สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 1220 ตอนพิเศษ (86.1)

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 1220 ตอนพิเศษ (86.1)

นายอำเภอออกหน้าด้วยตนเอง นำเจ้าหน้าที่ทหารไปยังบ้านสกุลจากเพื่อตรวจสอบคดีนี้

คราบเลือดทำให้พวกเขาพบร่างของสตรีผู้หนึ่ง ส่วนเด็ก ๆ นั้น กลับไม่พบร่องรอย

ศาลาว่าการอำเภอ นายอำเภอเคาะไม้หนึ่งที ตะคอกด้วยโทสะ “จางหลิน ถึงตอนนี้เจ้ายังไม่ยอมสารภาพความจริงอีกหรือ? ผู้ตายเป็นอู๋ซานเหนียงจื่อใช่หรือไม่? เด็กเหล่านั้นไปที่ใดแล้ว?”

จางหลินตะโกนว่า “ใต้เท้า ข้าเที่ยวเล่นอยู่ข้างนอกมาหลายวันจะรู้ได้อย่างไรกันว่าเกิดอะไรขึ้น? ท่านพ่อท่านแม่ข้าบอกว่า อู๋ซานเหนียงจื่อไม่ได้กลับมาหลายวันแล้ว ข้าสอบถามได้ความว่าหมู่นี้นางมักจะไปที่ร้านไพ่นกกระจอกจึงคิดจะไปหาคน ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเหตุใดจึงมีศพ? ข้าไม่รู้ศพนั้นเป็นอู๋ซานเหนียงจื่อหรือไม่ หากใช่ นั่นก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้า! ข้าไม่ได้ฆ่านาง ไม่ใช่ข้าที่ฆ่านาง”

“จางจิ้นฮู่ เจ้าว่าอย่างไร?” นายอำเภอกล่าว “ลูกชายเจ้าไม่รู้ว่าผู้ตายเป็นผู้ใด อย่าได้บอกว่าเจ้าก็ไม่รู้เช่นกัน หากเจ้าไม่รู้ เหตุใดเจ้าจึงต้องปิดบังรอยเลือด? แน่นอนว่า เจ้าต้องรู้อยู่แล้ว”

“ข้า… ข้า…” พ่อเฒ่าจางหันกลับไปมองแม่เฒ่าจาง

แม่เฒ่าจางกัดฟันกล่าว “ใต้เท้า อู๋ซานเหนียงจื่อเป็นข้าที่ฆ่าเอง นังแพศยาผู้นั้นไม่รู้จักประพฤติตนให้ดี นางคิดจะหนีไปกับผู้อื่น ลูกชายข้าเพื่อนนางแล้ว แม้กระทั่งจิ่นเหนียงล้วนฆ่า นางจะทิ้งลูกชายข้าไปได้อย่างไร?”

นอกศาลาว่าการอำเภอมีคนจำนวนมากกำลังฟังการพิจารณาคดี หลังจากได้ยินสิ่งที่แม่เฒ่าจางกล่าว หนึ่งในคนกลุ่มนั้นก็พูดเสียงดัง “ให้ตายเถอะ! พวกเจ้าทำให้จิ่นเหนียงตายเกี่ยวข้องอะไรกับซานเหนียง? เริ่มแรกที่ซานเหนียงมา นางยังเป็นเพียงแม่นางน้อยผู้หนึ่ง พวกเจ้ากักขังนางให้อยู่แต่ในห้อง ปฏิบัติกับนางราวกับสัตว์ จนกระทั่งซานเหนียงคลอดบุตรชายผู้หนึ่ง พวกเจ้าถึงได้ยอมปล่อยนางออกมา ซานเหนียงยอมรับชะตากรรมแล้วยินยอมอาศัยอยู่กับลูกชายพวกเจ้า แต่เขาปฏิบัติต่อนางอย่างไร?”

“เงียบ!” นายอำเภอเคาะค้อนอีกครั้ง

แม่เฒ่าจางกล่าว “ใต้เท้า ข้ายอมรับผิด”

ในยามนี้ มีเสียงฝีเท้าดังมาจากประตู

บรรดาผู้คนที่รายล้อมอยู่ต่างหลีกออกให้ผู้มาใหม่ผ่านเข้ามา

มู่ซืออวี่เดินเข้ามา ตามมาด้วยผู้เฒ่าสองคนกับเด็กสามคนด้านหลัง

นายอำเภอเห็นมู่ซืออวี่จึงลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นเขาทำท่าจะสละที่นั่งให้ มู่ซืออวี่เกรงว่าหากให้เขากล่าวอะไรออกมาจะไม่อาจปิดบังตัวตนได้ นางส่งสัญญาณให้นายอำเภอนั่งลง ส่วนนางยืนอยู่ด้านล่างแล้วกล่าวขึ้นว่า “ใต้เท้านายอำเภอ ทั้งสองท่านนี้เป็นบิดามารดาของอู๋ซานเหนียงจื่อ เด็กทั้งสามคนนี้เป็นลูกของอู๋ซานเหนียงจื่อ”

เด็กทั้งสามต่างก็ได้รับบาดเจ็บ เมื่อพวกเขาเห็นจางหลินกับคนอื่น ๆ แสดงสีหน้าหวาดกลัว ลูกชายผู้หนึ่งก็วิ่งเข้าไปหาพ่อเฒ่าจาง ทั้งต่อยทั้งเตะเขา “ข้าจะฆ่าเจ้า เจ้าฆ่ามารดา เจ้าฆาตกรฆ่าคน ข้าจะล้างแค้นให้ท่านแม่ ข้าจะฆ่าเจ้า!”

พ่อเฒ่าจางปล่อยให้เด็กทุบตี

ในยามนี้เขาเหมือนไก่ตัวผู้ที่พ่ายแพ้

มู่ซืออวี่กล่าวต่อไป “เมื่อคนของข้าพบเด็กทั้งสาม พวกเขาถูกขายไปยังสถานที่ห่างไกลหลายสิบลี้ ผู้เฒ่าเหล่านี้เป็นบิดามารดาของอู๋ซานเหนียงจื่อ พวกเขากำลังตามหาอู๋ซานเหนียงจื่อ ข้าจึงพาพวกเขามาพร้อม ๆ กัน ใต้เท้านายอำเภอ พวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักพาตัวเด็ก อีกทั้งยังฆ่าสตรีจากครอบครัวดี ๆ จะลงโทษพวกเขาอย่างไร ขึ้นอยู่กับท่านเถอะ!”

นายอำเภอกล่าว “ในเมื่อพยานหลักฐานเป็นที่แน่ชัดแล้ว เช่นนั้นก็ควบคุมตัวไปประหารในภายหลัง”

“ใต้เท้า ข้าถูกใส่ความ ใต้เท้า…” จางหลินตะโกน ” อู๋ซานเหนียงจื่อยินดีติดตามข้ามา ไม่นับว่าถูกหลอก กล่าวได้เพียงว่านางโง่เขลา ชายใดเอ่ยวาจาน่าฟังเพียงไม่กี่คำก็ยินยอมพร้อมใจเชื่อว่าเป็นความจริง”

มู่ซืออวี่กล่าวต่อไป “ใต้เท้านายอำเภอ หลังจากเหตุการณ์นี้ ข้าได้ส่งคนไปตรวจสอบประเพณีท้องถิ่นของที่นี่ เท่าที่ข้าได้ยินมาก อู๋ซานเหนียงจื่อไม่ใช่สตรีจากครอบครัวดี ๆ คนแรกที่ถูกหลอกลวง ยังมีสตรีคนอื่น ๆ ที่คล้ายกันในหมู่บ้านอีกหลายคน ข้าแนะนำว่าใต้เท้าควรตรวจสอบคดีเหล่านี้โดยละเอียด เพื่อให้สตรีที่ถูกบังคับให้อยู่ที่นี่สามารถกลับบ้านเกิดที่แท้จริงได้ แทนที่จะถูกควบคุมโดยผู้อื่น”

“ฮูหยินกล่าวได้ถูกต้อง ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบโดยละเอียด”

“เช่นนั้นข้าขอบคุณใต้เท้าแทนพวกนางแล้ว”

“นี่เป็นสิ่งที่ข้าน้อยควรทำ ฮูหยินอย่าได้เกรงใจ”

ในที่สุดชาวบ้านที่ฟังอยู่ก็พบว่าท่าทีของนายอำเภอแปลกมาก ดูเหมือนเขาจะให้เกียรติฮูหยินท่านนี้เป็นพิเศษ น้ำเสียงไม่เหมือนขุนนางท้องที่พูดกับชาวบ้านธรรมดาทั่วไป หากแต่ดูเหมือนผู้ใต้บังคับบัญชาเอ่ยกับเบื้องบนมากกว่า

“ฮูหยินท่านนั้นมีที่มาอย่างไร? เหตุใดรู้สึกว่าใต้เท้านายอำเภอไม่กล้าแม้แต่จะหายใจต่อหน้านางเสียด้วยซ้ำ?”

“ที่แท้ไม่ใช่ข้าตาฝาดไปเอง ข้าก็คิดเช่นนั้นเช่นกัน”

พ่อแม่ของอู๋ซานเหนียงจื่อตามหาลูกของตนมาหลายปี ในที่สุดก็รู้ที่อยู่ของลูก เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าที่ได้พบจะไม่ใช่คนที่มีชีวิต หากแต่เป็นคนตายผู้หนึ่ง

ผู้เฒ่าทั้งสองไม่สนใจว่าศพจะสภาพเละเทะเพียงใด พวกเขานอนแนบไปบนร่างนางพลางสะอื้นไห้อย่างขมขื่น

เด็กทั้งสามมองร่างมารดาของตนซึ่งเริ่มเน่าเปื่อย ยืนอยู่ข้าง ๆ ผู้อาวุโสทั้งสองและร้องไห้ออกมาตาม ๆ กัน

“ท่านแม่… ท่านแม่ ท่านตื่นสิ… ท่านแม่ท่านอย่าทำให้พวกข้ากลัวนะ… ท่านแม่…”

“ท่านแม่ ท่านลุกขึ้น พวกเราจะไม่ดื้อไม่ซนอีกต่อไป พวกเราจะฟังคำท่านแม่อย่างแน่นอน”

“ท่านแม่ ถ้าท่านยังไม่ตื่น พวกเราก็จะไม่มีแม่แล้ว…”

เด็กทั้งสามคนจะปลุกอย่างไรก็ไม่อาจปลุกอู๋ซานเหนียงจื่อให้ตื่นขึ้นมาได้

บนใบหน้าอู๋ซานเหนียงจื่อมีรอยแผล เห็นได้ชัดว่านางถูกทุบตีก่อนจะเสียชีวิต

มู่ซืออวี่เอ่ยกับผู้เฒ่าทั้งสอง “หากผู้เฒ่าทั้งสองรู้สึกว่าเลี้ยงดูพวกเขาทั้งสามลำบากก็สามารถส่งพวกเขาไปสถานสงเคราะห์เด็กได้”

“ขอบคุณฮูหยินที่ห่วงใย” พ่อเฒ่าอู๋กล่าว “ที่บ้านเรามีไร่ชาไม่น้อย ทุกปีเก็บชาขายก็ใช้ชีวิตได้เป็นอย่างดี เลี้ยงเด็กทั้งสามคนนี้ไม่มีปัญหา พวกเราไม่มีลูกสาวอีกแล้ว หลานทั้งสามเป็นความหวังสุดท้าย ท่านวางใจ พวกเราจะดูแลพวกเขาอย่างดีเหมือนกับที่ดูแลซานเหนียง”

แม่เฒ่าร้องไห้พลางกล่าว “เป็นความผิดของข้าเองที่ดูแลซานเหนียงไม่ดี ทำให้ซานเหนียงต้องทนทุกข์ทรมานมากเพียงนี้ ตอนนั้นพ่อเขาบอกให้แจ้งทางการหาคน แต่ข้าคิดว่านางหนีไปกับผู้อื่น รู้สึกอับอาย จึงไม่ยอมแจ้งทางการ อีกทั้งนางเอาแต่เอ่ยถึงความดีของชายคนนั้นว่าดีกับนางเพียงใด ข้าคิดว่าหากนางสบายดี เรื่องที่นางหนีไปกับผู้อื่นก็แล้วไป ผู้ใดจะคิดว่านางจะแต่งงานกับสัตว์เดรัจฉานเช่นนี้ พวกเราควรมาหานางให้เร็วกว่านี้จริง ๆ”

มู่ซืออวี่ปลอบใจสองสามคำ ปล่อยให้เด็กทั้งสามอยู่ในความดูแลของผู้เฒ่าทั้งสองแล้วกลับไป

เมื่อนางกลับมาที่ร้านไพ่นกกระจอกก็มีสตรีหลายคนอยู่ที่นั่นแล้ว

ดวงตาแต่ละคู่จับจ้องมาที่มู่ซืออวี่ ราวกับว่านางมีตางอกเพิ่มขึ้นมาอีกดวงหรือปากงอกเพิ่มขึ้นมาอีกอัน สีหน้าแปลกประหลาดยิ่ง

“เหตุใดพวกท่านมองข้าด้วยสายตาเช่นนั้น?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม “หน้าข้ามีอะไรติดหรือ?”

“พี่หญิง ท่านร้ายกาจยิ่งนัก” สตรีผู้หนึ่งเอ่ย “ท่านไม่รู้ วันนี้ข้ากลับไป สามีข้าผู้นั้นก็เริ่มทำงานบ้าน ทั้งยังช่วยดูแลลูก ๆ คนที่ก่อนหน้านี้ไม่แม้แต่จะรู้วิธีปัดกวาดเศษไม้ใบหญ้าจู่ ๆ ก็พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ จักต้องเป็นเพราะคดีวันนี้ที่ช่วยให้พวกเขาได้มองสะท้อนตนเองเป็นแน่”

“คดีวันนี้เป็นโศกนาฏกรรมหนึ่ง” มู่ซืออวี่กล่าว “ข้าน่าจะโน้มน้าวนางให้เร็วกว่านี้ หากข้าโน้มน้าวนางให้ออกมาเร็วกว่านี้ บางทีนางอาจไม่ต้องลงเอยในสถานการณ์เช่นนั้น”

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท