บทที่ 1459 เจ้าเพิ่งพูดว่าอะไรนะ

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,459 เจ้าเพิ่งพูดว่าอะไรนะ

ท้องพระโรงที่เคยมีเสียงดังอึกทึกครึกโครมพลันตกอยู่ในความเงียบจนได้ยินแม้แต่เสียงเข็มตก

ตุบ!

ร่างไร้ศีรษะของนักรบจากสำนักกระบี่กระดูกขาวล้มลงบนพื้น

ทุกคนจึงกลับมาได้สติอีกครั้ง

“กู้อู๋ เจ้าทำอะไรลงไป?”

“ไม่นะ เขาไม่ใช่กู้อู๋…”

“พวกเราจับตัวมันเอาไว้ อย่าให้มันหนีไปได้ เร็วเข้า”

บรรดาสมาชิกจากสำนักกระบี่กระดูกขาวรีบชักกระบี่ออกมาจากฝักและปลดปล่อยพลังกดดันคุกคามใส่บุคคลที่มีหน้าตาเหมือนกู้อู๋ผู้นั้น

เฮอะ มีแต่พวกกากเดนทั้งนั้น

หลินเป่ยเฉินไม่สนใจพวกปลาเน่าตัวเล็กตัวน้อยเหล่านี้ เขาหันหน้ามองไปยังเสาหินใหญ่ในท้องพระโรง ชี้มือไปยังร่างที่ถูกตะขอเกี่ยวอยู่บนเสาหินต้นนั้นพร้อมกับหันมาถามกระบี่มังกรเบิกฟ้าว่า “นางเป็นคนของเจ้าใช่หรือไม่?”

“รีบพาองค์ชายหลบหนีไป… เดี๋ยวนี้”

เด็กสาวผู้มีรอยสักมังกรที่ถูกจับแขวนอยู่บนเสาหินต้นใหญ่ร่ำร้องออกมาด้วยความกระวนกระวายใจ ดวงตาของนางจับจ้องมองมาที่หลินเป่ยเฉิน ไม่รอให้กระบี่มังกรเบิกฟ้าได้มีโอกาสตอบคำถาม นางก็ชิงกล่าวต่อไปว่า “ท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้า รีบหนีไป อสูรกระดูกขาวกำลังจะตื่นขึ้นมาแล้ว พวกเราจะรอช้าไม่ได้”

“ใช่แล้วขอรับ ข้าคือกระบี่มังกรเบิกฟ้าและนางเป็นคนของข้าเอง พี่ใหญ่ ท่านช่วยพาข้าหลบหนีไปทีเถอะ…”

องค์ชายหนุ่มตัวสั่นเทา ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้บางอย่างจึงรีบพูดว่า “รีบพาข้าหนีไปเดี๋ยวนี้ ถึงอย่างไรนางก็คงไม่รอดแล้ว ท่านอย่าได้เป็นห่วงนางอีกเลย… รีบพาข้าหลบหนีไป… อสูรกระดูกขาวกำลังจะตื่นขึ้นมาแล้ว”

หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วนิ่วหน้า

หมอนี่มีนิสัยที่ใช้ไม่ได้จริง ๆ แฮะ

ทันใดนั้น บรรดานักรบของสำนักกระบี่กระดูกขาวก็ไม่สามารถทนทานได้อีกต่อไป

พวกมันโจมตีออกมาแล้ว

ลำแสงกระบี่สาดประกายวูบ

พลังศักดิ์สิทธิ์ล้นทะลัก

สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ทั่วแผ่นดินตงเต้า สมาชิกของสำนักกระบี่กระดูกขาวล้วนแต่เป็นคู่ต่อสู้ที่บ้าคลั่งและน่ากลัว

แต่สำหรับหลินเป่ยเฉิน พวกมันเปรียบเสมือนเป็นมดปลวกกลุ่มหนึ่งเท่านั้นเอง

เขาแค่ระเบิดพลังลมปราณออกมาจากร่างกายเพียงเล็กน้อย

พรึ่บ! พรึ่บ!

เหล่านักรบของสำนักกระบี่กระดูกขาวที่กระโดดเข้ามาต่างก็ถูกพลังลมปราณของหลินเป่ยเฉินกระแทกกระเด็นกลับไป กระดูกในร่างกายระเบิดกระจาย

ยอดฝีมือประจำสำนักคนอื่น ๆ รู้แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่ก็สายเกินไปที่จะล่าถอย

พรึ่บ!

พลังกดดันมหาศาลซัดเข้ามากระแทกร่างกาย

ด้วยความตื่นกลัวสุดขีด ยอดฝีมือผู้ไล่ล่าสังหารขุนศึกผู้กล้าแห่งจักรวรรดิเจิ้งหลงและแม่ทัพใหญ่จากจักรวรรดิหลิวชาเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนพลันคุกเข่าลงไปบนพื้นหินด้วยร่างกายที่สั่นเทา ไม่ต่างจากกำลังพบเจอจุดสิ้นสุดของโลก…

“ประเสริฐ… แข็งแกร่งมาก”

กระบี่มังกรเบิกฟ้าผู้เป็นองค์ชายแห่งจักรวรรดิเจิ้งหลงเบิกตาโต จ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยความไม่อยากเชื่อ เสียงของเขายังคงสั่นเครือ

โชคดีที่พลังกดดันเหล่านั้นพุ่งเข้าไปใส่พวกสำนักกระบี่กระดูกขาว ไม่ได้พุ่งมาทางเขา มิเช่นนั้นแล้ว องค์ชายหนุ่มก็รู้ดีว่าตนเองคงไม่รอดชีวิตเป็นแน่แท้

หลินเป่ยเฉินเงยหน้ามองไปที่เสาหินต้นใหญ่และยกมือขึ้นดีดนิ้ว

วูบ! วูบ! วูบ!

ลำแสงกระบี่หลายสายพุ่งออกไป

ตะขอและสายโซ่ถูกตัดขาดสะบั้น

เด็กสาวผู้มีรอยสักมังกรพลันร่วงหล่นลงมา

บังเกิดคลื่นพลังจำนวนหนึ่งช้อนรับร่างของนางเอาไว้และนำพาร่างของเด็กสาวรอยสักมังกรมาหยุดอยู่ที่ข้างกายหลินเป่ยเฉิน

“เจ้ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่?”

เขาสอบถาม

“เจ้าโง่ เจ้าจะมาสนใจข้าทำไม ข้าบอกให้เจ้ารีบพาองค์ชายหนีไปไงเล่า…”

เด็กสาวมองหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยแววตาขุ่นเคืองใจ ระเบิดเสียงคำรามใส่เขาอย่างเดือดดาล

นางพยายามฟื้นฟูพลังของตนเองกลับคืนมาให้รวดเร็วมากที่สุด

ร่างกายที่อยู่ในสภาวะบาดเจ็บสาหัสพลันมีแสงสีทองเรืองรองออกมาจากรอยสักมังกร สิ่งที่หลินเป่ยเฉินเห็นต่อไปนี้ไม่ต่างจากภาพการวิ่งของกระแสไฟฟ้าภายในแผงวงจรของตัวหุ่นยนต์ในภาพยนตร์แนวไซไฟ กระแสไฟฟ้าเหล่านั้นวิ่งขึ้นมาจากช่วงท้องด้านล่าง เส้นเลือดจำนวนมากปรากฏบนผิวที่ขาวเนียน

ลมหายใจต่อมา ผิวหนังที่ได้รับความเสียหายก็ได้รับการฟื้นฟูใหม่ บาดแผลฉกรรจ์บนร่างกายหายไป และเด็กสาวก็กลับมาอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์สวยงามอีกครั้งอย่างรวดเร็ว

พลังของนางแข็งแกร่งมาก

แต่นี่ไม่ใช่พลังลมปราณธรรมดา

และนี่ก็ไม่ใช่พลังศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน

ถ้าอย่างนั้นมันเป็นพลังอะไรกันแน่?

หลินเป่ยเฉินได้แต่คิดแล้วก็สงสัย

ทันใดนั้น…

ครืน!

บนเก้าอี้ตัวใหญ่ซึ่งสมควรเรียกว่าบัลลังก์ที่ตั้งอยู่ส่วนลึกในท้องพระโรงนั้น ร่างที่สูงใหญ่ซึ่งนั่งถือถ้วยหัวกะโหลกอยู่บนนั้นก็ได้ระเบิดพลังกดดันออกมาอย่างแรงกล้า ดวงตาของมันค่อย ๆ ลืมขึ้นมาอย่างเชื่องช้า

เหล่าสมาชิกสำนักกระบี่กระดูกขาวยิ้มร่าออกมาด้วยความดีใจ

ประเสริฐ

เทพอสูรกระดูกขาวตื่นขึ้นมาแล้ว

สีหน้าของเด็กสาวผู้มีรอยสักมังกรแปรเปลี่ยนไปทันที ดวงตาของนางฉายแววตื่นกลัว

นางยกมือขึ้นผลักหลินเป่ยเฉินพร้อมกับเร่งเร้าว่า “ขออภัย พวกเราไม่มีเวลาอีกแล้ว อสูรกระดูกขาวฟื้นขึ้นมาแล้ว ท่านรีบพาองค์ชายหลบหนีไป ข้าจะถ่วงเวลามันเอาไว้เอง…”

“หลบหนี?”

เทพอสูรกระดูกขาวลุกขึ้นยืน พลังกดดันหนักหน่วงน่าสะเทือนขวัญแผ่ปกคลุมทั่วท้องพระโรง “ในเมื่ออุตส่าห์มาอยู่ที่นี่กันแล้ว ก็จงมาเป็นหนึ่งในของสะสมของข้าเถอะ พวกเจ้ายังจะคิดหลบหนีไปที่ใดอีก…”

เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย

พรึ่บ!

ร่างของเทพอสูรกระดูกขาวพลันระเบิดกระจาย

ร่างกายสูงใหญ่เปลี่ยนไปกลายเป็นเศษเลือดเศษเนื้อกระจัดกระจาย

“ข้าบอกแล้วไงว่าอย่ามาขัดจังหวะข้า”

หลินเป่ยเฉินค่อย ๆ ลดกำปั้นของตนเองลง

เขาหันกลับมามองหน้าเด็กสาวผู้มีรอยสักมังกรและถามว่า “เอ่อ… เจ้าเพิ่งพูดว่าอะไรนะ?”

เด็กสาวผู้มีรอยสักมังกรปากอ้าตาค้าง สูญเสียทักษะในการพูดคุยไปชั่วขณะ

นี่คือความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นรวดเร็วมากเกินไป

บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ

รอยยิ้มแห่งความดีใจบนใบหน้าสมาชิกสำนักกระบี่กระดูกขาวเลือนหายไป ดวงตาเบิกโตด้วยความหวาดกลัว

พวกมันไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น

ท่านเทพอสูรกระดูกขาวถูกต่อยตายด้วยหมัดเดียว?

เด็กสาวผู้มีรอยสักมังกรตั้งสติได้แล้ว

นางค่อย ๆ หันหน้ามามองหลินเป่ยเฉิน ก่อนจะหันไปมองที่บัลลังก์กระดูกขาวและหันกลับมามองที่หลินเป่ยเฉินอีกครั้ง ในดวงตายังคงมีแต่ความตกตะลึง…

“พี่ใหญ่ ท่านสังหารอสูรกระดูกขาวได้สำเร็จแล้ว เหตุไฉนท่านจึงได้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้?”

องค์ชายร้องอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น

หลินเป่ยเฉินหันไปชำเลืองมองด้วยสายตาเหยียดหยาม

กระบี่มังกรเบิกฟ้าถือเป็นองค์ชายที่ไร้ประโยชน์ที่สุด นอกจากไม่มีฝีมือในการต่อสู้แล้ว ยังพูดมากโดยไม่จำเป็นอีกด้วย

แต่กระบี่มังกรเบิกฟ้าผู้มีนามว่าองค์ชายเจี้ยนอวี่กลับไม่รับรู้ถึงสายตาเหยียดหยามของหลินเป่ยเฉิน เขายังคงยิ้มกว้างด้วยความตื่นเต้น ก่อนที่จะนึกอะไรได้บางอย่างและกล่าวว่า “พี่ใหญ่ อสูรกระดูกขาวตายแล้วจริง ๆ หรือ? แต่มันเป็นเทพอสูรเชียวนะ ข้าได้ยินมาว่าเทพอสูรสามารถฟื้นคืนจากความตายกลับมาได้เสมอ…”

เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย

เสียงหวีดแหลมสูงคล้ายกับเสียงกาต้มน้ำเดือดดังขึ้น

ทันใดนั้น เศษเลือดเศษเนื้อที่กระจัดกระจายอยู่รอบบัลลังก์กระดูกขาวก็รวมตัวกันกลับคืนสู่รูปร่างมนุษย์อีกครั้ง

เทพอสูรสามารถฟื้นคืนชีพกลับคืนมาได้จริง ๆ

พลังของมันฟื้นคืนกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว คลื่นแรงกดดันหนักหน่วงถาโถมปกคลุมทั่วท้องพระโรงเป็นครั้งที่สอง…

“ท่านเทพเจ้า ท่านเทพเจ้าฟื้นคืนชีพแล้ว”

“ข้ารู้ว่าท่านเทพเจ้าเป็นผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทาน เมื่อสักครู่นี้ ท่านเพียงถูกลอบโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเท่านั้น…”

“ท่านเทพเจ้าผู้สูงส่ง ได้โปรดลงทัณฑ์มนุษย์ผู้ต่ำต้อยที่คิดดูหมิ่นเทพเจ้าด้วยเถิด”

บรรดายอดฝีมือของสำนักกระบี่กระดูกขาวกลับมาพูดได้อีกครั้ง รอยยิ้มด้วยความหยิ่งผยองปรากฏขึ้นบนใบหน้า พวกมันต่างก็มั่นใจว่าท่านเทพอสูรของตนเองคือผู้ที่มีความแข็งแกร่งที่สุดแล้ว

แต่ในลมหายใจต่อมา สิ่งที่ไม่มีผู้ใดคาดคิดก็เกิดขึ้น

วูบ!

หลังฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกรอบ เทพอสูรกระดูกขาวยังไม่ได้พูดคำใด มันไม่กล้าแม้แต่จะหันมามองหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยซ้ำ เพราะสิ่งแรกที่เทพอสูรกระดูกขาวทำก็คือหมุนตัวพุ่งกายหลบหนีไปด้วยความรวดเร็วสูงสุด

ร่างของเทพอสูรกระดูกขาวพุ่งทะลุกำแพงท้องพระโรงกลายเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่ มันหลบหนีไปโดยไม่เหลียวหน้ามองกลับมาที่ผู้ใดเลยสักคน

เพียงพริบตาเดียว ร่างของเทพอสูรกระดูกขาวก็หลบหนีหายลับไปบนท้องฟ้า

สิ่งที่เห็นนี้ทำให้บรรดายอดฝีมือทั้งหลายที่ส่งเสียงอวดดีอยู่เมื่อสักครู่ต้องตกตะลึงไปตาม ๆ กัน

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

Status: Ongoing

หืมมม วิชานี้น่าสนใจดี แชะ ! ติ๊งง คุณได้รับแอพพลิเคชั่นวิชากระบี่ทะลวงจันทร์ ต้องการติดตั้งหรือไม่ ! ด้วยสมาร์ทโฟนในมือของเจ้าแกะดำหลิวเป่ยเฉิน ทำให้เขาสามารถผงาดบนโลกจอมยุทธ์นี้ได้อย่างง่ายดาย…. แต่ข้าไม่เอาหรอก ใครมันจะอยากอยู่โลกแบบนี้กัน YouTube ก็ไม่มี Facebook ก็เข้าไม่ได้ ข้าขอกลับโลกเดิมไปนั่งเล่นเกมในห้องแอร์เย็น ๆ ดีกว่าโว้ยยย !!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท