บทที่ 1441 เขาอยู่ที่นี่

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,441 เขาอยู่ที่นี่

การสแกนหาจุดอ่อนของโทรศัพท์มือถือตรวจพบว่า จุดอ่อนของเว่ยหมิงเฉินอยู่ที่บริเวณส้นเท้าขวา

แม้หลินเป่ยเฉินจะไม่ทราบเหมือนกันว่าโทรศัพท์มือถือสามารถสแกนหาจุดอ่อนของเทพเจ้าได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ บางทีมันอาจเป็นความสามารถพิเศษที่ได้มาหลังการอัปเกรดระบบครั้งล่าสุด แต่สิ่งที่หลินเป่ยเฉินแน่ใจได้เลยก็คือนี่เป็น ‘หนทางสู่ชัยชนะ’ ของเขาแล้ว

เมื่อถูกโจมตีใส่จุดอ่อนของร่างกาย เว่ยหมิงเฉินก็ตกตะลึงจนมีอาการร้อนรน

เว่ยหมิงเฉินผู้นี้เป็นหนึ่งในร่างแยกที่มีสภาพสมบูรณ์มากที่สุด เหลืออีกเพียงแค่ขั้นเดียวเท่านั้น เขาก็จะไม่แตกต่างไปจากร่างกำเนิดแล้ว

ตลอดทั่วทางร่างกายของเว่ยหมิงเฉินผู้นี้ มีเพียงบริเวณส้นเท้าขวาเท่านั้นที่ยังเป็นจุดอ่อน

ตราบใดที่ถูกโจมตีใส่จุดอ่อนด้วยความหนักหน่วงมากพอ ร่างแยกของเว่ยหมิงเฉินร่างนี้ก็ยังมีสิทธิ์ตายได้ เพราะฉะนั้น เขาจึงต้องรีบหนี

เดิมที ร่างแยกของเว่ยหมิงเฉินมั่นใจว่าด้วยสภาวะความสมบูรณ์ทางร่างกายเกือบเต็มร้อยของตนเองในขณะนี้ ย่อมไม่มีปัญหากับการกวาดล้างกลุ่มสัมพันธมิตรในเมืองหยุนเมิ่ง แต่คิดไม่ถึงเลยว่า…. ตนเองกลับเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ ไม่มีผู้ใดทราบเลยว่าหลินเป่ยเฉินมองจุดอ่อนของเขาออกได้อย่างไร?

เมื่อร่างกายได้รับบาดเจ็บและความลับถูกเปิดเผย สิ่งเหล่านี้ก็ทำให้ร่างแยกของเว่ยหมิงเฉินรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา

ดังนั้น เขาจึงอยากจะหลบหนี

ในเมื่อหนทางข้างหน้ามีแต่ต้องเจ็บตัว แล้วไยจึงต้องเดินหน้าต่อไปด้วยเล่า?

นั่นคือสิ่งที่ไม่คุ้มค่ากับความพยายามเอาเสียเลย

หลินเป่ยเฉินสามารถมองแผนการของเว่ยหมิงเฉินออกทะลุปรุโปร่ง

เจ้าหมอนี่กำลังคิดหลบหนี

เขาจะปล่อยให้หนีรอดไปได้อย่างไร?

หากวันนี้ หลินเป่ยเฉินปล่อยให้เว่ยหมิงเฉินหนีรอดไปได้สำเร็จ เขาไม่ขอเกิดเป็นลูกคนอีก

กระบี่ในมือแทงปราดออกไปอีกครั้ง

อาศัยจังหวะที่เว่ยหมิงเฉินยังไม่ทันตั้งตัวนี่แหละ

กระบี่เงินในมือเขาลุกเป็นไฟโชติช่วง

“ขัดขวางมัน”

เว่ยหมิงเฉินล่าถอยออกไป

พ่อบ้านและกลุ่มองครักษ์ที่ยืนอยู่โดยรอบระเบิดพลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างกาย ก่อนจะดีดตัวลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ปลดปล่อยหมอกควันก่อสร้างเป็นค่ายอาคมพรางตา

วูบ! วูบ! วูบ!

แล้วพวกเขาก็พุ่งตัวออกมาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

แม้ก่อนหน้านี้เว่ยหมิงเฉินจะส่งสององครักษ์ออกไปตายอย่างไม่ยุติธรรม แต่นี่ก็ไม่ได้ทำให้ความซื่อสัตย์ที่พวกเขามีต่อองค์ราชันย์ลดน้อยลงเลย

น่าเสียดายที่ความซื่อสัตย์ไม่อาจช่วยรักษาชีวิต

ความซื่อสัตย์ไม่อาจเปลี่ยนเป็นพลังในการต่อสู้

วููบ! วูบ! วูบ!

คมกระบี่สาดประกายผ่านแผ่นฟ้า

องครักษ์ที่เป็นเทพเจ้าขั้นกลางสี่คนถูกกระบี่เงินทิ่มแทงร่างกายลุกเป็นไฟเผาไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านลอยหายไปกับสายลม

แม้แต่กระดูกก็ไม่มีหลงเหลือ

“รีบขัดขวางมันให้ได้!”

พ่อบ้านร้องตะโกน ระเบิดพลังศักดิ์สิทธิ์ออกมาจากร่างกายอย่างหมดหวัง

ลำแสงสีแดงดำพุ่งขึ้นมาจากด้านหลังชายชรา เกิดเป็นภาพมายาของพญาวานรปีศาจร่างใหญ่ มันมีความสูงเท่ากับตึกสิบชั้น และวานรยักษ์ตัวนี้ก็กำลังกระโจนเข้าใส่หลินเป่ยเฉิน

ในขณะที่องครักษ์คนอื่น ๆ ที่ยังรอดชีวิตอยู่ก็รวบรวมพลังโจมตีออกมาเช่นกัน

ภาพมายาของวานรยักษ์ อสูรวิหคสามหัว แมงมุมแม่ม่ายยักษ์และหนูอสูรทองคำ ต่างก็ปรากฏกายขึ้นมาโจมตีใส่หลินเป่ยเฉิน…

นี่คือการผนึกกำลังอย่างถวายชีวิต

“อ้อ นี่เรียกว่าอสูรประจำตัวเทพเจ้าสินะ?”

เมื่อเห็นภาพมายาของอสูรเหล่านั้น หลินเป่ยเฉินก็แทงกระบี่ออกไปอย่างเย้ยหยัน

ความแข็งแกร่งของเทพเจ้าวัดกันที่ระดับชั้น

ผู้ที่อยู่ด้านบนของห่วงโซ่อาหาร ย่อมเป็นฝ่ายเหนือกว่าอยู่เสมอ พลังศักดิ์สิทธิ์ของหลินเป่ยเฉินถูกปลดปล่อยออกมาอย่างหนาแน่น แม้แต่ฮันปู้ฮุยที่ยืนอยู่ด้านนอกค่ายอาคมพรางตาก็ไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่เด็กสาวก็ยังสัมผัสได้ถึงพลังศักดิ์สิทธิ์ที่น่าเกรงขาม จนต้องคุกเข่าลงโดยไม่รู้ตัว

แต่โชคดีเยว่เว่ยหยางผู้ยืนอยู่ด้านข้างรีบดึงมือช่วยประคองให้ลุกขึ้น

นักบวชสาวมีใบหน้าซีดขาว หยาดเหงื่อไหลลงมาจากหน้าผาก นางตัวสั่นเล็กน้อย แต่ก็ยังยืนหยัดได้อย่างมั่นคง พลังบางส่วนในร่างกายที่ยังไม่ถูกปลดผนึกมาก่อน บัดนี้ พลังเหล่านั้นก็เริ่มถูกปลดผนึกอย่างช้า ๆ

วูบ!

กระบี่เงินแทงเข้าใส่ภาพมายาของหนูอสูรทองคำ

เคร้ง!

สะเก็ดไฟสาดกระจาย

ขาหน้าของหนูอสูรทองคำระเบิดเป็นม่านหมอกเลือด

“อ๊าก…”

องครักษ์ผู้เป็นเจ้าของภาพมายาหนูอสูรทองคำระเบิดเสียงคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด

ราวกับว่ากระบี่เงินนั้นได้ตัดแขนของเขาทิ้งไป

แต่ถึงปากจะส่งเสียงร้องโหยหวน เขาก็ยังควบคุมหนูอสูรทองคำนั้น ‘โจมตี’ ใส่หลินเป่ยเฉินด้วยร่างกายที่เหลืออยู่

เช่นเดียวกับสัตว์อสูรตัวอื่น ๆ

หลินเป่ยเฉินไล่ตามเว่ยหมิงเฉินไปพร้อมกับพยายามกำจัดสัตว์อสูรเหล่านี้ไปด้วย

เว่ยหมิงเฉินเคลื่อนที่รวดเร็วเป็นลำแสง กำลังจะออกไปพ้นรัศมีค่ายอาคมแล้ว…

“ที่รักจ๋า… ช่วยหยุดเขาเอาไว้ที”

หลินเป่ยเฉินร้องตะโกนออกมาด้วยความเร่งรีบ

ผู้คนที่ยืนอยู่นอกค่ายอาคมได้แต่ขมวดคิ้วงุนงง

ใครกันนะ?

ผู้ใดเป็นที่รักจ๋าของเขา?

ทันใดนั้น ใบหน้าที่งดงามและเย็นชาของนักพรตหญิงชินก็ปรากฏความขมขื่นขึ้นมาวูบหนึ่ง หัวคิ้วของนางขมวดมุ่น ก่อนที่หญิงสาวจะลงมือโจมตีออกไป

ด้วยปีกกระบี่บนแผ่นหลัง

ร่างบอบบางสมส่วนลอยขึ้นไปในอากาศ บดบังแสงอาทิตย์บนท้องฟ้า ไม่ต่างจากเทพธิดาผู้อาบไล้ด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์

ปีกกระบี่โบกสะบัด

ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!

มีดสั้นจำนวนมากพุ่งผ่านอากาศไม่ต่างจากฝนดาวตกครอบคลุมพื้นที่ด้านล่าง

เป้าหมายของนางไม่ได้อยู่ที่เว่ยหมิงเฉิน

แต่เป็นค่ายอาคมแดนดาราดับอสูร

มีดสั้นเหล่านั้นพุ่งปักบนพื้นหินรอบเขตค่ายอาคม หลังจากนั้น พวกมันก็เปลี่ยนสภาพกลายเป็นกระแสพลังจำนวนมากไหลเวียนเข้าไปในค่ายอาคม

แสงสว่างเป็นประกายระยิบระยับ ม่านพลังรอบค่ายอาคมแดนดาราดับอสูรที่เดิมทีบางเบาราวกับแผ่นกระดาษขณะนี้มีความหนาเพิ่มมากขึ้นหลายเท่า มิหนำซ้ำ ยังแข็งแกร่งไม่ต่างจากกำแพงหินเสริมเหล็กกล้า…

พลั่ก!

เว่ยหมิงเฉินวิ่งเข้ามาชนม่านพลังจนกระเด็นกลับไป

“เจ้ามีเวลาสามสิบลมหายใจ”

นักพรตหญิงชินพูดออกมา

หลินเป่ยเฉินได้ยินคำนั้นก็เข้าใจโดยทันที

ม่านพลังของที่รักจ๋าสามารถช่วยปิดกั้นหนทางหลบหนีของเว่ยหมิงเฉินได้เป็นเวลาสามสิบลมหายใจ

เทียบเวลาในโลกมนุษย์ใบเก่าก็คงประมาณหนึ่งนาที

ถ้าอย่างนั้น…

ฆ่าเลยก็แล้วกัน

เมื่อคิดได้ดังนี้ หลินเป่ยเฉินก็ไม่มีความลังเลอีกต่อไป ตำแหน่งใต้เท้าใหญ่ของเขามีพลังเท่าไหร่ เด็กหนุ่มก็โคจรออกมาใช้งานทั้งหมดโดยทันที

แม้ว่าเขาจะไม่ได้ปลดผนึกวงแหวนเทพเจ้า จึงทำให้ไม่ได้ครอบครองพลังอย่างเต็มประสิทธิภาพ

แต่พลังที่ปลดผนึกออกมาได้ ณ ปัจจุบัน ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว

ครืน!

เสียงฟ้าคำราม สายฟ้าแลบแปลบปลาบ

รอบกายหลินเป่ยเฉินพลันปรากฏเมฆฝนดำทะมึนพร้อมด้วยสายฟ้าสว่างไสว

เมื่อผนวกเข้ากับพลังอัคคีเทวะ ก้อนเมฆเหนือศีรษะหลินเป่ยเฉินก็ลุกไหม้กลายเป็นกองไฟแดงฉาน กลุ่มก้อนเมฆเพลิงนั้นแผ่ขยายอาณาเขตปกคลุมทั่วลานจัตุรัส… ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่ามันแผ่ขยายครอบคลุมทั่วทั้งภูเขา หรือแม้แต่ทั่วทั้งเมืองหยุนเมิ่งเลยด้วยซ้ำ

“ตายซะเถอะ”

หลินเป่ยเฉินแทงกระบี่ออกไปอีกครั้ง

ตำแหน่งใต้เท้าใหญ่ของเขาที่รับช่วงต่อมาจากใต้เท้าฉาง ย่อมมีสถานะเหนือกว่าตำแหน่งของพ่อบ้านและกลุ่มองครักษ์คนอื่น ๆ

หลินเป่ยเฉินควงกระบี่ไล่ล่าฆ่าฟันอย่างบ้าเลือด

ลำแสงกระบี่สาดประกายวูบวาบ

ภาพมายาของสัตว์อสูรสลายในอากาศ

ผู้เป็นเจ้านายของพวกมันต้องพ่ายแพ้ยับเยิน

“ไม่จริง นี่เจ้า… มีตำแหน่งเป็นใต้เท้าใหญ่เชียวหรือ?”

“นี่มันตำแหน่งเทพเจ้าสายฟ้าของใต้เท้าฉางนี่นา!”

“อย่าบอกนะว่าเจ้าคือเจี๋ยนเซียวเหยา?”

ท่ามกลางเสียงอุทานด้วยความตกใจเหล่านี้ ในที่สุด สีหน้าของพ่อบ้านชราก็แสดงออกถึงความตกตะลึง บอกชัดว่าเขาสามารถจดจำตัวตนที่แท้จริงของหลินเป่ยเฉินได้แล้ว

“เจ้ารู้มากเกินไปแล้วสิ”

หลินเป่ยเฉินสังหารผู้คนด้วยความอำมหิต “คงเก็บเจ้าไว้ต่อไปไม่ได้แล้ว”

รังสีกระบี่สว่างวาบ

เพียงลมหายใจเดียว เขาก็สังหารเทพเจ้าขั้นกลางได้อีกสี่คน

ภาพมายาของวานรยักษ์สลายหายไปเป็นหมอกควันเมื่อปลายกระบี่ในมือหลินเป่ยเฉินทิ่มแทงทะลุหัวใจของพ่อบ้านชรา

“เจ้า… เจ้าไม่ได้ไปเก็บตัวหลอมรวมพลัง… แต่เจ้าลงมาอยู่ที่โลกมนุษย์เช่นกัน เจ้า…”

พ่อบ้านชรามองหน้าเด็กหนุ่มด้วยความเหลือเชื่อ

เพราะตัวเขาเองก่อนหน้านี้คือผู้ติดตามใต้เท้าฉาง เมื่อมีเทพเจ้าคนใหม่มาสืบทอดตำแหน่งต่อจากเจ้านายคนเก่า พ่อบ้านชราก็รีบอพยพหลบหนีลงมาสู่โลกมนุษย์ คิดไม่ถึงเลยว่าตนเองยังไม่ทันจะลงหลักปักฐาน กลับต้องมาพบเจอกับผู้ที่แย่งตำแหน่งใต้เท้าฉางอย่างเจี๋ยนเซียวเหยาอีกครั้ง

หากรู้ว่าหลินเป่ยเฉินเป็นคนคนเดียวกับเจี๋ยนเซียวเหยา พ่อบ้านชราก็คงไม่กล้าเหยียบเท้ามาที่เมืองหยุนเมิ่งตั้งแต่แรก

ควับ!

หลินเป่ยเฉินควงกระบี่เข้าไปเล่นงานเว่ยหมิงเฉินเป็นเป้าหมายรายสุดท้าย

วูบ…

กระบี่เงินโจมตีใส่บริเวณส้นเท้าอย่างบ้าคลั่ง

“เจ้าตัวบัดซบ เจ้า…”

เว่ยหมิงเฉินสบถออกมาด้วยความโกรธแค้น ไม่สามารถรักษาความเยือกเย็นและสง่างามอย่างก่อนหน้านี้ได้อีกแล้ว

เขาไม่เคยคิดไม่เคยฝันเลยว่าหลินเป่ยเฉินจะกลายเป็นคนคนเดียวกับเจี๋ยนเซียวเหยา

การหลอมรวมพลังจากตำแหน่งใต้เท้าฉาง ไม่น่าจะรุดหน้าได้รวดเร็วขนาดนี้

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือร่างแยกของเว่ยหมิงเฉินคิดไม่ถึงเลยว่าเมืองที่ตนเองต้องการมายึดครองนี้ แท้ที่จริงแล้วกลับเป็นบ้านเกิดของเจี๋ยนเซียวเหยา

และความไม่รู้นั้นเองก็นำมาสู่ความพ่ายแพ้แสนสาหัส กระบี่เงินทิ่มแทงใส่ส้นเท้าของเขาอย่างต่อเนื่อง

เว่ยหมิงเฉินไม่อาจควบคุมสติของตนเองได้อีก

เพียงสามกระบวนท่าเท่านั้น หลินเป่ยเฉินก็สามารถแทงกระบี่ใส่ส้นเท้าของเว่ยหมิงเฉินได้สำเร็จ

เว่ยหมิงเฉินล้มลงไปนอนจมอยู่ในกองเลือดบนพื้นหิน

กัดฟันกรอดด้วยความโกรธแค้น

“ไม่ทำตัวอวดเก่งแล้วหรือ? ทำตัวอวดเก่งต่อไปสิ”

หลินเป่ยเฉินหัวเราะเยาะอย่างมีความสุข

เด็กหนุ่มเข้าใจว่าในที่สุดตนเองก็สามารถล้างแค้นกับศัตรูเก่าแก่ได้สักที

เมืองหยุนเมิ่ง

จวนตระกูลหลิง

“เสี่ยวชิน ข้าบอกเจ้าแล้ว เจ้าอยากจะพานางไปหรือไม่ล้วนเป็นการตัดสินใจของเจ้า… เจ้ามีเวลาอีกหนึ่งก้านธูป ข้าจะไปรออยู่ที่หน้าประตูจวน เมื่อครบกำหนดแล้วช่วยออกไปแจ้งด้วย”

ชายชราในชุดเสื้อคลุมสีเขียวสะอาดตา สีหน้าเย็นชาผู้หนึ่งกล่าวทิ้งทวนก่อนจะเดินออกไป

ชินหลันซูหันมามองหน้าสามีของตนเองที่ยืนอยู่ด้านข้างด้วยความลังเลใจ

สองสามีภรรยากำลังอยู่ในห้องใต้หลังคาของจวนตระกูลหลิง

ในห้องใต้หลังคาแห่งนี้มีแต่กลิ่นยาสมุนไพรลอยตลบอบอวล

หลิงเฉินผู้มีใบหน้าที่ซีดขาวไร้สีเลือดนอนห่มผ้าแน่นิ่งอยู่บนเตียง นอกจากในห้องนี้จะมีการสร้างค่ายอาคมให้ความอบอุ่นแล้ว ยังมีการเผาผลาญพลังเพิ่มความร้อนจากศิลาบูชาอีกจำนวนสี่ก้อน

แต่หลิงเฉินก็ยังมีร่างกายเย็นเฉียบไม่ต่างจากก้อนน้ำแข็ง ลมหายใจที่ออกมาจากปากและจมูกเป็นละอองแห่งความหนาวเย็น ทำให้อุณหภูมิในห้องลดต่ำลงเกินกว่าที่ควรจะเป็น

ข้าวของเครื่องใช้และพื้นห้องมีแต่เกล็ดน้ำแข็งเกาะเต็มไปหมด

ชินหลันซูจ้องมองใบหน้าซีดขาวของบุตรสาวตนเอง ดวงตามีแต่ความวิตกกังวลและความหมดหวัง

ในที่สุด วันนี้ก็มาถึงแล้ว

เดิมที นางเข้าใจว่าอาศัยการเตรียมพร้อมและการดูแลในหลายปีที่ผ่านมา คงสามารถช่วยซื้อเวลาให้แก่เฉินเอ๋อร์ได้อีกสักระยะ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อบุตรสาวต้องระเบิดพลังช่วยเหลือหลินเป่ยเฉินหลายต่อหลายครั้ง อาการของนางกลับทรุดหนักลงถึงเพียงนี้

และสิ่งที่ทำให้ชินหลันซูไม่อยากเชื่อมากที่สุดก็คือ นางกับบุตรสาวถูกผู้คนที่ติดตามหาตัวค้นพบในที่สุด

ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินมาถึงการตัดสินใจขั้นสุดท้าย

“ท่านออกไปบอกเขา พวกเราสองแม่ลูกยินดีไป”

ชินหลันซูตัดสินใจขั้นเด็ดขาด

ทันใดนั้น ร่างที่นอนแน่นิ่งไม่ได้สติของหลิงเฉินก็ขยับเขยื้อน ดวงตาของนางค่อยๆ ลืมขึ้นมาอย่างเชื่องช้า “เขากลับมาแล้ว ลูกรู้สึกได้ว่าเขาอยู่ที่นี่… เขาอยู่ที่นี่เจ้าค่ะ”

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

Status: Ongoing

หืมมม วิชานี้น่าสนใจดี แชะ ! ติ๊งง คุณได้รับแอพพลิเคชั่นวิชากระบี่ทะลวงจันทร์ ต้องการติดตั้งหรือไม่ ! ด้วยสมาร์ทโฟนในมือของเจ้าแกะดำหลิวเป่ยเฉิน ทำให้เขาสามารถผงาดบนโลกจอมยุทธ์นี้ได้อย่างง่ายดาย…. แต่ข้าไม่เอาหรอก ใครมันจะอยากอยู่โลกแบบนี้กัน YouTube ก็ไม่มี Facebook ก็เข้าไม่ได้ ข้าขอกลับโลกเดิมไปนั่งเล่นเกมในห้องแอร์เย็น ๆ ดีกว่าโว้ยยย !!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท