ตอนที่ 1,440 จุดอ่อนถึงตาย
“เจ้าแข็งแกร่งมากกว่าสองคนนั้น”
เว่ยหมิงเฉินยิ้มออกมาเล็กน้อย “ถือว่าไม่ได้ทำให้ข้าผิดหวัง… ฮ่า ๆๆ งั้นพวกเรามาลองดูกันเถอะ”
ขาดคำ
วูบ! วูบ! วูบ! วูบ!
สายโซ่อีกแปดเส้นพุ่งทะยานออกไปข้างหน้าราวกับพญามังกรโผบิน มวลอากาศปั่นป่วน เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น สายโซ่ทมิฬก็พุ่งเข้าไปถึงตรงหน้าหลินเป่ยเฉิน
แต่สีหน้าของเว่ยหมิงเฉินไม่ได้แสดงออกถึงความย่ามใจแม้แต่น้อย
เพราะในลมหายใจต่อมานั้นเอง ร่างของหลินเป่ยเฉินก็ลุกโชนด้วยเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์
เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถหลอมละลายสายโซ่ทมิฬได้อย่างไม่มีปัญหา เพียงไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น สายโซ่ทมิฬเหล่านั้นก็สูญสลายหายไปหมดสิ้น
วูบ!
ร่างของหลินเป่ยเฉินเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
กระบวนท่ากระบี่ที่หก
เงากระบี่พุ่งออกมา
ในระยะประชิดตัว
กระบี่สีเงินแทงออกไป
เว่ยหมิงเฉินหมุนตัวตีลังกาลอยขึ้นไปด้านบน
และตอนนั้นเอง เว่ยหมิงเฉินก็มาปรากฏกายอยู่ด้านหลังหลินเป่ยเฉินและกระแทกกำปั้นใส่แผ่นหลังของเขาอย่างหนักหน่วง
นี่คือการเคลื่อนไหวที่ว่องไวราวกับภูตผี
ในเรื่องของความเร็ว เว่ยหมิงเฉินไม่เคยแพ้ผู้ใด
หลินเป่ยเฉินไม่ได้หันกลับไปมอง เขาตวัดส้นเท้าซ้ายของตนเองกลับไปทางด้านหลัง
พลั่ก!
พลั่ก!
เสียงการกระแทกเกิดขึ้นแทบจะพร้อมกัน
แล้วร่างของหลินเป่ยเฉินกับเว่ยหมิงเฉินก็กระเด็นออกมาห่างจากกันหลายวา
กระดูกสันหลังของหลินเป่ยเฉินถูกกำปั้นกระแทกจนแตกร้าว อวัยวะภายในได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง
ส่วนเว่ยหมิงเฉินก็ถูกส้นเท้าของหลินเป่ยเฉินกระแทกเข้าใส่หว่างขา กระดูกช่วงเอวแตกหักแทงทะลุผิวหนังออกมา…
บุรุษหนุ่มทั้งสองคนมองหน้ากัน อาการบาดเจ็บฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
หลินเป่ยเฉินสามารถขับไล่พลังแฝงที่เว่ยหมิงเฉินส่งผ่านเข้ามาในร่างกายออกไปได้อย่างง่ายดาย
เว่ยหมิงเฉินเองก็สามารถกำจัดพลังอัคคีเทวะที่แทรกซึมเข้าไปในร่างกายได้อย่างง่ายดายเช่นกัน
“หมอนี่มันแข็งแกร่งกว่าร่างแยกที่เราเคยเจอในเมืองไป๋หยุนหลายเท่าเลยแฮะ”
หลินเป่ยเฉินประเมินสถานการณ์
“พลังจากตำแหน่งเซียนกระบี่ทำให้เจ้าแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
เว่ยหมิงเฉินแสดงความประหลาดใจออกมาโดยไม่ปิดบัง
พวกเขาทั้งสองคนย่อมภูมิใจในความแข็งแกร่งของตนเองเสมอมาและจากการปะทะฝีมือเมื่อสักครู่ นั่นก็ทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้แล้วว่าการต่อสู้หลังจากนี้จำเป็นต้องเปลี่ยนรูปแบบไป
เว่ยหมิงเฉินหมุนวนฝ่ามือในอากาศ
แล้วกระบี่ทมิฬอีกเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา
นี่คือกระบี่ที่งดงามมากเล่มหนึ่ง เพียงถืออยู่ในมือก็มักสร้างความหวาดกลัวให้แก่ศัตรูได้แล้ว
หลินเป่ยเฉินหัวเราะเยาะ เส้นผมสีดำปลิวไสว กระบี่เงินในมือตวัดวูบจู่โจมออกไปอีกครั้ง
เคร้ง!
ประกายไฟสาดกระจายในอากาศ
ปลายกระบี่ทั้งสองเล่มปะทะกันด้วยความเร็วเกินตาเปล่าจะมองเห็นเป็นจำนวนหลายต่อหลายครั้ง
ในที่สุด กระบี่ทมิฬก็แตกกระจาย
กระบี่เงินยังคงแทงทะลวงไปข้างหน้า
เงาร่างคนยืนโซเซ
โลหิตสาดกระจายออกมาจากร่างของเว่ยหมิงเฉิน
“กระบี่ของเจ้า…”
เว่ยหมิงเฉินรีบถอยไปตั้งหลัก หน้าอกและช่วงท้องถูกกระบี่แทงทะลวงจนเป็นรู มิหนำซ้ำ ยังมีโลหิตไหลทะลักออกมาจากกลางหว่างคิ้วและลำคออีกด้วย
นั่นเองจึงทำให้เขาได้รู้ว่ากระบี่ในมือหลินเป่ยเฉินเป็นอาวุธสวรรค์ชิ้นหนึ่ง
“กระบี่ที่มีพลังทำลายล้างเช่นนี้… หรือว่าผู้ที่สร้างมันให้กับเจ้าก็คือเทพเจ้าพานหยาง?”
เว่ยหมิงเฉินมีสีหน้าตกตะลึง
“อุ๊ย รู้เยอะเหมือนกันนะเนี่ย”
เมื่อหลินเป่ยเฉินสามารถโจมตีฝ่ายตรงข้ามได้สำเร็จ เขาก็ไม่ปล่อยให้โอกาสทองหลุดมือไป
เด็กหนุ่มใช้กระบวนท่ากระบี่ที่หนึ่งไปจนถึงกระบวนท่ากระบี่ที่หกโจมตีอย่างต่อเนื่อง
โลหิตสาดกระจายออกมาจากร่างกายเว่ยหมิงเฉินอีกครั้ง
บุรุษหนุ่มเซถอยหลัง คว้าตัวองครักษ์ได้สองคนก็ปลดปล่อยพลังทมิฬใส่ร่างกายของพวกเขา จากนั้นจึงสะบัดฝ่ามือ กระแทกองครักษ์ทั้งสองเข้ามาหาหลินเป่ยเฉิน
“เฮ้ย คิดจะส่งลูกน้องมาระเบิดพลีชีพหรือไง?”
หลินเป่ยเฉินรีบล่าถอยไปอย่างรวดเร็ว
เขายกกระบี่ขึ้นแนวขวาง
สร้างเป็นกำแพงวายุ
หลังจากนั้น การผสมรวมระหว่างกำแพงวายุและกำแพงเปลวไฟก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าหลินเป่ยเฉิน
ในลมหายใจต่อมา…
ตู้ม!
ตู้ม!
ร่างขององครักษ์ทั้งสองพลันระเบิดกระจายจริง ๆ
มวลพลังที่เว่ยหมิงเฉินฉีดอัดเข้าไปในร่างกายองครักษ์เกิดการระเบิดออกมาหมายทำลายล้างสังหารหลินเป่ยเฉิน แม้แรงระเบิดเหล่านั้นขณะนี้จะทำอะไรเขาไม่ได้ แต่ก็ทำให้แผ่นหลังของหลินเป่ยเฉินมีเม็ดเหงื่อเปียกชุ่มแล้ว
ให้ตายเถอะ
แบบนี้เล่นสกปรกนี่หว่า
หลินเป่ยเฉินกลับมารวบรวมสมาธิอีกครั้ง
แต่หลินเป่ยเฉินไม่สามารถโจมตีต่อเนื่องได้อีก เว่ยหมิงเฉินจึงสบโอกาสสวนกลับ พลังศักดิ์สิทธิ์ได้สร้างกระบี่ทมิฬเล่มใหม่ขึ้นมาในมือของเขาเรียบร้อยแล้ว
เว่ยหมิงเฉินกุมด้ามจับกระบี่ด้วยสองมือ ยกกระบี่ขึ้นเหนือหัวและฟันลงมาอย่างรวดเร็ว
เป็นกระบวนท่าที่เรียบง่าย
แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยอานุภาพการทำลายล้าง
ลักษณะสวยงามไม่ต่างจากยื่นส่งของขวัญวันปีใหม่
“เชี่ย มีกระบวนท่าที่เรียบง่ายแบบนี้ด้วยเหรอ?”
หลินเป่ยเฉินหัวใจกระตุกวูบ ตัดสินใจเบี่ยงกายหลบไม่รับกระบี่นี้
เพราะเขาจำได้ดีว่าตอนอยู่ในชาติภพที่แล้ว ตนเองเล่นเกมออนไลน์และเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่ใช้กระบวนท่าเรียบง่ายธรรมดา แต่กลับมีพลังทำลายล้างที่ระดับมอนสเตอร์ตัวบอสยังต้องอาย และนี่ก็คือพลังทำลายล้างที่หลินเป่ยเฉินยังไม่สามารถต้านรับได้โดยตรง…
เว่ยหมิงเฉินมีความแข็งแกร่งถึงระดับนี้เชียวหรือ?
หลินเป่ยเฉินคิดว่าตนเองเบี่ยงกายหลบได้อย่างรวดเร็วแล้ว แต่ก็ยังไม่เร็วเท่าการโจมตีของเว่ยหมิงเฉิน
เป็นไปตามที่หลินเป่ยเฉินคาดคิดเอาไว้ เว่ยหมิงเฉินยังคงจับกระบี่ด้วยสองมืออย่างมั่นคง
กระบวนท่าที่เรียบง่ายนี้เป็นเสมือนประตูที่ช่วยปลดปล่อยความเร็วและความหนักหน่วงในการโจมตีของเว่ยหมิงเฉินออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุด
หลินเป่ยเฉินถูกมวลพลังกดดันจนไม่อาจหลีกหนีไปทางใดได้อีก สิ่งเดียวที่ทำได้คือยกกระบี่ขึ้นตั้งรับเท่านั้น
เคร้ง!
กระบี่ของทั้งสองฝ่ายปะทะกัน
หลินเป่ยเฉินปลดปล่อยพลังดีดสะท้อนกลับไป
แต่เว่ยหมิงเฉินยังคงโจมตีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
กระบี่ถูกฟันเข้ามาหลายต่อหลายครั้ง
ความเร็วของบุรุษหนุ่มทั้งสองมีมากเกินไปจนผู้อื่นมองไม่ทัน พวกเขาเห็นเป็นเพียงภาพเงาเลือนรางของคนสองคนพุ่งผ่านไปมา เงาหนึ่งเป็นสีแดงอีกเงาหนึ่งเป็นสีดำ ตลอดเวลามีสะเก็ดไฟสาดกระจายออกมาไม่หยุด
นี่คือการต่อสู้ที่ดุเดือด
เกิดเป็นภาพแห่งความสวยงาม
อุณหภูมิโดยรอบร้อนสูง
แต่หลินเป่ยเฉินตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบแล้ว
เป็นฝ่ายเสียเปรียบทุกประตู
กระบวนท่าที่เรียบง่ายของเว่ยหมิงเฉินไม่เปิดโอกาสให้เขาตีโต้กลับไปเลยแม้แต่ครั้งเดียว
และยิ่งเว่ยหมิงเฉินโจมตีออกมามากเท่าไหร่ พลังทำลายล้างก็ยิ่งเพิ่มขึ้นทวีคูณมากเท่านั้น
แขนของหลินเป่ยเฉินมีโลหิตไหลทะลักออกมาจากผิวหนัง
โลหิตไหลหยดลงไปตามนิ้วมือของเขา
“แม่งเอ๊ย ไม่จบไม่สิ้นสักที”
ในที่สุด หลินเป่ยเฉินก็ทนไม่ไหว รวบรวมพลังในร่างกายตวัดกระบี่เงินในมือขึ้นสาดแสงประกายเจิดจ้าราวกับฝนดาวตก
วูบ! วูบ! วูบ!
ร่างคนถอยหลังออกจากกัน
การต่อสู้ยกที่สองยุติลง
หลินเป่ยเฉินลอยตัวอยู่กลางอากาศ กลางหน้าผากมีรอยกระบี่ ตามลำตัวปรากฏบาดแผลฉกรรจ์อยู่สองแห่ง โลหิตไหลซึมออกมาจากรอยกระบี่นั้น ราวกับว่าร่างกายของเด็กหนุ่มกำลังจะถูกแบ่งแยกออกเป็นสองส่วน
“ฝันไปเถอะ”
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงคำราม โคจรพลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างกาย แล้วบาดแผลฉกรรจ์เหล่านั้นก็ค่อย ๆ สมานตัว
เว่ยหมิงเฉินผู้ยืนอยู่ห่างออกไปหลายสิบวาไม่มีรอยขีดข่วนแม้แต่รอยเดียว
ลักษณะท่าทางยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
มีเพียงบริเวณส้นเท้าของเขาเท่านั้นที่ปรากฏรอยกระบี่และมีโลหิตไหลทะลักออกมา
เมื่อเทียบกับอาการบาดเจ็บของหลินเป่ยเฉิน นี่เป็นเพียงอาการบาดเจ็บที่เล็กน้อยนัก
แต่ใบหน้าของบุรุษหนุ่มกลับซีดเผือด
“นี่เจ้า… รู้ได้อย่างไร?”
เว่ยหมิงเฉินจ้องมองมาที่หลินเป่ยเฉินด้วยความเหลือเชื่อ
หลินเป่ยเฉินใช้เวลารักษาอาการบาดเจ็บของตนเองเพียงไม่นาน ก็หัวเราะเยาะตอบกลับไปว่า “เจ้าไม่เคยได้ยินเรื่องส้นเท้าของเฮอร์คิวลิสหรือไง?”
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจุดอ่อนที่ถึงตายของเว่ยหมิงเฉินกลับเป็นบริเวณส้นเท้านี่เอง
แล้วหลินเป่ยเฉินรู้ได้อย่างไร?
แน่นอนว่าต้องยกความดีความชอบให้กับโทรศัพท์มือถือ
เว่ยหมิงเฉินถอยหลังไปอย่างช้า ๆ
รู้แล้วว่าภารกิจครั้งนี้ไม่อาจทำได้สำเร็จ
เขาต้องรีบหลบหนีไปก่อน!