ตอนที่ 1,458 กล้าดีอย่างไรถึงมาขัดจังหวะข้า
นี่มันภาพอะไรกันเนี่ย?
หลินเป่ยเฉินสะดุ้งเฮือก
เขาอ่านข้อมูลส่วนตัวของกระบี่มังกรเบิกฟ้า
หมอนี่เป็นผู้ชาย
แล้วกระบี่มังกรเบิกฟ้าอยู่ตรงส่วนไหนในภาพที่เขากำลังเห็นนี้ล่ะ?
หรือว่าโทรศัพท์ของหมอนี่จะถูกขโมย?
ไม่น่าใช่ เพราะอีกฝ่ายไม่น่ามีโทรศัพท์
แต่คำถามสำคัญก็คือ ถ้าไม่มีโทรศัพท์แล้วสามารถวิดีโอ คอลผ่านแอป QQ ได้อย่างไร?
คำถามมากมายปรากฏขึ้นในใจของหลินเป่ยเฉิน
“ช่วยข้าด้วย ช่วยพวกเราด้วย…”
เสียงหนึ่งดังขึ้นจากหน้าจอโทรศัพท์
เป็นเสียงของบุรุษ
หลินเป่ยเฉินถึงกับตกตะลึงไปอีกครั้ง
นี่หมายความว่าเหตุการณ์ที่เขากำลังเห็นอยู่นี้ เป็นมุมมองจากสายตาของกระบี่มังกรเบิกฟ้าสินะ
หมอนั่นกำลังร้องขอความช่วยเหลือ
“เจ้าอยู่ที่ไหน?”
หลินเป่ยเฉินกระซิบถามกลับไป
“หุบเขาแม่น้ำแดง หุบเขาแม่น้ำแดงแห่งจักรวรรดิหลิวชา พวกเราถูกกลุ่มเทพอสูรจับตัวมา พวกมันกำลังสังหารหมู่ชาวเมือง…”
เสียงสั่นเครือดังผ่านหน้าจอโทรศัพท์ แทบจะได้ยินเสียงฟันที่สั่นกระทบกันด้วยความตื่นกลัว
หลินเป่ยเฉินคิดอะไรบางอย่างเล็กน้อยก็ตอบออกไปว่า “ตกลง ข้าจะไปช่วยเจ้า”
หลังพูดจบ สายตาของเขาก็มองไปยังเด็กสาวผู้มีรอยสักมังกรอยู่บนตัวอีกครั้ง
นางได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้แต่ยังคงมีชีวิตอยู่ แม้จะถูกจับแขวนอยู่บนเสาหินต้นใหญ่… แต่กลับไม่ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตื่นกลัวสักคำ เด็กสาวผู้นี้เกรงว่าคงไม่ใช่คนธรรมดาเป็นแน่แท้
เมื่อกดสิ้นสุดการวิดีโอคอลจากแอป QQ หลินเป่ยเฉินก็ชำเลืองมองมาที่เยว่หงเซียง นางยังคงทุ่มเทสมาธิอยู่กับการควบคุมหุ่นเหล็กมรณะ ดังนั้นเขาจึงล่าถอยออกมาโดยไม่รบกวน
หลังจากนั้น
เซียวปิงที่กำลังรับประทานน่องไก่ย่าง อากวงที่กำลังดื่มสุราและสูบบุหรี่ ต่างก็มาปรากฏตัวที่เกาะร้างแห่งนี้ตาม ๆ กัน
หลินเป่ยเฉินเป็นผู้เรียกมาเอง
เซียวปิงเดินไปนั่งบนก้อนหินที่ชายหาด รับประทานน่องไก่ย่าง ทำหน้าที่เป็นองครักษ์พิทักษ์เยว่หงเซียง
ส่วนอากวงก็กระโดดลงไปจับกุ้งหอยปูปลาบริเวณริมน้ำเล่นอย่างสนุกสนาน
…
รถม้าทองคำห้อตะบึงผ่านแผ่นฟ้า
หลินเป่ยเฉินขับรถม้ามาด้วยตนเองและอาศัยการนำทางจากแอปไป่ตู้ แมป มุ่งหน้าสู่หุบเขาแม่น้ำแดงแห่งจักรวรรดิหลิวชา
ตลอดเส้นทางเด็กหนุ่มพบเห็นแต่เมืองร้าง
จักรวรรดิหลิวชานับเป็นจักรวรรดิเล็ก ๆ ในแผ่นดินตงเต้า มีสถานะเหนือกว่าจักรวรรดิเป่ยไห่เพียงอันดับเดียวเท่านั้น และพื้นที่ส่วนใหญ่ของดินแดนแห่งนี้ก็ล้วนมีแต่ทะเลทราย
จักรวรรดิหลิวชามีประชากรอยู่ไม่น้อย
หุบเขาแม่น้ำแดงคือเมืองหลวงของดินแดนแห่งนี้ มันเป็นหุบเขาที่กว้างใหญ่ สิ่งที่เรียกว่าแม่น้ำแดงนั้นไม่ใช่แม่น้ำ แต่เป็นทะเลทรายที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา
ว่ากันว่ายามพระอาทิตย์ตกดิน ทะเลทรายจะถูกแสงตะวันย้อมจนเป็นสีแดง มองไปคล้ายแม่น้ำแดงสายหนึ่ง จึงถือเป็นทัศนียภาพที่สวยงามอย่างไม่มีใครเทียบเคียงได้ในแผ่นดินตงเต้า
แต่ตอนที่หลินเป่ยเฉินไปถึง หุบเขาแห่งนี้ได้กลายเป็นนรกบนดินไปเสียแล้ว
พื้นดินถล่มยุบตัว
แหล่งน้ำเหือดแห้ง
ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตหรือพืชไม้ในรัศมีหลายร้อยลี้ต่างก็ถึงแก่ความตายหมดสิ้น ต้นไม้ตายซาก ซากสัตว์เน่าเหม็น เช่นเดียวกับศพนายทหารของจักรวรรดิหลิวชา ล้วนแต่เป็นสิ่งที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปบนพื้นดิน ในอากาศจึงตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นเน่าเหม็นชวนอาเจียน…
ตลอดเส้นทางอันยาวไกล หลินเป่ยเฉินสัมผัสได้ถึงมวลพลังศักดิ์สิทธิ์จากกลุ่มเทพอสูร
เขารีบลดพลังศักดิ์สิทธิ์ของตนเอง เก็บรถม้าทองคำและทิ้งตัวลงไปสู่เมืองร้างที่อยู่ด้านล่าง
ถึงอย่างไร เขาก็มาที่นี่เพื่อช่วยคน
ไม่ได้มาเพื่ออวดเบ่งบารมีผู้ใด
ภารกิจของเขาในขณะนี้คือการกวาดล้างกลุ่มเทพอสูรผู้ชั่วร้ายและช่วยเหลือกระบี่มังกรเบิกฟ้ารวมถึงผู้รอดชีวิตคนอื่น ๆ ให้หลบหนีออกมาจากอันตรายทั้งปวง
หลินเป่ยเฉินกระโดดพุ่งหลาวลงไปสู่พื้นดิน
ไม่ต่างจากปลาน้อยกระโดดลงสู่ผิวน้ำ
หลังจากนั้น เด็กหนุ่มก็แฝงตัวอยู่ใต้พื้นดินและตรวจจับความเคลื่อนไหวจากรอบทิศทาง
บัดนี้ หลินเป่ยเฉินสามารถปลดผนึกพลังปราณธาตุดินได้แล้ว นอกจากสามารถได้ยินเสียงรอบทิศทาง เขายังสามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างบนพื้นดินเพียงเงยหน้ามองได้อีกด้วย
กำแพงเมืองพังถล่ม ไม่มีผู้คนปฏิบัติหน้าที่
ศพคนตายพบเห็นได้ทุกหนทุกแห่งในตัวเมือง
ปล่องควันจากอาคารบ้านเรือนมีสภาพไม่ต่างจากปากของอสูรยักษ์ที่คอยพ่นควันสีดำขึ้นสู่ท้องฟ้า
ผู้คนในจักรวรรดิหลิวชามักถูกเรียกขานว่าเป็นเผ่ามนุษย์ทะเลทราย บางส่วนยังคงรอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์ แต่พวกเขาก็กลายเป็นทาสรับใช้กลุ่มเทพอสูร คอยทำหน้าที่เป็นกรรมกรแบกหามเก็บเศษเหล็กและเศษซากอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อนำไปโยนเข้าสู่เตาหลอมเหล็ก
ช่างตีเหล็กของเผ่ามนุษย์ทะเลทรายเปลือยกายท่อนบนยืนอยู่หน้าเตาหลอมเหล็ก เหงื่อท่วมตัว หน้าที่ของพวกเขาคือการหลอมชิ้นส่วนโลหะขนาดใหญ่ยักษ์รูปแบบต่าง ๆ ขึ้นมาตามคำสั่งของกลุ่มเทพอสูร
นี่คือเมืองที่ล่มสลายอย่างแท้จริง
เมื่อเข้ามาอยู่ในระยะทำการ หลินเป่ยเฉินก็สามารถระบุตำแหน่งของกระบี่มังกรเบิกฟ้าผ่านทางแอปไป่ตู้ แมปได้อย่างแม่นยำ
เมื่อดำดินไปตามการนำทาง ในที่สุด หลินเป่ยเฉินก็มาถึงคฤหาสน์หลังหนึ่ง
คฤหาสน์หลังใหญ่ซึ่งเคยเป็นที่ประทับขององค์จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิหลิวชาพังถล่มลงไปกว่าครึ่งหลังแล้ว
แต่ก็ยังคงมีผู้คนจากสำนักกระบี่กระดูกขาวเดินลาดตระเวนรอบคฤหาสน์อย่างเข้มงวด บัดนี้ เป็นที่ทราบดีว่าสำนักกระบี่กระดูกขาวอยู่ภายใต้อาณัติของกลุ่มเทพอสูร สมาชิกในสำนักได้รับการประทานพรพลังศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นขีดความสามารถของพวกมันในขณะนี้จึงแข็งแกร่งเกินกว่ามนุษย์ทั่วไป
แม้อาจไม่สามารถเทียบได้กับความแข็งแกร่งของกลุ่มเทพอสูร
แต่เมื่อเทียบกับความแข็งแกร่งของมนุษย์ด้วยกัน ก็แทบไม่มีผู้ใดสามารถสู้กับพวกมันได้อีกแล้ว
พื้นที่ทั้งด้านในและด้านนอกวังหลวงมีค่ายอาคมจากกลุ่มเทพอสูรกางกั้นแน่นหนา แม้แต่พื้นที่ใต้ดินก็ถูกปิดกั้นเช่นกัน
แต่นี่ย่อมไม่เป็นปัญหาสำหรับหลินเป่ยเฉิน
เขาใช้โอกาสนี้สังหารเวรยามคนหนึ่งของสำนักกระบี่กระดูกขาว และใช้ศิลาบูชาสิบก้อนให้แอปเมจิก คาเมร่าแปลงโฉมตนเองเป็นเวรยามผู้นั้น ด้วยเหตุนี้ หลินเป่ยเฉินจึงแฝงตัวเข้าไปในวังหลวงได้อย่างง่ายดาย
การรักษาความปลอดภัยด้านในวังหลวงหละหลวมมาก
เพียงไม่นาน หลินเป่ยเฉินก็เดินมาถึงห้องโถงใหญ่ที่เขาเคยเห็นในแอป QQ
ห้องโถงใหญ่หรือท้องพระโรงแห่งนี้ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นสังเวียนการต่อสู้
ผู้คนจากสำนักกระบี่กระดูกขาวหลายร้อยชีวิตมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ดังนั้น การมาถึงของหลินเป่ยเฉินจึงไม่ได้ดึงดูดความสนใจของผู้ใด
เขาแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มผู้คน
การต่อสู้บนสังเวียนกำลังดำเนินไป
บุรุษหนุ่มร่างสูงผู้หนึ่งกำลังถือกระบี่ที่แตกหักอยู่ในมือ คู่ต่อสู้ของเขาคือนักรบที่สวมใส่ชุดเกราะโครงกระดูกขาว… หรือถ้าจะอธิบายให้ถูกต้องก็คือ เขากำลังต่อสู้อยู่กับมนุษย์ยักษ์ที่มีร่างกายสูงใหญ่มากกว่าตัวเองถึงสองเท่า
คมกระบี่สาดประกายเจิดจ้า
บุรุษหนุ่มส่งเสียงร้องโหยหวนต่อเนื่อง โลหิตไหลทะลักออกจากร่างกาย บาดแผลฉกรรจ์มองเห็นถึงกระดูก
โลหิตพุ่งกระฉูด
มนุษย์ยักษ์ฝ่ายตรงข้ามยกกระบี่ในมือขึ้นเลีย ชิมรสโลหิตอย่างเอร็ดอร่อย
มันยิงฟันยิ้ม อวดฟันขาวแหลมคมคล้ายกับซี่เลื่อยพลางพูดว่า “นี่สินะคือโลหิตของราชวงศ์แห่งจักรวรรดิเจิ้งหลง นี่คือรสชาติและกลิ่นที่ไม่สามารถพบได้ในโลหิตของประชาชนทั่วไป… องค์ชาย การโจมตีเมื่อสักครู่นี้ ข้าเพียงอยากได้กลิ่นและลองชิมโลหิตของท่านเท่านั้น หากข้าลงมือต่อจากนี้ รับรองว่าท่านต้องตายแน่นอน”
ทันใดนั้น ปรากฏลำแสงกระบี่พุ่งเข้าใส่ร่างของมนุษย์ยักษ์จากสำนักกระบี่กระดูกขาว โลหิตพลันไหลทะลักออกมา
“อ๊าก อ๊าก อ๊าก อ๊าก…”
มนุษย์ยักษ์ร้องด้วยความเจ็บปวดทรมาน ตัวคนล้มลงไปดิ้นทุรนทุราย…
บนพื้นสังเวียนเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสด
บนสังเวียนในขณะนี้มีแต่ซากศพของนายทหารจากจักรวรรดิเจิ้งหลง เช่นเดียวกับซากศพของกลุ่มกบฏเผ่ามนุษย์ทะเลทราย
สุนัขปีศาจที่มีร่างกายลุกเป็นไฟกำลังกัดแทะรับประทานศพคนตายเหล่านั้นอย่างบ้าคลั่ง
หลินเป่ยเฉินกวาดสายตามองโดยรอบ
ในที่สุด สายตาของเขาก็ไปหยุดลงที่บุรุษหนุ่มร่างผอมสูงผู้ถูกเรียกว่าองค์ชายบนสังเวียนประลอง
ดูเหมือนหมอนี่น่าจะเป็นกระบี่มังกรเบิกฟ้ามากที่สุดแล้ว
นี่หมายความว่าหลินเป่ยเฉินยังคงมาทันเวลา
เขาเดินขึ้นสู่สังเวียนประลองไปหยุดยืนอยู่ข้างกายองค์ชายหนุ่มและถามว่า “เจ้าคือกระบี่มังกรเบิกฟ้าใช่หรือไม่?”
องค์ชายสะดุ้งโหยง ก่อนที่หัวใจจะพองโตด้วยความตื่นเต้น “ท่านเป็นใคร?”
หลินเป่ยเฉินยังไม่ทันได้ตอบคำถาม นักรบจากสำนักกระบี่กระดูกขาวผู้หนึ่งก็ตะโกนขึ้นมาว่า “กู้อู๋ เจ้าขึ้นไปทำอะไรบนนั้น? รีบลงมาซะ…”
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
วูบ!
ศีรษะของนักรบผู้มีพลังขั้นเซียนคนนั้นพลันระเบิดกระจาย
หลินเป่ยเฉินค่อย ๆ ลดมือของตนเองลงและกล่าวว่า “กล้าดีอย่างไรถึงมาขัดจังหวะข้า?”