ตอนที่ 1,460 สายเกินไปแล้ว
“เมื่อสักครู่ พวกเจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
หลินเป่ยเฉินหันกลับมามองที่บรรดาสมาชิกของสำนักกระบี่กระดูกขาว
กลุ่มคนผู้ถูกจ้องมองรีบคุกเข่าก้มหน้าลงกับพื้นทันที
“เศษสวะไร้ค่า”
หลินเป่ยเฉินหัวเราะเยาะ ปลดปล่อยลำแสงกระบี่ออกไป ก่อนที่ตัวของเขาจะพุ่งเป็นลำแสงหายวับขึ้นไปบนท้องฟ้าเช่นกัน
หลินเป่ยเฉินมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่เทพอสูรกระดูกขาวหลบหนีไป
ท้องพระโรงตกอยู่ในความเงียบ
องค์ชายเจี้ยนอวี่ยืนตกตะลึงอยู่กับที่ ต้องหันมาถามเด็กสาวรอยสักมังกรโดยไม่รู้ตัวว่า “เหตุไฉนเขาถึงไปแล้ว?”
เด็กสาวรอยสักมังกรตอบว่า “องค์ชายไม่ต้องหวาดกลัวเพคะ พวกมันตายกันหมดแล้ว”
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
ฟู่! ฟู่!
โลหิตก็พุ่งกระฉูดออกมาจากหน้าผากของบรรดาสมาชิกสำนักกระบี่กระดูกขาวที่คุกเข่าอยู่บนพื้น
ร่างกายของแต่ละคนถูกเปลวไฟสีแดงแผดเผา
ท้องพระโรงจึงเปลี่ยนเป็นสถานที่ฌาปนกิจ
บนพื้นเต็มไปด้วยเถ้าถ่าน
นี่คือพลังแห่งการเผาไหม้จากเปลวไฟอัคคีเทวะ
“โอ๊ะ… คิดไม่ถึงเลยว่าพี่ใหญ่ของข้าจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้”
องค์ชายเจี้ยนอวี่ผู้เป็นเจ้าของบัญชีกระบี่มังกรเบิกฟ้าถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เขาหันมามองหน้าเด็กสาวรอยสักมังกรด้วยความละอายใจเล็กน้อย “เสี่ยวหน่า ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วย ก่อนหน้านี้ข้าหวาดกลัวมากเกินไป ข้าก็เลย…”
องค์ชายหนุ่มรู้ดีว่าเมื่อสักครู่นี้ เขาห่วงใยแต่ชีวิตของตนเอง จึงรบเร้าให้หลินเป่ยเฉินรีบพาตนเองหลบหนีไป ไม่สนใจความเป็นตายร้ายดีขององครักษ์หญิงส่วนตัว และนั่นก็ทำให้องค์ชายเจี้ยนอวี่รู้สึกผิดบาปจนเกิดความละอายใจไม่น้อย
เด็กสาวรอยสักมังกรตอบเพียงแผ่วเบาว่า “ข้าน้อยเป็นคนขอร้องให้เขาพาองค์ชายหนีไปเอง องค์ชายไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกเพคะ”
องค์ชายเจี้ยนอวี่ส่ายหน้าและกล่าวว่า “เฮ้อ… ข้านี่มันขี้ขลาดจริง ๆ”
เด็กสาวรอยสักมังกรมององค์ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าพลางยิ้มเล็กน้อย ก่อนกล่าว “องค์ชายอย่าได้โทษตนเองเลยเพคะ องค์ชายคือรัชทายาทเพียงผู้เดียวแห่งจักรวรรดิเจิ้งหลง การอยู่รอดขององค์ชายย่อมหมายถึงการอยู่รอดของสายเลือดแห่งราชวงศ์ เมื่อองค์ชายยังมีชีวิตอยู่ จักรวรรดิเจิ้งหลงก็ยังมีโอกาสฟื้นคืนกลับมาใหม่ องค์ชายคือผู้ที่ให้ชีวิตแก่ข้าน้อย ชีวิตของข้าน้อยย่อมเป็นขององค์ชาย ไม่ว่าองค์ชายตัดสินใจทำสิ่งใดกับข้าน้อย นั่นล้วนเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องเสมอ”
องค์ชายเจี้ยนอวี่ได้ยินดังนั้นก็ยิ่งมีสีหน้าขมขื่นมากกว่าเดิม “ขะ… ข้าหลงเข้าใจผิดคิดว่าตนเองเป็นผู้แข็งแกร่ง ข้าเคยคิดว่าวิชากระบี่ของตนเองนั้นไร้เทียมทาน แต่ว่า… ข้ามันก็เป็นเพียงตัวบัดซบที่ขี้ขลาดตาขาวผู้หนึ่งเท่านั้นเอง”
“องค์ชายอย่าได้กล่าวเช่นนี้”
เด็กสาวรอยสักมังกรพยายามปลอบโยน “องค์ชายอาศัยอยู่ในวังหลวงมาช้านาน รอบกายมีแต่บรรดาข้าหลวงขุนนางที่คอยประจบเอาใจ นี่ไม่ใช่ความผิดขององค์ชายเลยเพคะ องค์ชายไม่เคยผ่านประสบการณ์ต่อสู้ที่แท้จริง องค์ชายไม่เคยลงสู่สนามรบ องค์ชายไม่เคยต่อสู้กับผู้อื่น แต่ทั้งหมดเป็นเพียงอดีตที่ผ่านไปแล้ว… ข้าน้อยเชื่อว่าประสบการณ์ในครั้งนี้จะทำให้องค์ชายได้กลายเป็นบุคคลที่องค์ชายประสงค์จะเป็นอย่างแน่นอน”
“จริงหรือ?”
ดวงตาขององค์ชายเจี้ยนอวี่กลับมาเป็นประกายสดใสอีกครั้ง
เด็กสาวรอยสักมังกรพยักหน้า “องค์ชายคือรัชทายาทผู้ศักดิ์สิทธิ์ องค์ชายคือสายเลือดบริสุทธิ์แห่งจักรวรรดิเจิ้งหลง เมื่อผ่านพายุฝนลมฟ้าในครั้งนี้ องค์ชายจะต้องเฉิดฉายอย่างแน่นอน… เสี่ยวหน่าจะช่วยเหลือองค์ชายเองเพคะ”
“เสี่ยวหน่า ขอบคุณเจ้ามากแล้ว ข้า…”
องค์ชายเจี้ยนอวี่ยังคงรู้สึกละอายใจไม่เสื่อมคลาย
ยิ่งรับฟังถ้อยคำปลอบโยนจากเสี่ยวหน่ามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกผิดต่อการกระทำของตนเองก่อนหน้านี้มากเท่านั้น
แต่เวลาที่องค์ชายเจี้ยนอวี่ตกอยู่ในความหวาดกลัว เขามักจะควบคุมตนเองไม่ได้
“ว่าแต่องค์ชายไปพบเจอบุคคลผู้นี้ได้อย่างไรเพคะ?” เด็กสาวรอยสักมังกรรีบเปลี่ยนเรื่อง “บุคคลผู้นี้มีพลังแข็งแกร่งไร้เทียมทาน แม้แต่เทพอสูรกระดูกขาวก็ยังต้องหลบหนีไปด้วยความหวาดกลัว ด้วยระดับพลังที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เขาน่าจะเป็นเทพเจ้าเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”
องค์ชายเจี้ยนอวี่ส่ายหน้า ตอบว่า “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเป็นใคร แต่ว่า…”
พูดมาถึงตรงนี้ องค์ชายหนุ่มก็โคจรพลังจิต ก่อนที่กระจกขนาดเล็กบานหนึ่งจะมาปรากฏขึ้นในมือของเขา “นี่คือกระจกวิเศษ ข้าสามารถติดต่อกับคนผู้นั้นผ่านทางกระจกบานนี้ได้โดยบังเอิญ… ดูเหมือนว่าเขาก็น่าจะมีกระจกเช่นนี้เหมือนกันกระมัง?”
เด็กสาวรอยสักมังกรผู้มีนามว่าหลงหน่ารู้ถึงการมีอยู่ของกระจกบานนี้มานานแล้ว
เพราะเกิดข่าวลือว่านับตั้งแต่ตอนที่องค์ชายเจี้ยนอวี่ถือกำเนิดออกมาจากพระครรภ์มารดา ทารกน้อยได้ออกมาพร้อมกับกระจกวิเศษบานนี้นี่เอง
ดังนั้น กระจกบานนี้จึงเปรียบเสมือนอวัยวะส่วนหนึ่งขององค์ชายเจี้ยนอวี่
หลังจากนั้น ตัวของหลงหน่าก็ฟักออกมาจากไข่มังกรอายุสี่พันปี คอยติดตามอยู่ข้างกายองค์ชายหนุ่มไม่ต่างจากกระจกวิเศษบานนั้น
จนกระทั่งบัดนี้ ก็ยังไม่มีผู้ใดทราบถึงแหล่งที่มาของกระจกวิเศษในมือองค์ชายเจี้ยนอวี่
หลงหน่าจึงคิดไม่ถึงเลยว่ากระจกวิเศษบานนี้จะสามารถส่งข้อความขอความช่วยเหลือเรียกกำลังเสริมได้ในยามคับขัน
“บุคคลผู้นี้มีฝีมือแข็งแกร่งไร้เทียมทาน หากเขายินดีทำงานรับใช้องค์ชาย จักรวรรดิของพวกเราจะต้องฟื้นคืนกลับมาได้อย่างแน่นอนเพคะ” หลงหน่าเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาในใจ “น่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้ พวกเราเป็นศัตรูกับกลุ่มสัมพันธมิตร และบัดนี้ เราก็ไม่มีโอกาสเข้าร่วมกับพวกเขาอีกแล้ว เพราะพวกเขาต้องพ่ายแพ้ให้แก่กองทัพเทพอสูรไปเช่นกัน…”
ในวันที่เกิดการออกอาละวาดของหุ่นเหล็กมฤตยู ซึ่งลงมือสังหารพวกเดียวกันเองอย่างเหี้ยมโหด หลงหน่าแปลงร่างเป็นมังกรตัวใหญ่นำพาองค์ชายเจี้ยนอวี่หลบหนีอันตรายออกมาได้ทันเวลาอย่างเฉียดฉิว ดังนั้นนางจึงไม่ทราบว่าเหตุการณ์หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง จึงได้ทึกทักเอาว่ากองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรพ่ายแพ้ในการต่อสู้ไปเรียบร้อยแล้ว
ครืน!
พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
ไม่ต่างจากเกิดเหตุแผ่นดินไหว
ก่อนหน้านี้ วังหลวงได้รับความเสียหายไม่น้อย แรงสั่นสะเทือนในครั้งนี้ทำให้ผนังและกำแพงเกิดรอยแตกร้าวอย่างน่าหวาดกลัว
วังหลวงกำลังจะพังถล่ม
“ออกไปดูกันเถอะเพคะ”
เด็กสาวรอยสักมังกรหลงหน่านำพาองค์ชายเจี้ยนอวี่ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าเหนือวังหลวงและกวาดสายตามองดูรอบบริเวณ
ทั้งสองพบว่าปล่องไฟขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงของจักรวรรดิหลิวชาพังถล่มลงมาอย่างรวดเร็ว ชิ้นส่วนโลหะต่าง ๆ ที่ถูกหลอมออกมากำลังเรืองแสงอย่างแปลกประหลาด พวกมันลอยตัวขึ้นมาในอากาศ และประกอบร่างรวมกันเสียงดังโครมคราม
“แย่แล้ว นี่มันหุ่นเหล็กมฤตยู”
สีหน้าของหลงหน่าแสดงออกถึงความตกตะลึง
นางเคยพบเจอความน่ากลัวของหุ่นเหล็กมฤตยูมาแล้ว
มหานครของจักรวรรดิเจิ้งหลงต้องล่มสลายลงไปด้วยการโจมตีของหุ่นเหล็กมรณะชนิดนี้ แม้แต่ผู้มีพลังขั้นเซียนก็ถูกมันฆ่าตายอย่างง่ายดายราวกับเป็นมดแมลงตัวน้อย และการต่อสู้กับกองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรที่แม่น้ำซินเจียง หุ่นเหล็กมฤตยูก็ได้ออกอาละวาดอีกเช่นกัน…
นี่คือหุ่นสังหารผู้ไร้เทียมทาน
หลงหน่ารู้ดีถึงความน่ากลัวของหุ่นเหล็กยักษ์ชนิดนี้
“พวกเราต้องหยุดยั้งการประกอบร่างให้ได้…”
หลงหน่าชำเลืองมองไปและสายตาก็สะดุดเข้ากับหลินเป่ยเฉินผู้นั่งไขว่ห้างอยู่บนตำแหน่งสารถีรถม้าทองคำบนท้องฟ้าห่างออกไปไม่ถึงหนึ่งลี้
นอกจากหลินเป่ยเฉินจะนั่งไขว่ห้างแล้ว ในมือของเขายังถือแก้วไวน์ทรงสูงที่มีไวน์แดงบรรจุอยู่ครึ่งแก้ว ลักษณะท่าทางสบายอกสบายใจ ไม่ต่างจากมาพักผ่อน
หลินเป่ยเฉินยกเครื่องดื่มในแก้วขึ้นจิบ สีหน้าผ่อนคลาย จ้องมองการประกอบร่างของหุ่นเหล็กมฤตยูด้วยแววตาคาดหวัง
เมื่อเห็นบุคคลผู้นี้ไม่คิดทำสิ่งใดเลย หลงหน่าก็ทั้งรู้สึกกระวนกระวายใจและเดือดดาล รีบตะโกนส่งเสียงเตือนออกไปว่า “รีบหยุดยั้งการประกอบร่างของมันเถอะ หากหุ่นเหล็กตัวนี้ประกอบร่างเสร็จสมบูรณ์เมื่อไหร่ มันจะกลายเป็นมหันตภัยใหญ่หลวงของพวกเราทุกคน…”
“ฮ่า ๆๆ ให้หยุดอย่างนั้นหรือ? สายเกินไปแล้ว”
ทันใดนั้น เสียงหัวเราะของเทพอสูรกระดูกขาวดังกังวานในท้องฟ้า
“เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าข้าหลบหนีออกมาเพราะหวาดกลัว? ข้าหลบหนีออกมาเพราะตั้งเวลาประกอบร่างหุ่นมฤตยูเอาไว้แล้วต่างหาก การประกอบร่างครั้งนี้คือสิ่งที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้อีกแล้ว รอให้การประกอบร่างเสร็จสมบูรณ์ก่อนเถอะ รับรองว่าพวกเจ้าได้ตายกันหมดแน่”
เทพอสูรกระดูกขาวส่งเสียงพูดด้วยความมั่นใจ
ทันใดนั้น…
“ฮ่า ๆๆ…”
พลัน เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งดังกังวานไปทั่วหุบเขาแม่น้ำแดง
ในที่สุด หุ่นเหล็กมฤตยูก็สามารถประกอบร่างได้เสร็จสมบูรณ์
ครืน!
เมื่อเท้าขนาดใหญ่ยักษ์เริ่มก้าวเดินไปบนพื้นดิน กำแพงเมืองก็พังถล่มลงมาทันที
“จบสิ้นแล้ว จบสิ้นแล้ว… สายเกินไปแล้ว”
หลงหน่าหน้าซีด สามารถคาดเดาได้เลยว่าการสังหารอันเหี้ยมโหดจะต้องเกิดขึ้นตามมาหลังจากนี้
แตกต่างจากปฏิกิริยาของหลินเป่ยเฉินผู้นั่งอยู่บนรถม้าทองคำที่ฉีกยิ้มออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ
ยอดเยี่ยม
มีหุ่นตัวใหม่เอากลับไปให้เสี่ยวเซียงเซียงได้ศึกษาอีกแล้วสิ
ยิ่งนางมีหุ่นเหล็กให้ได้ศึกษามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นผลดีต่อพวกเขามากเท่านั้น!