ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 598 ผลการวินิจฉัย(2)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 598 ผลการวินิจฉัย(2)

ชายคนนั้นได้ฟังคำพูดของฉินมู่หลาน ก็เอ่ยบอกตามตรง “ผมเคยไปหาหมอมาหลายคนแล้ว ทุกคนต่างบอกว่าถ้าผมเข้ารับการผ่าตัดจะมีความเสี่ยง ตอนแรกผมคิดว่าวันนี้จะโชคดี พบร้านขายยาจีนที่หมอมีฝีมือ นึกไม่ถึงว่าสุดท้ายจะบอกให้ผมไปโรงพยาบาล”

หลังจากพูดจบ ชายคนนั้นก็ลุกขึ้นยืนทันที เตรียมตัวจะออกไป

ฉินมู่หลานเห็นแบบนี้ก็กล่าวขึ้นตามตรง “ฉันไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้คุณไปหาหมอที่โรงพยาบาลไหนมา แต่ถ้าคุณอยากจะลองจริง ก้ไปหาหมอหลี่ปิ่งฉวนที่โรงพยาบาลปักกิ่งนะคะ”

“หมอหลี่ปิ่งฉวน?”

ฉินมู่หลานพยักหน้าแล้วกล่าว “ใช่ค่ะ คุณแค่บอกเขาว่า ฉินมู่หลานให้คุณไปหาเขา”

ฉินมู่หลานก็ไม่ทราบได้ว่าบุคคลนี้จะไปหาหลี่ปิ่งฉวนหรือไม่ แต่เธอได้บอกสิ่งที่เธอต้องการจะบอกไปแล้ว หากได้รับการผ่าตัดเร็วอาการของบุคคลนี้ก้จะไม่ค่อยเป็นปัญหามากนัก แต่ถ้ายังล่าช้า อาจจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้

เมื่อเห็นบุคคลนั้นยังลังเลอยู่นิดหน่อย แอนดี้ที่อยู่ข้าง ๆ จึงกล่าวขึ้นว่า “ทำไมคุณยังลังเลอยู่อีกล่ะ ในเมื่อหมอฉินบอกแบบนั้น เช่นนั้นจะต้องถูกแน่นอน” ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ทราบว่าฉินมู่หลานพูดอะไรกับชายตรงหน้า แต่ก็ได้จากสายตาของชายคนนั้น เมื่อเห็นว่าเขาไม่ไว้ใจในตัวฉินมู่หลาน จึงต้องรีบช่วยเกลี้ยกล่อมอยู่แล้ว

ชายคนนั้นได้ยินคำพูดของแอนดี้ ในใจก็ครุ่นคิดขึ้นอีกครั้ง คิดที่จะให้โอกาสตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย เขาจึงหันไปมองฉินมู่หลานแล้วกล่าวว่า “ตกลงครับ ถึงตอนนั้นผมจะไปโรงพยาบาลปักกิ่ง”

จนกระทั่งชายคนนั้นจากไป ฉินมู่หลานก็ยังช่วยตรวจชีพจรให้คนอื่นต่อ และไม่นานก็มาถึงคิวของแอนดี้

“หมอฉิน ครั้งนี้ผมมาเพราะมีธุระเรื่องอื่นด้วยครับ”

แอนดี้นั่งลง ผ่อนคลายแล้วยื่นแขนออกไป ขณะเดียวกันก็ยังคุยกับฉินมู่หลานไปด้วย

ฉินมู่หลานได้ยินคำพูดนี้ ก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย “เรื่องอะไรเหรอคะ?”

แอนดี้ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา แล้วกล่าว “คุณต้องนึกไม่ถึงแน่”

ตอนนี้ฉินมู่หลานอยากรู้อยากเห็นเหลือเกิน แต่แอนดี้ก็ยังไม่บอก พลางกล่าวขึ้นว่า “เซเลน่า หลานสาวของผมบอกให้ผมเอาของบางอย่างมาให้คุณ ก่อนหน้านี้ผมก็มา จึงได้รู้ว่าเซเลน่าได้พบคุณตอนที่หล่อนมาประเทศจีน และพวกคุณก็ได้กลายเป็นสหายกัน นี่ช่างเป็นพรหมลิขิตจริง ๆ”

เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ ฉินมู่หลานก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

“อะไรนะ…เซเลน่าเป็นหลานสาวของคุณเหรอ?”

“ใช่ครับ นึกไม่ถึงเลยใช่ไหมล่ะ ผมเองก็นึกไม่ถึงว่าเซเลน่าจะได้พบคุณเหมือนกัน ก็เป็นโชคดีของหล่อนที่ได้มาเจอคุณ เห็นได้ชัดว่าหลังจากการผ่าตัดหล่อนฟื้นตัวไม่ค่อยดีนัก แต่ตอนนี้ผมเห็นว่าหล่อนฟื้นตัวดีขึ้นมาก ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะคุณ หลังจากที่หล่อนทราบว่าผมรู้จักกับคุณ เมื่อมาครั้งนี้ จึงให้ผมเอาของมาฝากคุณด้วย”

ฉินมู่หลานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ แล้วกล่าว “เซเลน่ามีน้ำใจมากเลยค่ะ ฝากให้คุณเอาของมาให้ฉัน”

และในตอนนี้ ฉินมู่หลานก็ตรวจชีพจรให้แอนดี้เรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นเธอก็สั่งยาให้เขาอีกครั้ง แล้วกล่าวว่า “คุณกำลังฟื้นตัวได้ดีมากเลยค่ะ ยาที่จ่ายให้ครั้งนี้จะช่วยรักษาสมดุลร่างกายของคุณ หลังจากกินครบครึ่งเดือน คุณก็ไม่ต้องกินยาแล้วค่ะ”

แอยดี้ได้ยินแบบนี้ ก็รีบยกยิ้มแล้วกล่าวว่า “จริงเหรอครับ ถ้าอย่างนั้นก็ดีมากเลย”

หลังจากรับยา แอนดี้ก็หยิบของขวัญที่เซเลน่าฝากนำมาให้ฉินมู่หลาน มันเป็นกระเป๋าใบหนึ่งที่สวยงามมาก

แวบแรกที่ฉินมู่หลานเห็นกระเปาใบนี้ ก็ทราบได้ทันทีว่าเป็นกระเป๋าแบรนด์เนม ราคาคงไม่ใช่ถูก ๆ “เซเลน่าก็ให้แพงเกินไปแล้ว”

แอนดี้โบกมือแล้วกล่าว “ไม่หรอกครับ หล่อนเห็นมันตอนออกไปช้อปปิ้ง ตามที่หล่อนบอก แวบแรกที่หล่อนเห็นกระเป๋าใบนี้ก็รู้สึกว่ามันเหมาะกับคุณมาก จึงซื้อมาแล้วบอกให้ผมเอามาให้คุณครับ”

ฉินมู่หลานก็ไม่เกรงใจ ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ ฝากขอบคุณเซลเลน่าด้วยนะคะ เดี๋ยวถึงช่วงที่คุณกลับ ฉันต้องรบกวนคุณฝากของไปให้เซเลน่าด้วยเหมือนกันค่ะ” เนื่องจากเธอยอมรับของขวัญแล้ว จึงต้องมอบของขวัญให้เซเลน่ากลับไปเป็นการตอบแทนเหมือนกัน ต่างคนต่างให้มาและรับกลับคืนไปถือเป็นเรื่องสำคัญ

“ได้ครับ เดี๋ยวทราบวันกลับแล้วผมจะมาบอกคุณ”

หลังจากแอนดี้ไปแล้ว สุดท้ายซิงหลินถังก็เข้าสู่ความสงบ

“ว้าว…เหนื่อยมาก”

วันนี้เซี่ยปิงหรุ่ยและคังอันเหอจัดยาไม่ได้หยุดหย่อน จึงได้แต่รู้สึกว่าเหนื่อยมาก เซี่ยปิงชิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็โบกมือแล้วกล่าวว่า “วันนี้เป็นวันที่ฉันจับปากกาเขียนเยอะที่สุดแล้ว”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ปิดร้านแล้ว เดี๋ยวฉันเลี้ยงข้าวพวกเธอเอง”

“โอเค”

หลายคนตอบรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เมื่อเห็นว่าเย็นแล้ว ก็ปิดประตูร้านแล้วออกไปที่โรงแรมปักกิ่ง

ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือไม่ได้ไปพร้อมพวกเขา “พวกลูกสาว ๆ ไปกันเลยนะ เดี๋ยวพวกแม่กลับบ้านก่อน”

“คุณป้า ไปกับพวกเราด้วยเถอะค่ะ” เซี่ยปิงหรุ่ยอดไม่ได้ที่จะกล่าวชักชวนเพิ่ม

ทั้งสองยิ้มแล้วโบกมือจากนั้นก็กลับไป

หลายคนเห็นแบบนี้ก็ไม่พูดอะไร แล้วตรงไปที่ร้านอาหารทันที

หลังจากทานเสร็จ ฉินมู่หลานก็กล่าวเรื่องแผนการต่อไป “อันเหอ เธอกับปิงชิงจะต้องทำงานหนักกันหน่อย ต้องไปที่ซิงหลินถังเพื่อทำงานหนักทุกวันเลย”

“มู่หลาน เธอไม่ต้องห่วง ปล่อยให้ซิงหลินถังเป็นหน้าที่ของพวกเราเอง”

“ก็ได้ ต้องขอรบกวนพวกเธอแล้วล่ะ ต่อไปฉันจะลองไปหาคนเพิ่ม ถึงเวลาจะได้ไม่ยุ่งเกิน”

เธอคิดเรื่องนี้เรียบร้อยแล้วว่าจะเชิญแพทย์แผนจีนผู้อาวุโสที่น่าเคารพมาดูแล ขณะเดียวกันก็ต้องหาคนเพิ่มอีกสองคน คนหนึ่งเป็นฝ่ายการเงินและอีกคนเป็นฝ่ายซ่อมบำรุง เพราะวันนี้ได้ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือมาช่วย มิฉะนั้นคนคงไม่พอ

“ตกลง”

หลังจากหลายคนกินข้าวเสร็จก็แยกย้ายกันกลับบ้าน แต่ในตอนที่ฉินมู่หลานกลับถึงบ้านและยังไม่ทันจะได้เข้าประตู ก็ถูกเผยเจิ้งผู่เรียกหาจากบ้านข้าง ๆ

“มู่หลาน เรื่องที่เธอบอกให้อาช่วยสืบก่อนหน้านี้ได้ผลออกมาแล้วนะ เรื่องนั้นเป็นฝีมือของตู้เยว่เอ๋อร์จริง ๆ ด้วย”

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท