บทที่ 65 สั่งสอนสาวใช้
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก ……”
“พระชายา ตื่นได้แล้วเพคะ ได้เวลาอาหารเช้าแล้ว” น้ำเสียงเหมือนกำลังประชดอยู่
น้ำเสียงมันคุ้นหูมาก ไม่เหมือนสาวใช้ที่ชื่อชิวซวนเลย แต่เป็นสาวใช้อีกคนที่ติดตามมาด้วย เหมือนจะชื่อว่าชิงปี้
ในตอนนี้ หลานเยาเยาลุกขึ้นมานั่งที่โต๊ะเครื่องแป้งแล้วโดยไม่ได้ไปสนใจนาง แต่หวีผมให้ตัวเอง หลังจากทำอะไรเรียบร้อยแล้ว ถึงได้เปิดประตูออกไป
สิ่งที่นางเห็นในแววตาของนางก็คือสาวใช้คนหนึ่งที่มีสีหน้าท่าทางประชดแดกดันนางแต่เก็บท่าทีไม่ทัน
ก่อนที่นางจะเปิดประตูออกมา สาวใช้คนนี้กำลังนินทานางกับชิงปี้ว่าเมื่อคืนนางไม่ได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋องเย่
แต่นางไม่ได้เบาเสียงที่พูด เหมือนกับว่าไม่ได้กลัวว่านางจะได้ยินเลย
ในเวลาแบบนี้ตั้งใจให้นางได้ยิน เป้าหมายก็เพื่อหยามเกียรตินาง
พอได้ยินเสียงเปิดประตู ทั้งสองก็รีบสำรวมขึ้นมาแล้วพูดพร้อมกันว่า
“พระชายา”
“เจ้า” หลานเยาเยาชี้ไปที่ชิงปี้ แล้วสั่งอย่างหน้าตาเป็นมิตรว่า “เจ้าไปช่วยข้าตักน้ำมาหน่อยสิ ข้าอยากจะล้างหน้า”
“เพคะ พระชายา”
เพราะถูกสั่ง น้ำเสียงของชิงปี้ไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็ยังถืออ่างทองแดงไปตักน้ำมา
เมื่อนางเอาน้ำมาแล้ว หลานเยาเยาก็มอง พบว่าน้ำในอ่างทองแดงมันไม่ใสสะอาดเลย เหมือนเป็นของคนที่ใช้มากแล้ว อีกทั้งที่ก้นอ่างยังมีเหมือนเศษโคลนด้วย
“น้ำนี่ไปตักมาจากไหน?”
หลานเยาเยาพูดอย่างเรียบง่าย แต่สายตาจ้องไปที่ชิงปี้อย่างดุดัน
“ทูลพระชายา ตักมาจากโอ่งในห้องเครื่องเพคะ ห้องเครื่องต่างใช้น้ำนี่ในการล้างพักทำอาหารเพคะ พระชายาโปรดวางพระทัย”
พระชายาที่ถูกกำหนดไว้แล้วว่าไม่ได้รับการโปรดปรานแน่นอน เมื่อคืนเป็นคืนเข้าหอ ท่านอ๋องก็ไม่ได้อยู่ค้างด้วย
ถึงแม้เมื่อคืนพวกนางที่เป็นสาวใช้ที่ติดตามมากับขบวนเจ้าสาว ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงได้สลบไปกันหมด แต่จากสภาพห้อง
เมื่อคืนอ๋องเย่ไม่ได้มาแน่นอน ไม่อย่างนั้นหลานเยาเยาก็คงไม่อาละวาดจนห้องเละเทะแบบนี้แน่นอน
“น้ำจากห้องเครื่องดีนี่ เจ้ามาดูให้ดีดีสิ นี่ใช่น้ำในห้องเครื่องจริงหรือเปล่า?”
เห็นนางโง่หรือไม่มีสมองกัน?
หากเป็นน้ำในห้องเครื่องของจวนอ๋องเย่ น้ำที่ใช้ทำอาหารเป็นแบบนี้ คนในห้องเครื่องต่อให้มีสักร้อยหัวก็ไม่พอให้ตัดแน่
เมื่อได้ยินนางพูดแบบนี้ ชิงปี้ก็เดินขึ้นหน้ามาแบบไม่พอใจ จากนั้นก็เหลือบไปมองน้ำในอ่าง แล้วตอบแบบไม่ใส่ใจว่า
“ใช่เพคะ พระชายา นี่เป็นน้ำในห้องเครื่อง ……”
นางพูดยังไม่ทันจบ อีกทั้งโค้งตัวลงยังไม่ทันได้เงยหน้าขึ้นมาดีดี หัวของนางก็เหมือนถูกแรงกดให้ลงไปในอ่างทองแดง
“อือ …… อือ …… อือ ……”
ชิงปี้ถูกหลานเยาเยาจับกดอย่างแรง ไม่ว่านางจะดิ้นยังไงก็ไม่หลุด จนนางหายใจไม่ออก ดื่มน้ำในอ่างไปหลายอึก
น้ำในอ่างกระเด็นออกมาด้านนอกมากมายจากการดิ้นของนาง
ในช่วงเวลาที่นางหน้าแดงจนหายใจจนแทบตาย หลานเยาเยาถึงได้ปล่อยมือ
“แคก แคก แคก ……”
ชิงปี้สูดอากาศหายใจ อีกทั้งยังทรุดลงไปกับพื้น ใบหน้า ลำตัว หัวของนางเปียกไปหมด
สภาพอนาถมาก อนาถจริง ๆ
ชิงปี้ที่ได้สติกลับมา นางเช็ดน้ำบนหน้าของนาง จากนั้นก็มองไปที่หลานเยาเยา จ้องไปด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
“หลานเยาเยา เจ้ากล้ากดข้าลงไปในน้ำล้างเท้าเหรอ? ข้าจะต้องบอกให้คุณหญิงทำโทษเจ้าแน่”
น้ำล้างเท้า?
น้ำล้างเท้าสกปรกได้ขนาดนี้เลยเหรอ?
คุณหญิงที่ชิงปี้หมายถึง ก็คือนางนิ่งซื่อแห่งจวนแม่ทัพ
น่าเสียดาย
นางนิ่งซื่อยังเอาตัวไม่รอดเลย
ชิงปี้คิดว่าหลังจากที่หลานเยาเยาได้ยินที่นางพูดแล้ว จะกลัวจนตัวสั่น แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลานเยาเยาจะหัวเราะขึ้นมา
อีกทั้งยังหัวเราะแบบสะใจมากด้วย มันทำให้นางไม่รู้จะพูดยังไงต่อ
“เพลี๊ยะ ……”
หลานเยาเยาตบไปที่หน้าของนางอย่างแรง จากนั้นก็หัวเราะแล้วพูดว่า
“ตบแรกนี้ตบเพื่อเตือนสติสมองโง่ ๆ ของเจ้า นางนิ่งซื่อที่เจ้าอ้างถึงเมื่อวานก่อนที่ข้าจะออกเรือน นางก็เข้าไปอยู่ในคุกแล้ว เจ้าเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้ ตอนนี้เจ้ายังกล้าอาศัยชื่อนางมากดข้าอีกเหรอ ใช้สมองส่วนก้นคิดหรือยังไง?
“เพลี๊ยะ ……”
“ตบที่สองนี่ก็เพื่อตอบแทนความรู้สึกที่เจ้ามีให้ เลยให้รางวัลที่เจ้าตั้งใจโกหกข้า ยังตั้งใจจะให้ข้าใช้น้ำล้างเท้ามาล้างหน้าอีก”
โกหกไม่เนียน อีกทั้งยังไม่ใช่ลูกไม้ใหม่ ไม่ให้ตบนางให้ตบใครได้อีก?
“เพลี๊ยะ ……”
นางพูดจบก็ตบลงไปอีก จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาเป่าเพราะมือชา
“ตบที่สาม เอ่อ …… เอาเหตุผลอะไรดีล่ะ? คิดตอนนี้เลยล่ะกัน เพราะเจ้าสมควรโดน”
เหตุผลนี้มันบ้ามาก โอหัง เอาแต่ใจสุด ๆ
หลานเยาเยามองไปที่หน้าที่บวมแดงเหมือนหัวหมูของชิงปี้ จากนั้นก็เหลือบไปมองสาวใช้อีกคนหนึ่ง
สาวใช้คนนั้นอึ้งไป หลังจากเห็นว่านางมองมา ก็กลัวจนคุกเข่าลงไปกับพื้น
“ข้าน้อยผิดไปแล้ว พระชายาทรงมีเมตตา ปล่อยข้าน้อยไปสักครั้งเถอะเพคะ ต่อไปข้าน้อยจะยอมเป็นวัวเป็นม้า ทำตามที่ทรงรับสั่งทุกอย่างเพคะ”
เพราะนางตกใจกลัวมาก ทำให้ตัวสั่นไปทั้งตัว
น่ากลัวเกินไปแล้ว
หลานเยาเยาในตอนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว
หลานเยาเยามองไปที่สาวใช้คนนั้น แล้วก็มองไปที่ชิงปี้ นางพูดอย่างไม่มีพิษมีภัยว่า
“เป็นสาวใช้ก็ควรทำหน้าที่ของสาวใช้ให้ดี ไม่ใช่วัน ๆ คิดแต่เรื่องที่ไม่ควรคิด ไม่อย่างนั้นคราวหน้าข้าจะให้พวกเจ้าหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย”
ชิงปี้ที่ถูกตบจนหน้าบวม ใช้มือปิดหน้าที่เจ็บปวดของนางเอาไว้ แล้วมองไปที่หลานเยาเยาด้วยสายตาโกรธแค้น
เมื่อกี้นางเกือบตายเพราะหลานเยาเยาแล้ว
ความน่ากลัวของความตาย มันทำให้นางตัวสั่นไปทั้งตัว
เมื่อได้สติกลับมา นางก็คุกเข่าลง แล้วพูดอ้อนวอนว่า
“ข้า ข้าน้อยผิดไปแล้วเพคะ ข้าน้อยไม่กล้าอีกแล้ว พระชายาทรงไว้ชีวิตด้วย ทรงไว้ชีวิตด้วย”
พูดจบก็โขกศีรษะลงไปอย่างแรง เสียงดังฟังชัดมาก
“ตอนนี้รู้แล้วใช่ไหมว่าควรทำยังไง?”
คนฉลาดสั่งสอนนิดหน่อยก็พอ ไม่ต้องให้นางพูดอะไรมา นางก็เข้าใจว่าควรทำยังไง
แต่เรื่องนี้มันเหนือความคาดหมายของนางมาก
นางประเมินความเข้าใจของชิงปี้สูงเกินไป
หลังจากได้ยินคำพูดของนางแล้ว ชิงปี้ก็สะดุ้ง นางหยุดโขกศีรษะ น้ำตาไหลออกมาอย่างหนัก จากนั้นก็พูดอย่างหนักแน่นว่า
“ข้าน้อยทราบแล้วเพคะ ข้าน้อยจะดื่มน้ำล้างเท้านี่เข้าไปให้หมด”
“ …… ”
ที่จริงนางแค่ต้องการให้นางไปตักน้ำมาใหม่เท่านั้น
ก็ได้ ในยุคนี้มันจำกัดความคิดของข้า
หลังจากนั้นไม่นาน
หลานเยาเยาก็สั่งให้พวกนางไปตักน้ำมาใหม่ หลังจากล้างหน้าล้างตาแล้ว นางกำลังคิดว่าจะไปที่ ลานน่อนซิน ก็เห็นพ่อบ้านเหมยกำลังเดินมาที่ลานซวนซี
นางยิ้ม
ตามปกติแล้ว เช้าวันต่อมาของการแต่งงานจะต้องเข้าวังไปถวายน้ำชาให้กับฮ่องเต้ ฮองเฮาแล้วก็ไทเฮา
แต่ว่าวันนี้เลยเวลาอาหารเช้าแล้วยังไม่มีใครมาเรียกนางเลย นางคิดว่าคงไม่ต้องไปแล้ว กำลังคิดว่าสบายแล้ว
คิดไม่ถึงว่าพ่อบ้านเหมยจะมา
เย่แจ๋หยิ่งคงไม่ได้ให้มาบอกให้นางเข้าวังไปคนเดียวหรอกใช่ไหม?