ตอนที่ 1,480 ของขวัญจากคฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยน
ด้านบนคุกใต้ดินเป็นลานจัตุรัสขนาดใหญ่
ในจัตุรัสตั้งไว้ด้วยรูปปั้นขนาดใหญ่ของเทพีแห่งตลาดการค้า
เทพีแห่งดินแดนตลาดการค้ากำเนิดขึ้นมาในยุคสมัยแห่งความวุ่นวาย นางมีใบหน้าเป็นมนุษย์ ร่างกายเป็นจิ้งจอกเก้าหาง ดูลึกลับและแปลกประหลาด
รูปปั้นของนางมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร กินพื้นที่ส่วนหนึ่งของลานจัตุรัสไปเกือบทั้งหมด
นอกจากนี้ ในลานจัตุรัสยังมีแท่นบูชาสูงเก้าชั้น
แท่นบูชานี้ตั้งอยู่บนรูปปั้นเทพีแห่งตลาดการค้าอีกทีหนึ่ง
เหนือแท่นบูชามีเปลวไฟสีเงินกำลังลุกโชนสว่างไสว
และแท่นบูชาเก้าชั้นนี้ก็ยื่นกิ่งก้านสาขาออกมาราวกับเป็นต้นไม้ที่แผ่ร่มเงาปกคลุมไปทั่วลานจัตุรัส…
กิ่งก้านสาขาที่ยื่นออกมาจากแท่นบูชามีจำนวนมากมายหลายพันกิ่ง
เบื้องหน้าแท่นบูชานี้ยังมีหญิงชราผู้หนึ่งยืนอยู่ ดวงตาของนางบางครั้งก็เป็นปกติ แต่บางครั้งก็เรืองแสงขึ้นมาดูดุร้ายน่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง
หญิงชราผู้นี้คือใต้เท้าซวี เทพเจ้าผู้ดูแลดินแดนแห่งตลาดการค้าคนปัจจุบัน
และผู้ที่ยืนอยู่ข้างกายนางก็คือเด็กสาวเท้าเปล่าในชุดเสื้อคลุมสีดำ
เด็กสาวคือคนสนิทของใต้เท้าเหลียนจากดินแดนทวยเทพ
เด็กสาวเท้าเปล่าในชุดเสื้อคลุมสีดำลอยตัวอยู่เหนือพื้นหิน ชายเสื้อคลุมปลิวไสว เผยให้เห็นช่วงขาที่เรียวยาวขาวผ่อง ขณะนี้ รอบกายของนางมีลำแสงสีม่วงแปลกประหลาดสะท้อนประกายระยิบระยับ…
ได้ยินเสียงเปลวไฟปะทุตัวบนแท่นบูชาดังเปรี๊ยะปร๊ะ
บรรดานักรบเทวะจากดินแดนตลาดการค้ามายืนเข้าแถวรอรับคำสั่ง
ทุกคนสวมใส่ชุดเสื้อคลุมสีดำ ไม่สวมใส่รองเท้า ใบหน้าเคร่งเครียด แววตาดุดัน ทั้งหมดยืนรอคอยคำสั่งอยู่ในความเงียบงันไม่พูดไม่จา
พวกเขามีกำลังพลเป็นจำนวนเท่ากับกิ่งก้านที่ยื่นออกมาจากแท่นบูชา
ซึ่งก็คือ 6,561 คน
นักรบเทวะเหล่านี้พร้อมสละชีวิตของตนเองได้ทุกเมื่อ
“มาเริ่มกันเลยเถอะ”
เด็กสาวเท้าเปล่าในชุดเสื้อคลุมสีดำพูดเสียงเรียบ
ไม้เท้าที่ใต้เท้าซวีถืออยู่ในมือพลันเคาะลงไปบนพื้นหิน
กลุ่มนักรบเทวะที่มายืนรวมตัวกันอยู่ในลานจัตุรัสชักกระบี่ออกมาตัดมือขวาของตนเองทิ้งไป โลหิตของพวกเขาไหลซึมลงไปในร่องลึกบนพื้นหินและโลหิตเหล่านั้นก็ไหลเวียนขึ้นไปยังกิ่งก้านสาขาของแท่นบูชา…
โลหิตจากนักรบเทวะจำนวน 6,561 คนพลันถูกส่งผ่านเข้าสู่แท่นบูชาเก้าชั้น
แท่นบูชาส่งเสียงดังครืดคราด
มวลพลังบางอย่างดูดซึมโลหิตจากบรรดานักรบเทวะจนหยดสุดท้าย
ร่างกายที่แข็งแรงกำยำของบรรดาชายฉกรรจ์หลายพันคนนอกจากจะสูญเสียโลหิตไปแล้ว ยังสูญเสียน้ำในร่างกาย ตัวคนจึงกลายเป็นซากศพแห้งกรังโดยทันที…
โลหิตทุกหยดถูกดูดเข้าสู่แท่นบูชาเก้าชั้น
ไม่มีเหลือให้เปรอะะเปื้อนพื้นหินเลยแม้แต่หยดเดียว
การเคลื่อนไหวของโลหิตจากชายฉกรรจ์เหล่านั้นคล้ายกับไม่สนใจแรงโน้มถ่วงของโลก เพราะมันไหลเวียนไปตามร่องลึกที่อยู่ด้านล่างแท่นบูชา ก่อนจะไต่ระดับสูงขึ้นไปสู่พื้นที่ด้านบนสุด ระหว่างกระบวนการเหล่านี้ เท้าข้างหนึ่งของรูปปั้นเทพีแห่งตลาดการค้าก็มีแสงสีแดงเรืองรองออกมา…
ยิ่งทำให้รูปปั้นของจิ้งจอกเก้าหางที่มีใบหน้าเป็นมนุษย์ตัวนี้ดูน่ากลัวมากกว่าเดิม
โดยเฉพาะใบหน้าของรูปปั้นนั้นดูจะชัดเจนมากขึ้น นั่นทำให้มองเห็นได้ว่าใบหน้าของรูปปั้นกำลังยิ้มมุมปากออกมาเล็กน้อย
คลื่นพลังความปั่นป่วนพุ่งกระจายออกมาจากขาซ้ายของรูปปั้น
แรงลมโหมกระโชก
ทันใดนั้น ซากศพที่แห้งกรังของชายฉกรรจ์ 6,561 คนก็สลายหายไปกลายเป็นเพียงฝุ่นผงสีขาวในอากาศ
เด็กสาวเท้าเปล่าในชุดเสื้อคลุมสีดำยังคงมีสีหน้าเย็นชา ดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์ กล่าวว่า “ดำเนินการต่อไป”
หลังจากนั้น นักรบเทวะชุดใหม่อีก 6,561 ชีวิตก็เดินเข้ามายืนเรียงแถวแทนที่กลุ่มคนชุดเก่า…
พวกเขาตัดมือของตนเองทิ้ง
เสียสละโลหิตของตนเอง
และแน่นอนว่าชายฉกรรจ์ทั้ง 6,561 คนนี้ ก็ต้องเสียสละชีวิตของตนเองอีกครั้ง
…
หีบไม้สีดำถูกเปิดออก
กลิ่นเหม็นเน่าโชยขึ้นมา
ศีรษะสีเขียวของคนผู้หนึ่งวางอยู่ในหีบใบนั้น
นี่คือศีรษะของเด็กหญิงผู้มีใบหน้าสวยสดงดงาม แต่ใบหน้านั้นยามลมหายใจสุดท้ายของชีวิต นางกำลังแสดงออกถึงความหวาดกลัวจับใจ นี่แสดงว่านางคงเสียชีวิตระหว่างการถูกทรมาน ดวงตาจึงเบิกกว้างด้วยความเจ็บปวดเช่นนี้
นี่คือศีรษะท่านยายของมู่หลินเซิน
ในห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยน ฉู่เหินยืนอยู่ข้างบัลลังก์ สายตาที่คมกริบยิ่งกว่าคมกระบี่จ้องมองไปยังผู้ที่ยืนอยู่หน้าขั้นบันได
ผู้ที่นำหีบใบนี้มาส่งมอบเป็นผู้สงสาส์นจากเผ่าเทพไม้เขียว
เทพเจ้าขั้นกลาง พลังกดดันคุกคามผู้คน สีหน้าแววตาอาฆาตมุ่งร้าย
ข้างกายเขายังยืนด้วยองครักษ์ผู้มีพลังแข็งแกร่งอีกสองชีวิต
ผู้ส่งสาส์นรับรู้ได้ถึงสายตาไม่เป็นมิตรของฉู่เหินมาตั้งแต่แรก แต่เขาก็เชิดหน้าขึ้นจ้องมองฉู่เหินพร้อมกับยิ้มเยาะใส่อย่างไม่กลัวเกรง “มู่หลินเค่อเคยเป็นสมาชิกของเผ่าเทพไม้เขียวมาก่อน แต่ภายหลังกลับสวามิภักดิ์ต่อใต้เท้าเจี๋ยน โทษนี้มีความผิดถึงตาย ต่อให้เจี๋ยนเซียวเหยาอยู่ที่นี่ เขาก็ช่วยอะไรไม่ได้อีกแล้ว”
ฉู่เหินดวงตาร้อนผ่าวด้วยความโกรธแค้น พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “หากข้าจำไม่ผิด ก่อนมาเข้าร่วมกับใต้เท้าเจี๋ยน นางได้แจ้งเรื่องนี้ต่อท่านเทพไม้เขียวอย่างเป็นทางการแล้วไม่ใช่หรือ?”
“แล้วไงล่ะ? ต่อให้ตอนนั้นนางได้รับอนุญาต แต่ตอนนี้พวกเราไม่อนุญาต เพราะฉะนั้น นางจึงต้องตาย” น้ำเสียงของผู้ส่งสาส์นก้าวร้าวและหยิ่งผยอง
“ดังนั้นเจ้าจึงมาที่นี่เพื่อก่อกวนพวกเรา?”
ฉู่เหินพูดเสียงห้วนสั้น
“ก่อกวนแล้วจะเป็นอย่างไร?”
ผู้ส่งสาส์นหัวเราะเยาะ “นายท่านของข้ายังมีอีกหนึ่งประโยคสั่งให้ข้ามาถ่ายทอด ฝากบอกให้ใต้เท้าเจี๋ยนดูแลตนเองดี ๆ ด้วย ภายในวันนี้ พวกเจ้าต้องจ่ายค่าชดใช้ออกมาเป็นศิลาเทวะสามแสนก้อน มิเช่นนั้น ฮ่า ๆๆ …เจ้าคงไม่อยากรู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
กล่าวจบ ผู้สงสาส์นก็หมุนตัวเดินออกไปจากห้องโถงใหญ่พร้อมด้วยองครักษ์ทั้งสองคน
ในสายตาของพวกเขา คฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยนไม่มีสิ่งใดให้น่าหวาดกลัวอีกแล้ว
คนบาปจุ่ยถูหรือ?
ฮ่า ๆๆ
อดีตทาสผู้ต่ำต้อยที่คิดไต่เต้าขึ้นมาครองตำแหน่งขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ ยังจะมีเทพเจ้ามากมายเท่าใดกันที่เห็นอดีตคนงานเหมืองแร่อยู่ในสายตา
คนชั้นต่ำอย่างไรก็ยังเป็นคนชั้นต่ำอยู่วันยันค่ำ
ไม่ว่าจะเปลี่ยนมาสวมใส่เสื้อผ้าราคาแพง หรือนั่งอยู่บนบัลลังก์ที่ยิ่งใหญ่เพียงใด สุดท้ายก็ไม่สามารถขจัดกลิ่นสาปแห่งความเป็นคนชั้นต่ำออกไปได้อยู่ดี
ผู้ส่งสาส์นยิ้มอย่างผู้ชนะ
ระหว่างที่มองแผ่นหลังของผู้สงสาส์นเดินไกลออกไป ฉู่เหินก็สูดหายใจลึกและก้มหน้ามองศีรษะท่านยายของมู่หลินเซินในหีบไม้สีดำใบนั้น ก่อนที่เขาจะปิดฝาหีบลงในที่สุด
หลายวันที่ผ่านมา ความปั่นป่วนในดินแดนทวยเทพทวีความหนักหน่วงรุนแรงมากยิ่งขึ้น
เทพแห่งเหมืองแร่ เทพแห่งท้องนภา เทพอัคคี และเทพสงครามคนอื่น ๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ให้คำสาบานต่อเจี๋ยนเซียวเหยาอย่างดิบดีว่าจะไม่ก่อเรื่องวุ่นวายเด็ดขาด แต่ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด อยู่ดี ๆ พวกเขาจึงได้ผนึกกำลังกันบุกโจมตีคฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยนอีกครั้ง
ตอนแรก ทุกคนเข้าใจว่านี่เป็นสงครามแย่งชิงพื้นที่และทรัพยากรของคฤหาสน์ได้เท้าเจี๋ยน
สมาชิกของคฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยนเริ่มถูกกดดันคุกคาม
และบัดนี้ ถึงกับเริ่มมีการไล่ล่าฆ่าฟันผู้ที่เข้ามาสวามิภักดิ์ต่อเจี๋ยนเซียวเหยา…
พายุลมฝนกำลังโหมกระหน่ำเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง
“ช้าก่อน”
ฉู่เหินพูดออกมาช้า ๆ
ผู้ส่งสาส์นหยุดชะงักและค่อย ๆ เหลียวหน้ามองกลับมายิ้มเยาะหยัน “มีอะไร?”
“ข้ามีของขวัญอยากจะมอบให้แก่ท่านเทพไม้เขียว ต้องรบกวนเจ้าสักหน่อยแล้ว…” ฉู่เหินก้าวลงมาจากขั้นบันไดอย่างแช่มช้า
ผู้ส่งสาส์นหัวเราะด้วยความสะใจ “เจ้าคนบาปผู้ต่ำต้อย คิดจะติดสินบนพวกเราหรือ? ฮ่า ๆๆ เจ้าทำให้ข้าลำบากใจแล้วสิ…”
ทันใดนั้น ฉู่เหินระเบิดเสียงหัวเราะตอบกลับไปว่า “วางใจเถอะ นี่คือของขวัญที่เจ้าไม่อาจปฏิเสธได้อย่างแน่นอน…”
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
ตัวคนก็พุ่งทะยานออกมาข้างหน้า
เพียงลมหายใจเดียวเท่านั้น ฉู่เหินก็มาปรากฏตัวอยู่ข้างกายผู้ส่งสาส์น กำปั้นเหล็กของเขาซัดใส่ศีรษะของฝ่ายตรงข้ามอย่างแรง โดยที่ผู้ส่งสาส์นไม่มีโอกาสได้ทันตั้งตัวด้วยซ้ำ
พลั่ก!
หัวของผู้ส่งสาส์นขาดกระเด็น
ตุบ!
ร่างไร้ศีรษะล้มลงบนพื้นหิน
ฉู่เหินเดินไปก้มหยิบศีรษะขึ้นมาจากพื้นและส่งมอบให้แก่องครักษ์ทั้งสองคนผู้กำลังอยู่ในอาการตื่นกลัวสุดขีด “นี่คือของขวัญจากคฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยน โปรดบอกท่านเทพไม้เขียวว่าหากเขาต้องการสงคราม พวกเราก็จะให้สงครามแก่เขา และในโลกนี้จะไม่มีเผ่าเทพไม้เขียวอีกต่อไป!”