ตอนที่ 393 เป็นผู้บุกเบิกการปฏิรูป (1)
“หลี่ฉางเซิง!”
หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง
ตาเฒ่าหลี่ก็เผยสีหน้ามึนงง เห็นภาพหลอนอีกแล้ว?
มองซ้ายแลขวาไม่เห็นอู๋ขุยซาน ตาเฒ่าหลี่ถอนหายใจเล็กน้อย ยังดีที่ไม่ได้มาแก้แค้น
ไม่ทำหน้าผิดแปลกอีก ตาเฒ่าหลี่หัวเราะว่า “เฟิ่งโหรว เธอมาที่นี่ได้ยังไง?”
หลู่เฟิ่งโหรวเห็นเขายิ้มอย่างมีความสุข มักรู้สึกว่าผิดปกติอยู่บ้าง แค่นเสียงว่า “นายทะลวงถึงขั้นแปดแล้ว?”
“น่าจะ…น่าจะอย่างนั้นนะ?”
ตาเฒ่าหลี่แฝงด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจอยู่บ้าง คนคุ้นเคยกันไม่อาจหลอกได้ง่ายๆ อยู่แล้ว
เขานับว่าเป็นขั้นแปดหรือเปล่า?
น่าจะไม่ใช่!
แต่บอกว่าเขาขั้นหก ตาเฒ่าหลี่ก็ไม่ยอมรับเหมือนกัน ยังไงบอกว่าขั้นแปดก็ขั้นแปด ต่างแค่เล็กน้อยเท่านั้น
“น่าจะ?”
หลู่เฟิ่งโหรวขมวดคิ้วเล็กน้อย นี่นับว่าเป็นคำตอบอะไรกัน?
เดิมทีก็มองตาแก่นี่ไม่รื่นหูรื่นตาอยู่แล้ว ได้ยินคำตอบแบบขอไปทีของเขา หลู่เฟิ่งโหรวไม่มากความอีก ชกหมัดปานสายฟ้าแลบ พุ่งเข้าไปในชั่วพริบตา!
‘เปรี้ยง!’
เสียงสั่นสะเทือนดังอย่างชัดเจน
หลู่เฟิ่งโหรวกลับถอยไปหลายก้าว หมัดนั้นสั่นระริกเล็กน้อย กัดฟันว่า “เอาเรื่องดีนี่!”
เจ้าหมอนี่หลอมร่างทองแล้วจริงๆ!
ตาเฒ่าหลี่จัดแจงเสื้อผ้าเล็กน้อย เผยท่าทีสบายๆ
ลอบถอนหายใจ ยังดีที่เป็นหมัด นี่หากใช้พลังจิตใจคงถูกเปิดเผยไปแล้ว แม้พลังจิตใจของหลู่เฟิ่งโหรวจะไม่ได้สร้างอันตรายร้ายแรงกับเขาก็ตาม
ยิ้มอย่างภาคภูมิใจแล้ว ตาเฒ่าหลี่ก็กระแอมไอเบาๆ “ธรรมดา ยังคงเป็นเพราะเธอสอนลูกศิษย์ดี รู้จักบุญคุณ เฟิ่งโหรว เธอรับลูกศิษย์ดีไว้แล้วจริงๆ!”
คำพูดนี้แทงใจไม่น้อย!
หางตาหลู่เฟิ่งโหรวกระตุกไม่หยุด
เจ้าเด็กนั่นเป็นลูกศิษย์ของฉันจริงๆ เหรอ?
นายมั่นใจนะว่าไม่ใช่ลูกศิษย์ของนาย?
สูดลมหายใจเข้าลึกแล้ว กดความปรารถนาที่จะซัดเจ้าหมอนี่ให้ตายลงไป หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยอย่างเร่งรีบว่า “เป็นน้ำแร่แห่งชีวิตจริงๆ?”
“อืม”
“หลายร้อยจิน?”
“ไม่ถึงขนาดนั้น…” ตาเฒ่าหลี่ปฏิเสธไป ก่อนจะเอ่ยต่อว่า “อันที่จริงน่าจะดูดกลืนไม่กี่สิบจินเท่านั้น ที่เหลือกระจายไปหมดแล้ว”
หลู่เฟิ่งโหรวหอบหายใจเล็กน้อย ตอนนี้อยากซัดตาแก่นี้อยู่บ้าง!
“ยังมีหรือเปล่า?”
“ไม่มีแล้ว”
ตาเฒ่าหลี่ปฏิเสธทันที ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันไม่มี แต่ว่า…ฟางผิง เจ้าเด็กนั่นอาจจะมี ไม่แน่ว่าอาจจะเก็บไว้บางส่วน”
ตาเฒ่าหลี่ไม่คิดจะรับผิดชอบเลยสักนิด ขายฟางผิงในชั่วพริบตา
เจ้าเด็กนั่นกลืนน้ำแร่พลังงานไปไม่น้อย ในช่วงเวลาสั้นๆ คงไม่ได้ใช้หรอก
ส่วนทะลวงถึงขั้นปรมาจารย์ ตอนนี้เขาไม่ได้ขาดพลัง แต่เป็นเรื่องเวลา
หลู่เฟิ่งโหรวใกล้จะทะลวงด่านแล้ว ตาเฒ่าหลี่คิดว่าหากฟางผิงมีจริงๆ ช่วยหลู่เฟิ่งโหรวทะลวงด่าน คุ้มค่ากว่าเอามาสิ้นเปลืองกับเขาซะอีก
หลู่เฟิ่งโหรวคล้ายจะดุดัน เย็นชา ในความเป็นจริงกลับไม่ใช่แบบนั้น
ตาเฒ่าหลี่เพิ่งพูดจบ หลู่เฟิ่งโหรวก็หายไปไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว ตอนนี้เธอเห็นหมอนี่ก็อยากทุบให้ตาย แต่ครุ่นคิดได้ว่าเขาทะลวงด่าน คงทุบไม่ตายอีกแล้ว จึงตัดสินใจจะปล่อยเจ้านี่ไปก่อน
เห็นหลู่เฟิ่งโหรวไปแล้ว ตาเฒ่าหลี่ถอนหายใจอีกครั้ง มาเร็วจริงๆ ทั้งยังโหดเหี้ยมขนาดนี้ ตอนกลางวันเขาคิดอะไรกันนะ สมองเพี้ยนไปแล้ว
—
ในกระโจม
ตอนนี้ฟางผิงกำลังพูดคุยกับเบื้องบนของหนานเจียง
จางติ้งหนาน ผู้บัญชาการทหารหนานเจียง พวกหวังจินหยางก็อยู่ที่นี่ทั้งหมด
ทางมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ นอกจากฟางผิงก็มีหลัวอี้ชวนและถังเฟิงอยู่เหมือนกัน
พวกเขากำลังพูดคุยกันในกระโจม ถังเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ครู่ต่อมาหลู่เฟิ่งโหรวก็ผลักประตูเข้ามา
ฟางผิงเห็นหลู่เฟิ่งโหรวก็แปลกใจอย่างเห็นได้ชัด หยัดกายขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “อาจารย์ คุณมาที่นี่ได้ยังไง? ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอก ผมไม่เป็นอะไร…”
หลู่เฟิ่งโหรวชำเลืองตามองเขา ฉันเป็นห่วงเธอหรือไง?
เธอเพิ่งจะออกมาจากถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้ เรื่องที่ฟางผิงเข้าไปในถ้ำใต้ดิน เธอก็เพิ่งรู้เหมือนกัน ฟางผิงคิดไปเองฝ่ายเดียว
ไม่สนใจฟางผิง หลู่เฟิ่งโหรวกวาดสายตาไปรอบๆ รอจนเห็นจางติ้งหนานที่หน้าซีดเซียวอยู่บ้างก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยังไม่ตาย?”
จางติ้งหนานแค่นยิ้ม “ดวงแข็ง”
“ดวงแข็งจริงๆ”
หลู่เฟิ่งโหรวแค่นเสียง เอ่ยต่อว่า “อาการบาดเจ็บไม่หนักสินะ?”
“พอไหว ฟื้นฟูระยะหนึ่งน่าจะไม่เป็นไรแล้ว”
“รู้แล้วว่านายตายไม่ได้หรอก”
“…”
สองคนนี้มีความสัมพันธ์ลับๆ กันจริงๆ?
เหล่าหลู่เป็นห่วงคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่?
ยังถามว่าอาการบาดเจ็บหนักไม่หนักอีก?
อู๋ขุยซานบาดเจ็บสาหัส หลู่เฟิ่งโหรวอาจไม่ถามเสมอไป?
นานมาแล้วก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินหลู่เฟิ่งโหรวพูดมาก่อน เวลานั้นจางติ้งหนานตามจีบเธอแจ หรือว่าจะเป็นเรื่องจริง?
ข่าวใหญ่แล้ว!
ฟางผิงทำหน้าตกตะลึง คนอื่นๆ กลับมีท่าทีเรียบเฉย ราวกับไม่ได้ยินซะอย่างนั้น
หลัวอี้ชวนและถังเฟิงยิ่งทำเป็นมองไม่เห็น เดิมทีหลู่เฟิ่งโหรวและจางติ้งหนานก็มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน มิตรภาพที่ยาวนานมาหลายปี
หากไม่เป็นแบบนี้ จางติ้งหนานที่เป็นผู้ว่าหนานเจียงจะเปิดเผยเคล็ดวิชาต่อสู้ของเขาที่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ทำไม? หากเป็นมหาวิทยาลัยหนานเจียงคงไม่ใช่เรื่องแปลก
มหาวิทยาลัยชื่อดังแต่ละแห่งมีเคล็ดวิชาต่อสู้อยู่แล้ว ปกติปรมาจารย์ไม่เก็บเป็นความลับเช่นกัน
แต่เคล็ดวิชาต่อสู้ของปรมาจารย์ ไม่ใช่ป่าวประกาศไปทั่ว หากถ่ายทอดมั่วซั่ว พวกลัทธินอกรีตเอาไปเรียน ไม่ใช่จะขาดทุนหรือไง?
ทั้งสองคนไม่ได้พูดเยอะจนเกินไป หลู่เฟิ่งโหรวถามเป็นมารยาทกับจางติ้งหนานแล้วก็เอ่ยว่า “หารือ?”
“ใช่ เธอมาพอดี นั่งฟังด้วยกันสิ”
จางติ้งหนานเผยใบหน้าประดับรอยยิ้ม เชิญให้เธอนั่ง
หลู่เฟิ่งโหรวไม่เกรงใจเช่นกัน ดึงเก้าอี้ของฟางผิงออกมาทันที นั่งลงอย่างไม่สนใจอะไร
ฟางผิงเผยสีหน้าจนใจ ที่นั่งว่างก็มี จะมาแย่งผมทำไม
ไม่มีทางเลือก ทำได้แค่หาที่ว่างนั่งใหม่
จางติ้งหนานเอ่ยประเด็นเมื่อกี้ต่อ “เศรษฐกิจของหนานเจียงไม่ได้แข็งแกร่งมาก สภาพแวดล้อมของผู้ฝึกยุทธ์ก็ธรรมดา ตอนนี้ถ้ำใต้ดินหนานเจียงอุบัติขึ้น ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป หนานเจียงต้องตกอยู่ในวิกฤตแล้ว ก่อนหน้านี้ฟางผิงกับหนานเจียงก็เคยเอ่ยเรื่องความร่วมมือแล้ว ครั้งนี้ความหมายของฉันคือร่วมมือได้ แต่ไม่ใช่แค่มหาวิทยาลัยหนานเจียง…”
จางติ้งหนานน่าจะเห็นหลู่เฟิ่งโหรวเพิ่งมาจึงพูดเพิ่มเติมอีกหน่อย
ฟางผิงรอเขาพูดจบแล้วก็เอ่ยว่า “ความหมายของผู้ว่า พวกเราเข้าใจ แต่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เปิดคลาสฝึกพิเศษ ผมคิดว่าไม่ได้มีความสำคัญขนาดนั้น? มหาวิทยาลัยหนานเจียงสามารถดำเนินการฝึกฝนผู้ฝึกยุทธ์ในพื้นที่หนานเจียงได้เหมือนกัน…”
จางติ้งหนานเอ่ยด้วยใบหน้าขื่นขม “ปัจจุบันนี้มหาวิทยาลัยหนานเจียงมีปัญหาอย่างหนัก อธิการเฉินตายในสงคราม จะหายอดฝีมือระดับสูงมานั่งรักษาการณ์แทนได้หรือไม่ ตอนนี้ยังพูดยาก แม้จะเป็นทางกระทรวงศึกษาก็อาจส่งยอดฝีมือระดับสูงมารับตำแหน่งไม่ได้เสมอไป รวมกับถ้ำใต้ดินอุบัติ อาจารย์จากมหาวิทยาลัยหนานเจียงส่วนหนึ่งต้องไปควบคุมในถ้ำใต้ดิน ตอนนี้การเรียนการสอนก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักเช่นกัน หากเปิดคลาสฝึกฝนผู้ฝึกยุทธ์ในสังคมอีก คงเป็นเรื่องยากอย่างมาก”
“อันที่จริงคลาสประเภทนี้ก็สิ้นเปลืองกำลังไม่น้อย หลักๆ ต้องเพิ่มความรู้เบื้องลึกเกี่ยวกับถ้ำใต้ดินต่อผู้ฝึกยุทธ์ในสังคม รวมทั้งเรียนภาษาของถ้ำใต้ดิน ฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้บางส่วน แน่นอนว่ารวมถึงความรู้เชิงปฏิบัติทั่วไปของถ้ำใต้ดินด้วย ถ้ำใต้ดินหนานเจียงเพิ่งอุบัติ ตอนนี้เรื่องสร้างเมืองยังอยู่ในระหว่างเตรียมการ ดังนั้นฉันคิดว่าให้ผู้ฝึกยุทธ์ส่วนหนึ่งเข้าไปปฏิบัติจริงในถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้ก่อน ทางถ้ำใต้ดินหนานเจียง กระทั่งพื้นที่หลบภัยยังไม่มีด้วยซ้ำ อีกอย่างสภาพการเรียนการสอนที่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็ดีกว่าอยู่บ้าง รวมถึงสถานที่ฝึกวิชาอย่างห้องแหล่งพลังงานและสระปราณด้วย…”