บทที่ 1458 กล้าดีอย่างไรถึงมาขัดจังหวะข้า

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,458 กล้าดีอย่างไรถึงมาขัดจังหวะข้า

นี่มันภาพอะไรกันเนี่ย?

หลินเป่ยเฉินสะดุ้งเฮือก

เขาอ่านข้อมูลส่วนตัวของกระบี่มังกรเบิกฟ้า

หมอนี่เป็นผู้ชาย

แล้วกระบี่มังกรเบิกฟ้าอยู่ตรงส่วนไหนในภาพที่เขากำลังเห็นนี้ล่ะ?

หรือว่าโทรศัพท์ของหมอนี่จะถูกขโมย?

ไม่น่าใช่ เพราะอีกฝ่ายไม่น่ามีโทรศัพท์

แต่คำถามสำคัญก็คือ ถ้าไม่มีโทรศัพท์แล้วสามารถวิดีโอ คอลผ่านแอป QQ ได้อย่างไร?

คำถามมากมายปรากฏขึ้นในใจของหลินเป่ยเฉิน

“ช่วยข้าด้วย ช่วยพวกเราด้วย…”

เสียงหนึ่งดังขึ้นจากหน้าจอโทรศัพท์

เป็นเสียงของบุรุษ

หลินเป่ยเฉินถึงกับตกตะลึงไปอีกครั้ง

นี่หมายความว่าเหตุการณ์ที่เขากำลังเห็นอยู่นี้ เป็นมุมมองจากสายตาของกระบี่มังกรเบิกฟ้าสินะ

หมอนั่นกำลังร้องขอความช่วยเหลือ

“เจ้าอยู่ที่ไหน?”

หลินเป่ยเฉินกระซิบถามกลับไป

“หุบเขาแม่น้ำแดง หุบเขาแม่น้ำแดงแห่งจักรวรรดิหลิวชา พวกเราถูกกลุ่มเทพอสูรจับตัวมา พวกมันกำลังสังหารหมู่ชาวเมือง…”

เสียงสั่นเครือดังผ่านหน้าจอโทรศัพท์ แทบจะได้ยินเสียงฟันที่สั่นกระทบกันด้วยความตื่นกลัว

หลินเป่ยเฉินคิดอะไรบางอย่างเล็กน้อยก็ตอบออกไปว่า “ตกลง ข้าจะไปช่วยเจ้า”

หลังพูดจบ สายตาของเขาก็มองไปยังเด็กสาวผู้มีรอยสักมังกรอยู่บนตัวอีกครั้ง

นางได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้แต่ยังคงมีชีวิตอยู่ แม้จะถูกจับแขวนอยู่บนเสาหินต้นใหญ่… แต่กลับไม่ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตื่นกลัวสักคำ เด็กสาวผู้นี้เกรงว่าคงไม่ใช่คนธรรมดาเป็นแน่แท้

เมื่อกดสิ้นสุดการวิดีโอคอลจากแอป QQ หลินเป่ยเฉินก็ชำเลืองมองมาที่เยว่หงเซียง นางยังคงทุ่มเทสมาธิอยู่กับการควบคุมหุ่นเหล็กมรณะ ดังนั้นเขาจึงล่าถอยออกมาโดยไม่รบกวน

หลังจากนั้น

เซียวปิงที่กำลังรับประทานน่องไก่ย่าง อากวงที่กำลังดื่มสุราและสูบบุหรี่ ต่างก็มาปรากฏตัวที่เกาะร้างแห่งนี้ตาม ๆ กัน

หลินเป่ยเฉินเป็นผู้เรียกมาเอง

เซียวปิงเดินไปนั่งบนก้อนหินที่ชายหาด รับประทานน่องไก่ย่าง ทำหน้าที่เป็นองครักษ์พิทักษ์เยว่หงเซียง

ส่วนอากวงก็กระโดดลงไปจับกุ้งหอยปูปลาบริเวณริมน้ำเล่นอย่างสนุกสนาน

รถม้าทองคำห้อตะบึงผ่านแผ่นฟ้า

หลินเป่ยเฉินขับรถม้ามาด้วยตนเองและอาศัยการนำทางจากแอปไป่ตู้ แมป มุ่งหน้าสู่หุบเขาแม่น้ำแดงแห่งจักรวรรดิหลิวชา

ตลอดเส้นทางเด็กหนุ่มพบเห็นแต่เมืองร้าง

จักรวรรดิหลิวชานับเป็นจักรวรรดิเล็ก ๆ ในแผ่นดินตงเต้า มีสถานะเหนือกว่าจักรวรรดิเป่ยไห่เพียงอันดับเดียวเท่านั้น และพื้นที่ส่วนใหญ่ของดินแดนแห่งนี้ก็ล้วนมีแต่ทะเลทราย

จักรวรรดิหลิวชามีประชากรอยู่ไม่น้อย

หุบเขาแม่น้ำแดงคือเมืองหลวงของดินแดนแห่งนี้ มันเป็นหุบเขาที่กว้างใหญ่ สิ่งที่เรียกว่าแม่น้ำแดงนั้นไม่ใช่แม่น้ำ แต่เป็นทะเลทรายที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา

ว่ากันว่ายามพระอาทิตย์ตกดิน ทะเลทรายจะถูกแสงตะวันย้อมจนเป็นสีแดง มองไปคล้ายแม่น้ำแดงสายหนึ่ง จึงถือเป็นทัศนียภาพที่สวยงามอย่างไม่มีใครเทียบเคียงได้ในแผ่นดินตงเต้า

แต่ตอนที่หลินเป่ยเฉินไปถึง หุบเขาแห่งนี้ได้กลายเป็นนรกบนดินไปเสียแล้ว

พื้นดินถล่มยุบตัว

แหล่งน้ำเหือดแห้ง

ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตหรือพืชไม้ในรัศมีหลายร้อยลี้ต่างก็ถึงแก่ความตายหมดสิ้น ต้นไม้ตายซาก ซากสัตว์เน่าเหม็น เช่นเดียวกับศพนายทหารของจักรวรรดิหลิวชา ล้วนแต่เป็นสิ่งที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปบนพื้นดิน ในอากาศจึงตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นเน่าเหม็นชวนอาเจียน…

ตลอดเส้นทางอันยาวไกล หลินเป่ยเฉินสัมผัสได้ถึงมวลพลังศักดิ์สิทธิ์จากกลุ่มเทพอสูร

เขารีบลดพลังศักดิ์สิทธิ์ของตนเอง เก็บรถม้าทองคำและทิ้งตัวลงไปสู่เมืองร้างที่อยู่ด้านล่าง

ถึงอย่างไร เขาก็มาที่นี่เพื่อช่วยคน

ไม่ได้มาเพื่ออวดเบ่งบารมีผู้ใด

ภารกิจของเขาในขณะนี้คือการกวาดล้างกลุ่มเทพอสูรผู้ชั่วร้ายและช่วยเหลือกระบี่มังกรเบิกฟ้ารวมถึงผู้รอดชีวิตคนอื่น ๆ ให้หลบหนีออกมาจากอันตรายทั้งปวง

หลินเป่ยเฉินกระโดดพุ่งหลาวลงไปสู่พื้นดิน

ไม่ต่างจากปลาน้อยกระโดดลงสู่ผิวน้ำ

หลังจากนั้น เด็กหนุ่มก็แฝงตัวอยู่ใต้พื้นดินและตรวจจับความเคลื่อนไหวจากรอบทิศทาง

บัดนี้ หลินเป่ยเฉินสามารถปลดผนึกพลังปราณธาตุดินได้แล้ว นอกจากสามารถได้ยินเสียงรอบทิศทาง เขายังสามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างบนพื้นดินเพียงเงยหน้ามองได้อีกด้วย

กำแพงเมืองพังถล่ม ไม่มีผู้คนปฏิบัติหน้าที่

ศพคนตายพบเห็นได้ทุกหนทุกแห่งในตัวเมือง

ปล่องควันจากอาคารบ้านเรือนมีสภาพไม่ต่างจากปากของอสูรยักษ์ที่คอยพ่นควันสีดำขึ้นสู่ท้องฟ้า

ผู้คนในจักรวรรดิหลิวชามักถูกเรียกขานว่าเป็นเผ่ามนุษย์ทะเลทราย บางส่วนยังคงรอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์ แต่พวกเขาก็กลายเป็นทาสรับใช้กลุ่มเทพอสูร คอยทำหน้าที่เป็นกรรมกรแบกหามเก็บเศษเหล็กและเศษซากอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อนำไปโยนเข้าสู่เตาหลอมเหล็ก

ช่างตีเหล็กของเผ่ามนุษย์ทะเลทรายเปลือยกายท่อนบนยืนอยู่หน้าเตาหลอมเหล็ก เหงื่อท่วมตัว หน้าที่ของพวกเขาคือการหลอมชิ้นส่วนโลหะขนาดใหญ่ยักษ์รูปแบบต่าง ๆ ขึ้นมาตามคำสั่งของกลุ่มเทพอสูร

นี่คือเมืองที่ล่มสลายอย่างแท้จริง

เมื่อเข้ามาอยู่ในระยะทำการ หลินเป่ยเฉินก็สามารถระบุตำแหน่งของกระบี่มังกรเบิกฟ้าผ่านทางแอปไป่ตู้ แมปได้อย่างแม่นยำ

เมื่อดำดินไปตามการนำทาง ในที่สุด หลินเป่ยเฉินก็มาถึงคฤหาสน์หลังหนึ่ง

คฤหาสน์หลังใหญ่ซึ่งเคยเป็นที่ประทับขององค์จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิหลิวชาพังถล่มลงไปกว่าครึ่งหลังแล้ว

แต่ก็ยังคงมีผู้คนจากสำนักกระบี่กระดูกขาวเดินลาดตระเวนรอบคฤหาสน์อย่างเข้มงวด บัดนี้ เป็นที่ทราบดีว่าสำนักกระบี่กระดูกขาวอยู่ภายใต้อาณัติของกลุ่มเทพอสูร สมาชิกในสำนักได้รับการประทานพรพลังศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นขีดความสามารถของพวกมันในขณะนี้จึงแข็งแกร่งเกินกว่ามนุษย์ทั่วไป

แม้อาจไม่สามารถเทียบได้กับความแข็งแกร่งของกลุ่มเทพอสูร

แต่เมื่อเทียบกับความแข็งแกร่งของมนุษย์ด้วยกัน ก็แทบไม่มีผู้ใดสามารถสู้กับพวกมันได้อีกแล้ว

พื้นที่ทั้งด้านในและด้านนอกวังหลวงมีค่ายอาคมจากกลุ่มเทพอสูรกางกั้นแน่นหนา แม้แต่พื้นที่ใต้ดินก็ถูกปิดกั้นเช่นกัน

แต่นี่ย่อมไม่เป็นปัญหาสำหรับหลินเป่ยเฉิน

เขาใช้โอกาสนี้สังหารเวรยามคนหนึ่งของสำนักกระบี่กระดูกขาว และใช้ศิลาบูชาสิบก้อนให้แอปเมจิก คาเมร่าแปลงโฉมตนเองเป็นเวรยามผู้นั้น ด้วยเหตุนี้ หลินเป่ยเฉินจึงแฝงตัวเข้าไปในวังหลวงได้อย่างง่ายดาย

การรักษาความปลอดภัยด้านในวังหลวงหละหลวมมาก

เพียงไม่นาน หลินเป่ยเฉินก็เดินมาถึงห้องโถงใหญ่ที่เขาเคยเห็นในแอป QQ

ห้องโถงใหญ่หรือท้องพระโรงแห่งนี้ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นสังเวียนการต่อสู้

ผู้คนจากสำนักกระบี่กระดูกขาวหลายร้อยชีวิตมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ดังนั้น การมาถึงของหลินเป่ยเฉินจึงไม่ได้ดึงดูดความสนใจของผู้ใด

เขาแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มผู้คน

การต่อสู้บนสังเวียนกำลังดำเนินไป

บุรุษหนุ่มร่างสูงผู้หนึ่งกำลังถือกระบี่ที่แตกหักอยู่ในมือ คู่ต่อสู้ของเขาคือนักรบที่สวมใส่ชุดเกราะโครงกระดูกขาว… หรือถ้าจะอธิบายให้ถูกต้องก็คือ เขากำลังต่อสู้อยู่กับมนุษย์ยักษ์ที่มีร่างกายสูงใหญ่มากกว่าตัวเองถึงสองเท่า

คมกระบี่สาดประกายเจิดจ้า

บุรุษหนุ่มส่งเสียงร้องโหยหวนต่อเนื่อง โลหิตไหลทะลักออกจากร่างกาย บาดแผลฉกรรจ์มองเห็นถึงกระดูก

โลหิตพุ่งกระฉูด

มนุษย์ยักษ์ฝ่ายตรงข้ามยกกระบี่ในมือขึ้นเลีย ชิมรสโลหิตอย่างเอร็ดอร่อย

มันยิงฟันยิ้ม อวดฟันขาวแหลมคมคล้ายกับซี่เลื่อยพลางพูดว่า “นี่สินะคือโลหิตของราชวงศ์แห่งจักรวรรดิเจิ้งหลง นี่คือรสชาติและกลิ่นที่ไม่สามารถพบได้ในโลหิตของประชาชนทั่วไป… องค์ชาย การโจมตีเมื่อสักครู่นี้ ข้าเพียงอยากได้กลิ่นและลองชิมโลหิตของท่านเท่านั้น หากข้าลงมือต่อจากนี้ รับรองว่าท่านต้องตายแน่นอน”

ทันใดนั้น ปรากฏลำแสงกระบี่พุ่งเข้าใส่ร่างของมนุษย์ยักษ์จากสำนักกระบี่กระดูกขาว โลหิตพลันไหลทะลักออกมา

“อ๊าก อ๊าก อ๊าก อ๊าก…”

มนุษย์ยักษ์ร้องด้วยความเจ็บปวดทรมาน ตัวคนล้มลงไปดิ้นทุรนทุราย…

บนพื้นสังเวียนเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสด

บนสังเวียนในขณะนี้มีแต่ซากศพของนายทหารจากจักรวรรดิเจิ้งหลง เช่นเดียวกับซากศพของกลุ่มกบฏเผ่ามนุษย์ทะเลทราย

สุนัขปีศาจที่มีร่างกายลุกเป็นไฟกำลังกัดแทะรับประทานศพคนตายเหล่านั้นอย่างบ้าคลั่ง

หลินเป่ยเฉินกวาดสายตามองโดยรอบ

ในที่สุด สายตาของเขาก็ไปหยุดลงที่บุรุษหนุ่มร่างผอมสูงผู้ถูกเรียกว่าองค์ชายบนสังเวียนประลอง

ดูเหมือนหมอนี่น่าจะเป็นกระบี่มังกรเบิกฟ้ามากที่สุดแล้ว

นี่หมายความว่าหลินเป่ยเฉินยังคงมาทันเวลา

เขาเดินขึ้นสู่สังเวียนประลองไปหยุดยืนอยู่ข้างกายองค์ชายหนุ่มและถามว่า “เจ้าคือกระบี่มังกรเบิกฟ้าใช่หรือไม่?”

องค์ชายสะดุ้งโหยง ก่อนที่หัวใจจะพองโตด้วยความตื่นเต้น “ท่านเป็นใคร?”

หลินเป่ยเฉินยังไม่ทันได้ตอบคำถาม นักรบจากสำนักกระบี่กระดูกขาวผู้หนึ่งก็ตะโกนขึ้นมาว่า “กู้อู๋ เจ้าขึ้นไปทำอะไรบนนั้น? รีบลงมาซะ…”

เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย

วูบ!

ศีรษะของนักรบผู้มีพลังขั้นเซียนคนนั้นพลันระเบิดกระจาย

หลินเป่ยเฉินค่อย ๆ ลดมือของตนเองลงและกล่าวว่า “กล้าดีอย่างไรถึงมาขัดจังหวะข้า?”

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

Status: Ongoing

หืมมม วิชานี้น่าสนใจดี แชะ ! ติ๊งง คุณได้รับแอพพลิเคชั่นวิชากระบี่ทะลวงจันทร์ ต้องการติดตั้งหรือไม่ ! ด้วยสมาร์ทโฟนในมือของเจ้าแกะดำหลิวเป่ยเฉิน ทำให้เขาสามารถผงาดบนโลกจอมยุทธ์นี้ได้อย่างง่ายดาย…. แต่ข้าไม่เอาหรอก ใครมันจะอยากอยู่โลกแบบนี้กัน YouTube ก็ไม่มี Facebook ก็เข้าไม่ได้ ข้าขอกลับโลกเดิมไปนั่งเล่นเกมในห้องแอร์เย็น ๆ ดีกว่าโว้ยยย !!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท