ตอนที่ 1,496 หลอมรวมพลังปราณธาตุ
“เมื่อไหร่หลินเป่ยเฉินจึงจะกลับมา?”
ฉินโซวกวาดสายตามองกลุ่มคนที่ยืนอยู่รอบข้าง “พวกเราคงรอนานมากไปกว่านี้ไม่ได้”
เฉียนเหมยยักไหล่ด้วยความจนใจ “เรื่องนี้… ยากที่จะบอกได้ เอาเป็นว่านายท่านปวดเอวเมื่อไหร่ เดี๋ยวก็คงกลับมาเองนั่นแหละ”
ฉินโซวขมวดคิ้วหน้ายุ่ง “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
“ก็นักพรตหญิงชินลักพาตัวนายท่านไปแล้วน่ะสิ ข้ามองออกว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างคนทั้งสอง นายท่านลุ่มหลงในความงามของนักพรตหญิงชินมานานแล้ว ครั้งนี้ นายท่านคงไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมืออีกต่อไป… อุ๊บ!”
เฉียนเหมยพูดออกมาด้วยความมั่นใจ
เฉียนเจินต้องรีบเอามือมาปิดปากไว้
นี่คือเรื่องภายในครอบครัวที่ไม่ควรพูดให้คนนอกรับรู้
สาวรับใช้จะนินทานายท่านของตนเองได้อย่างไร
ฉินโซวใบหน้ากระตุก ไม่ทราบเลยว่าตนเองสมควรกล่าวอย่างไร
ช่างเถอะ ถึงอย่างไรหลินเป่ยเฉินก็เป็นคนเสเพลอยู่แล้ว นี่คือเรื่องที่ปกติธรรมดาอย่างยิ่ง
“เดี๋ยวข้าจะไปหาตัวเขาเอง”
ฉินโซวกล่าวออกมาช้า ๆ “แต่กว่าจะถึงตอนนั้น เราควรรีบหาคำตอบก่อนว่าแกนพลังของค่ายอาคมบูชายัญนี้อยู่ที่ใด เมื่อพบตัวหลินเป่ยเฉินแล้ว เราจะได้ไปหยุดยั้งมันโดยทันที… ข่าวดีคือผู้ที่ได้รับตำแหน่งเทพเจ้าจะสามารถต้านทานคลื่นพลังดูดกลืนชีวิตเหล่านี้ได้ในระยะสั้น พวกเจ้าบางคนหลอมรวมพลังสำเร็จแล้ว ดังนั้นพวกเราจึงควรรีบลงมือทำอะไรสักอย่าง อย่าได้นั่งรอคอยความตายเป็นอันขาด”
…
แดนสุขาวดี
ท้องทะเลแห่งก้อนเมฆ ก้อนหินทรงกลมสีดำทมิฬกำลังลุกเป็นไฟ
หลินเป่ยเฉินและนักพรตหญิงชินผู้เปลือยกายนั่งหันหลังชนกันอยู่บนหินก้อนนั้น แผ่นหลังของพวกเขาประกบกันแนบชิด ในเวลาเดียวกันนี้ มือของพวกเขาก็เอื้อมมาจับด้านหลังศีรษะของกันและกันแนบแน่น…
ในลักษณะนี้ ร่างกายของพวกเขาจึงเกิดเป็นเงารูปทรงสามเหลี่ยม
นักพรตหญิงชินหลับตาลงและสูดหายใจลึกเข้าทั้งทางจมูกและปาก
มวลอากาศที่ถูกสูดเข้าสู่ปากและจมูกของนางเปลี่ยนเป็นมวลพลังที่ไหลเวียนในร่างกาย และมวลพลังนั้นก็ถูกส่งเข้าสู่ร่างกายของหลินเป่ยเฉินผ่านทางปลายนิ้วมือ และมวลพลังนั้นก็ไหลเวียนออกมากลายเป็นลมหายใจผ่านปากและจมูกของหลินเป่ยเฉิน…
ทั้งสองคนหลอมรวมสอดประสานเป็นหนึ่ง
หายใจเข้า
หายใจออก
ต่างฝ่ายต่างอยู่ในสภาพเปราะบางเป็นอย่างยิ่ง
กระบวนการดำเนินไปเช่นนี้
พลังที่หมุนเวียนอยู่ในร่างกายหลินเป่ยเฉินเริ่มเปลี่ยนไป
อาการบาดเจ็บของเขาหายดีแล้ว
พลังปราณธาตุชนิดที่ห้าถูกปลดผนึกอย่างช้า ๆ
เมื่อเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วยาม ทั้งสองคนก็หันหน้าเข้าหากัน ฝ่ามือประกบกับฝ่ามือ หัวเข่าสัมผัสกับหัวเข่า เกิดเป็นรูปเงาทรงสี่เหลี่ยม
นี่คือความช่วยเหลือที่นักพรตหญิงชินได้เคยกล่าวเอาไว้
หลินเป่ยเฉินเองก็กำลังหลับตาลงตั้งสมาธิ จิตใจไม่วอกแวก รู้สึกได้ถึงมวลพลังที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกาย
กาลเวลาผ่านไป
ทั้งสองคนเปลี่ยนท่าทางหลายครั้ง
แต่การสัมผัสมือไม่เคยหลุดออกจากกันเลย
พลังปราณบริสุทธิ์ที่ไหลเวียนอยู่รอบมหาสมุทรก้อนเมฆถูกดูดเข้าสู่ร่างกายของพวกเขา
หลินเป่ยเฉินรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าการดูดซับพลังก่อนหน้านี้ ไม่ได้มีผลต่อรังไหมปราณธาตุในร่างกายของเขาสักเท่าไหร่ แต่บัดนี้ เมื่อโคจรพลังเข้าสู่ร่างกาย รังไหมปราณธาตุไม้ก็ได้ถูกกะเทาะแตกออกมาแล้ว
ในที่สุด หลินเป่ยเฉินก็สามารถปลดผนึกพลังปราณธาตุไม้ได้โดยสมบูรณ์ในวันที่สอง
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ทำความคุ้นชินกับการโคจรพลังปราณธาตุชนิดล่าสุด พลังปราณธาตุทั้งหมดในร่างกายของเขากลับถูกควบคุมโดยนักพรตหญิงชินอีกครั้ง
นางช่วยดูดซับพลังปราณบริสุทธิ์รอบบริเวณเข้ามาหลอมรวมกับพลังปราณธาตุทั้งห้าชนิดในตัวหลินเป่ยเฉิน
กระบวนการนี้ช่วยหลอมรวมให้พลังปราณธาตุไฟ พลังปราณธาตุน้ำ พลังปราณธาตุดิน พลังปราณธาตุทองคำและพลังปราณธาตุไม้หลอมรวมเป็นหนึ่ง
ไม่ทราบเลยว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด
หลินเป่ยเฉินรู้สึกว่าร่างกายเกิดแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อย แล้วทันใดนั้นเอง การสัมผัสกับร่างกายของนักพรตหญิงชินก็หยุดชะงักลง
เมื่อเขาลืมตาขึ้นมา นักพรตหญิงชินก็ได้สวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว
“ราบรื่นกว่าที่ข้าคิดเอาไว้เสียอีก”
นักพรตหญิงชินมองหน้าเขาและกล่าวต่อ “ด้วยความช่วยเหลือจากปราณบริสุทธิ์ของแดนสุขาวดี นอกจากเจ้าจะปลดผนึกพลังปราณธาตุได้ครบห้าชนิดแล้ว มันยังช่วยเพิ่มพูนความแข็งแกร่งของพลังปราณธาตุอีกด้วย… เจ้าลองทำความเข้าใจกับมวลพลังในร่างกายดูก่อนเถอะ เมื่อถึงเวลาที่ต้องสู้กับเว่ยหมิงเฉิน นี่จะเป็นสิ่งสำคัญมากทีเดียว”
หลินเป่ยเฉินรีบหลับตาลงสำรวจดูมวลพลังด้วยความเสียดายเล็กน้อย
สิ่งแรกที่เขาสัมผัสได้ก็คือการไหลเวียนของพลังปราณธาตุไม้
หลังจากนั้น คำ ๆ หนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวใจ…
อมตะ
พลังปราณธาตุไม้เป็นพลังแห่งการฟื้นฟู ตราบใดที่ดวงวิญญาณยังคงอยู่ ต่อให้ไม่มีร่างกายอีกต่อไป ดวงวิญญาณก็จะไม่แตกสลาย และมีโอกาสที่จะฟื้นคืนชีพใหม่ได้เสมอ เสมือนกิ่งไม้ที่งอกงามใหม่ได้ตลอดเวลานั่นเอง
นอกจากนี้ เด็กหนุ่มยังพบว่าพลังจิตของตนเองแข็งแกร่งขึ้น
พลังจิตเป็นจุดอ่อนของเขามาโดยตลอด
และก่อนหน้านี้ การฝึกวิชาห้าธาตุหลอมวิญญาณผ่านโทรศัพท์มือถือก็ทำให้พลังปราณธาตุเหล่านั้นแบ่งแยกออกเป็นห้าสี คือสีแดง สีเขียว สีเหลือง สีทองคำ และสีฟ้า แต่เมื่อได้หลอมรวมเข้ากับปราณบริสุทธิ์ของแดนสุขาวดี พลังปราณธาตุเหล่านั้นก็กลับกลายเป็นมวลพลังกึ่งโปร่งแสง ไม่มีสีสันอีกต่อไป
พลังปราณธาตุทั้งห้าชนิดหลอมรวมเป็นหนึ่ง
ผ่านไปอีกครึ่งค่อนวัน
เมื่อพลังปราณธาตุในร่างกายไร้สีสัน หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกได้ถึงมวลพลังที่ไหลทะลักออกมาจากตนเองอย่างมหาศาล ราวกับว่าในโลกใบนี้ไม่มีผู้ใดจะสามารถสู้กับเขาได้อีกต่อไป
หลินเป่ยเฉินยื่นมือออกมาข้างหน้า
เปลวไฟลุกโชนที่ปลายนิ้ว ก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็นกิ่งไม้ขนาดเล็ก และเปลี่ยนเป็นหยดทองคำแวววาว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นก้อนหิน และในที่สุดก็กลายเป็นน้ำหยดหนึ่ง…
เขาสามารถควบคุมพลังปราณธาตุทั้งห้าได้ตามใจนึก
แต่ยังไม่หมดเพียงเท่านี้
หลินเป่ยเฉินนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงทดลองโคจรพลังลงไปที่ปลายนิ้วมือทั้งห้านิ้วของตนเอง หลังจากนั้น ปลายนิ้วของเขาแต่ละนิ้วก็มีมวลพลังปราณธาตุไฟ พลังปราณธาตุทองคำ พลังปราณธาตุน้ำ พลังปราณธาตุไม้และพลังปราณธาตุดินเรืองรองออกมาดูสวยงามอย่างยิ่ง
เด็กหนุ่มควบคุมพลังปราณธาตุทั้งห้าชนิดได้อย่างชำนาญแล้ว
เขาสามารถใช้งานมันได้ตามใจปรารถนา
ปัญหาเรื่องความล้มเหลวในการควบคุมพลังปราณธาตุหลายชนิดในเวลาเดียวกันอย่างที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ไม่มีปรากฏออกมาให้รบกวนใจอีก
หลินเป่ยเฉินรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงสิ่งที่เรียกว่า ‘พลัง’
“หากวันนั้นเราแข็งแกร่งขนาดนี้ เราก็คงไม่ต้องพลาดท่าเสียทีให้กับร่างทองคำของไป๋ชินอวิ๋น มิหนำซ้ำ เราจะสามารถเอาชนะนางได้ง่าย ๆ อีกด้วย”
หลินเป่ยเฉินคิดอย่างมีความสุข
เขาลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ
ฟุบ!
ผ้าคาดเอวผืนหนึ่งลอยเข้ามาโดนศีรษะของเขา
กลิ่นหอมโชยเตะจมูก
“สวมใส่เสื้อผ้าก่อนเถอะ”
นักพรตหญิงชินลอยตัวอยู่เหนือกลุ่มก้อนเมฆห่างออกไปหลายสิบวา ใบหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึก
“อ้อ…”
หลินเป่ยเฉินนำผ้าคาดเอวผืนนั้นมาสูดดมจนชื่นใจและยิงฟันยิ้มกล่าวว่า “พี่ชิน นี่คือของรักแทนใจใช่หรือไม่? ไม่ต้องห่วงหรอก ท่านกับข้าเรามีความสัมพันธ์แนบเนื้อกันแล้ว ข้าจะรับผิดชอบท่านเอง… ผ้าคาดเอวผืนนี้คงเป็นของที่ระลึกสำหรับ… เอ๋?”
เมื่อพูดมาได้ถึงตรงนี้ หลินเป่ยเฉินก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ
เพราะผ้าคาดเอวที่ถืออยู่ในมือกลับเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน