ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 308 ทุกอย่างล้วนเป็นการเข้าใจผิด!

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 308 ทุกอย่างล้วนเป็นการเข้าใจผิด!

เหล่าผู้ฝึกวิถีพุทธแห่งพุทธวิหารต่างรู้สึกราวกับแผ่นดินถล่ม

“ไม่น่าแปลกใจที่ดวงวิญญาณไม้เท้าปราบมารเคยกล่าวไว้ว่า หลิงเยว่มีคุณสมบัติเหมาะจะเป็นผู้ฝึกวิถีพุทธ”

ผู้อาวุโสคงอันยืนอยู่ด้านหน้า เอ่ยพึมพำกับตนเอง ตอนนั้นท่านคิดว่าดวงวิญญาณศาสตราวุธกำลังล้อเล่น แต่ความจริงกลับกลายเป็นว่า ดอกบัวเพลิงยอมรับหลิงเยว่เป็นนาย

ดอกบัวเพลิงเลือกสืบทอดเพียงผู้ฝึกวิถีพุทธเป็นนาย!

เช่นนั้น พวกเขาที่เรียกตนว่าผู้ฝึกวิถีพุทธ ไหนเลยจะไม่เหมาะสม?

“บัดนี้ ดอกบัวเพลิงมีนายแล้ว ไม้เท้าปราบมารก็ควรเป็นของพุทธวิหารเช่นกัน” โม่จวินเจ๋อเม้มริมฝีปาก กล่าวเป็นนัยให้พุทธวิหารอย่าโลภมากเกินไป

แต่ด้วยนิสัยของหลิงเยว่ สุดท้ายแล้วดอกบัวเพลิงอาจจะ…

โม่จวินเจ๋อส่ายศีรษะ ขณะเดียวกันมุมปากก็ยกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

ท่ามกลางเหล่าภิกษุ จู่ ๆ ก็มีผู้หนึ่งร้องขึ้น แต่เสียงนั้นเบามาก มีเพียงศิษย์ข้างกายที่ได้ยินเท่านั้น

เหล่าศิษย์มองไปยังอาจารย์ของตนด้วยความสงสัย อาจารย์ของพวกเขายิ้มและส่ายหัวเบา ๆ ไม่คาดคิดว่าเม็ดบัวที่มอบให้ไปอย่างสุ่ม ๆ จะเป็นเม็ดบัวเพลิง

หากหวังให้พุทธวิหารปลูกและบ่มเพาะเม็ดบัวเพลิงนี้ เกรงว่าหลายหมื่นปีก็ยังไม่ถึงวันที่มันจะเบ่งบาน

เมื่อผู้อาวุโสคงอันทราบถึงต้นสายปลายเหตุจากศิษย์แล้ว จึงทำได้เพียงปล่อยผ่านไป พลางมองดอกบัวเพลิงที่เบ่งบาน บางทีพุทธวิหารอาจถูกยกเว้นให้มีพุทธบุตรถึงสองคนก็เป็นได้

ไม้เท้าที่ผู้อาวุโสคงอันถืออยู่กระจายแสงทองเป็นชั้น ๆ แสงทองนั้นสร้างเป็นโล่ป้องกันขนาดใหญ่ ปิดทางถอยทั้งหมดของเปลวเพลิงสีม่วงพิสดาร

เปลวเพลิงสีม่วงพิสดาร “?”

มนุษย์ช่างน่ารำคาญเสียจริง!

ส่วนเจ้าดอกไม้นั่นยิ่งน่ารำคาญกว่า!

ในทันทีที่เปลวเพลิงสีม่วงพิสดารเผยร่างที่แท้จริง เปลวเพลิงก็พุ่งสูงขึ้น ทะเลทรายต้องห้ามกลายเป็นทะเลไฟสีม่วงทั้งหมด พายุทรายกลายเป็นพายุไฟหมุน

“อ๊าก!”

ศิษย์พี่ที่ตระหนักว่าตนเปลือยเปล่า รีบยกมือขึ้นปิดบังดวงตาของตนเอง ด้วยมีความคิดว่าหากไม่เห็นสิ่งใดก็ไม่จำเป็นต้องสนใจสายตาใคร

พื้นทรายที่เคยร้อนเพียงเท้า บัดนี้ร้อนแรงจนรองเท้าไหม้เป็นจุณ และลุกลามขึ้นมาเรื่อย ๆ ผู้บำเพ็ญที่หลบไม่พ้น ถูกเผาจนมอดไหม้กลายเป็นกองเพลิง ภาพน่าสยดสยองเช่นนี้สร้างความตื่นตระหนกแก่ผู้ที่อยู่ด้านหลังยิ่งนัก

เปลวเพลิงนี้ร้ายกาจเกินไป พวกเขาไม่อาจต้านทานได้ ไม่สิ! พวกเขายังไม่ทันได้เห็นร่างที่แท้จริงของมันด้วยซ้ำก็บาดเจ็บสาหัสกันเสียแล้ว

“ช่วย…”

“หนีเร็วเข้า!”

บรรดาผู้บำเพ็ญที่อยู่ใกล้ใจกลางทะเลทรายต้องห้าม แม้จะใช้ความเร็วสูงสุดในชีวิตก็ยังไม่อาจหลบพ้นกระแสลมร้อนที่แผดเผา เพียงแค่สัมผัส พวกเขาก็ถูกเผาไหม้เป็นเชื้อเพลิง

มนุษย์ช่างโง่เขลา คิดว่าหากขวางทางมันไว้แล้วมันจะยอมปล่อยให้เจ้าดอกไม้นั่นกินอย่างนั้นรึ?

เปลวเพลิงสีม่วงพิสดารคลุ้มคลั่งอย่างถึงที่สุด มันหันหลังกลับ และพุ่งเข้าชนดอกบัวเพลิงที่ไล่ตามมาอย่างไม่ลดละด้วยความเร็วที่สายตามนุษย์ไม่อาจมองทัน ทำให้ดอกบัวเพลิงทั้งดอกถูกห้อมล้อมด้วยเปลวเพลิง

ชิงยวนเห็นกลีบดอกบัวชั้นนอกสุดหลอมละลายต่อหน้าต่อตา และถูกเปลวเพลิงพิสดารดูดกลืนเข้าไปในทันที!

“มันกำลังจะกลั่นดอกบัวเพลิง!”

ผู้อาวุโสคงอันผงะถอยหลังไปสามก้าว ศิษย์ที่อยู่ด้านหลังนั่งขัดสมาธิลงทันที เสียงสวดมนต์ดังกึกก้องจากทุกทิศทาง แสงแห่งธรรมะส่องสู่ดอกบัวเพลิงที่ถูกกักขัง

ดอกบัวเพลิงถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีทอง กลีบดอกบัวที่แข็งแกร่งอยู่แล้วยิ่งแข็งแกร่งขึ้นอีก ทำให้เปลวเพลิงพิสดารทำอะไรไม่ได้ไปชั่วขณะหนึ่ง

มันจึงตัดสินใจเพิ่มไฟ!

เปลวเพลิงสีชมพูโหมกระหน่ำใส่เปลวเพลิงสีม่วง พยายามจะลดทอนพลังของมัน แต่กลับถูกเปลวเพลิงสีม่วงดูดกลืนพลังไปเสียอย่างนั้น

สีหน้าของชิงยวนพลันแปรเปลี่ยน เปลวเพลิงของนางไม่อาจต้านทานเปลวเพลิงสีม่วงได้หรือ!

ในหมู่ผู้ฝึกวิถีพุทธหลายคนกระอักเลือดออกมาแล้วสลบลงกับพื้น

เมื่อคนข้าง ๆ ตรวจดูก็พบว่า พลังวิญญาณของสหายร่วมสำนักถูกดึงออกไปอย่างไม่รู้ตัว ส่วนระดับการบำเพ็ญก็ลดลงด้วย!

สิ่งที่โม่จวินเจ๋อพูดเป็นความจริง เปลวเพลิงสีม่วงกำลังดูดซับพลังวิญญาณและระดับการบำเพ็ญ!

เปลวเพลิงนี้มันชั่วร้าย!

ผู้ฝึกวิถีพุทธพากันล้มลงทีละคน ผู้อาวุโสของสำนักหลานเทียนพยายามต้านทาน ส่วนพวกคนใหญ่คนโตที่ยืนมุงดูอยู่ก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติของร่างกาย พลังวิญญาณในร่างกายของพวกเขาค่อย ๆ หายไป แม้จะเป็นเพียงเล็กน้อยแต่ก็ยังรู้สึกได้ชัดเจน

เปลวเพลิงนี้ทรงพลังเกินกว่าจินตนาการ!

ความรู้สึกที่คุ้นเคยกลับมาอีกครั้ง เปลวเพลิงพิสดารกำลังทำเช่นเดิมอีกครั้ง

ไม่! ยิ่งกว่าครั้งที่เจอในทะเลเพลิงด้วยซ้ำ โม่จวินเจ๋อถอยหลังไปด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก

ดอกบัวเพลิงที่ถูกกักขังไว้ เดิมทีกลีบบานสะพรั่ง ทว่ากลับหุบลงอย่างกะทันหัน ราวกับไม่คิดต้านทานเปลวเพลิงนี้แล้ว

ส่วนผู้ฝึกวิถีพุทธที่ล้มลง บัดนี้บาดแผลเริ่มทุเลาลงแล้ว ด้วยวิชารักษาของชิงยวน…

“สมบัติล้ำค่าเช่นนี้ พวกเจ้ามิมีวาสนาได้ครอบครองหรอก ปล่อยให้ข้าจัดการเอง!”

ทันใดนั้น กลางฝูงชนก็ปรากฏร่างของผู้แข็งแกร่งขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์ขั้นกลาง เขาฉวยโอกาสที่ทุกคนกำลังต้านทานเปลวเพลิงสีม่วง บินฝ่าวงล้อมออกมา และใช้ผ้าสีดำผืนหนึ่งคลุมดอกบัวเพลิงไว้

เรื่องน่าอัศจรรย์คือ ผ้าสีดำมิได้มอดไหม้ไปในทันที กลับห่อหุ้มดอกบัวเพลิงไว้ได้สำเร็จ แม้แต่เปลวเพลิงพิสดารก็ถูกเขานำติดตัวไปด้วย!

“ท่านเสียมู่ นั่นเป็นของอาจารย์ที่สำนักข้า ท่านคิดจะปล้นกลางวันแสก ๆ เช่นนี้รึ?” อดีตอาจารย์ใหญ่โผล่มาจากที่ใดมิทราบ ขวางทางของเสียมู่แห่งขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์ขั้นกลางไว้

ด้านข้างยังมีบรรพจารย์เล่อเหอที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างเชื่องช้า “ยังไม่มีผู้ใดกล้าฉกสิ่งของสำนักหลานเทียนไปต่อหน้าต่อตาข้า!”

“ท่านเสียมู่ ท่านอยากไปพบเซี่ยงหยางหรืออย่างไร?”

สตรีงามสง่าผู้หนึ่งเดินมาในชุดยาวสีขาวอมชมพู ที่ขับเน้นให้ดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น

นางผู้นี้คือ บรรพชนท่านที่สามระดับบำเพ็ญขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์แห่งสำนักหลานเทียน!

“ท่านอาจารย์ออกจากการฝึกตนเมื่อใดกัน?”

พอสยงฉีเลวี่ยเห็นสาวน้อยผู้นี้ก็รู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงกระดูกสันหลัง แม้อุณหภูมิโดยรอบจะร้อนราวกับหลอมละลายผู้คนได้ เขาก็ยังรู้สึกหนาวเหน็บ

ขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์สามคน ขั้นปลายหนึ่งคน ขั้นกลางหนึ่งคนและขั้นต้นหนึ่งคน

ผู้อาวุโสเสียมู่เหงื่อเย็นไหลริน ก่อนลงมือ เขาได้ตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนแล้ว บุคคลที่สำนักหลานเทียนส่งมา มีระดับการบำเพ็ญสูงสุดเพียงแค่ชิงยวนผู้ที่อยู่ในขั้นกลางเท่านั้น

“ยังมีผู้ใดปรารถนาดอกบัวเพลิงและเปลวเพลิงพิสดารอีกหรือไม่…”

สาวน้อยชุดกระโปรงยาวสีขาวปัดมือพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม นางกวาดสายตามองไปยังผู้คนที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด “ข้าเพิ่งออกจากการฝึกตนมาหลายร้อยปี ปรารถนาจะออกกำลังเสียหน่อย”

มีเพียงเสียงลมพัดหวีดหวิวเท่านั้นที่ตอบสนองนาง

บางคนที่เห็นท่าไม่ดีก็จากไปอย่างลับ ๆ แล้ว…

เพื่อเปลวเพลิงพิสดาร ต้องต่อสู้กับผู้บำเพ็ญขอบเขตเดียวกัน นับว่าไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย!

“พวกเจ้าสำนักหลานเทียนช่างโอหังนัก!”

มีผู้ยิ่งใหญ่มาปรากฏตัวอีกแล้ว

“เหตุใดสำนักหลานเทียนของพวกเจ้าจึงมีขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์ถึงสามคน”

หญิงสาวชุดขาว หรือเย่ซูผู้นั้นเอ่ยปากขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “หากพวกเจ้าตระกูลที่ห้ามีมากกว่าสามคนขึ้นไป พวกเจ้ามีโอกาสชนะเช่นกัน!”

คำพูดของเย่ซูทำให้ผู้มาใหม่ถึงกับพูดไม่ออก อย่าว่าแต่สามคนขึ้นไปเลย แค่คนเดียวก็เพียงพอที่จะโอหังเหิมเกริมในโลกผู้บำเพ็ญเซียนแล้ว!

“ดอกบัวเพลิงพวกข้าไม่ต้องการ แต่เปลวเพลิงพิสดารนี้ขอให้ตระกูลที่ห้าได้หรือไม่?”

“ฝันไปเถอะ!”

เล่อเหอไม่พอใจแล้ว สมบัติล้ำค่าของสำนักพวกเขาต้องการเปลวเพลิงพิสดารนี้ ใครก็อย่าหวังแย่งไป!

“ต้องการจะสู้หรือ?”

บรรพชนเย่ซูก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง อู่หมิงก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง

ส่วนเสียมู่ที่ถูกบรรพชนเล่อเหอและอดีตอาจารย์ใหญ่เหอตงล้อมไว้ เมื่อเล่อเหอลงมือเอง อีกฝ่ายก็ยิ้มเยาะออกมาพร้อมกับคลายผ้าสีดำออก

“เข้าใจผิดแล้ว ข้าแค่ล้อเล่นน่า พวกเจ้าอย่าคิดมาก”

พูดจบ ผู้อาวุโสเสียมู่ก็รีบถอยหลัง แล้ววิ่งหายวับไปในพริบตา

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท