ตอนที่ 1,477 กำราบด้วยความหนักหน่วง
ลำแสงสว่างเจิดจ้า
แสงสีเงินพุ่งออกมาจากหลุมดำ
เงาร่างหลายสายปรากฏตัวออกมาจากแสงสีเงินนั้นและยืนอยู่บนแท่นบูชาเก้าชั้น
ดวงตาของเว่ยหมิงเฉินเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความดีใจ
ในที่สุด เขาก็ทำสำเร็จแล้ว
เว่ยหมิงเฉินรีบเดินเข้าไปหาเงาร่างเหล่านั้นทันที
…
วังหลวง
ตำหนักชั้นใน
แสงกระบี่สาดประกายวูบวาบ
พลังทำลายล้างประจำตำแหน่งใต้เท้าฉางเมื่อมาอยู่ในอาณาเขตอาคมกักบริเวณก็ลดทอนอนุภาพการโจมตีลงอย่างเห็นได้ชัด
ทุกสิ่งทุกอย่างในค่ายอาคมกักบริเวณนี้ถูกแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงกระบี่พุ่งเข้าหากันด้วยความดุเดือด…
ร่างของเด็กหนุ่มและเด็กสาวเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วจนตาเปล่าแทบมองไม่เห็น ลำแสงกระบี่พุ่งวาบในอากาศ บางครั้งก็จะได้ยินเสียงกระบี่ปะทะกันดังขึ้นมา
ทันใดนั้น เงาร่างทั้งสองคล้ายกับเคลื่อนไหวเป็นหนึ่งเดียว
ปรากฏว่าพวกเขากำลังโจมตีออกมาด้วยกระบวนท่าเดียวกัน
การต่อสู้ดำเนินต่อไปด้วยความหนักหน่วงรุนแรง
“กระบวนท่ากระบี่ที่แปด”
“กระบวนท่ากระบี่ที่แปด”
หลินเป่ยเฉินกับไป๋ชินอวิ๋นระเบิดเสียงคำรามออกมาพร้อมกัน ในมือตวัดกระบี่ฟาดฟันด้วยความดุดัน
ลำแสงกระบี่แผ่ปกคลุมรอบบริเวณ
มวลอากาศปั่นป่วน พลังศักดิ์สิทธิ์ระเบิดตัวราวกับดอกไม้ไฟสว่างไสวในฟากฟ้า…
สามสิบลมหายใจให้หลัง ทั้งสองคนก็รั้งกระบี่กลับคืน
ไม่มีฝ่ายใดเป็นผู้ชนะหรือผู้แพ้
“ช่างบังเอิญเสียจริงที่ข้าใช้วิชากระบี่ชนิดเดียวกับเจ้า”
ไป๋ชินอวิ๋นลดกระบี่ลงและหัวเราะในลำคอ ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเหยียดหยาม “วิชากระบี่สิบเจ็ดคาบสมุทร ข้าสามารถเรียนได้แค่สิบสี่กระบวนท่าแรกเท่านั้น หลินเป่ยเฉิน ไม่ทราบว่าเจ้าสามารถใช้ได้กี่กระบวนท่าแล้ว?”
“วิชากระบี่สิบเจ็ดคาบสมุทรเปรียบดั่งมหาสมุทรน้ำลึกไม่มีที่สิ้นสุด เสี่ยวไป๋ เจ้าอายุยังน้อยฝึกได้ถึงขั้นนี้ก็นับว่าไม่ธรรมดา แต่เจ้ายังไม่เข้าใจอะไรบางอย่าง เมื่อเจ้าหมกมุ่นในวิชานี้มากเกินไป มันจะทำให้เจ้าเข้าสู่ด้านมืด มันจะเปลี่ยนตัวตนของเจ้าไปตลอดกาล เพราะฉะนั้น จงฟังคำแนะนำของข้าให้ดี เลิกฝึกวิชานี้ซะ เจ้ารับมันไม่ไหวหรอก เดี๋ยวข้าจะรับทุกอย่างแทนเจ้าเอง”
หลินเป่ยเฉินพยายามเกลี้ยกล่อมด้วยความจริงใจ
ไป๋ชินอวิ๋นขมวดคิ้วด้วยความมึนงงสงสัย
นางไม่พูดอะไรออกมา
แต่ไป๋ชินอวิ๋นรู้จักหลินเป่ยเฉินมานานแล้ว ย่อมรู้ดีว่าบางครั้งเขาก็มักจะพูดวาจาที่เหลวไหลออกมาอย่างไม่มีเหตุผลเมื่ออาการทางสมองกำเริบ
“หลินเป่ยเฉิน นี่คือเรื่องราวที่เจ้ารับมือไม่ไหวหรอก ปล่อยให้ข้าจัดการทุกอย่างแทนเถอะ… วันนี้ไม่ว่าเจ้าจะพูดอะไรออกมา เจ้าก็ต้องอยู่ที่นี่ แต่ในเมื่อเจ้าปฏิเสธ ข้าก็ต้องสั่งสอนเจ้าสักหน่อย…”
ไป๋ชินอวิ๋นลงมือโจมตีอีกครั้ง
หลินเป่ยเฉินก้าวออกมาข้างหน้าและยกกระบี่ขึ้นมาอีกหน
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าไป๋ชินอวิ๋นจะสามารถใช้วิชากระบี่สิบเจ็ดคาบสมุทรได้อย่างชำนาญถึงขนาดนี้
คัมภีร์กระบี่สิบเจ็ดคาบสมุทรเคยเป็นสมบัติของท่านมหาเทพ
แต่แล้วไงล่ะ?
หลินเป่ยเฉินมั่นใจว่าตนเองยังเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์อยู่ดี
ไป๋ชินอวิ๋นโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์ใส่ลงไปในกระบี่ทองคำของตนเอง
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
ประกายไฟสาดกระจาย
กระบี่ศักดิ์สิทธิ์ในมือไป๋ชินอวิ๋นพลันแตกสลายกลายเป็นเศษเหล็ก
การต่อสู้หยุดชะงักลง
“พอได้แล้ว อย่าสร้างปัญหาอีกเลย”
หลินเป่ยเฉินชี้กระบี่ของตนเองลงบนพื้น เป่าเส้นผมที่ปรกหน้าผากให้ลอยกลับขึ้นไปและกล่าวว่า “ที่ข้าไม่สังหารเจ้าก็เพราะยังเมตตาเจ้าอยู่ ข้าเพียงอยากจะสั่งสอนเจ้าเท่านั้น”
ไป๋ชินอวิ๋นโยนด้ามจับกระบี่ในมือทิ้งไปทันที
“เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ ด้วย หลินเป่ยเฉินผู้ครองตำแหน่งเซียนกระบี่ประจำเมืองไป๋หยุนมีทักษะกระบี่เป็นเลิศ แม้แต่ข้าที่ชำนาญการใช้วิชากระบี่สิบเจ็ดคาบสมุทรได้ถึงสิบสี่กระบวนท่าก็ยังไม่ใช่คู่ต่อกรของเจ้า”
ผมสีแดงยาวสลวยปลิวไสวในอากาศ
ปลายผมของนางมีลำแสงสีทองเรืองรองออกมา และเพียงพริบตาเดียวเท่านั้น เส้นผมทั้งศีรษะของไป๋ชินอวิ๋นก็กลายเป็นสีทองคำบริสุทธิ์
ตามมาด้วยใบหน้าของนาง
และเพียงไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น ไป๋ชินอวิ๋นก็แปลงร่างเป็น ‘มนุษย์ทองคำ’ โดยสมบูรณ์
หลินเป่ยเฉินหยุดชะงักด้วยความตกใจ
นี่มันวิชาอะไรกันเนี่ย? ทำไมเขาถึงไม่เคยพบเจอมาก่อน?
ทันใดนั้น เด็กหนุ่มรู้สึกว่าพลังที่แผ่ออกมาจากตัวไป๋ชินอวิ๋นผิดปกติไปจากเดิม เพราะนางไม่เหมือนเป็นมนุษย์ผู้หนึ่งอีกแล้ว แต่นางดูคล้ายกับเป็นรูปปั้นทองคำขนาดใหญ่ที่สามารถเคลื่อนไหวได้ตัวหนึ่งต่างหาก
และพลังกดดันที่คุกคามหลินเป่ยเฉินก็เพิ่มมากกว่าเดิม
“หลินเป่ยเฉิน นี่คือกระบวนท่าแรกในวิชาอสูรกนกกายา ต้องขอรับคำแนะนำจากเจ้าสักหน่อยแล้ว”
ไป๋ชินอวิ๋นเลิกคิ้วขึ้นสูง ดวงตาคู่งามเป็นประกายดุดัน ร่างกายพุ่งออกมาข้างหน้าก่อนจะหายวับไปในพริบตา
หัวใจของหลินเป่ยเฉินกระตุกวูบ
เขาเกิดสังหรณ์อัปมงคลว่าตนเองกำลังตกอยู่ในอันตราย กระบี่เงินในมือจึงยกขึ้นปัดป้องตามสัญชาตญาณ
เปรี้ยง!
แรงกระแทกมหาศาลจู่โจมเข้ามา
กำปั้นทองคำกระแทกเข้าใส่กระบี่ของเขาอย่างแรง
หลินเป่ยเฉินลอยกระเด็นไปข้างหลังอย่างไม่อาจควบคุมตนเองได้
นับเป็นการโจมตีที่รุนแรงเหลือเกิน
หลินเป่ยเฉินอดตกตะลึงไม่ได้
แต่ไป๋ชินอวิ๋นยังคงตามติดมาเป็นเงาตามตัว แม้จะมีม่านพลังเปลวไฟคุ้มครองร่างกาย แต่กำปั้นของนางก็ยังกระหน่ำซ้ำลงมาบนหน้าอกของหลินเป่ยเฉินได้อย่างไร้อุปสรรค
ไป๋ชินอวิ๋นปล่อยหมัดใส่หน้าอกหลินเป่ยเฉินนับครั้งไม่ถ้วน
หลินเป่ยเฉินเปิดการใช้งานแอป NetEase Cloud Music โดยไม่รู้ตัว
‘โอ้ ที่รัก ได้โปรดฟังฉันก่อน…’
เสียงบทเพลงที่คุ้นหูดังขึ้น
พลังในร่างกายเพิ่มพูน
หลินเป่ยเฉินกลายเป็นผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งมากกว่าเดิม
ไม่ว่าจะเป็นสายตา ปฏิกิริยาตอบรับ หรือความเร็วในการเคลื่อนไหว ทุกอย่างต่างก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า จนเขาสามารถรับมือการโจมตีจากไป๋ชินอวิ๋นได้อย่างไม่มีปัญหา
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
กำปั้นทองคำปะทะเข้ากับกระบี่เงินนับครั้งไม่ถ้วน
“เสี่ยวไป๋ หากเจ้ายังทำเช่นนี้อีก ข้าคงต้องแทงเจ้าแล้วนะ”
หลินเป่ยเฉินรู้ดีว่าตนเองไม่สามารถถ่วงเวลาได้นานมากไปกว่านี้ มิฉะนั้นแล้ว อย่าว่าแต่ความปลอดภัยของเขาเลยที่น่าเป็นห่วง แม้แต่ความปลอดภัยของทุกคนที่อยู่ในนครหลวงก็จะน่าเป็นห่วงด้วยเช่นกัน
“เก่งจริงเจ้าก็ลองดู”
ไป๋ชินอวิ๋นเปลี่ยนร่างเป็นลำแสงทองคำพุ่งเข้ามาต่อยหมัดอีกครั้ง
การเคลื่อนไหวของนางในขณะนี้พึ่งพาแต่พละกำลังทางร่างกายเท่านั้น อย่าว่าแต่พลังหมัดของนางเพียงอย่างเดียว ก็สามารถถล่มภูเขาทั้งลูกได้อย่างไม่มีปัญหา
ในสายตาของหลินเป่ยเฉิน นางได้กลายเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งคนหนึ่งของเขาไปเรียบร้อยแล้ว
วูบ!
กระบี่เงินแทงออกไป
คลื่นกระบี่พุ่งทะยานในอากาศ
ลำแสงกระบี่สายนี้จี้ใส่หัวไหล่ของไป๋ชินอวิ๋น
แต่ทว่า…
เคร้ง!
คมกระบี่แทงทะลุเสื้อผ้า แต่กลับไม่มีโลหิตไหลซึมออกมา ได้ยินเสียงคล้ายกับโลหะปะทะกันดังขึ้น แล้วกระบี่ที่เสียบแทงเทพเจ้ามานับจำนวนไม่ถ้วน ก็ต้องพบกับแรงดีดสะท้อนอันรุนแรง
หลินเป่ยเฉินสะดุ้งเฮือก
ผิวแข็งขนาดนี้เลยหรือ?
กระบี่เงินในมือเขาคือสิ่งที่สามารถแทงทะลุได้ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่าง เหตุไฉนถึงแทงไป๋ชินอวิ๋นไม่เข้า?
พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!
จังหวะที่หลินเป่ยเฉินกำลังมึนงงอยู่นั้นเอง ไป๋ชินอวิ๋นก็กระแทกหมัดใส่หน้าอกหลินเป่ยเฉินติด ๆ กันอีกสามครั้ง
“ฟู่!”
ความเจ็บปวดแล่นขึ้นมาจุกหน้าอก โลหิตพุ่งออกมาจากปากของหลินเป่ยเฉิน ตัวคนลอยกระเด็นไปกระแทกกับพื้นหิน
“จบสิ้นกันแต่เพียงเท่านี้ละนะ”
เงาร่างสีขาวเคลื่อนไหวตามติดเข้ามาในระยะประชิด
ดวงตาของนางทอประกายดุร้าย ปลดปล่อยลำแสงกระบี่ใส่ร่างกายช่วงล่างของหลินเป่ยเฉิน โดยที่มีเจตนาจะตัดขาของเขาทิ้งไป
“เดี๋ยวก่อนสิเฮ้ย”
หลินเป่ยเฉินคำรามด้วยความโกรธแค้น “เจ้าชักจะเล่นแรงเกินไปแล้วนะ”
เด็กหนุ่มสามารถม้วนตัวตีลังกาหลบหลีกการโจมตีได้อย่างเฉียดฉิว
กระบี่เงินในมือเขาถูกแทนที่ด้วยปืนกลมือกระบอกเขื่อง
ปัง! ปัง! ปัง!
เกิดเสียงแปลกประหลาดดังขึ้น
แล้วลำแสงสีน้ำเงินก็พุ่งเข้าใส่ไป๋ชินอวิ๋นเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
สะเก็ดไฟสีทองคำกระจายออกมาจากร่างของไป๋ชินอวิ๋น มวลอากาศเบื้องหน้าเด็กสาวเกิดเป็นรอยบุ๋มที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ลักษณะของรอยบุ๋มนี้ไม่ต่างจากรอยบุ๋มของผิวน้ำในทะเลสาบที่เงียบสงบยามมีเม็ดฝนโปรยปรายลงมา
อาวุธทุกชนิดที่เขาพกพาติดตัวอยู่ในขณะนี้ เป็นหลินเป่ยเฉินซื้อหามาจากแอปเถาเป่า ปืนทุกกระบอกเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด โดยเฉพาะปืนกลมือที่เขากำลังใช้งาน กระสุนที่หลอมรวมมาจากพลังศักดิ์สิทธิ์รัวยิงใส่ร่างกายของไป๋ชินอวิ๋นอย่างหูดับตับไหม้ แต่ถึงกระนั้น อานุภาพของคมกระสุนเหล่านี้กลับไม่ระคายผิวนางแม้แต่น้อย…
หลินเป่ยเฉินยังคงรัวยิงอย่างต่อเนื่อง
เขาทราบดีว่าตนเองจะสงสารไป๋ชินอวิ๋นไม่ได้อีกต่อไป
เขาจำเป็นต้องจัดการนางให้ได้โดยเร็วที่สุด!