ตอนที่ 1556 ตอบอย่างใด
เหว่ยซู่กล่าวจบจึงกล่าวเสริมขึ้นอีก
“ทว่า ข้าจะให้คนเร่งนำข่าวไปรายงานให้นายหญิงทราบโดยเร็วที่สุด คุณหนูสามไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ”
ไป๋จิ่นถงขมวดคิ้วยุ่ง จากนั้นกล่าวขึ้น
“เจ้ารีบจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด ทว่า ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าจริงๆ พี่หญิงใหญ่มอบคนให้ข้ามากพอแล้ว ข้ายังมีคนที่พวกนั้นไม่รู้ว่าเป็นคนของข้าอีกมาก เจ้าไปเถิด”
“ขอรับ”
เงาหายไปทางหน้าต่าง เหว่ยซู่รีบมาพบไป๋จิ่นถงอย่างรีบร้อน จากนั้นรีบจากไปก่อนที่คนที่จับตาดูความเคลื่อนไหวของไป๋จิ่นถงจะรู้ตัว
วันที่ยี่สิบ เดือนหนึ่ง รัชศกหยวนเหอปีที่สาม จักรพรรดินีต้าโจวเดินทางจากเมืองอันซุ่นกลับต้าโจว
วันที่หนึ่ง เดือนสอง รัชศกหยวนเหอปีที่สาม เกาอี้อ๋องนำทัพกองทัพไป๋ เสบียงอาหารและยารักษาโรคเดินทางไปถึงเมืองเปี้ยนจิง กองทัพหยุดรอจักรพรรดินีต้าโจวอยู่ที่นั่น
วันที่สาม เดือนสอง รัชศกหยวนเหอปีที่สาม จักรพรรดินีต้าโจวเดินทางถึงเมืองเปี้ยนจิง ชาวบ้านที่นั่นออกมาต้อนรับด้วยความดีใจ
ลมในเมืองเปี้ยนจิงไม่แรงนัก ทว่า ท้องฟ้ากลับมืดครึ้มตลอดเวลา หิมะเริ่มตกโปรยปรายลงมา จากปีที่แล้วๆ มาอีกไม่นานหิมะคงตกหนักแน่นอน
ไป๋ชิงเหยียนพักที่จวนว่าการของเมืองเปี้ยนจิง ไป๋จิ่นจื้อรีบร้อนอยากพบหน้าพี่สาวของตัวอง เมื่อเห็นรถม้าของไป๋ชิงเหยียนปรากฏแก่สายตา ไป๋จิ่นจื้อจึงวิ่งลงจากบันไดของจวนว่าการตรงไปหาพี่หญิงใหญ่ของตัวเองด้วยความดีใจทันที
เว่ยจงที่ยืนอยู่ข้างรถม้าของไป๋ชิงเหยียนเห็นไป๋จิ่นจื้อจึงทำความเคารพสาวน้อยยิ้มๆ ไป๋จิ่นจื้อกระโดดขึ้นไปบนรถม้าของไป๋ชิงเหยียนที่กำลังวิ่งอยู่ จากนั้นโน้มตัวเข้าไปด้านในตัวรถ
“พี่หญิงใหญ่…”
ไป๋ชิงเหยียนซึ่งเอนกายพิงหมอนอิงอยู่วางตำราโบราณในมือลงบนโต๊ะด้านข้าง เมื่อเห็นไป๋จิ่นจื้อที่รีบร้อนขึ้นมาบนรถม้าก็นึกถึงหลู่หยวนเผิงที่ตามกองทัพมาในครั้งนี้ด้วยขึ้นมาได้ ทว่า นางยังไม่ทันเอ่ยถามสิ่งใดก็เห็นไป๋จิ่นจื้อหยิบจดหมายที่ต่งซื่อฝากมาให้ออกมาจากแขนเสื้อเสียก่อน
ไป๋ชิงเหยียนเปิดจดหมายออกอ่าน ท่านแม่เขียนเล่าเรื่องของสี่เล่อและคังเล่อให้นางฟัง จากนั้นกำชับให้นางดูแลตัวเองให้ดี นางเล่าว่าตอนนี้ในเมืองหลวงมีข่าวลือแพร่หนาหูว่าฮูหยินสามของตระกูลไป๋รังแกบุตรอนุของตัวเอง กระทั่งมีคนลือว่าคุณหนูสามตระกูลไป๋อาจทำสิ่งที่จักรพรรดินีต้าโจวไม่ชอบใจถึงไม่ได้รับแต่งตั้งให้นางเป็นอ๋องเหมือนน้องคนอื่นๆ
ทุกคนกล่าวกันว่าแม้สตรีของตระกูลไป๋ได้รับบาดเจ็บ ทว่า ไม่เคยอ่อนแอในสนามรบมาก่อน คุณหนูสามตระกูลไป๋แค่ได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้าเท่านั้น เหตุใดจึงไม่ยอมออกมาพบหน้าผู้คน อีกทั้งไม่ยอมไปออกรบในสนามรบเช่นนี้
ไป๋จิ่นจื้อบ่นเรื่องนี้เช่นเดียวกัน
“เดิมทีมีคนมากมายมาทาบทามพี่หญิงสามกับท่านแม่ ทว่า ไม่รู้มีข่าวลือจากที่ใดลือว่าพี่หญิงสามทำผิดจึงไม่มีผู้ใดกล้ามาทาบทามพี่หญิงสามอีกเจ้าค่ะ! พี่หญิงใหญ่ ข้าคิดว่าการที่พี่หญิงสามไม่ได้รับแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ไม่ยุติธรรมเหมือนกันเจ้าค่ะ กลับไปครั้งนี้พี่หญิงใหญ่แต่งตั้งบรรดาศักดิ์ให้พี่หญิงสามเถิดเจ้าค่ะ หากไม่ได้จริงๆ ข้าไม่เป็นอ๋องแล้วเจ้าค่ะ ให้พี่หญิงสามเป็นเกาอี้อ๋องแทนข้าเถิดเจ้าค่ะ!”
ไป๋ชิงเหยียนได้ยินเสียงหิมะกระทบกับตัวรถม้าเป็นพักๆ นางเอื้อมมือไปเขกศีรษะของน้องสาวเบาๆ
“เจ้าไม่ต้องมากล่าวเช่นนี้ต่อหน้าพี่ อย่าคิดว่าพี่ฟังไม่ออกนะ…”
ไป๋จิ่นจื้อลูบศีรษะที่ถูกเขกของตัวเอง จากนั้นขมวดคิ้วยุ่ง
“พี่หญิงใหญ่ไม่ยุติธรรมกับพี่หญิงสาม!”
“เจ้าไม่ต้องห่วง พี่หญิงสามของเจ้าได้บรรดาศักดิ์แน่นอน”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ
“ทว่า ยังไม่ถึงเวลานั้น”
ไป๋จิ่นถงลำบากเพื่อตระกูลไป๋และต้าโจวมากที่สุด ไป๋ชิงเหยียนไม่มีทางลืมเรื่องนี้แน่นอน วันที่น้องสาวของนางกลับมาต้าโจวคือวันที่นางจะแต่งตั้งให้ไป๋จิ่นถงเป็นอ๋อง
ไป๋ชิงเหยียนคิดบรรดาศักดิ์อ๋องให้ไป๋จิ่นถงไว้เรียบร้อยแล้ว…อันกั๋วอ๋อง
ต้าโจวได้เปรียบหลายครั้งเพราะข่าวที่ไป๋จิ่นถงส่งมาให้จากการเดินทางไปตามแคว้นต่างๆ ที่สำคัญไป๋จิ่นถงเป็นคนส่งผงหมึกดำกลับมาให้ต้าโจว แคว้นมีอ๋องเช่นนี้…แคว้นจึงสงบสุข!
ดังนั้นไป๋จิ่นถงคู่ควรกับคำว่าอันกั๋วที่สุด!
ไป๋จิ่นจื้อยื่นมือไปอังเตาผิง นางเติบโตมาพร้อมกับไป๋จิ่นถง แม้ไป๋จิ่นถงจะเป็นบุตรอนุ ทว่า นางได้รับการเลี้ยงดูจากหลี่ซื่อตั้งแต่เล็ก ในสายตาของหลี่ซื่อนางคือบุตรสาวแท้ๆ อีกคน หลี่ซื่อรู้ว่าไป๋จิ่นถงไม่ได้อยู่บนภูเขา ทว่า ออกไปทำหน้าที่แทนไป๋ชิงเหยียน ทว่า หลี่ซื่อไม่รู้ว่าบุตรสาวของนางกำลังทำอันใดอยู่ แม้จะเป็นห่วง ทว่า นางไม่สามารถถามเซ้าซี้ได้ ดังนั้นนางจึงมอบความรักทั้งหมดลงที่ไป๋จิ่นจื้อซึ่งอยู่ข้างกายของนางแทน เห็นไป๋จิ่นจื้อเมื่อใดจึงเอาแต่สั่งสอนนางอย่างเดียว
ไป๋จิ่นจื้อคิดถึงพี่หญิงสามของตัวเองมาก นางอยากให้พี่หญิงสามกลับมาในเร็ววัน พี่หญิงสามอายุมากกว่านาง หากพี่หญิงสามกลับมาท่านแม่ต้องหาคู่ครองให้พี่หญิงสามก่อนนางแน่ อย่างน้อยพี่หญิงสามก็เป็นเกราะคุ้มกันให้นางได้ชั่วคราว
ไป๋จิ่นจื้อประคองไป๋ชิงเหยียนลงจากรถม้า ไป๋ชิงเหยียนเห็นหลู่หยวนเผิงยืนอยู่หน้าจวนว่าการ ชายหนุ่มอยู่ในวัยกำลังโต เขาดูสูงโปร่งกว่าตอนที่นางพบคราวที่แล้วมาก
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหมั้นหมายแล้วหรือไม่หลู่หยวนเผิงจึงดูสุขุมกว่าเดิม เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนเขาไม่ได้วิ่งถลาเข้ามาหาและทักทายอย่างกระตือรือร้นเหมือนเมื่อก่อน ทำเพียงทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนอย่างนอบน้อมเท่านั้น
“ฝ่าบาท…”
ไป๋ชิงเหยียนที่รัศมีน่าเกรงขาม ใบหน้างดงามยิ้มให้หลู่หยวนเผิงน้อยๆ จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรเหมือนเดิม
“ลุกขึ้นเถิด ไม่จำเป็นต้องมากพิธี”
หลู่หยวนเผิงเงยหน้าขึ้น เขาหลีกทางให้ไป๋ชิงเหยียน เชิญหญิงสาวเข้าไปด้านใน จากนั้นเดินตามเข้าไปพลางกล่าวขึ้น
“นี่คือสถานที่ที่แม่ทัพคุ้มกันเมืองของต้าโจวพักอยู่ บ่าวรับใช้ล้วนเป็นบ่าวรับใช้เก่าที่มาจากเมืองหลวง ทว่า เวลาเพียงสามปีพวกเขาจึงไม่ได้พาครอบครัวของพวกเขามาด้วย เรือนหลังค่อนข้างสงบ กระหม่อมกับเกาอี้อ๋องมาถึงก่อนหน้าฝ่าบาท เกาอี้อ๋องพบว่ามีเรือนที่คล้ายคลึงกับเรือนชิงฮุยที่ฝ่าบาทเคยประทับอยู่ด้วย เกาอี้อ๋องจึงให้คนเก็บกวาดเรือนนั้นให้ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
“เสี่ยวซื่อใส่ใจแล้ว”
ไป๋ชิงเหยียนเอื้อมมือลูบศีรษะของไป๋จิ่นจื้อเบาๆ
“แน่นอนอยู่แล้วเจ้าค่ะ…”
ไป๋จิ่นจื้อไม่ถ่อมตัวแม้แต่น้อย
เมื่อเดินเข้าไปในเรือนไป๋ชิงเหยียนก็พบว่าเรือนนี้คล้ายคลึงกับเรือนชิงฮุยอยู่หลายส่วนจริงๆ แม้การตกแต่งจะไม่ได้ประณีตเหมือนเรือนที่ท่านปู่สั่งทำเพื่อนาง ทว่า การจัดวางและความกว้างขวางไม่ด้อยไปกว่ากันสักเท่าใดนัก
ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ขี่ม้าจึงไม่ได้รู้สึกเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางนัก เมื่ออาบน้ำเสร็จไป๋ชิงเหยียนจึงให้ไป๋จิ่นจื้อรับประทานอาหารรเป็นเพื่อนนาง จากนั้นสั่งให้เว่ยจงพาบ่าวทั้งหมดออกไปรอด้านนอก
ไป๋ชิงเหยียนคีบเนื้อเป็ดผัดหม่าล่าให้ไป๋จิ่นจื้อ จากนั้นเอ่ยถาม
“หลู่หยวนเผิงหมั้นหมายแล้ว เจ้าคิดว่าซือหม่าผิงเป็นเช่นใดบ้าง”
ไป๋จิ่นจื้อที่กำลังดื่มน้ำแกงแทบสำลักออกมา นางเบิกตามองไปทางพี่หญิงใหญ่ของตัวเอง
“พี่หญิงใหญ่ เหตุใดพี่หญิงใหญ่จึงมีความคิดเหมือนซือหม่าผิงเจ้าคะ”
ไป๋ชิงเหยียนได้ยินเช่นนี้จึงวางตะเกียบในมือลง
“ซือหม่าผิงสารภาพความในใจกับเจ้าแล้วหรือ ไม่น่าเชื่อ…”
“ตอนที่มีข่าวว่าหลู่หยวนเผิงจะหมั้นหมายกับบุตรสาวคนโตของเว่ยปู้จิ้ง ซือหม่าผิงมาบอกเรื่องนี้กับข้าที่จวน จากนั้นถามข้าว่าหากเขาหมั้นหมายเช่นกันข้าจะรู้สึกเสียใจหรือไม่เจ้าค่ะ…”
“เจ้าตอบไปว่าอย่างใด”
ไป๋ชิงเหยียนถามต่อ