บทที่ 1476 ข้าจะตีก้นเจ้า

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,476 ข้าจะตีก้นเจ้า

เป็นไป๋ชินอวิ๋น

เครื่องแบบมือกระบี่ชุดขาว ผมยาวสีแดงปลิวไสว ผิวขาวราวกับหิมะ สีหน้ามองไม่ออกว่ากำลังมีความสุขหรือเศร้าเสียใจกันแน่ นางค่อย ๆ ทิ้งตัวกลับลงมาบนพื้นหิน ดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์

หลินเป่ยเฉินหัวใจกระตุกวูบ

แสดงว่าเว่ยหมิงเฉินไม่ได้เก็บตัวหลอมรวมพลังอยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ?

ข้อมูลผิดพลาด

มีคนตั้งใจปล่อยข่าวลวง

แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกแล้ว

“ทำไมถึงเป็นเจ้าไปได้ เว่ยหมิงเฉินอยู่ที่ใด?”

หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้ว ถามด้วยน้ำเสียงดุดัน “ข้าไม่มีเวลา เสี่ยวไป๋ เจ้าอย่าได้มาขวางทางข้า”

ไป๋ชินอวิ๋นระเบิดเสียงหัวเราะ

เด็กสาวผู้มีใบหน้ารูปไข่แก้มป่องหัวเราะอย่างอ่อนโยน แต่ดวงตากลับเป็นประกายดุร้าย สวนทางกับเสียงหัวเราะของนาง

ไป๋ชินอวิ๋นตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “หลินเป่ยเฉิน นี่เป็นเพราะองค์ราชันย์ยังไม่อยากพบเจ้า ช่วยรออีกสักหน่อยไม่ได้หรืออย่างไร ทำไมจึงต้องรนหาที่ถึงเพียงนี้ด้วย?”

หลินเป่ยเฉินส่ายหน้า “ข้าไม่มีเวลามาพูดเล่นกับเจ้า… ถอยไปซะ”

“น่าเสียดาย”

ไป๋ชินอวิ๋นยังคงยิ้มและส่ายศีรษะ “ดูเหมือนพวกเราจะตกลงกันไม่ได้ งั้นข้าก็คงต้องใช้วิธีรุนแรงทำให้เจ้าอยู่ที่นี่เสียแล้ว”

หลินเป่ยเฉินไม่อยากจะสนใจนางอีก

เขากวาดสายตามองโดยรอบ “หากไม่ออกมาเอง ข้าก็จะหาให้เจอ… เสี่ยวไป๋ ครั้งนี้ข้ามาทำภารกิจที่สำคัญมาก อย่าได้ก่อกวน มิเช่นนั้น ข้าจะตีก้นเจ้า…”

“เจ้าคิดว่าตนเองสามารถกระทำได้หรือ?”

ไป๋ชินอวิ๋นยิ้มออกมาเล็กน้อย

ตุบ!

หัวคนผู้หนึ่งถูกโยนลงบนพื้นกลิ้งขลุก ๆ มาหยุดอยู่ตรงหน้าหลินเป่ยเฉิน

เมื่อหลินเป่ยเฉินเห็นหัวคนผู้นั้นก็ต้องหรี่ตาลงทันที

เป็นหัวของอันเจ๋อ

ผู้ที่แอบไปพบเขาในโรงเตี๊ยมก่อนหน้านี้

นับจากตอนที่แยกจากกันที่โรงเตี๊ยมจนถึงบัดนี้ เวลาเพิ่งจะผ่านไปเพียงก้านธูปเดียวเท่านั้น

แต่อันเจ๋อกลับถูกตัดหัวทิ้งแล้ว

นี่หมายความว่าพวกเทพอสูรรู้แล้วว่าอันเจ๋อเป็นสายลับแฝงตัวมา

ข้อมูลที่อันเจ๋อได้รับทราบมาจึงเป็นข่าวปลอม

นี่เป็นกับดักมาตั้งแต่แรก

เฮ้อ เพราะมั่นใจมากเกินไป จึงต้องพลาดท่าเสียทีเช่นนี้

แต่อย่างไรก็ตาม หลินเป่ยเฉินไม่ได้นึกเสียใจกับความตายของอันเจ๋อเลย

เพราะคนผู้นี้ตอนที่อยู่บนดินแดนทวยเทพได้ประพฤติตนชั่วช้ามากมายนับครั้งไม่ถ้วน และเจตนาที่เข้ามาสวามิภักดิ์ต่อหลินเป่ยเฉิน ก็เพื่อจะหลอกเอาตำแหน่งเทพเจ้าจากเขาเท่านั้นเอง หากไม่ใช่เพราะว่าตำแหน่งเทพเจ้าที่ได้รับไปมีค่าความซื่อสัตย์หนึ่งร้อยคะแนนเต็ม อันเจ๋อก็คงหนีหายไปจากหลินเป่ยเฉินนานแล้ว

ในเมื่อตายไปแล้วก็ตายไปเถอะ

ไป๋ชินอวิ๋นปรบมือเล็กน้อยพร้อมกับกล่าวว่า “หรือเจ้ายังซ่อนลวดลายอันใดเอาไว้อีก?”

เสียงฝีเท้าดังขึ้น

นักโทษสามคนถูกผลักออกมาจากด้านหลังเสาหินใหญ่ต้นหนึ่ง

เป็นเทพอสูรสามคน

ลำคอ หัวไหล่ ข้อมือ หัวเข่าและข้อเท้าต่างก็ถูกพันธนาการด้วยบ่วงพลังศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งปิดกั้นพลังในร่างกาย ทำให้พวกเขาไม่ต่างไปจากคนธรรมดา

ทั้งสามคนนี้ย่อมต้องเป็น ‘สายลับ’ ของหลินเป่ยเฉิน

เช่นเดียวกับอันเจ๋อ

และทุกคนก็ไม่ใช่ตัวดีอันใด ดังนั้น หลินเป่ยเฉินจึงมอบหมายให้ทำหน้าที่เสี่ยงอันตรายเช่นนี้เอง

แต่คิดไม่ถึงเลยว่า…

นี่กลับเป็นการวางแผนที่ผิดพลาดตั้งแต่ต้น

หลินเป่ยเฉินรู้สึกว่าตนเองประมาทมากเกินไป

เขาไม่ทันได้คิดว่าท่านมหาเทพปกครองดินแดนทวยเทพมาอย่างยาวนาน แต่ยังสามารถละทิ้งตำแหน่ง สถานะและอำนาจทั้งหมดได้โดยไม่ลังเล เพื่อมาเกิดใหม่เป็นมนุษย์ผู้หนึ่ง… สำหรับบุคคลเช่นนี้ ย่อมสามารถกระทำสิ่งที่คนปกติไม่กระทำได้อยู่แล้ว

เช่นเดียวกับพวกนักต้มตุ๋นในโลกมนุษย์ชาติภพที่แล้วของหลินเป่ยเฉิน เมื่อสามารถหลอกลวงผู้คนให้โอนเงินได้สำเร็จเป็นจำนวนมาก พวกเขาก็จะปิดบัญชียุบบริษัทหนีไป ก่อนจะกลับมาเปิดบริษัทใหม่ในชื่ออื่นอีกครั้ง เพื่อหลอกลวงผู้คนต่อไปได้อย่างหน้าตาเฉย

แต่ทว่า…

หลินเป่ยเฉินจ้องมองเชลยที่ถูกจับทั้งสามคนและกล่าว “ไปที่ชอบ ๆ เถอะนะ… เกิดชาติหน้าก็จงเป็นคนดีซะ”

นักโทษทั้งสามคนมีสีหน้าหมดหวัง แต่ก็ไม่สามารถขัดขืนความต้องการของหลินเป่ยเฉินได้ พวกเขารับรู้ได้เพียงพลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างกายถูกจุดชนวนขึ้นมา ก่อนที่คนทั้งสามจะถูกเปลวไฟเผาไหม้สลายหายไปกลายเป็นเถ้าถ่าน

พลังวิญญาณดับสูญ

ลูกแก้วเทพเจ้าประจำตำแหน่งของคนทั้งสาม ถูกส่งกลับคืนสู่เกมสัตว์เลี้ยงแสนสนุกอีกครั้ง

เมื่อพบกับสถานการณ์เช่นนี้ ไป๋ชินอวิ๋นก็ต้องเบิกตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ

หลินเป่ยเฉินเปลี่ยนไป

เขาไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน

ไป๋ชินอวิ๋นนิ่งเงียบอยู่หลายอึดใจ ก่อนจะกล่าวว่า “เจ้าเองก็เปลี่ยนไปเยอะเลยนะ”

“หมายความว่าข้าหล่อเหลามากขึ้นใช่หรือไม่?”

หลินเป่ยเฉินเชิดหน้าขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ “ถึงอย่างไรข้าก็ไม่เคยหยุดชะงักความหล่ออยู่แล้ว”

ไป๋ชินอวิ๋นโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์ ร่างกายเรืองแสงสีเงินสว่างไสว พลังกดดันปั่นป่วนบรรยากาศ ม่านพลังที่ปกคลุมรอบตำหนักชั้นในสั่นไหวอย่างรุนแรง หากไม่ใช่เพราะการมีอยู่ของม่านพลังคุ้มกันเหล่านี้ ตำหนักใหญ่หลังนี้ก็คงพังถล่มลงมาแล้ว

สถานที่ซึ่งเคยเป็นตำหนักชั้นในกลับกลายเป็นภาพที่พร่าเลือน ทุกสิ่งสูญสลายหายไป ไม่มีข้างหน้า ไม่มีข้างหลัง ไม่มีข้างซ้ายและไม่มีข้างขวา…

นี่คือค่ายอาคมกักบริเวณ

มีเพียงไป๋ชินอวิ๋นเท่านั้นที่สามารถออกไปจากที่นี่ได้

“หลินเป่ยเฉิน ข้าจะขอพูดอีกครั้ง หากเจ้ายินดีให้ความร่วมมือ ข้าจะรับประกันความปลอดภัยของเจ้า หลังจากเรื่องนี้จบลง เจ้าจะได้กลับออกไปอย่างมีชีวิต” ดวงตาของไป๋ชินอวิ๋นเรืองแสงออกมาอย่างน่าขนลุก

พลังกดดันในอากาศเพิ่มความหนาแน่นมากขึ้นเกินจินตนาการ

เกินกว่าขีดจำกัดที่ไป๋ชินอวิ๋นจะสามารถใช้งานได้

หลินเป่ยเฉินถอนหายใจ ก่อนยิ้มอวดฟันขาววับ “แม้ข้าจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้ แต่ข้าคงต้องตีก้นเจ้าสักหน่อยแล้ว ข้าจะทำให้เจ้าได้รับรู้รสชาติของการถูกลงโทษเพราะประพฤติตนเป็นเด็กดื้อ”

เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย

พรึ่บ!

เปลวไฟก็ลุกโชนขึ้นมาจากร่างกายของหลินเป่ยเฉิน

ในมือของเขามีกระบี่เงินอยู่แล้ว

ด้วยว่ารู้จักนิสัยของไป๋ชินอวิ๋นเป็นอย่างดี หลินเป่ยเฉินก็ทราบว่าตนเองมีแต่ต้องเอาชนะนางให้ได้เท่านั้น

นี่ก็คงเป็นแผนการของเว่ยหมิงเฉินอีกเช่นกัน

เมื่อความคิดดำเนินมาถึงตรงนี้ เครื่องหมายบวกหลังชื่อเว่ยหมิงเฉินในสมุดบันทึกบัญชีแค้นของหลินเป่ยเฉินก็เพิ่มมากขึ้นอีกหลายเท่า

วูบ!

ลำแสงกระบี่พุ่งวาบ

หลินเป่ยเฉินลงมือโจมตีก่อน

เมื่อตัดสินใจได้แล้ว เขาก็ไม่ลังเลอีกต่อไป

ณ บริเวณพื้นที่ตอนกลางของแผ่นดินตงเต้า ซึ่งเป็นเขตชายแดนระหว่างจักรวรรดิต้าเกี๋ยนกับจักรวรรดิเจิ้งหลง ที่นี่คือที่ตั้งของภูเขาลักชิว ซึ่งถูกขนานนามให้เป็น ‘ยอดเขาอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดิน’

หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือภูเขาเทพพงไพร

วิหารเทพพงไพรปกครองด้วยความเชื่อเรื่องระบบเทพเจ้ามาอย่างยาวนาน วิหารใหญ่ของพวกเขาตั้งอยู่บนยอดเขาแห่งนี้ มันถูกสร้างขึ้นมาจากศิลาดำพันปี เกิดเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงาม พื้นที่โดยรอบยอดเขาปกคลุมไปด้วยก้อนเมฆหนาแน่น ต่อให้เป็นเพียงมนุษย์ผู้หนึ่งเมื่อขึ้นมาอยู่บนวิหารใหญ่แห่งนี้ ก็แทบจะกลายเป็นเทพเซียนไปโดยปริยาย

ในอดีต วิหารใหญ่แห่งนี้มีแต่นักบวชเข้ามาพำนักพักอาศัย แต่บัดนี้ ที่นี่เป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของกลุ่มเทพอสูร

ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาวิหารใหญ่เทพพงไพรถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ผู้คนจำนวนมากทำได้เพียงเงยหน้ามองขึ้นไปจากบริเวณเชิงเขาลักชิวเท่านั้น

แต่บัดนี้ วิหารใหญ่ได้ถูกบูรณะใหม่ทั้งหมด

วิหารใหญ่ถูกแทนที่ด้วยแท่นบูชาขนาดใหญ่เก้าชั้น

เหนือแท่นบูชาเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์กำลังเผาไหม้

นอกจากนี้ บนยอดเขาลักชิวยังมีแท่นบูชาขนาดใหญ่ในลักษณะเดียวกันนี้ตั้งอยู่อีกห้าจุด และยังมีแท่นบูชาขนาดเล็กอีกเก้าสิบเอ็ดจุด แม้มองดูเหมือนแท่นบูชาทั้งหมดจะถูกจัดตั้งอย่างสะเปะสะปะ ทว่าทั้งหมดกลับถูกจัดวางอย่างมีจุดประสงค์ทั้งสิ้น

เว่ยหมิงเฉินที่หลินเป่ยเฉินกำลังตามหาตัวขึ้นมาอยู่บนยอดเขาแห่งนี้เอง

บนแท่นบูชาขนาดยักษ์สูงเก้าชั้น เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า เผาไหม้เข้าไปในหลุมดำกลางอากาศ พื้นที่รอบบริเวณกางกั้นด้วยม่านพลังที่กักเก็บคลื่นพลังในอากาศไม่ให้รั่วไหลออกไป

เว่ยหมิงเฉินเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า สีหน้าเคร่งเครียดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

Status: Ongoing

หืมมม วิชานี้น่าสนใจดี แชะ ! ติ๊งง คุณได้รับแอพพลิเคชั่นวิชากระบี่ทะลวงจันทร์ ต้องการติดตั้งหรือไม่ ! ด้วยสมาร์ทโฟนในมือของเจ้าแกะดำหลิวเป่ยเฉิน ทำให้เขาสามารถผงาดบนโลกจอมยุทธ์นี้ได้อย่างง่ายดาย…. แต่ข้าไม่เอาหรอก ใครมันจะอยากอยู่โลกแบบนี้กัน YouTube ก็ไม่มี Facebook ก็เข้าไม่ได้ ข้าขอกลับโลกเดิมไปนั่งเล่นเกมในห้องแอร์เย็น ๆ ดีกว่าโว้ยยย !!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท