ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 809 ปะทะ!

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 809 ปะทะ!

‘แชะ!’

‘แชะ!’

มันเป็นเสียงไฟแช็ก

ไฟแช็กสองอันมีจังหวะเป็นของตัวเอง ทั้งยังติดประกายไฟออกมาอย่างต่อเนื่อง แสงกะพริบติดๆ ดับๆ ไม่หยุดท่ามกลางความมืดมิด นำมาซึ่งประกายแสงลึกลับน่าพิศวง

ไกลออกไป

ผู้ใหญ่หนึ่งและเด็กหนึ่งทั้งสองคนเดินออกมาท่ามกลางความมืดมิด พวกเขาดูเหมือนจะยังติดขัดนิดหน่อย จึงหยุดชั่วคราวเพื่อจุดประสงค์นี้โดยเฉพาะ จนในที่สุดก็ปรับเปลี่ยนเพลงพื้นหลังเสร็จ ดนตรีบรรเลงขึ้น ผู้ใหญ่หนึ่งเด็กหนึ่งทั้งสองคนจุดไฟแช็กต่อไป

‘มาลืมความผิดถูก มารำลึกอดีต เคยผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากร่วมกันมักจะสนุกเสมอ…’ เสียงเพลงพื้นหลังยังคงดังก้องอยู่ในทางลอดใต้ดิน

ทนายอันและเด็กชายต่างก็สวมแว่นกันแดด ในขณะที่จุดไฟแช็ก ก็เดินวางมาดไปข้างหน้าอย่างพร้อมเพรียง จิ้งจอกขาวที่อยู่อีกด้านมองดูฉากนี้ด้วยความตกตะลึงพรึงเพริด ส่วนชายหนุ่มข้างๆ เผยสีหน้าขี้เล่น

ทนายอันถอดแว่นกันแดด สะบัดผมและปัดหน้าม้า ก่อนจะขยิบตาให้จิ้งจอกขาว “ดูเหมือนคุณจะแปลกใจมากเลยนะ”

จิ้งจอกขาวพยักหน้าแล้วชี้ไปทางเด็กชายข้างๆ ทนายอัน “ที่ข้าประหลาดใจคือทำไมเขาถึงทำตัวปัญญาอ่อนเช่นเดียวกับเจ้าได้”

เด็กชายก็ถอดแว่นกันแดดออก ในดวงตาฉายแววเอือมระอา ช่วยไม่ได้ ขุดหลุมฝังตัวเอง เขาต้มซุปไก่เอง (เสนอเอง) เขาเลยจำต้องเลียและต้องดื่มเอง

ก็เหมือนกับที่ทนายอันกล่าวไว้ เป็นเครื่องประดับ จะดูเพ้อเจ้อจะดูโง่เง่าอย่างไรก็ต้องทำ ไม่อย่างนั้นถ้าความฉลาดดันเจิดจ้าเกินไปจะกลายเป็นสลับแขกเป็นเจ้าบ้านเสียเอง จะขโมยบทบาทของเถ้าแก่แล้วรอให้เถ้าแก่ดื่มสุราหนึ่งจอกรวบคืนอำนาจทหาร[1]เรอะ

“นี่มันเรื่องของข้า” จิ้งจอกเอ่ยพูด ขณะเดียวกันเธอก็ยังให้ความสนใจกับรอบๆ ตัวด้วยความประหม่า กลิ่นนั้นยังอยู่ แต่คนผู้นั้นยังไม่ปรากฏตัว

โชคดีที่เถ้าแก่โจวไม่รู้ว่าจิ้งจอกขาวกำลังคิดอะไรอยู่ในตอนนี้ ไม่อย่างนั้นจิ้งจอกขาวคงได้ตายไปหมื่นรอบแล้วจริงๆ

โดยปกติแล้วเวลาอ่านนิยายหรือดูละครกำลังภายในร้านหนังสือ ก่อนที่บุคคลผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นๆ จะโผล่ออกมาจะได้กลิ่นอายสังหารอะไรเทือกนี้ แต่ทำไมพอถึงตาเขาถึงเป็นกลิ่นเค็มๆ ไปได้

“จะมาเรื่องของคุณเรื่องของฉันอะไรกันล่ะ ในเมื่ออยู่ในร้านหนังสือแล้วก็ต้องเป็นเรื่องของร้านหนังสือสิ คุณเองเป็นคนของร้านหนังสือแล้วนี่นา เฮอะ” ทนายอันเอาบุหรี่เข้าปากเงียบๆ พอจะจุดไฟดันพบว่าก๊าซของไฟแช็กเพิ่งจะถูกเขาวางมาดหล่อๆ จุดมันจนแห้งอย่างช่วยไม่ได้

“ข้าจะเป็นคนร้าน…” จิ้งจอกขาวกำลังจะพูดประโยคนี้ แต่กลับชะงักค้าง เธอสัมผัสได้ถึงหลุมที่ทนายอันขุดให้ตัวเองจากคำพูดประโยคนี้อย่างเฉียบแหลม ไม่สิ นี่ไม่ใช่หลุม มันเป็นการกล่าวเตือน!

เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

จิ้งจอกขาวตะลึง หากความหมายของสิ่งที่ทนายอันพูดถูกต้อง เธอจะต้องตอบกลับว่า ‘ข้าไม่ใช่คนของร้านหนังสือ’ แต่ต่อไปล่ะ ประโยคนี้หมายความว่า ในเมื่อคุณไม่ได้เป็นคนของร้านหนังสือแล้ว อย่างนั้นคุณก็สมควรตาย

คนหนึ่งเป็นคนฉลาด อีกคนหนึ่งเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ แค่บทสนทนาง่ายๆ ก็สามารถบอกใบ้ได้มากมาย

จิ้งจอกขาวยืดคอขึ้นเล็กน้อยและพูดว่า “ใช่ ข้าเป็นคนของร้านหนังสือ ร้านหนังสือเป็นบ้านข้า”

‘พรืด’ ทนายอันหลุดขำออกมา เขารู้ว่าจิ้งจอกขาวเข้าใจสิ่งที่เขาจะสื่อ แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะหน้าไม่อายถึงขนาดนี้ เขายกมือขึ้นบอกใบ้ให้จิ้งจอกขาวพูดต่อ เชิญคุณแสดงต่อไป ประจบประแจงต่อไป

“แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของข้า ข้าจัดการเองได้”

ทนายอันส่ายหน้า ไม่หัวเราะแล้ว แต่ถอนหายใจแทน อะไรที่ควรบอกใบ้ก็บอกไปแล้ว แต่คุณเองก็ยังดื้อรั้นขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขอโทษด้วยแล้วกัน

บางทีนี่อาจจะเป็นเพราะคนในมองสถานการณ์ไม่ออก คนนอกมองเห็นชัดละมั้ง จำได้ว่าสาวน้อยโลลิเคยบ่นกับเขาว่า จิ้งจอกขาวตัวนี้เอาแต่สอนเธอว่าจะหลอมรวมเข้ากับร้านหนังสือและใช้ประโยชน์จากมันอย่างไร แต่คราวนี้เป็นตัวเธอเองนั่นแหละที่ไม่เข้าใจ

“คุณจัดการจิ้งจอกไป ส่วนผมจะจัดการหมอนั่นที่ชอบเล่นงิ้วเปลี่ยนหน้าเอง” จะไม่มีการหยั่งเชิง และไม่มีการปะทะฝีปากอะไรทั้งนั้น

จิ้งจอกขาวยังได้กลิ่นการมาถึงของเถ้าแก่ แล้วคิดว่าเขาอันปู้ฉี่ตาบอดหรืออย่างไร แม้ว่าจะไม่ทราบสาเหตุอย่างละเอียดว่าเป็นเพราะอะไร แต่ครั้งนี้เถ้าแก่โกรธมาก จะสร้างกฎเกณฑ์แล้ว ดังนั้นทุกคนมาร่วมประพฤติปฏิบัติกันเถอะ

‘ตู้ม!’

เด็กชายไม่พูดพร่ำทำเพลงรุกโจมตีทันที หลังจากฝ่าเท้าจมพื้น ทั้งร่างพุ่งเข้าหาจิ้งจอกขาวราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ถูกปล่อยออกมา จิ้งจอกขาวใช้มือสกัดกั้นหมายจะต้านทานแรงโจมตีของเด็กชายไว้ก่อน แต่เมื่อการประมือเพิ่งเริ่มต้น จิ้งจอกขาวถึงกับตกตะลึงเมื่อพบว่านี่เป็นการเอาจริง!

‘ปัง!’

จิ้งจอกขาวถูกกระแทกกระเด็นออกไป เมื่อร่างกำลังจะปะทะเข้ากับกำแพง หางของเธอขยายใหญ่ขึ้นในชั่วพริบตา ส่วนขนปุกปุยก็ผุดขึ้นตามร่างกายเช่นกัน ร่างกายกวาดไปรอบทิศและกระโดดข้ามมาทันที แต่หลังจากร่วงถึงพื้น สีหน้าพลันแดงเถือก และมีเลือดไหลซิบออกจากมุมปาก

แม้จะทำเช่นนี้ ก็ยังไม่สามารถทำลายการโจมตีได้อย่างสมบูรณ์

“เจ้าเอาจริงหรือ” จิ้งจอกขาวดูตกใจ

เด็กชายอมยิ้มน้อยๆ “ข้าสนิทกับเจ้าหรือถึงได้ต้องออมมือให้เจ้า”

ความหมายก็คือเจ้านับเป็นตัวอะไรกัน!

จู่ๆ จิ้งจอกขาวก็หันกลับไปมองชายหนุ่มตรงนั้นแล้วตะโกนใส่ “ไปให้พ้นเร็วเข้า!”

“อย่าเพิ่งรีบร้อน วันนี้พวกคุณไม่มีใครสามารถออกไปได้ทั้งนั้น” ทนายอันไขว้มือทั้งคู่ มือกระดูกขาวคู่หนึ่งปรากฏขึ้น หมอกควันสีชมพูสิบสายถูกปล่อยออกมาพันรอบตัวชายหนุ่ม

ชายหนุ่มถอยหลังไปสองสามก้าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย จากนั้นใบหน้าของเขากลายเป็นใบหน้าของหญิงสาวที่หน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับจิ้งจอกขาวมาก เมื่อต้องเผชิญกับอันตราย ชายหนุ่มผลักสตรีที่รักเขารักจนถึงส่วนลึกของจิตวิญญาณออกมา

ร่างของหญิงสาวสั่นสะท้าน หางจิ้งจอกสีดำโผล่ขึ้นที่ด้านหลัง ปราณปีศาจมวลแล้วมวลเล่ากระหน่ำออกมาพยายามฝ่าด่านวงล้อมของทนายอัน เพียงแต่ว่า อันปู้ฉี่ก็คืออันปู้ฉี่อยู่วันยังค่ำ แม้ว่าเขาจะเอาแต่หัวเราะเยาะตัวเองว่าตั้งแต่มาอยู่ร้านหนังสือก็ดูเหมือนเขาจะย่ำอยู่กับที่ก็ตาม แต่ช่วยไม่ได้เพราะเดิมทีเขาก็มีรากฐานที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว

“ยมโลกมีกฎ กฎแห่งความตายไร้ความปรานี ผนึก!”

หมอกควันสีชมพูกลายเป็นตราผนึกสิบสายล็อกหญิงสาวไว้ ปลายนิ้วของหญิงสาวผุดกรงเล็บแหลมคม ตราผนึกเจ็ดสายถูกฉีกทึ้งกระจายในอึดใจเดียว ยังเหลืออีกสามสาย แต่กลับกลายเป็นหนึ่งเดียว หวดฟาดร่างกายของหญิงสาวทันที บีบบังคับจนหญิงสาวต้องฝืนกลับไป!

“มาเลย พวกเรามาเล่นกันต่อ” ทนายอันก้าวฝีเท้าไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

แสงสีเขียวปรากฏขึ้นในดวงตาของหญิงสาว แรงโจมตีทางจิตอันทรงพลังถูกปล่อยออกไปโดยตรง

ฉากนี้ถูกจิ้งจอกขาวที่อยู่ไม่ไกลจับไว้ เธอตะโกนออกไปทันที “อย่านะ!”

เผ่าจิ้งจอกสามารถใช้ภาพลวงตาได้แต่กำเนิด แม้ว่าปีศาจจิ้งจอกบางตัวยังบำเพ็ญจนกลายร่างเป็นมนุษย์ไม่ได้ แต่ก็ยังสามารถใช้ภาพลวงตาหลอกล่อให้เหล่าบัณฑิตพวกนั้นหลงใหลจนฝันเปียกได้เรื่อยๆ แต่ทว่าจิ้งจอกขาวรู้ดี หากใช้วิชาหมัดมวยต่อกรกับทนายอัน ทนายอันอาจจะไม่ค่อยเก่งนัก แต่ถ้าใช้ภาพลวงตา นี่มันจะไม่เป็นการส่งแกะเข้าปากเสือหรือ

ทนายอันเผยรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้า และกระแอมไปหนึ่งทีพร้อมกับดีดนิ้ว “ดีมาก”

ช่วงเวลาต่อมา สายตาของทนายอันและผู้หญิงตรงหน้าตกอยู่ในความมึนงง จิ้งจอกขาวหมายจะพุ่งเข้าไปขัดขวางกระบวนการนี้ แต่เด็กชายกลับพุ่งตรงเข้ามาต่อยเธอโดยตรง จิ้งจอกขาวไม่กล้าฝืนรับ จึงเบี่ยงตัวตะแคง ตบฝ่ามือบนแขนของเด็กชายเบาๆ พยายามจะหนีออกไป แต่ทว่าเด็กชายเผยอปากจนเขี้ยวสองซี่เผยออกมาให้เห็น

“โฮก!”

“อ๊า!” จิ้งจอกขาวส่งเสียงกรีดร้อง หางฟาดไปที่ร่างของเด็กชายอย่างแรง เด็กชายหยุดชะงัก จิ้งจอกขาวจึงถอยกรูดอย่างรวดเร็ว บาดแผลเลือดไหลซิบปรากฏอยู่ตรงแขนซ้ายของเธอ

“ยอมให้จับแต่โดยดีเถอะ นี่ไม่ใช่เรื่องของเจ้าหรือเรื่องของนางแล้ว” เด็กชายเหลือบมองเสื้อผ้าบนตัวเขาที่เพิ่งถูกหางจิ้งจอกฟาดจนขาดกระจุยอย่างจนปัญญาเล็กน้อย

เสื้อตัวนี้เป็นเสื้อที่สาวน้อยโลลิซื้อในเถาเป่าให้เขาเชียวนะ

“ไม่มีทาง” จิ้งจอกขาวพูดด้วยความโกรธ

“อ๋อ” เด็กชายพยักหน้า และเงยหน้ามองจิ้งจอกขาว ในส่วนลึกของดวงตามีประกายแสงสีดำไหลเวียน พลังปราณพิฆาตเริ่มปะทุออกมากองรวมกันอยู่รอบกายเขาอย่างต่อเนื่อง

“เช่นนั้นข้าจะลองดูว่าความรู้สึกตอนฆ่าจิ้งจอกมันเป็นอย่างไร”

เด็กชายกระโจนเข้ามา เมื่อผีดิบต่อสู้ไม่จำเป็นต้องทำตามกฎเกณฑ์ใดๆ ก็แค่อาศัยความแข็งแกร่งทางกายภาพรังแกคุณ

แล้วจะทำไมล่ะ

จิ้งจอกขาวสองมือยันพื้น นอนราบกับพื้นทั้งตัว หางขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ปล่อยหางทั้งสามออกมาราวกับนกยูงรำแพน ขณะเดียวกันขนสีขาวก็งอกขึ้นทั่วร่างกาย

“โฮก!” จิ้งจอกขาวคำรามพร้อมกับพุ่งไปหาเด็กชาย ทั้งผีดิบทั้งจิ้งจอกต่อสู้ฟาดฟันกันในชั่วพริบตา

ชั่วขณะหนึ่ง ลมแกร่งรอบตัวระเบิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทางลอดใต้ดินเริ่มสั่นสะเทือน ป้ายเตือน ‘กรุณาอย่าปัสสาวะเรี่ยราดที่นี่’ ด้านบนก็ตกลงมากระแทกพื้นเช่นกัน เป็นการปะทะที่รวดเร็ว การต่อสู้ที่ไวว่อง ทุกสิ่งทุกอย่างรวดเร็วมาก

เห็นได้ชัดว่าเด็กชายไม่เข้าใจถึงประโยชน์ของ ‘ความช้า’ หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เด็กชายจับขาจิ้งจอกขาวข้างหนึ่งแล้วฟาดมันลงกับพื้นอย่างแรง ครั้งเดียวยังไม่พอ รักหยกถนอมบุปผาก็ไม่มีอยู่จริง นอกจากสาวน้อยโลลิแล้วเด็กชายนั้นหมดความสนใจในเพศตรงข้ามไปนานแล้ว

‘ตูม!’

‘ตูม!’

‘ตูม!’

หลังจากฟาดกระแทกต่อเนื่องติดๆ กัน ร่างของจิ้งจอกขาวกลายเป็นสีแดงฉาน แต่ทันใดนั้นเธอก็ยังเผยอปากพ่นไอหมอกสีขาวตรงไปหาเด็กชาย เด็กชายขมวดคิ้วเล็กน้อย พลังปราณพิฆาตก็หลอมรวมกันพยายามสกัดกั้น แต่ลำแสงสีขาวกลับทะลุผ่านพลังปราณพิฆาตจนกระจายไปบนตัวเด็กชาย

ชั่วขณะหนึ่ง ร่างกายของเด็กชายถูกปกคลุมไปด้วยขนสีขาวหลายชั้น ราวกับถูกปกคลุมไปด้วย ‘หิมะน้ำแข็ง’

‘ตูม!’ เสียงอื้ออึงเล็ดลอดออกมา บนขนสีขาวปรากฏรอยแตกร้าว เห็นได้ชัดว่าพันธนาการนี้ไม่อาจขังเด็กชายเอาไว้ได้ แต่จิ้งจอกขาวคว้าช่วงเวลาสั้นๆ นี้รีบตรงไปหาทนายอันที่อยู่ไม่ไกล!

“น่าประทับใจเสียจริง” เสียงทอดถอนใจของเด็กชายดังแว่วมา

ระหว่างที่วิ่งอยู่นั้นจิ้งจอกขาวสะดุ้งตกใจ แต่กลับกัดฟันเดินหน้าต่อ

‘พึ่บ!’ ร่างของอิงอิงปรากฏขึ้นตรงหน้าจิ้งจอกขาว ในดวงตาของจิ้งจอกขาวฉายแววประหลาดใจทันที เป็นไปไม่ได้ ความเร็วขนาดนี้ จะเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร!

“เถ้าแก่ ที่น้องสาวจิ้งจอกขาวทำถึงขนาดนี้ก็พอให้อภัยได้นี่นา” อิงอิงตะโกนด้วยน้ำเสียงสับสน จนใจ และเศร้าเสียใจมาก จากนั้นปล่อยหมัดกระแทกจิ้งจอกขาวแรงๆ อย่างไม่ลังเล ไม่ออมมือเลยสักนิด!

‘ปัง!’

ร่างของปีศาจจิ้งจอกขาวถูกต่อยยับเพียงหมัดเดียว ทั้งร่างลอยละลิ่วออกไปกระแทกลงกับพื้น ทั้งยังไถลออกไปไกลลิบ

“เถ้าแก่ น้องสาวจิ้งจอกขาวช่างน่าสงสารจับใจ ข้าทำร้ายนางไม่ลงจริงๆ งื้อๆๆ”

…………………………………………………………………..

[1] ดื่มสุราหนึ่งจอกรวบคืนอำนาจทหาร เป็นกุศโลบายแสนแยบยลของซ่งไท่จู่ในช่วงต้นราชวงศ์ซ่งเหนือ (ค.ศ.960-1127)

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท