ตอนที่ 1,447 หุ่นเหล็กมฤตยู
ลำแสงสีแดงเลือดถูกยิงขึ้นสู่ท้องฟ้าจากใจกลางค่ายที่พักของกองทัพวิหารเทพพงไพร
มวลอากาศปั่นป่วน ลำแสงสีแดงนั้นมีอุณหภูมิร้อนแรง ไม่ต่างจากรังสีกระบี่ที่ต้องการแยกแผ่นฟ้าออกจากกัน…
นี่คือพลังกดดันที่สะเทือนขวัญผู้คน และจุดกำเนิดของลำแสงสีแดงนั้นก็กำลังปลดปล่อยพลังกดดันออกมาราวกับพายุหมุน
ความหวาดกลัวเกาะกินจิตใจบรรดานายทหารโดยไม่รู้ตัว
ทุกผู้คนต่างก็สั่นสะท้านไปกับลำแสงสีแดงที่ถูกยิงขึ้นสู่ท้องฟ้าในขณะนี้
ลำแสงสีแดงนั้นเริ่มต้น ‘แผดเผา’ วิญญาณของผู้คน
เงาดำครอบคลุมสติสัมปชัญญะ
“นี่มันพลังอะไรกัน?”
หลิงฉือตกตะลึง ใบหน้าหล่อเหลากลายเป็นสีขาวซีด
เขาเห็นศพคนตายจำนวนมากลุกโชนด้วยเปลวไฟสีดำ ก่อนที่ซากศพเหล่านั้นจะถูกเผาไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านสลายหายไปในพริบตา
แม้แต่กองเลือดและกระดูกที่กระจัดกระจายอยู่รอบทิศทางก็ถูกเปลวไฟสีดำเผาไหม้หายลับไปเช่นกัน
เปลวไฟทมิฬลุกโชนรอบทิศทาง
บนท้องฟ้าปกคลุมด้วยเมฆทะมึน
บนแม่น้ำปกคลุมด้วยเปลวไฟ
เปลวไฟที่คล้ายกับไม่มีวันดับมอด
กลุ่มคนที่กำลังต่อสู้กันอยู่ถึงกับหยุดอยู่กับที่
ไม่ว่าจะเป็นนายทหารชั้นปลายแถวหรือผู้มีพลังขั้นเซียน ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์หรือชาวทะเล ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใดก็ตาม ทั้งหมดล้วนตกตะลึงไปกับภาพที่กำลังเกิดขึ้น
“กระจายคำสั่งออกไป ถอนกำลัง รีบถอนกำลังกลับมาเดี๋ยวนี้!”
หลิงฉือตะโกนด้วยความร้อนรน
ความวิตกกังวลในหัวใจของเขาเพิ่มมากขึ้น
ชายหนุ่มรู้สึกว่าจะต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ ๆ
หรือว่าพวกเทพเจ้าที่อยู่ในกองทัพของฝ่ายตรงข้ามกำลังจะลงมือแล้ว?
ตึง! ตึง! ตึง! ตึง!
คล้ายเสียงตีกลองดังขึ้นเป็นจังหวะจะโคน แต่มันเป็นเสียงกลองที่ต่างจากการส่งสัญญาณทั่วไป นี่คล้ายกับเสียงกลองที่กำลังใช้ประกอบพิธีกรรมบางอย่าง
“ถอนกำลังก่อนกำหนดหรือ?”
เกาเฉิงฮั่นกระอักเลือดออกมาคำใหญ่และรีบล่าถอยด้วยความโล่งอก
“พวกเราถอยทัพ”
หลิงอู๋ระเบิดเสียงคำราม “เดี๋ยวข้าตามไป”
เขากำลังต่อสู้พัวพันอยู่กับนายทหารชั้นผู้นำของจักรวรรดิหลิวชา ต่างฝ่ายต่างได้รับบาดเจ็บสาหัส ล้วนอยู่ในสภาพร่อแร่ปางตาย
ขณะนี้ กองทัพของฝ่ายสัมพันธมิตรเริ่มล่าถอยอย่างรวดเร็ว
ตู้ม!
ตู้ม!
พื้นดินและพื้นน้ำสั่นสะเทือนรุนแรง
ดูเหมือนว่ากำลังจะมีวัตถุขนาดใหญ่เคลื่อนที่เข้ามาใกล้จากเส้นขอบฟ้า ซึ่งปกคลุมไปด้วยควันไฟและกลิ่นคาวเลือด วัตถุนั้นมาพร้อมกับพลังกดดันมหาศาล
“นั่นมัน…”
หลิงฉือผู้ยืนอยู่บนหัวเรือเหาะเบิกตาโต
เขาเห็นหุ่นเหล็กร่างยักษ์ที่สูงเทียมฟ้าเดินเข้ามาอย่างแช่มช้า
ใช่แล้ว
นี่คือหุ่นเหล็กที่แกะสลักเป็นรูปจำลองขององค์ราชันย์แห่งเทพพงไพร มันมีความสูงเท่ากับภูเขาขนาดใหญ่ เดิมทีตั้งตระหง่านอยู่บริเวณริมน้ำฝั่งตะวันตก คิดไม่ถึงเลยว่าบัดนี้หุ่นเหล็กตัวนั้นกลับมีชีวิตขึ้นมาแล้ว
ลำแสงสีแดงเลือดที่ถูกยิงออกมาก่อนหน้านี้ ย่อมเป็นลำแสงที่ออกมาจากดวงตาของหุ่นเหล็ก
บัดนี้ ดวงตาของหุ่นเหล็กมีแสงสว่างสีแดงฉายเรืองรอง พลังกดดันและจิตสังหารแรงกล้าแผ่ออกมาจากใจกลางหุ่นเหล็กไม่ต่างจากอานุภาพของระเบิดปรมาณู
ทันใดนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในสมรภูมิรบต่างก็ถูกทำลายหมดสิ้น ผู้คนล้มตาย ค่ายอาคมถูกสลาย เรือเหาะร่วงหล่นลงจากกลางอากาศ ไม่มีผู้ใดสามารถควบคุมได้…
เมื่อหุ่นเหล็กก้าวเดินมาข้างหน้า พื้นดินก็เกิดรอยแตกร้าว
ในค่ายที่พักของฝ่ายกองทัพเทพพงไพรพลันเกิดความวุ่นวายโกลาหล
เพราะหุ่นเหล็กตัวนี้สังหารคนไม่เลือกฝ่าย
เท้าขนาดใหญ่ยักษ์ของมันยามเหยียบย่ำลงมาบนพื้นดิน ไม่ทราบเลยว่ามีนายทหารของกองทัพเทพพงไพรต้องถูกเหยียบตายไปมากเท่าไหร่ บางคนทนพลังกดดันที่แผ่ออกมาจากตัวหุ่นเหล็กไม่ไหว โลหิตไหลทะลักออกจากปาก เปลวไฟทมิฬลุกโชนขึ้นทั่วร่างกาย…
“อ๊าก…”
“เราเป็นพวกเดียวกันนะ เราคือผู้ติดตามองค์ราชันย์”
“เจ้าหุ่นยักษ์บัดซบ”
“รีบไปตามท่านเทพเจ้ามาควบคุมมันเร็วเข้า”
ผู้คนในกองทัพวิหารเทพพงไพรร่ำร้องกันอย่างตื่นตระหนก การเคลื่อนไหวของหุ่นเหล็กเทพเจ้าในครั้งนี้ทำให้ค่ายที่พักของพวกเขาถูกทำลายไปเกินครึ่ง ในอากาศเต็มไปด้วยเสียงร้องโหยหวนและกลิ่นคาวเลือดจากการบาดเจ็บล้มตาย
นายทหารจำนวนมากรีบวิ่งเข้าไปตามท่านเทพเจ้าประจำกองทัพในกระโจมที่พัก แต่ไม่ทราบเลยว่าเทพเจ้าเหล่านั้นหายตัวไปตั้งแต่เมื่อใด
กระโจมที่พักว่างเปล่า
“พวกเราถูกทิ้งแล้ว…”
“ทุกคนร่วมมือกันหยุดหุ่นเหล็กตัวนี้ให้ได้”
