บทที่ 1429 โอสถคืนชีพแห่งภัยพิบัติ
ทันใดนั้น ประกาศิตของภพเซียนที่เขาตั้งความหวังไว้มากก็ถูกทำลายจนแหลกเป็นเสี่ยง ๆ
เป็นไปได้อย่างไรกัน!? ประกาศิตนี้เป็นตัวแทนของเต๋าสวรรค์แห่งภพเซียน ไม่ว่าเฉินซีจะแข็งแกร่งสักเพียงใด มันจะต่อกรกับเต๋าแห่งสวรรค์ได้อย่างไร?
ปิงซื่อเทียนรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า ทั้งมึนงงและสับสน และไม่กล้าเชื่อเหตุการณ์ที่เกิดตรงหน้า เพราะมันเป็นที่พึ่งสุดท้ายของเขา ทว่ายังไม่ได้แสดงอิทธิ์ฤทธิ์ใด ๆ มันก็ถูกบดขยี้จนเป็นเสี่ยง ๆ ซึ่งภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไม่ว่าใครก็คงไม่อยากเชื่อ
เขาไม่รู้ว่าเฉินซีนั้นครอบครองชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก ถึงขั้นกล้าปะทะกับเนตรทัณฑ์สวรรค์โดยตรง แล้วประกาศิตของภพเซียนจะนับเป็นอะไรได้
บัดซบ!
ช่างบัดซบเสียจริง!
ใบหน้าของปิงซื่อเทียนบิดเบี้ยว และดูเหมือนจะโกรธจนขาดสติ ทันใดนั้น เขากระโดดขึ้นไป มือสะบัดไขว้กันเพื่อสร้างผนึกที่ซับซ้อน กระแสพลังที่สั่นสะเทือนฟ้าดินก่อตัวอยู่ในฝ่ามือ “ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะฆ่าไอ้สารเลวอย่างเจ้าไม่ได้!”
ท่ามกลางเสียงคำรามอันเกรี้ยวกราด กระแสพลังบ้าคลั่งก็ไหลเวียนอยู่รอบกาย พลังเหล่านี้ก่อตัวเป็นฉากภัยพิบัติมากมาย เช่น ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ร่วงหล่น ผืนฟ้าแผ่นดินพังทลาย กระแสพลังที่ทำลายล้างปฐพี… มันช่างน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
ทว่าทั้งหมดนี้ มันหลอมรวมเข้ากับกระบี่อมตะในมืออย่างสมบูรณ์ บังเกิดเป็นกลิ่นอายทำลายล้างที่ไร้ขอบเขต ทำให้เขาดูเหมือนเทพอสูรที่ควบคุมการลงทัณฑ์และการตัดสิน แผ่พลังกดดันอย่างไร้ขอบเขต ทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือนและคร่ำครวญ ก่อนที่จะแตกสลายลงทีละนิด ทั้งยังทำให้เกิดรอยแยกและหลุมดำขนาดใหญ่ในอวกาศ
ตู้ม!
ฟ้าดินของที่นี่กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่นิมิตของภัยพิบัติกำลังลงมา คล้ายหมายทำลายโลกที่กว้างใหญ่ใบนี้
นี่คือเคล็ดวิชาที่สืบทอดกันมาของนิกายอำนาจเทวะ พลังแห่งภัยพิบัติ มันอำมหิตและไร้อารมณ์ เพียงพอที่จะทะลุผ่านยุคสมัย และทำให้โลกแตกสลาย!
ยิ่งไปกว่านั้น ปิงซื่อเทียนได้ใช้พลังอย่างเต็มที่ และเขาตั้งใจที่จะแลกชีวิตกับเฉินซี
“ในเมื่อเจ้าไม่รู้ขีดจำกัดของตนเอง ข้าจะทำให้รู้ว่าระยะห่างระหว่างเรานั้นไกลเพียงใด!”
เฉินซีไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย ร่างสูงใหญ่ยืนหยัดอย่างมั่นคง ในขณะที่กระบี่เต๋าวิบัติในมือส่งเสียงคำรามอย่างชัดเจน และทันใดนั้น มันก็เปล่งแสงสีเลือดที่พร่างพราวของเจตจำนงกระบี่
อำนาจกระบี่เบญจธาตุ
อำนาจกระบี่หยินและหยาง
อำนาจกระบี่ซากดารา
ภายใต้การบ่มเพาะในเต๋าแห่งกระบี่ขั้นสมบูรณ์ สุดยอดเคล็ดอำนาจต่าง ๆ ของยันต์เทวะอนันต์ก็สำแดงฤทธิ์เดชอย่างเต็มที่ในทันที!
ฟ่าว! ฟ่าว! ฟ่าว!
ปราณกระบี่มากมายมหาศาลได้ปกคลุมทุกหนทุกแห่งราวพายุที่กระโชกแรง ซึ่งปราณกระบี่เหล่านี้ก็เปี่ยมด้วยกลิ่นอายน่าเกรงขาม มีความลึกล้ำของตัวเอง พวกมันส่งเสียงคำรามผ่านฟ้าดิน ฉากที่ยิ่งใหญ่ตระการตาดังกล่าวทำให้ผู้คนจากนิกายกระบี่เก้าเรืองรองตกตะลึง และไม่กล้าจินตนาการเลยว่า เต๋าแห่งกระบี่ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ จะมีอยู่จริงในโลก
โดยเฉพาะเมื่อทั้งหมดนี้ได้รับการสนับสนุนจากกระบี่เต๋าวิบัติ แล้วพลังยับยั้งที่เกิดจากมันจะน่ากลัวถึงเพียงใด?
ในขณะนี้ ไม่มีใครที่สามารถอธิบายถึงพลังทำลายล้างที่เกิดจากกระบวนท่าของเฉินซีได้
การโจมตีอย่างสิ้นหวังของปิงซื่อเทียน กำลังถูกบดขยี้อย่างช้า ๆ จนไหลย้อนกลับ และกลายเป็นมวลพลังผันผวนที่วุ่นวาย
ปราณกระบี่ของเฉินซีไม่ได้ปะทะเข้ากับร่างกายของคู่ต่อสู้โดยตรง แต่พลังของมันได้ทำลายกระบี่อมตะ และแผดเผาเสื้อผ้าของอีกฝ่าย
“เป็นไปไม่ได้! มันเป็นไปไม่ได้…” ในที่สุดปิงซื่อเทียนก็รู้สึกถึงความหวาดกลัวจากก้นบึ้งหัวใจ ร่างกายได้รับบาดเจ็บจากปราณกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วน ทำให้เกิดรอยแผลบนร่างกายมากมาย เลือดไหลทะลักออกจากทวารทั้งเจ็ด และตกอยู่ในสภาพที่เลวร้ายยิ่ง
ผมและคิ้วถูกเผาจนโกร๋น ร่างกายเปียกโชกไปด้วยเลือด เขาสูญเสียความหยิ่งยโสและความอหังการไปอย่างสิ้นเชิง
“สะบั้น!” ทันใดนั้น เฉินซีก็โจมตีอย่างเต็มกำลัง!
ไม่มีคำพูดใดที่สามารถอธิบายการโจมตีครั้งนี้ได้ และไม่มีไพ่ตายใด ๆ ที่สามารถต้านทานการโจมตีนี้ได้เช่นกัน ร่างกายของปิงซื่อเทียนถูกฟันเป็นชิ้น ๆ!
เพียงกระบวนท่าเดียว!
ปิงซื่อเทียน อัจฉริยะผู้ไม่มีใครเทียบได้ ผู้ครอบครองประกาศิตของภพเซียน และเป็นศิษย์ของนิกายอำนาจเทวะ ได้ถูกสังหารแล้ว!
แม้ว่าผู้ที่รับกระบวนท่าที่ทรงพลังนี้จะเป็นเซียนทองคำที่แท้จริง แต่ก็ยังพบว่ามันยากที่จะต้านทาน แน่นอนว่านี่เป็นพลังที่เฉินซีสำแดงในภพมนุษย์ และหากอยู่ในภพเซียน แม้แต่เซียนปราชญ์ก็ต้องพินาศอย่างแน่นอน
เวินหัวถิงและสมาชิกทุกคนของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองตะลึงงัน
ย้อนไปก่อนหน้านี้ ก่อนที่เฉินซีจะปรากฏตัว พวกเขาตระหนักอย่างลึกซึ้ง ว่าปิงซื่อเทียนนั้นน่ากลัวเพียงใด แม้แต่สามอาวุโสอย่างเติ้งเฉิน เฟิงถิงและเฟยหลิง ก็ไม่สามารถต้านทานกระบวนท่าของอีกฝ่ายได้ และอีกฝ่ายเกือบทำลายล้างนิกายกระบี่เก้าเรืองรองได้สำเร็จ
ทว่าบัดนี้ ร่างดังกล่าวกลับถูกบดขยี้อย่างง่ายดาย!
เมื่อเปรียบเทียบทั้งสองสิ่งนี้ ทำให้พวกเขาตระหนักได้อย่างแน่ชัด ว่าพลังต่อสู้ที่เฉินซีครอบครองอยู่ ได้มาถึงจุดสูงสุดที่น่าสะพรึงอย่างเหลือเชื่อแล้ว
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ทุกคนจะได้สติจากอาการตกใจ เสียงร้องโหยหวนสุดขีดก็ดังก้องขึ้นในทันใด “เฉินซี เจ้าคิดว่าชนะแล้วหรือ? ช่างเพ้อฝัน! วัฏจักรของการกลับชาติมาเกิดไม่มีอยู่จริง แล้วใครจะทำอะไรข้าได้? โอสถคืนชีพแห่งภัยพิบัติ จงสร้างร่างขึ้นมาใหม่!”
ปิงซื่อเทียนที่ถูกฟันเป็นชิ้น ๆ ได้กลายร่างเป็นแสงสีดำที่เปล่งประกายอย่างไร้ที่เปรียบอยู่ในขณะนี้ จากนั้นก็รวมตัวเป็นรูปเป็นร่าง และกลับมามีชีวิตอีกครั้ง!
ฉากนี้น่าตกใจยิ่งกว่าความสามารถของเคล็ดขัดเกลากายาเทพอสูร!
เมื่อครู่การโจมตีของเฉินซีได้ฟันปิงซื่อเทียนเป็นชิ้น ๆ ทุกคนเห็นว่าร่างกายของอีกฝ่ายถูกทำลายกับตาของตัวเอง แม้แต่ดวงวิญญาณก็กระจัดกระจาย ทว่า ณ เวลานี้ เขากลับมามีชีวิตอีกครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น ยังแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
“บัดซบ! มันไม่ใช่ผู้ขัดเกลากายา แล้วเหตุใดมันถึงกลับมาชีวิตได้?”
“ภายใต้การโจมตีของผู้อาวุโสเฉินซี แม้เป็นผู้ขัดเกลากายาก็ยังต้องตาย ทั้งหมดนี้จะต้องเป็นเพราะโอสถคืนชีพแห่งภัยพิบัติอย่างแน่นอน”
“เราควรทำอย่างไรดี? หากเป็นเช่นนี้ต่อไป คงไม่มีทางที่จะฆ่ามันได้!”
เมื่อเห็นฉากการฟื้นคืนชีพของปิงซื่อเทียน ผู้คนจากนิกายกระบี่เก้าเรืองรองรู้สึกประหลาดใจและสับสน
โอสถคืนชีพแห่งภัยพิบัติ? มันเป็นโอสถชนิดใด? หรือว่าเหล่าศิษย์ของนิกายอำนาจเทวะ สามารถใช้โอสถนี้เพื่อคืนชีพตัวเองได้ทันที โดยไม่ต้องพึ่งพาพลังของวัฏจักรการกลับชาติมาเกิด และไม่มีทางที่จะทำลายล้างพวกมันได้… เฉินซีตกตะลึงและขมวดคิ้วอย่างไม่รู้จบ หากโอสถนี้เป็นไปตามที่เขาคาดเดาจริง ๆ แสดงว่าฤทธิ์ของมันก็ท้าทายสวรรค์อย่างยิ่ง
ครืน!
การฟื้นคืนชีพ ทำให้กลิ่นอายของปิงซื่อเทียนน่ากลัวยิ่งขึ้น กลิ่นอายแห่งภัยพิบิตที่อาบย้อมไปทั้งร่างพุ่งทะยานสู่ท้องฟ้า ประหนึ่งเจ้าเหนือหัวที่ไร้ผู้เปรียบซึ่งมองลงมายังโลก
ในเวลานี้ แววตาที่มองเฉินซีก็เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง ความโหดเหี้ยม ความกระหายเลือด และความขุ่นเคือง
“ภัยพิบัติทะยานสู่สวรรค์ เคล็ดวิชาระงับอารมณ์ เต๋าทั้งหมดจงคำนับต่อความมืด!” ทันใดนั้น เขากู่ร้องยาว ก่อนจะฟันกระบี่ออกไปอีกครั้ง พลังทำลายครั้งนี้ช่างน่าสะพรึงกลัว คล้ายเต๋าทั้งหมดในโลกจะยอมจำนนจริง ๆ
กระบวนท่านี้น่าเกรงขามอย่างยิ่ง แม้แต่มหาเต๋าแห่งฟ้าดินยังต้องหลีกเลี่ยง ราวกับมันครอบครองพลังที่ไม่มีสิ่งใดเทียบได้
สายตาของเฉินซีทวีความเย็นชา และเพียงกล่าวว่า “ดูเหมือนนิกายอำนาจเทวะได้เตรียมมาตรการช่วยชีวิตไว้ให้เจ้ามากมาย หากเจ้าคิดว่าข้าจะไม่สามารถทำลายล้างเจ้าได้ แสดงว่าเจ้าไร้เดียงสาเกินไป!”
สิ้นคำกล่าว เฉินซีก็พุ่งไปข้างหน้าพร้อมกระบี่ในมือ และปะทะกับปิงซื่อเทียนทันที
ตู้ม!
เฉินซีเป็นเหมือนเทพแห่งกระบี่ เจตจำนงกระบี่พวยพุ่ง ในขณะที่สายลมและมวลเมฆหมุนวนรอบกาย ภาพมังกรและมัจฉาเวียนว่าย ทั่วทั้งร่างเปล่งประกายที่กว้างใหญ่อย่างไร้ขอบเขต
แม้กลิ่นอายของปิงซื่อเทียนจะแข็งแกร่งขึ้น แต่ผ่านไปไม่นาน เขาก็ถูกสยบอีกครั้ง คล้ายสัตว์ร้ายที่ติดกับดัก ไม่สามารถต้านทานเฉินซีได้
“เจ้าสามารถกินโอสถคืนชีพแห่งภัยพิบัติได้ตามต้องการ แต่ความตายจะเป็นจุดหมายสุดท้ายของเจ้า” เฉินซีก้าวยาว ๆ ไปข้างหน้าพร้อมกับแผ่พลังกดดัน เขาเคลื่อนไหวไปตามฝีเท้าที่ลึกล้ำ ทั้งร่างเปี่ยมด้วยเจตจำนงกระบี่อันเป็นนิรันดร์ เจตจำนงกระบี่มากมายนับไม่ถ้วนหมุนวนและวูบวาบไปตามร่างกาย และโจมตีปิงซื่อเทียนอีกครั้ง
โครม!
ปิงซื่อเทียนไม่สามารถหลบการโจมตีนี้ได้ ร่างกายถูกฟันจนกลายเป็นก้อนเนื้ออีกครั้ง เหลือเพียงศีรษะที่ยังคงลอยอยู่ และดวงตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังคู่หนึ่ง มันจ้องเขม็งไปทางเฉินซีอย่างแน่วแน่ ในขณะที่ท่วมท้นด้วยเปลวไฟแห่งความเกลียดชังไม่มีที่สิ้นสุด
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ เวินหัวถิงและคนอื่น ๆ ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก การต่อสู้ครั้งนี้อาจกล่าวได้ว่า พลิกผันไปมาไม่รู้จบ และอันตรายอย่างยิ่ง นอกจากนั้น ความสามารถของทั้งคู่เกินขอบเขตของภพมนุษย์ และเกินจินตนาการของพวกเขาเช่นกัน
เพราะสิ่งเหล่านี้ เป็นเคล็ดวิชาเซียนจากภพเซียน และไม่ใช่สิ่งที่ผู้บ่มเพาะจากภพมนุษย์จะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิง!
เห็นได้ชัดว่าเฉินซีเป็นฝ่ายเหนือกว่าในการต่อสู้ครั้งนี้
ชายหนุ่มเหยียดมือออก แล้วคว้าหัวของปิงซื่อเทียนไว้ หลังจากที่ตรวจสอบอย่างระมัดระวังก็สังเกตเห็นว่า แม้ศีรษะของปิงซื่อเทียนจะถูกตัดขาด และวิญญาณแตกสลาย แต่ก็มีพลังงานแปลกประหลาดที่กำลังซ่อมแซมและควบแน่นจิตวิญญาณและร่างกายของอีกฝ่ายด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นพลังของโอสถคืนชีพแห่งภัยพิบัติ
น่าเสียดายที่เฉินซีไม่สามารถระบุได้อย่างแน่ชัด ว่ามันเป็นสรรพคุณประเภทใด เนื่องจากพลังงานแปลก ๆ นั้นคลุมเครือและเกินความเข้าใจของเขามาก มันดูเหมือนไม่ใช่สิ่งที่สามารถดำรงอยู่ในสามภพได้
“เฉินซี เจ้าฆ่าข้าไม่ได้! ไม่ใช่แค่นั้น แม้วันนี้เจ้าจะรอดไปได้ แต่ก็จะถูกนิกายอำนาจเทวะตามล่าแน่ และทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเจ้าจะต้องตาย!” ศีรษะของปิงซื่อเทียนคำรามเสียงดังอย่างดุร้าย
“นิกายอำนาจเทวะ?” รอยยิ้มเย็นยะเยือกผุดขึ้นที่ริมฝีปาก “นี่เจ้ายังคิดจะขู่ข้า ทั้งที่เจ้ากำลังจะตายน่ะหรือ? ไม่ต้องกังวล วันที่ข้าจะบดขยี้นิกายอำนาจเทวะและทำลายมรดกของมันจะมาถึงในไม่ช้า!”
โครม!
สิ้นคำ เขาก็ถ่ายพลังใส่ฝ่ามือและบดขยี้หัวของปิงซื่อเทียนให้เป็นชิ้น ๆ หลังจากนั้นก็สร้างผนึกที่คลุมเครือ แล้วผนึกความคิด เคล็ดวิชา ดวงวิญญาณของปิงซื่อเทียนไว้อย่างสมบูรณ์ จากนั้นจึงเปลี่ยนมันให้เป็นลูกทรงกลมสีทองขนาดใหญ่
ถึงอย่างนั้น เสียงของปิงซื่อเทียนก็ยังคงดังออกมาจากภายในลูกทรงกลมสีทอง และดูไม่พอใจอย่างมาก “เฉินซี ฝากเอาไว้ก่อน! ฝากเอาไว้ก่อน!!!”
“ข้าจะรอวันที่ข้าบดขยี้นิกายอำนาจเทวะเท่านั้น ไม่ใช่คำขู่ของเจ้า ความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างเราจะต้องสิ้นสุดลงในวันนี้!” กระแสพลังของเต๋ารู้แจ้งแห่งจุดจบที่มองไม่เห็นได้พุ่งออกมาจากฝ่ามือ และเจาะเข้าไปในลูกทรงกลมสีทอง
ตู้ม!
ทันใดนั้น ลูกทรงกลมสีทองก็ระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และสลายหายไปอย่างสมบูรณ์ รวมถึงพลังชีวิตภายในนั้นก็ถูกทำลายลง!
ปิงซื่อเทียน!
อัจฉริยะผู้ไม่มีใครเทียบได้ ซึ่งเย้ยฟ้าท้าดินมาหลายปี ทั้งยังเป็นอัฉจริยะรุ่นใหม่ที่ไม่ธรรมดาของแดนภวังค์ทมิฬ ผู้เข้าสู่นิกายอำนาจเทวะอย่างเด็ดเดี่ยว กลายเป็นศิษย์บริวารเต๋าเพื่อแสวงหาทางแก้แค้น กลับถูกเฉินซีสังหารในขณะนี้!
ความเป็นปฏิปักษ์ ความเกลียดชัง และกรรมระหว่างเขา เฉินซีและชิงซิ่วอี้ในอดีต ได้สิ้นสุดลงแล้ว ในโลกนี้จะไม่มีปิงซื่อเทียนอีกต่อไป!