ตอนที่ 1,487 เล่นงานเทพไม้เขียว 3
เงาร่างที่สูงใหญ่ปรากฏตัวเป็นลำแสง มองเห็นเพียงเค้าโครงรูปร่าง ไม่เห็นโฉมหน้าที่แท้จริง แต่พลังกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างกายนั้นก็ทำให้พวกฉู่เหินรู้สึกหายใจไม่สะดวกและพร้อมที่จะกระอักโลหิตออกมาได้ตลอดเวลา…
“ใต้เท้าเหยา”
หลี่อี้เทียนมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
ฉู่เหินหัวใจกระตุกวูบ
เหตุผลที่บรรดาเทพสงครามกล้าบุกโจมตีคฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยน มีคำอธิบายได้เพียงอย่างเดียวก็คือพวกเขาได้รับการสนับสนุนจากหนึ่งในห้าใต้เท้าใหญ่
บัดนี้ ‘ผู้สนับสนุน’ ได้ปรากฏตัวออกมาแล้ว
เป็นใต้เท้าเหยา
ในอดีต สภาเทพเจ้ามีใต้เท้าใหญ่อยู่ห้าท่าน อันประกอบไปด้วยใต้เท้าเหลียน ใต้เท้ากั้ว ใต้เท้าเหยา ใต้เท้าฉาง และใต้เท้าซิน
หลังจากที่กระบี่กวาดสวรรค์ซวีเซี่ยเกอสังหารใต้เท้าฉาง หลินเป่ยเฉินก็ขึ้นมารับตำแหน่งใต้เท้าใหญ่แทน ส่งผลให้ตำแหน่งใต้เท้าใหญ่แห่งสภาเทพเจ้าเกิดความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
ขณะนี้ ผู้ที่ดำรงตำแหน่งใต้เท้าใหญ่ทั้งห้าประกอบไปด้วยใต้เท้าเหลียน ใต้เท้ากั้ว ใต้เท้าเหยา ใต้เท้าซิน และใต้เท้าเจี๋ยน
ใต้เท้าเหยาแตกต่างจากใต้เท้าเหลียนกับใต้เท้ากั้วที่แย่งชิงอำนาจกันอย่างดุเดือด เพราะส่วนใหญ่เขามักจะมองดูเหตุการณ์อยู่ในความมืดมิดเท่านั้น
ไม่มีผู้ใดรับทราบถึงพลังที่แท้จริงของใต้เท้าเหยา
แต่มีข่าวลือว่าใต้เท้าเหยาได้ครอบครองคัมภีร์วิเศษชนิดหนึ่ง และนั่นก็เป็นคัมภีร์ที่มีพลังทำลายล้างมหาศาลในชนิดที่ว่าใต้เท้าเหยาไม่จำเป็นต้องมีสาวกผู้ติดตามก็ยังสามารถอยู่ในอำนาจได้อย่างสบาย ๆ
ระหว่างการแข่งขันคัดเลือกเทพเจ้าหน้าใหม่ ใต้เท้าเหยาเป็นผู้สนับสนุนฮั่วเซี่ย คนถ่อแพจากแม่น้ำใต้ดิน
ในภายหลัง ฮั่วเซี่ยลอบวางแผนร้ายกับพานตั่วชิง คิดร่วมมือกันสังหารหลินเป่ยเฉินในรอบชิงชนะเลิศ สุดท้ายก็ต้องถึงแก่ความตายอย่างน่าอนาถ
ดูเหมือนว่านับตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา ใต้เท้าเหยาก็ตั้งตนเป็นศัตรูกับคฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยน
และวันนี้ เขาก็ได้เปิดเผยจุดยืนของตนเองแล้ว
“ตัวตลกอย่างพวกเจ้า กล้าดีอย่างไรถึงได้มาสร้างความวุ่นวายในเมืองเยี่ยเฉิง…”
ใต้เท้าเหยาก้มหน้ามองลงมา ดวงตามีแสงสว่างไม่ต่างจากดวงตะวันและดวงจันทร์บนท้องฟ้า “ข้าจะลงทัณฑ์พวกเจ้าก่อน หลังจากนั้น ข้าค่อยไปจัดการเจี๋ยนเซียวเหยา… จงเตรียมตัวรอรับความตายให้ดี!”
เสียงคำรามกู่ก้อง
มวลอากาศปั่นป่วนโกลาหล
ก้อนหินแตกละเอียด ต้นไม้ใบหญ้าขาดสะบั้น ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนสภาพกลายเป็นฝุ่นผง… ไม่มีสิ่งใดสามารถต้านทานพลังทำลายล้างได้อีกแล้ว
“พวกเราระวังตัว”
ฉู่เหินร้องตะโกน เคลื่อนกายวูบ ก่อนมาปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าหลี่อี้เทียน ย่อกายลง ระเบิดแขนเพลิงทั้งแปดข้างออกมาจากแผ่นหลัง และแขนเพลิงทั้งแปดข้างนั้นก็ปลดปล่อยพลังกำปั้นไฟโลกันตร์ออกมาเป็นมวลพลังทำลายล้างสลาตัน
แต่ก็ไม่มีประโยชน์เลยสักนิด
พลังจากกำปั้นเพลิงของฉู่เหินไม่สามารถต้านทานคลื่นพลังทำลายล้างของใต้เท้าเหยา
ในทางกลับกัน แขนกลเทพเจ้าดาวเหนือของฉู่เหินกลับปรากฏร่องรอยสนิมกัดกิน แขนเสื้อของเขาลุกเป็นไฟ… ใบหน้าของฉู่เหินบิดเบี้ยวเหี่ยวย่นราวกับเปลือกส้มเน่า เส้นผมสีดำกลับกลายเป็นเส้นผมสีขาว…
นี่คือพลังทำลายล้างแห่งเวทมนตร์กาลเวลา
แต่นี่ยังไม่ใช่จุดจบของฉู่เหิน
เพราะในจังหวะนั้นเอง ลำแสงกระบี่ได้พุ่งลงมาจากท้องฟ้า กางกั้นคุ้มครองฉู่เหินที่เบื้องหน้า และช่วยป้องกันคลื่นพลังทำลายล้างได้อย่างทันเวลาหวุดหวิด
“ซวีเซี่ยเกอ!”
ใต้เท้าเหยาแผดเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธแค้น “ท่านกล้าดีอย่างไรถึงได้มาขัดขวางข้า?”
“อย่ามัวแต่พูดจาอวดดีอยู่อีกเลย”
เสียงคำรามปานฟ้าผ่าดังกังวานทั่วแผ่นฟ้า หลังจากนั้น เสียงคำรามก็ยังกล่าวมาอีกสี่คำว่า “มาสู้กันเถอะ”
ทันใดนั้น ลำแสงกระบี่สีขาวราวหิมะก็พุ่งลงมาจากแผ่นฟ้า ตรงดิ่งเข้าไปหาใต้เท้าเหยาด้วยความกราดเกรี้ยวรุนแรง
การต่อสู้ของเทพเจ้าชนชั้นเจ้าชีวิตบังเกิดขึ้น
บนพื้นดิน ฉู่เหินถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก รีบนำเศษโอสถหัวใจพฤกษาออกมารับประทาน เขาเคี้ยวมันราวกับเป็นผลไม้แห้ง เมื่อกลืนลงคอและหลอมรวมพลังเรียบร้อย อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้จากการถูกพลังของใต้เท้าเหยาเล่นงานก็ฟื้นฟูกลับขึ้นมาโดยสมบูรณ์
หลี่อี้เทียนที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
โชคดีที่เหตุการณ์ดำเนินมาถึงขั้นนี้ ทุกอย่างยังเป็นไปตามแผนการของนาง
แผนการในวันนี้ถูกวางไว้นับตั้งแต่ที่มีการตัดหัวผู้ส่งสาส์นของเผ่าเทพไม้เขียวเมื่อวันก่อน
และเหตุผลที่ฉู่เหินตัดหัวผู้ส่งสาส์นคนนั้น ก็เพราะเขาได้รับคำแนะนำจากหลี่อี้เทียน
นี่แสดงให้เห็นว่านักเวทสาวผู้เงียบขรึมมีจิตใจเด็ดเดี่ยวไม่ธรรมดา
การสังหารผู้ส่งสาส์นย่อมทำให้เทพไม้เขียวโกรธแค้น หลังจากนั้น พวกเขาก็ใช้ให้มู่เจินซินหลอกล่อเทพไม้เขียวพร้อมด้วยลูกสมุนคนสนิทออกมาติดกับดักค่ายอาคม โดยเป้าหมายของภารกิจนี้มีเพียงหนึ่งเดียวคือการสังหารเทพไม้เขียวให้ได้
เป้าหมายแรกสำเร็จลุล่วงไปแล้ว
หลี่อี้เทียนยังได้คิดคำนวณต่อไปล่วงหน้าว่า เมื่อเทพไม้เขียวถึงแก่ความตาย เทพสงครามคนอื่น ๆ ก็คงเกิดการตื่นตระหนก หลี่อี้เทียนจึงได้จัดเตรียมแผนการรับมือสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด ซึ่งก็คือการปรากฏตัวของหนึ่งในห้าใต้เท้าใหญ่แห่งสภาเทพเจ้า
ดังนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ล้วนเป็นไปตามการคาดการณ์ของหลี่อี้เทียนหมดสิ้น
เศษโอสถหัวใจพฤกษาที่ฉู่เหินพกติดตัว ความจริงนั้น หลี่อี้เทียนกับฮันลั่วเซวี่ยก็มีพกติดตัวอยู่เช่นกัน
พกเอาไว้ใช้งานยามที่เทพเจ้าชนชั้นเจ้าชีวิตอย่างใต้เท้าเหยาปรากฏตัว
นี่คือสิ่งที่พิสูจน์ว่ากลยุทธ์ของหลี่อี้เทียนถูกวางเอาไว้อย่างสมบูรณ์แบบจริง ๆ
แม้แต่ฉู่เหินก็ยังต้องจ้องมองนักเวทสาวในชุดนักรบด้วยความตกตะลึง… ก่อนหน้านี้ เขานึกดูถูกสติปัญญาของหลินเป่ยเฉินที่แต่งตั้งให้หลี่อี้เทียนเป็นสมาชิกระดับสูง เพราะนางไม่น่าจะมีฝีมือสูงส่งอันใด
แต่บัดนี้ เห็นได้ชัดว่าหลินเป่ยเฉินคิดถูกแล้ว
นอกจากหลี่อี้เทียนจะมีพลังเวทมนตร์แข็งแกร่ง นางยังสามารถประเมินสถานการณ์ได้อย่างแม่นยำเฉียบขาด กลยุทธ์ทุกอย่างไร้ช่องว่างจุดอ่อน
บัดนี้ ฉู่เหินมีความเคารพนับถือหลี่อี้เทียนจากใจจริง
“แผนการต่อจากนี้เป็นอย่างไร?”
เขามองหน้าหลี่อี้เทียน
นักเวทสาวในชุดนักรบถอนสายตากลับมาจากท้องฟ้า ตอบว่า “นี่คือการต่อสู้ที่พวกเราจะเข้าไปแทรกแซงไม่ได้… กลับไปที่วิหารกันก่อนเถอะ พวกของเฉียนหลงคงกำลังเผชิญปัญหาใหญ่แล้ว”
นางบดขยี้แผ่นหยกในมือ
ทันใดนั้น แสงสีเงินพุ่งลงมาจากท้องฟ้าครอบคลุมร่างของพวกเขาทั้งสามคน
และส่งผลให้ร่างของพวกเขาทั้งสามหายวับไปในพริบตา
…
วิหารใต้เท้ากั้ว
ใต้เท้ากั้วผู้นั่งหลับตาอยู่บนบัลลังก์ยักษ์มาทั้งวันในที่สุดก็ลืมตาขึ้นมาแล้ว เขาลุกขึ้นยืน และเดินลงมาจากขั้นบันไดหินด้วยฝีเท้าหนักแน่น
ใต้เท้ากั้วตัดสินใจได้แล้ว
“ออกคำสั่งให้พวกเราบุกโจมตีคฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยนเต็มอัตรารบ”
เทพเจ้าร่างยักษ์ก้มหน้ามองนักเวทชราอู่จิวที่คุกเข่าอยู่หน้าขั้นบันได
“ใต้เท้าตัดสินใจได้แล้วหรือ?”
นักเวทชราอู่จิวถามเสียงแผ่วเบา ยังคงก้มหน้ามองพื้นหิน
“นี่เจ้าถึงกับกล้าตั้งคำถามในการตัดสินใจของข้าแล้วหรือ?”
ดวงตาของใต้เท้ากั้วเป็นประกายวาวโรจน์อย่างดุร้าย แต่สีหน้าไม่อาจบอกได้เลยว่ากำลังโกรธแค้นอยู่หรือไม่
นักเวทชราอู่จิวค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนและปลดผ้าคลุมของตนเองออก ราวกับว่ากำลังจะต้องทำเรื่องที่ใช้การออกแรงอย่างไรอย่างนั้น…
“ข้าไม่ได้ตั้งคำถามต่อการตัดสินใจของท่าน”
เสียงของชายชรามีความเย็นชามากกว่าเคย “แต่ข้าไม่เห็นด้วยต่างหาก”
“ว่าอย่างไรนะ?”
ใต้เท้ากั้วตกตะลึง ความเหลือเชื่อปรากฏขึ้นบนสีหน้า “เจ้าไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของข้า? ฮ่า ๆๆ เจ้าเป็นเพียงบ่าวรับใช้ผู้ต่ำต้อย จงอย่าลืมคำสาบานของเจ้าสิ จำได้หรือไม่ว่าตอนนั้นเจ้าร้องขอความเมตตาเพื่อให้ช่วยชีวิตน้อย ๆ ของเจ้าไว้อย่างไรบ้าง?”
“ข้าไม่เคยลืม”
นักเวทชราอู่จิวจ้องมองไปที่ผู้เป็นนายท่านของตนเอง แต่แววตาไม่ได้มีความเคารพยำเกรงอีกแล้ว “พูดไปก็ไร้ประโยชน์… วันนี้กำลังจะเกิดการนองเลือดครั้งใหญ่ ข้าขอแนะนำให้ท่านอยู่ในวิหารเงียบ ๆ ดีกว่า อย่าได้กระทำเรื่องราวที่เป็นความผิดพลาดอีกเลย”