ในกองทัพขณะนี้ยังคงมีแม่ทัพขั้นเซียนประจำการอยู่อีกประมาณสี่คน เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี พวกเขาก็ผนึกกำลังกัน พยายามโค่นล้มหุ่นเหล็กตัวนี้และขัดขวางมันจากการสังหารพวกเดียวกันเอง
แต่ปรากฏว่าหุ่นเหล็กมีอานุภาพทำลายล้างเกินจินตนาการ
ผู้มีพลังขั้นเซียนคนหนึ่งถูกหุ่นเหล็กจับตัวได้ และเพียงมันกำมือเท่านั้น ผู้มีพลังขั้นเซียนคนนั้นก็ร่างแหลกสลายกลายเป็นเศษเลือดเศษเนื้อกระจัดกระจาย…
“นี่คือพลังแห่งเทพอสูร”
“จบสิ้นกัน… พวกเราทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว รีบหนีกันเถอะ”
เมื่อกลุ่มผู้มีพลังขั้นเซียนที่เหลืออยู่เห็นว่าหุ่นเหล็กตัวนี้เกินความสามารถของตนเองจะจัดการได้ พวกเขาก็หันหลังกลับเตรียมตัวหลบหนี
แต่หุ่นเหล็กยักษ์ก็ไม่ได้เปิดโอกาสให้พวกเขาได้หลบหนี
มันกระทืบเท้าลงไปบนพื้นดินอย่างกะทันหัน
ตู้ม!
ก้อนหินขนาดใหญ่ระเบิดกระจายใส่ผู้มีพลังขั้นเซียนคนหนึ่งที่กำลังจะหลบหนี
โดยทั่วไปแล้ว บาดแผลทางกายภาพไม่สามารถทำให้ผู้มีพลังขั้นเซียนเสียชีวิตได้
แต่ผู้มีพลังขั้นเซียนจากจักรวรรดิต้าเกี๋ยนคนนั้นกลับเสียชีวิตโดยทันที
แน่นอนว่าพลังจากการกระแทกของก้อนหินทำให้เขาต้องเสียชีวิต
และผู้มีพลังขั้นเซียนคนอื่นๆ ก็ไม่อาจหนีรอดไปจากความตายเช่นกัน พวกเขาหันไปจ้องมองดวงตาสีแดงก่ำของหุ่นเหล็กยักษ์ ก่อนที่ตัวคนจะเริ่มมีเปลวไฟลุกโชนและกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดทรมาน…
“ฮ่า ๆๆ…”
นี่คือเสียงหัวเราะจากนรก เป็นเสียงหัวเราะที่ก้องกังวานไปทั่วแม่น้ำสีเลือด เป็นเสียงหัวเราะที่หมายมั่นเอาชีวิตผู้คน
เพียงพริบตาเดียว ผู้คนนับล้านในกองทัพวิหารเทพพงไพรก็ต้องถึงแก่ความตาย
ความแข็งแกร่งของหุ่นเหล็กตัวนี้เกินกว่าที่ผู้คนในแผ่นดินตงเต้าจะต้านทาน เมื่อมันเหยียบเท้าลงบนพื้นดิน พื้นดินก็จะเกิดรอยแตกร้าวขนาดใหญ่ มิหนำซ้ำ ยังเกิดแรงสั่นสะเทือนที่ทำให้ผิวน้ำสั่นไหว นายทหารจำนวนอีกหลายหมื่นของกองทัพเทพพงไพรต้องถึงแก่ความตาย ผู้คนจำนวนมากส่งเสียงกรีดร้องขณะที่ตกลงไปในรอยแยกบนพื้นดิน…
“เหตุการณ์เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?”
องค์ชายอวี่แสดงสีหน้าตื่นตระหนกออกมา
เขารีบวิ่งกลับมาดูที่ค่ายของกองทัพวิหารเทพพงไพรด้วยความหมดหวัง
เพราะอวี่เค่อบุตรสาวของเขายังคงอยู่ในค่าย
“หนี รีบหนีเร็ว”
บนเรือเหาะลำหนึ่งที่ปักธงจักรวรรดิเจิ้งหลง บุรุษหนุ่มรูปหล่อตัวสั่นเทา ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว ไม่มีความยโสโอหังหลงเหลืออีกต่อไป
หญิงสาวผู้มีรอยสักมังกรที่ยืนอยู่ด้านข้างสัมผัสได้ถึงพลังทำลายล้างจากหุ่นเหล็กยักษ์ สีหน้าของนางแปรเปลี่ยนไป
นางระเบิดเสียงคำราม ปลดปล่อยพลังที่ถูกกักเก็บอยู่ในร่างกาย รอยสักมังกรเรืองแสงออกมาพร้อมกับปรากฏอักขระรูปทรงประหลาด ทันใดนั้น หญิงสาวก็เปลี่ยนร่างกลายเป็นมังกรไฟขนาดใหญ่ยักษ์ที่บรรทุกบุรุษหนุ่มอยู่บนแผ่นหลังและนำพาเขาหลบหนีไปบนท้องฟ้า…
ในลมหายใจต่อมา เปลวไฟที่ถูกพ่นออกมาจากปากหุ่นเหล็กยักษ์ก็เผาไหม้เรือเหาะของพวกเขาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน
กองทัพวิหารเทพพงไพรล่มสลายลงแล้ว
กลุ่มเทพเจ้าที่คอยควบคุมการรบ อยู่ดี ๆ ก็ทิ้งพวกเขาไป มิหนำซ้ำ ยังปล่อยให้หุ่นเหล็กเข่นฆ่าพวกเขาราวกับเป็นสุนัขข้างถนน…
เทพอสูรเหล่านี้ไม่เคยมองพวกเขาเป็น ‘คน’ เท่าเทียมกัน
เพียงพริบตาเดียว ผู้คนหลายล้านชีวิตก็ต้องถึงแก่ความตาย
พลังที่ล้นทะลักออกมาจากหุ่นเหล็กยักษ์ทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกหมดหวัง มันมีพลังทำลายล้างที่สามารถถล่มแผ่นดินตงเต้าได้อย่างง่ายดาย นี่คือพลังที่มนุษย์ไม่สามารถต่อกรได้…
กองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรใช้โอกาสนี้ล่าถอยออกมา
แต่หุ่นเหล็กยักษ์ก็เริ่มหันหน้ามองมาทางพวกเขา…
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
หลิงฉือยืนอยู่บนเรือเหาะที่กำลังล่าถอย พยายามสะกดกลั้นความกลัวในจิตใจ
เดาได้ไม่ยากว่าหุ่นเหล็กตัวนี้เป็นฝีมือการสร้างของพวกเทพเจ้า
แต่ทำไมมันถึงฆ่าพวกเดียวกันเองล่ะ?
หลิงฉือถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นว่ากองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรสามารถถอนกำลังออกไปได้หมดสิ้น โชคดีที่คำสั่งถอนกำลังของเขาถูกประกาศออกไปได้ทันเวลา ดังนั้น เขาจึงสามารถ…
“ไม่นะ เจ้าปีศาจนั่นกำลังมาทางนี้แล้ว”
เกาเฉิงฮั่นผู้มีบาดแผลทั่วร่างกายอุทานออกมาเสียงดังลั่น
หลิงอู๋และนายทหารคนอื่น ๆ ที่ถอนกำลังขึ้นมายืนอยู่บนเรือเหาะล้วนตกตะลึงด้วยความหวาดกลัว
ทุกคนเห็นว่าในขณะนี้ หุ่นเหล็กสังหารที่เสร็จสิ้นการทำลายล้างค่ายทหารของกองทัพเทพพงไพรกำลังหันหน้ามองมาทางพวกเขา ดวงตาของมันจับจ้องเรือเหาะบนท้องฟ้า ก่อนระเบิดเสียงคำรามสนั่นหวั่นไหว และเริ่มต้นเดินตรงมาหาพวกเขาแล้ว
ฝีเท้าของมันช่างรวดเร็วเหลือเกิน!
ความรวดเร็วของหุ่นเหล็กไม่สัมพันธ์กับขนาดร่างกายที่ใหญ่ยักษ์เลยสักนิด
น่าจะเป็นเพราะหุ่นเหล็กตัวนี้ได้รับการลงค่ายอาคมบางอย่างเอาไว้ มันจึงสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วปราดเปรียว เพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น มันก็เคลื่อนที่เข้ามาหากองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรได้เป็นระยะทางหลายสิบลี้…
ครืน!
แผ่นดินสั่นสะเทือนเมื่อเท้าของหุ่นยักษ์เหยียบลงบนพื้นดิน
รอยแตกร้าวบนพื้นดินแผ่ขยายราวกับใยแมงมุม
เสียงกรีดร้องดังขึ้นรอบบริเวณจากกลุ่มนายทหารที่ตกลงไปในรอยแยกบนพื้นดิน
“ฮ่า ๆๆ…”
หุ่นเหล็กระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างเย็นชาและอำมหิตอีกครั้ง
มันมีร่างกายสูงใหญ่ยิ่งกว่าภูเขาทั้งลูก เปรียบดั่งความตายที่ไม่อาจสลัดหลุด มือขนาดใหญ่ยักษ์ยื่นขึ้นมาบนท้องฟ้า พยายามไล่จับเรือเหาะที่พวกของหลิงฉือโดยสารอยู่
เดิมทีเรือเหาะลำนี้ลงค่ายอาคมไว้อย่างหนาแน่น แต่บัดนี้ เรือเหาะทั้งลำกำลังสั่นสะเทือนจากเสียงคำรามของหุ่นเหล็ก นอกจากไม่สามารถแล่นไปข้างหน้าได้แล้ว เรือเหาะยังเริ่มลอยถอยหลังอย่างช้า ๆ อีกด้วย…
เงาแห่งความตายกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ทุกคนที่อยู่บนเรือเหาะลำนั้น
พลังกดดันมหาศาลทำให้พวกของหลิงฉือไม่อาจต้านทาน
พวกเขากำลังจะถูกความตายกลืนกินในอีกไม่ช้า
แต่ทันใดนั้นเอง…
ครืน!
ท้องฟ้าสั่นสะเทือน
ได้ยินเสียงฝีเท้าม้าดังขึ้นจากทิศตะวันตกเฉียงใต้
วูบ!
ลำแสงกระบี่สีเงินพุ่งผ่านอากาศ
ฉับ!
ได้ยินเสียงวัตถุบางอย่างถูกตัดขาด แล้วมือขนาดใหญ่ยักษ์ของหุ่นเหล็กก็ถูกคมกระบี่ตัดขาดสะบั้นร่วงหล่นลงกระแทกพื้นดิน
เป็นผู้ใดกัน?
หลิงฉือและพรรคพวกรอดตายอย่างหวุดหวิด รีบหันไปมองทางท้องฟ้าทิศตะวันตกเฉียงใต้โดยไม่รู้ตัว
รถม้าทองคำคันหนึ่งปรากฏในสายตา
เจ้าหนูอากวงนั่งอยู่บนตำแหน่งสารถีผู้ขับรถม้า แส้ในมือกำลังฟาดโบยใส่สัตว์อสูรผู้ฉุดลาก เด็กหนุ่มผู้มีหน้าตาหล่อเหลาในชุดเสื้อคลุมสีขาวสะอาดตายืนอยู่บนหลังคารถม้า ผมสีดำยาวสลวยของเขาปลิวไสวตามแรงลม
นับเป็นภาพที่สง่างามยิ่งนัก…
หลินเป่ยเฉิน!
ในที่สุด เขาก็ปรากฏตัวออกมาแล้ว
ทุกคนพลันรู้สึกโล่งอกขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล