสกับชิวหยุนแล้ว นางร้องไห้ทั้งวันจนน้ำตาไหลเป็นสาย แม้แต่น้ำซักหยดก็ยังไม่ดื่ม คิดว่านางคงเศร้าโศกเสียใจจนซึมเซาไปแล้ว นางคงได้รับผลกรรมที่นางก่อไว้แล้ว

อีกสองวันต่อจากนี้ เจ้าก็จะเสกสมรสกับอ๋องเย่แล้ว เจ้าก็กลับมาอยู่ที่จวนเถิด!ในสองวันสุดท้ายนี้ให้ข้า บิดาเจ้าได้ทดแทนหน้าที่พ่อให้เจ้าเถิด

เจ้าน่ะ มีเกียรติเป็นคุณหนูหกแห่งจวนแม่ทัพได้เสกสมรสกับอ๋องเย่ เมื่อแต่งไปแล้วก็ไม่นับว่าเสียตำแหน่งในจวนของเจ้าไป เมื่อไปอยู่หลังวังแล้วจะได้มีอำนาจบ้าง”

คำกล่าวนี้ฟังดูล้วนคิดเพื่อหลานเยาเยาทั้งสิ้น แต่แท้จริงแล้วกลับไม่เป็นเช่นนั้น หลานเฉินมู๋ในใจกับคิดแต่เพื่อตัวเองเท่านั้น

ในตอนแรกหลานเฉินมู๋มองหลานเยาเยาเป็นเพียงความอับอายของตัวเองเท่านั้น แต่ในตอนท้ายคนที่ทำให้เขาเสียหน้าอย่างที่สุดกลับกลายเป็นหลานชิวหยุนที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของเขา

เมื่อองค์รัชทายาทยกเลิกงานเสกสมรสกับหลานเยาเยา เพียงพริบตาเดียวก็หมั้นกับหลานชิวหยุน แต่เวลาผ่านไปเพียงไม่ถึงเดือน งานหมั้นก็ถูกยกเลิกอีกครั้ง เช่นนี้แล้วเขาจะรักษาหน้าไว้ได้อย่างไร?

ยิ่งไปกว่านั้น

ชื่อเสียงของชิวหยุนถูกทำลายจนป่นปี้ ไม่ว่าองค์รัชาทายาทจะชอบนางจริงหรือไม่ก็ไม่สำคัญอีกแล้ว สิ่งที่แน่นอนก็คือชิวหยุนจะไม่มีวันได้ตำแหน่งพระชายาขององค์ชายรัชทายาทอีกต่อไป

ทั้งหมดนี่ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับความรัก ต่างมีแต่เพียงเรื่องภาพลักษณ์ขององค์จักรพรรดิเท่านั้น!

ในตอนแรกเขาคิดว่าคงต้องอับอายขายหน้าต่อหน้าขุนนางและแม่ทัพทั้งหลายแล้ว แต่กลับคาดไม่ถึงว่า อ๋องเย่ผู้มีอำนาจล้นฟ้ามากบารมีจะถูกใจหลานเยาเยา ทั้งยังจะจัดพิธีสู่ขอนางเป็นพระชายาอย่างยิ่งใหญ่

พริบตาเดียวก็แปรเปลี่ยนสายตาอันเหยียดเย้ยหยันของเหล่าขุนนางพวกนั้น เป็นสายตาแห่งความริษยา

นี่เท่ากับกู้ภาพลักษณ์เขาคืนมาได้เลยทีเดียว!

“ท่านเล่าเรื่องมารดาของข้ามาก่อน จากนั้นท่านเพียงแค่เตรียมพิธีการให้พร้อมก็เท่านั้น ในวันพิธีข้าจะไปยังจวนเอง”

ให้กลับไปอยู่ที่จวนแม่ทัพรึ ไม่มีทางหรอก!

ทว่าแต่งออกมาจากจวนแม่ทัพ มีแต่จะเป็นผลดีกับนาง ไม่มีผลเสีย ทำไมจะไม่รับเสียล่ะ?

ดังนั้น!

หลานเยาเยาหาเก้าอี้ได้หนึ่งตัวก็นั่งลง รอให้หลานเฉินมู๋เอ่ยปากเล่าเรื่องให้นางฟัง เรื่องที่นางอยากรู้

ในตอนนั้นหลานเฉินมู๋ยืนอยู่เบื้องหน้าหน้าต่างนิ่งไม่ไหวติง ราวกับเขากำลังคิดหาวิธีพูดให้ดูน่าเชื่อถือที่สุด

ดูราวกับเขายืนจนเหนื่อย เขากลับเพียงเขยิบตัวเล็กน้อย กลับไม่ได้หาเก้าอี้ แต่ใช้สองมือยันบานหน้าต่างเอาไว้

เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง เขาทอดถอนหายใจ พยักพเยิดหน้าเล็กน้อยพลางกล่าวขึ้น

“อย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน”

“เมื่อมารดาของเจ้าฉูซื่อยังเยาว์วัย นางสวยสะคราญ รูปร่างงดงามท่าทางอ่อนช้อย นางงามทั้งรูปลักษณ์และยังเพียบพร้อมด้วยความสามารถ นางแต่งกับข้าเพียงเพราะตอบแทนบุญคุณที่เคยช่วยชีวิตนาง แต่นางกลับเป็นนับนางอัปมงคล…”

หลานเฉินมู๋เล่าเรื่องในอดีตออกมาเป็นฉากๆ สายตาฉายความรู้สึกอันแปลกประหลาด!

แท้จริงแล้ว เมื่อมารดาของนางคลอดนางออกมาแล้ว ร่างกายก็กลับฟื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เพียงแต่ภายหลังไม่รู้ว่าทำไม นางกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย

เมื่อกลับมายังจวนแม่ทัพอีกครั้งก็ราวหนึ่งเดือนผ่านไปแล้ว นางซูบกลับกลายเป็นผอมหนังหุ้มกระดูก ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จะคนก็ไม่ใช่ภูตผีก็ไม่เชิง

หลังจากนั้นไม่ถึงเดือนนางก็จากไปอย่างลึกลับ เนื่องเพราะมีศักดิ์เป็นเพียงอนุภรรยาจึงทำพิธีอย่างรีบร้อน แต่เมื่อสามปีผ่านไป ที่หลุมศพของมารดานางได้รับการดูแลอย่างดี ไม่มีหญ้าขึ้นเลย เป็นที่แปลกประหลาดใจยิ่งนัก

เพื่อไม่ให้เกิดความสงสัยกับผู้คน หลานเฉินมู๋ออกคำสั่งให้ขุดดินติดหญ้าจำนวนมากฝังกลบเหนือหลุมศพของมารดานาง แต่ผ่านไปเพียงสามวันหญ้าเหล่านั้นต่างแห้งเป็นฝุ่นไป แม้นคนดูแลหลุมศพก็หายไปอีกด้วย

ดังนั้น หลานเฉินมู๋ก็ไม่มีวิธีอื่นใด สุดท้ายทำได้เพียงออกคำสั่งให้นำก้อนหินมาวางไว้บนหลุมศพแทน แม้นไม่มีต้นหญ้าขึ้น คนอื่นก็ยังมองไม่ออกถึงความผิดปกติ

เมื่อฟังจบแล้ว

ทั้งหมดนี่!

หลานเยาเยาแม้นใบหน้านิ่งสงบ แต่ในใจกลับราวมีพายุกระหน่ำ

เป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไร?

แปลกประหลาดนัก?

เรื่องราวทั้งหมดนี้นางสืบหาจากบันทึกทั้งหมดแล้ว กลับไม่พบแม้เพียงหลักฐานใด

แต่เมื่อมองดูลักษณะของหลานเฉินมู๋ เขาไม่ได้พูดโกหกเป็นแน่ เพราะเพียงนางไปยังหลุมศพมารดาก็คงรู้ว่าจริงหรือไม่แล้ว

เห็นได้ชัด!

ในเวลานั้น เพื่ออนาคตของตัวเอง หลานเฉินมู๋ปิดบังหลายเรื่องราว

“ท่านแม่เป็นคนที่ไหน?”

เรื่องนี้นางไม่เคยได้ยินใครพูดถึงมาก่อน นางอยากรู้ว่าครอบครัวของมารดานางจะยังมีใครอยู่บ้าง?

“ข้าไม่รู้!”

สำหรับหลานเฉินมู๋แล้ว ฉูซื่อเป็นดั่งปริศนา!

นางไม่ใช่ชาวเมืองหลวง และดูราวกับไม่ใช่ได้เป็นประชาชนชาวประเทศก่วงส้า แต่แท้จริงแล้วมาจากที่ใด?เกิดที่ไหน?เขากลับไม่รู้อะไรเลย

ไม่รู้หรือ?

หลานเฉินมู๋ออกจะชาญฉลาดมิใช่หรือ?เรื่องเหล่านี้กลับมิรู้ได้?

ช่างมันเถอะ

เรื่องร้านเหล้านี้ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว หากมารดานางยังพอมีญาติของนางอยู่บ้าง ก็คงติดต่อมาก่อนหน้านี้แล้ว

“เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ขอไปก่อนแล้ว”

พูดจบก็หันกายจากไปทันที นางไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อแม้เพียงครู่เดียว กลับคาดไม่ถึงว่าเท้ายังทันก้าวออกจากห้องสักนิด หลานเฉินมู๋ก็รีบเรียกนางเอาไว้

“เยาเยา เจ้า…”

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท