หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 57 ในห้องหอไร้คน

บทที่ 57 ในห้องหอไร้คน

บทที่ 57 ในห้องหอไร้คน

ท่านอ๋องเย่กลับไล่นางออกไป?

ทำไมราวกับนางเองที่ฟังผิดไป ดังนั้นนางจึงอยากลองเอ่ยปากอีกครั้ง แต่กลับพบความเจ็บปวดบนตัวนาง ราวกับนางจะบินขึ้นได้ นางพุ่งตัวไปยังเสาหินด้านข้าง

“ตุ้บ…”

“อ้าก…”

หลานเยาเยาเพียงเห็นหลานชิวหยุนลอยเป็นเส้นตรงชนเข้ากับเสา แล้วจึงตกลงบนพื้น ถ่มเลือดออกมา

นางไม่เพียงก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว

แม่เอ้ย!

ทำข้าตกใจแทบตาย

เย่แจ๋หยิ่งก็ช่างไม่รู้จักทะนุถนอมเอาเสียจริง ให้ตายยังไงนางก็นับเป็นขี้วัวกลิ่นตุก้อนหนึ่ง!

ในตอนที่หลานชิวหยุนถ่มเลือดออกมานั้น จื่อเฟิงที่แต่งกายงามงดก็ปรากฏตัวขึ้นข้างกายเย่แจ๋หยิ่ง

ไม่ผิด เป็นเขาเองที่ตีหลานชิวหยุนจนปลิวไป

นายท่านไม่จำเป็นต้องลงมือกับคนชั้นต่ำเหล่านี้ ในเวลาทั่วไป หากเพียงสัมผัสได้ว่านายท่านรู้สึกรำคาญ เขาก็จะลงมือทันที

เวลานั้นบรรยากาศภายในห้องก็นิ่งสนิททันที ทุกคนยังไม่มีใครกล้าลอบถอนหายใจ

เมื่ออ๋องเย่โกรธขึ้นมาช่างน่าหวาดกลัวนัก

ในวันพิธีเสกสมรสของเขาหลับเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น หัวของหลานเฉินมู๋ยังควรอยู่บนบ่าหรือไม่?

“ที่ข้าพูดเจ้าได้ยินหรือไม่?”

สายตาสุดลึกล้ำของเย่แจ๋หยิ่งมองมายังหลานเยาเยา เมื่อเห็นนางยืนอยู่ข้างองครักษ์ที่สิ้นใจไปแล้ว ในมือเต็มไปด้วยรอยเลือด อดไม่ได้ขมวดคิ้วขึ้น

“ท่านอ๋อง เรื่องนี้ให้เล่าแล้วคงอีกนาน ข้าต้องใช้เวลากลั่นกรองถึงจะอธิบายเรื่องนี้ให้ท่านได้ถูกต้อง”

เรื่องการแต่งงานแทน เรื่องทำลายโฉม เรื่องการแก้แค้นอะไรต่างๆ ต้องอธิบายให้ฟังอย่างละเอียด ดังนั้นนางต้องเรียบเรียงให้ถูกต้องก่อน

เพียงแต่นางยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ก็มีคนกล้าตายอธิบายบอกกล่าวไปเสียก่อน

สุดท้ายก็มีจุดจบอันน่ารันทด!

“อย่างนั้นก็สรุปมาสั้นๆ!”

เขาไม่มีอารมณ์จะรอให้นางจับต้นสายปลายเหตุเรื่องราวทั้งหมด

“พวกเขาอยากจะเปลี่ยนพระชายาให้ท่าน ยิ่งไปกว่านั้นพวกนางอิจฉารูปลักษณ์ของว่าที่พระชายาท่าน อยากจะทำลายทุกเวลานาที”

“…” ประโยคตรงกลางนั่นพูดจริงหรือนั่น?

เย่แจ๋หยิ่งกระตุกที่มุมปาก

ทว่าไม่ต้องให้นางอธิบายอะไร เขามองปราดเดียวก็มองออกว่าแท้จริงเกิดเรื่องอะไรขึ้น

“นำคนไปขังไว้ในคุกหลวง”

“ขอรับ!”

จื่อเฟิงโบกมือขึ้น พลันมีเงาคนสองสายวูบขึ้น เพียงครู่เดียวนิ่งซื่อที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดก็ถูกลากออกไป

นางกล้าดีอย่างไรเว้าวอนให้หลานเฉินมู๋ช่วยเหลือนาง หลานเฉินมู๋แม้ใบหน้าก็ยังไม่ขยับ อย่าพูดถึงจะขอความช่วยเหลืออะไรเลย แม้นพูดสักคำเขายังไม่กล้า

เขาไม่โง่หรอก

เมื่อมองไปที่หลานชิวหยุนที่สวมชุดแต่งงาน และมองไปที่องครักษ์ที่สิ้นใจไปแล้ว ก็พอคาดเดาไม่มากก็น้อยได้ว่านิ่งซื่อต้องการทำอะไร

เขายังสามารถดูออกได้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงท่านอ๋องเย่แล้ว

ช่างเป็นหญิงที่โง่งม!

เพียงคิดว่านำตัวชิวหยุนแต่งไปแทน หลานชิวหยุนก็จะกลายเป็นพระชายาอ๋องเย่ได้แล้ว?

เหอะ!

ช่างงี่เง่าได้อย่างคาดไม่ถึงเลยเสียจริง!

คิดหรือว่าท่านอ๋องเย่จะยอมรับสภาพอย่างคนบื้อใบ้?

นั่นเท่ากับประเมินท่านอ๋องต่ำไปนัก

ช่างเถอะ โชคยังดีที่วันนี้ไม่สำเร็จ ไม่อย่างนั้นจวนแม่ทัพของเขา แม้กระทั่งศีรษะของเขาจะรักษาได้อยู่หรือ

ดังนั้นเขาไม่แม้แต่จะไปร้องขออะไร

หลังจากนี้ แม้เย่แจ๋หยิ่งจะไม่มีกระจิตกระใจว่างเว้นไปสนใจความเป็นความตายของหลานชิวหยุน แต่หลานเฉินมู๋ก็จะกัดฟันให้คนพานางไปยังวัด ภายนอกบอกว่าไปฝึกบำเพ็ญตน

แท้จริงแล้วก็คือการลงโทษ!

ผ่านไปชั่วครู่

ภายในห้องถูกทำความสะอาดสะอ้าน หลานเยาเยาก็จัดแจงแต่งตัวใหม่ให้เรียบร้อย เมื่อถึงเวลาฤกษ์ ประตูห้องของนางก็เปิดออก

เย่แจ๋หยิ่งรออยู่ด้านนอกนานแล้ว มองไปเห็นนางรายล้อมไปด้วยสาวใช้เดินออกมา แววตาของเขาวาบวาวขึ้นเล็กน้อย เมื่อมองนางด้วยสายตาสงบนิ่งเพียงครู่ ก็เร่งรุดหันกายเดินออกไปภายนอก

รถที่นั่งที่อ๋องเย่นำมารับพระชายาหาใช่เกี้ยวที่นั่งแปดคนหามไม่ กลับเป็นรถม้าสีแดงคันงามหรูหรา สี่มุมของรถม้าประดับประดาด้วยดอกไม้สีแดงประดิษฐ์ด้วยผ้าไหมสีแดง และยังประดับด้วยผ้าแก้วสีแดงด้านข้างอีกด้วย

ม้าลากรถทั้งหมดแปดตัว ซึ่งสองตัวในนั้นเป็นถึงม้าเหงื่อโลหิตอันมีค่า

ตัวอื่นๆ ก็ล้วนเป็นม้าที่เลือกสรรมาอย่างดี มิได้ด้อยกว่าม้าเหงื่อโลหิตสักมากน้อย

และแต่ละคนที่อ๋องเย่พามาพร้อมต้อนรับขบวนด้วยต่างล้วนเป็นองครักษ์ที่จงรักภักดีทั้งสิ้น แต่ละคนต่างล้วนแต่งกายด้วยอาภรณ์เป็นมงคล

ช่างเป็นภาพอันสวยงามสมเกีรยติยิ่งนัก

เมื่อมองดูภาพฉากนี้แล้วนั้น!

ผู้คนที่ยืนรายรอบต่างๆคึกคักขึ้นมาทันที

“จวนอ๋องเย่นับว่าร่ำรวยล้นฟ้า พรมแดงที่ปูอยู่บนพื้น ถึงกับทอด้วยผ้าไหมเลยทีเดียว!ดูเกี้ยวที่นำมารับชายา ต่างทำมาจากไม้แดงอังทรงคุณค่า เกี้ยวนี้นับว่ามีมูลค่าสูงกว่าเกี้ยวของฮองเฮาเสียอีก”

“คุณหนูหกแห่งจวนแม่ทัพช่างมีวาสนานัก เป็นที่โปรดปรานของท่านอ๋องเย่ถึงเพียงนี้ ช่างเป็นที่อิจฉาของคนอื่นจริงๆ”

ฝูงชนโดยรอบต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไปทั่ว แม้นคนจำนวนมากต่างตื่นเต้นยินดี แต่ก็มีคนอีกจำนวนไม่น้อยอิจฉาตาร้อนไปตามๆ กัน!

ยกตัวอย่างเช่น สาวๆ น้อยใหญ่ที่หลงใหลในรูปลักษณ์ของท่านอ๋องเย่มานานเนิ่น

ภายในจวนอ๋องเย่

ก็มีบรรยากาศแห่งความมงคลไปทั่ว ขุนนางในราชสำนัก และบรรดาผู้สูงศักดิ์ทั้งหลายต่างพากันมาแสดงความยินดี

เย่แจ๋หยิ่งเดินนำนางเข้าไปสู่ห้องโถงกลาง รอยยิ้มปีติยินดีต่างแต่งแต้มอยู่บนใบหน้าของคนทุกคน ผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังค์เหนือขึ้นไปนั้นเป็นถึงฮ่องเต้และฮองเฮาองค์ปัจจุบัน

พระพันปีรู้สึกไม่สบายจึงไม่ได้มาร่วมงานด้วย

โบราณกล่าวไว้ว่าพี่ชายคนโตดุจบิดา พี่สาวคนโตดุจมารดร เย่อ๋องเป็นพี่น้องคนเดียวที่เหลืออยู่ของฮ่องเต้ ไม่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะเป็นอย่างไร ในงานวันเสกสมรสพวกเขาต่างต้องมาร่วมตามพิธี

“หนึ่งคำนับฟ้าดิน!”

“สองคำนับบิดามารดา!”

“สามีภรรยาคำนับกันและกัน”

พิธีการทั้งหมดผ่านไปได้ด้วยดี หลานเยาเยาถูกนำตัวเข้าห้องหออย่างรวดเร็ว

เมื่อแม่สื่อและผู้คนออกมาจากห้องแล้ว หลานเยาเยาดึงที่คลุมศีรษะออก วางไว้ข้างๆ อย่างสบายๆ จากนั้นก็ถอดเครื่องประดับบนศีรษะออก

อย่างไรก็ทำการตกลงกันไว้แล้ว นางรู้ว่าอย่างไรคืนนี้เย่แจ๋หยิ่งก็ไม่มีทางมาห้องหอแน่นอน

ดังนั้นนางจึงเปิดหน้าต่าง แล้วผลุบตัวออกไปอย่างรวดเร็ว

ลานน่อนซิน

ทั่วทั้งจวนเย่อ๋องต่างประดับประดาไปโดยโคมไฟหลากสี ครึกครื้นผิดธรรมดา มีเพียงที่นี่ที่เงียบเหงาวังเวง นอกจากองครักษ์เฝ้าเอาไว้ มีสาวใช้เข้าออกน้อยมาก

เพราะหญิงสาวในจวนเย่อ๋องมีน้อยยิ่ง ส่วนมากมีเพียงบุรุษเพศเท่านั้น ดังนั้นสาวใช้ส่วนมากต่างทำงานกันทั้งสิ้น

“งานพิธีเสกสมรสของเสด็จอาจจะเป็นยังไงหรือ?”

นี่คือเรื่องที่องค์หญิงจาวหยางสงสัยใคร่รู้เป็นที่สุด นางตื่นเต้นยินดีมาก หวังอยากเห็นด้วยตาตัวเอง

แต่น่าเสียดายนัก…

นางออกไปจากที่นี่ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคงทำให้แขกต่างแตกตื่นตกใจเป็นแน่

อย่างไรก็ตาม นางก็ยังคงฉงนสงสัย

เนื่องเพราะในความทรงจำของนาง เสด็จอาเป็นคนเย็นชาตลอดมา ทั้งยังไม่อนุญาตให้คนอื่นเข้าใกล้

หากมีภรรยาแล้วจะเป็นเช่นไร?

เมื่อเอ่ยถึงนางแล้วนั้น!

นางชอบอยู่กับเสด็จอามาแต่เล็ก เพราะนางสงสัยจริงๆ เสด็จอาของนางมีพระชนย์มายุไม่ต่างกับท่านพี่องค์รัชทายาท และยังดูมีวุฒิภาวะขนาดนั้น แต่ตั้งแต่เล็กกลับไม่ชอบให้คนเข้าใกล้

“ก็เหมือนปกตินั่นแหละ!สีหน้าเย็นชาอะไรแบบนั้น ราวกับข้าบังคับให้เสกสมรสอย่างไรอย่างนั้นแหละ”

น้ำเสียงที่คุ้นเคยลอยมา ให้องค์หญิงจาวหยางหันกลับไปมองด้วยความประหลาดใจ

เมื่อเห็นว่าเป็นหลานเยาเยาที่แต่งชุดสมรสสีแดงนั้น นางอ้าปากค้างด้วยความตกใจ

“เจ้า เจ้ามาได้อย่างไร?”

นางไม่ควรจะอยู่ในห้องหอหรือ?

ทำไมต้องสวมชุดมงคลสีแดงเดินอวดไปทั่วเมือง?

นี่มันไม่ถูกต้องตามประเพณีนี่?

“ข้าอยู่คนเดียวเบื่อจะตาย ก็เลยมาหาเจ้าอย่างไรหล่ะ!”

พูดอย่างนั้นก็จริง แต่หลานเยาเยาในเวลานั้นกลับมาถึงโต๊ะวางตั๋วเงินรักษา เมื่อมองไปเห็นค่ารักษาที่เก็บเอาไว้ ตาทั้งสองข้างของหลานเยาเยาก็เปล่งประกายขึ้น

นางยื่นมือไปยังกองตั๋วเงินนั้น พลางหยิบมายัดใส่บนตัวของนาง เมื่อเก็บตั๋วเงินไว้ในแขนเสื้อพอประมาณแล้ว ก็ใส่เข้าไปในคอเสื้อเพิ่มอีก

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน