ตอนที่ 1,485 เล่นงานเทพไม้เขียว
ผ่านไปหนึ่งก้านธูป นักพรตหญิงชินก็กลับมาถึงแดนสุขาวดี
หลินเป่ยเฉินเก็บโทรศัพท์มือถือ
การพูดคุยกับเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นที่น่าพอใจ
“ท่านส่งข่าวเรียบร้อยแล้วหรือ?”
หลินเป่ยเฉินมองหน้านักพรตหญิงชินด้วยความตื่นเต้น
เสื้อคลุมของนักพรตหญิงชินยังคงราบเรียบไร้ตำหนิ แต่ความรู้สึกบางอย่างบอกหลินเป่ยเฉินว่านางเพิ่งผ่านการต่อสู้มาได้ไม่นานนัก
นักพรตหญิงชินผงกศีรษะ
ดวงตาจ้องมองมาที่หน้าอกฝั่งขวาของหลินเป่ยเฉิน
บนผิวขาวเนียนไร้ตำหนินั้น หอกแห่งโชคชะตาทิ้งบาดแผลเป็นรูกว้างขนาดเท่าปากจอกน้ำชา แต่บาดแผลส่วนใหญ่ตกสะเก็ดแล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไป อีกเพียงไม่กี่วันหลินเป่ยเฉินก็จะหายดี
“ข้างนอกมีสถานการณ์ไม่ชอบมาพากล”
นักพรตหญิงชินมองหน้าเด็กหนุ่มและกล่าวว่า “ดูเหมือนจะมีผู้บุกรุก…”
“ผู้บุกรุก?”
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วด้วยความสับสน
นักพรตหญิงชินไม่ได้อธิบายคำใดต่อและรีบเปลี่ยนเรื่องพูดโดยเร็ว “เจ้าไม่มีเวลาแล้ว หากเจ้าต้องการเอาชนะเว่ยหมิงเฉินและช่วยเหลือแผ่นดินตงเต้าให้ได้ เจ้าก็ต้องรีบรักษาตัวให้เร็วขึ้น แต่การรักษาให้หายเร็วที่สุดนั้น เจ้าจำเป็นต้องปลดผนึกพลังปราณธาตุทั้งห้าให้ได้เสียก่อน”
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่นโดยไม่รู้ตัว
นี่คือพฤติกรรมที่เขาชอบทำในชาติภพที่แล้ว เวลาที่ต้องใช้ความคิด เด็กหนุ่มก็จะยกมือดันกรอบแว่นเสมอ
บัดนี้ หลินเป่ยเฉินสามารถปลดผนึกพลังปราณธาตุได้สี่ชนิด ซึ่งประกอบไปด้วยพลังปราณธาตุไฟ พลังปราณธาตุน้ำ พลังปราณธาตุดิน และพลังปราณธาตุทองคำ…
ขั้นตอนการปลดผนึกพลังปราณธาตุที่แล้ว ๆ มาดำเนินไปอย่างราบรื่นไม่มีอุปสรรค…
หากเป็นในสถานการณ์ปกติ ขอแค่มีเวลา การปลดผนึกพลังปราณธาตุชนิดสุดท้าย ย่อมสามารถกระทำได้โดยไม่มีปัญหา
แต่ขณะนี้ สถานการณ์ไม่ปกติ
หลินเป่ยเฉินเพิ่งปลดผนึกพลังปราณธาตุดินได้สำเร็จ ร่างกายจึงยังไม่สามารถปรับตัวได้โดยสมบูรณ์ ไม่แน่ว่าหากรีบร้อนปลดผนึกพลังปราณธาตุอีกหนึ่งชนิดตามมา ร่างกายของเขาจะเกิดปัญหาหรือไม่?
ร่างกายของเขาจะรับไหวหรือไม่?
หากรับไม่ไหว ผลที่ตามมาก็คงเลวร้ายเกินคาดคิด
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วนิ่วหน้า กำลังจะพูดบางอย่างขณะเงยหน้าขึ้นมา แต่แล้วเขาก็ต้องสะดุ้งสุดตัว
“ทะ…ท่านคิดจะทำอะไรขอรับ?”
เด็กหนุ่มพูดตะกุกตะกัก รีบยกมือขึ้นปิดบังหน้าอกของตนเอง ราวกับเป็นสาวน้อยเผชิญหน้ากับคนโรคจิตก็ไม่ปาน
เพราะบัดนี้ นักพรตหญิงชินกำลังปลดสายรัดเอวและถอดเสื้อคลุมนักบวชตัวนอกออก ซึ่งเผยให้เห็นถึงเรือนร่างที่อยู่ด้านใน
เมื่อไม่มีเสื้อคลุมตัวนอกคอยปิดบัง หลินเป่ยเฉินจึงสามารถมองเห็นความอรชรอ้อนแอ้นของเอวบางได้อย่างเต็มตา
“ข้าจะช่วยเหลือเจ้า”
นักพรตหญิงชินอธิบายเสียงเย็นเยียบ “ข้าเคยบอกวิธีการช่วยเหลือไปแล้วไม่ใช่หรือ… เจ้าจำเป็นต้องปรับพลังหยินหยางในร่างกาย หากสามารถทำได้สำเร็จ นอกจากจะรักษาอาการบาดเจ็บได้แล้ว มวลพลังในร่างกายของเจ้าก็จะเพิ่มขึ้นอีกด้วย เมื่อเจ้าสามารถดูดซับพลังได้ทั้งหมด ก็จะต้องปลดผนึกพลังปราณธาตุที่เหลืออยู่ได้อย่างแน่นอน”
พูดจบ นางก็ถอดเสื้อตัวในออก
เรือนร่างของนักพรตหญิงชินหลงเหลือเพียงเอี๊ยมชั้นในตัวเดียวเท่านั้น
หัวไหล่ขาวเนียน ลำคอระหง ต้นขาขาวผ่องน่าลูบไล้…
ความสวยงามสบายตาเหล่านั้นทำให้หลินเป่ยเฉินตกตะลึงอยู่กับที่ หัวสมองว่างเปล่าและเลียริมฝีปากกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว
นักพรตหญิงชินไม่มีปฏิกิริยาตอบรับต่อการตอบสนองของหลินเป่ยเฉิน
นางไม่ต่างไปจากเจ้าหญิงน้ำแข็งที่ปราศจากอารมณ์ความรู้สึก มือขาวเนียนไขว้ไปด้านหลังและปมเชือกที่ผูกรัดเอี๊ยมชั้นในก็ถูกปลดออก ก่อนที่มันจะหลุดหล่นลงมาอย่างช้า ๆ…
“เจ้าก็รีบถอดเสื้อผ้าเถอะ”
นักพรตหญิงชินพูดเสียงเรียบ
…
ดินแดนทวยเทพ
เมืองเยี่ยเฉิง
การซุ่มโจมตีที่ถูกวางแผนการมาอย่างเนิ่นนานได้ยุติลงในที่สุด
เทพไม้เขียวผู้มีเลือดท่วมตัว โน้มกายลง หอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้า
ปอดของเขาส่งเสียงดังครืดคราด อวัยวะภายในถูกทำลาย ของเหลวสีเขียวอ่อนไหลซึมออกมาจากปากและจมูก อาการไม่ต่างจากผู้คนกำลังกระอักเลือด…
นับตั้งแต่ที่เทพไม้เขียวถูกแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในเจ็ดเทพสงคราม เขาก็ไม่เคยได้รับบาดเจ็บถึงขั้นนี้มาก่อน
แต่วันนี้ นอกจากจะได้รับบาดเจ็บแล้ว เทพไม้เขียวยังตกอยู่ในอันตรายอีกด้วย
การที่ตนเองได้รับบาดเจ็บสาหัสทำให้เทพไม้เขียวตกตะลึงจนลืมเลือนรักษาอาการบาดเจ็บของตนเองไปชั่วคราว
นอกจากนี้ ห้าผู้อาวุโสระดับสูงของเผ่าเทพไม้เขียว ซึ่งเป็นองครักษ์ของเขาก็ยังเสียชีวิตไปถึงสี่คน เหลือเพียงผู้เดียวที่รอดชีวิต ซึ่งก็คือมู่เจินซิน
และเป็นมู่เจินซินผู้นี้เองที่ทำให้โศกนาฏกรรมทั้งหมดเกิดขึ้น
เพราะนางทรยศต่อเทพไม้เขียว
“เจ้า… กล้าดีอย่างไรถึงทรยศข้า?”
เทพไม้เขียวถามด้วยความโกรธแค้น
เขาจ้องมองมู่เจินซินผู้ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน แต่มู่เจินซินกลับไม่มีความหวาดกลัวบนสีหน้า ในแววตามีแต่ความว่างเปล่า
มู่เจินซินเป็นคนสนิทที่เทพไม้เขียวไว้วางใจเสมอมา
ตลอดหลายพันปีที่ผ่านพ้น นางถือเป็นหัวหน้านักรบของเผ่าเทพไม้เขียว แม้จะไม่ได้มีตำแหน่งเป็นเทพเจ้าระดับสูง แต่ฝีมือการต่อสู้ของมู่เจินซินก็ไม่เป็นรองเทพเจ้าระดับสูงแม้แต่น้อย
ผู้คนทั่วดินแดนทวยเทพต่างก็รู้ดีว่ามู่เจินซินมีความซื่อสัตย์ต่อเทพไม้เขียวเป็นอย่างยิ่ง หลายคนรู้จักนางในฐานะผู้ติดตามอันดับหนึ่งของเทพไม้เขียว
ด้วยเหตุนี้เอง ตอนที่เจี๋ยนเซียวเหยาประกาศรับสมัครสาวกแลกกับตำแหน่งเทพเจ้า เทพไม้เขียวจึงได้ส่งตัวมู่เจินซินเข้าไปเป็นสายลับ
เพราะเทพไม้เขียวมั่นใจว่านางไม่มีทางทรยศตนเองเด็ดขาด
และเทพไม้เขียวก็คิดไม่ถึงเลยว่ามู่เจินซินจะได้รับตำแหน่งเทพเจ้าระดับสูงจากเจี๋ยนเซียวเหยา
ด้วยความที่ผิดไปจากแผนการที่พวกเขาวางเอาไว้ มู่เจินซินจึงไม่ได้แฝงตัวเป็นสายลับต่อ แต่การที่นางกลับมาที่วิหารเทพไม้เขียว พร้อมด้วยตำแหน่งเทพเจ้าที่ติดตัวกลับมา ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นฝ่ายที่ได้ประโยชน์ไม่ใช่หรือ?
และเมื่อมู่เจินซินกลับมาที่วิหารของเผ่าเทพไม้เขียว เนื่องจากนางมีตำแหน่งเป็นเทพเจ้าระดับสูงแล้ว เทพไม้เขียวจึงมอบหน้าที่สำคัญให้มู่เจินซินได้คอยดูแลรับผิดชอบ
เพราะฉะนั้น เทพไม้เขียวจึงไม่คิดไม่ฝันเลยว่ามู่เจินซินซึ่งเป็นผู้ที่ซื่อสัตย์กับเขามากที่สุดนั้น จะหันไปภักดีต่อเจี๋ยนเซียวเหยาอย่างแท้จริงและแว้งกลับมาทำร้ายตนเองเช่นนี้
มู่เจินซินปล่อยข่าวปลอมหลอกล่อให้เทพไม้เขียวและองครักษ์มายังจุดที่พรรคพวกของเจี๋ยนเซียวเหยาวางกำลังลอบโจมตี กลุ่มคนที่ลงมือสังหารนั้นนำโดยอดีตคนบาปจุ่ยถู และรอบกายก็มีการสร้างค่ายอาคมป้องกันการหลบหนีอย่างแน่นหนา
หลังผ่านการต่อสู้อันดุเดือด องครักษ์ของเทพไม้เขียวก็เสียชีวิตไปทั้งสี่คน
เหลือเพียงเทพไม้เขียวผู้เดียวเท่านั้นที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ในขณะที่เทพไม้เขียวกำลังจ้องมองมู่เจินซินด้วยความโกรธแค้นอยู่นี้เอง ผู้ติดตามระดับสูงของเจี๋ยนเซียวเหยาซึ่งนำโดยอดีตคนบาปจุ่ยถู หลี่อี้เทียน ฮันลั่วเซวี่ยและคนอื่น ๆ ก็ปรากฏตัวออกมาล้อมกรอบเขาเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
นี่หมายความว่าคฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยนรวมหัวกันวางแผนการมาตั้งแต่ต้น
นับว่าฉลาดและเจ้าเล่ห์จริง ๆ
ค่ายอาคมที่ถูกสร้างขึ้นนี้สามารถปิดกั้นพลังของเทพไม้เขียวได้โดยสมบูรณ์
แม้ว่าเขาจะเป็นถึงหนึ่งในเจ็ดเทพสงคราม แต่ก็ไม่สามารถฝ่าทะลวงค่ายอาคมออกไปได้อีกแล้ว
คฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยนมีผู้ที่สามารถสร้างค่ายอาคมระดับนี้ได้ด้วยหรือ?
เทพไม้เขียวเกิดสังหรณ์อัปมงคลขึ้นในใจ
“ขอเชิญเทพไม้เขียวลงนรกนะเจ้าคะ”
หลี่อี้เทียนยิ้มออกมาเล็กน้อย เพียงโบกสะบัดมือแผ่วเบา ลำแสงที่พุ่งขึ้นมาจากพื้นดินก็รวมตัวกันกลายเป็นลูกกรงคุมขังเทพไม้เขียวอยู่ด้านในและภายในกรงขังนั้นก็มีมวลพลังหมุนเวียนปั่นป่วนโกลาหล…
“ตายซะเถอะ”
ฉู่เหินระเบิดเสียงคำราม กำปั้นเหล็กมีไฟลุกโชนสว่างไสว จิตสังหารแรงกล้า
“เพิ่มพลังสังหารห้าเท่า”
ฮันลั่วเซวี่ยพึมพำออกมาแผ่วเบา
ลำแสงศักดิ์สิทธิ์ไหลเวียนเข้าสู่ร่างกายของฉู่เหิน ส่งผลให้พลังสังหารของเขาเพิ่มขึ้นห้าเท่าจริง ๆ และนี่ก็ทำให้สถานการณ์ของเทพไม้เขียวตกอยู่ในขั้นวิกฤต