ตอนที่ 1,498 อาการของท่านเป็นอย่างไรบ้าง
เสียงประกาศการลงทัณฑ์ดังกังวานไปทั่วแผ่นดินแผ่นฟ้า
เมืองเยี่ยเฉิงดังกังวานไปด้วยเสียงของใต้เท้าเหลียน
บรรยากาศในขณะนี้ไม่ต่างจากทุกคนกำลังถูกไต่สวนอยู่ในศาล ไม่มีผู้ใดกล้าเงยหน้ามองใต้เท้าเหลียนอีกแล้ว
แม้แต่ฉู่เหิน หลี่อี้เทียนและฮันลั่วเซวี่ยซึ่งยืนอยู่ห่างไกล ก็ยังสัมผัสได้ถึงพลังกดดันที่คุกคามเข้ามา หากสงครามยังดำเนินต่อไปเช่นนี้ คงมีแต่เพียงเจี๋ยนเซียวเหยาผู้เดียวเท่านั้นกระมังที่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้สำเร็จ?
สมาชิกของคฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยน เฉียนหลงและกลุ่มคุณชายผู้สูงศักดิ์ทั้งห้าต่างก็มีสีหน้าวิตกกังวลสุดขีด
“นี่คือการลงโทษโดยไม่มีการไต่สวน”
เฉียนหลงพลันยกมือขึ้นประท้วง
“ใช่แล้ว อีกไม่นานใต้เท้าเจี๋ยนก็จะกลับมาจากการหลอมรวมพลัง ไว้ค่อยไต่สวนตอนนั้นก็ยังไม่สาย…” กวนรั่วเฟยพูดเสียงดัง
“เพื่อเห็นแก่หน้าใต้เท้าเจี๋ยน รบกวนท่านใต้เท้าเหลียนอย่าได้ทำตัวหยาบคายเกินไป”
มู่หลินเซินก็ส่งเสียงพูดออกมาเช่นกัน
“นี่ต้องเป็นความเข้าใจผิดกันแน่ ๆ”
ลู่ปิงเหวินยังคงมีน้ำเสียงหนักแน่นมั่นคง
บัดนี้ พวกเขาต่างก็ควบคุมกองกำลังของตนเองแยกย้ายกันอยู่คนละทิศคนละทาง นี่คือการพูดโดยไม่ได้มีการนัดหมายกันมาก่อน แม้อาจฟังดูเหมือนการโต้แย้ง แต่ความจริงนั้น บุรุษหนุ่มทั้งสี่เพียงต้องการถ่วงเวลาเท่านั้น
คำพูดทุกคำของพวกเขาได้รับการโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์จนดังกังวานทั่วแผ่นฟ้า
นี่คือการกระทำที่ฉลาดยิ่ง
และเป็นการสื่อสารอย่างตรงไปตรงมา
หากเป็นเมื่อก่อน พวกเขาคงไม่มีความกล้าหาญเช่นนี้ แต่บัดนี้ พวกของเฉียนหลงต่างก็เลียนแบบน้ำเสียงถือดีในตนเองอย่างหลินเป่ยเฉินและกล่าวต่อไปว่า “หากใต้เท้าเหลียนมีหลักฐานที่แน่นหนาจริง รอสอบถามเรื่องนี้กับใต้เท้าเจี๋ยนเองจะเป็นไรไป?”
หลังจากที่เฉียนหลงพูดจบ รอบกายก็เกิดเสียงอุทานออกมาอย่างเห็นด้วย
เมื่อกลุ่มคุณชายผู้สูงศักดิ์ได้ยินปฏิกิริยาตอบรับจากผู้คนรอบข้าง พวกเขาก็อดเป็นกังวลขึ้นมาไม่ได้
เฉียนหลงเพียงต้องการถ่วงเวลาเท่านั้น ไม่ได้ต้องการปลุกใจผู้ใด
แน่นอนว่าใต้เท้าเหลียนผู้ลอยตัวอยู่บนท้องฟ้ามีดวงตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธแค้นขึ้นมาทันที นางหัวเราะเยาะ แล้วจึงกล่าวว่า “หลินเป่ยเฉินหลบหนีลงไปที่แผ่นดินตงเต้านานแล้ว พวกเจ้าคิดว่าเขายังจะกลับมาอีกหรือ? น่าเสียดายที่พวกเจ้าภักดีต่อเขาถึงเพียงนี้ เขากลับไม่เห็นค่าพวกเจ้าเลยสักนิด”
นี่คือคำพูดแห่งความเหยียดหยาม
สามารถสั่นคลอนจิตใจผู้รับฟังได้มากกว่าการประกาศความผิดหกกระทงก่อนหน้านี้เสียอีก
พวกของเฉียนหลงเองก็ประหลาดใจเช่นกัน
ถ้าอย่างนั้น…
“ฮ่า ๆๆ ใส่ความผู้อื่นได้อย่างไร้ยางอาย เจ้านี่มันชั่วช้าเกินไปแล้ว”
เสียงหัวเราะที่นุ่มนวลดังขึ้นในอากาศ ก่อนที่พลังกดดันทั้งหมดจากใต้เท้าเหลียนจะถูกสลายหายไป
…
วิหารใต้เท้ากั้ว
ใต้เท้ากั้วค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนจากบัลลังก์และจ้องมองไปที่นักเวทชราอู่จิว “เจ้าได้ยินแล้วหรือไม่ การลงมือในครั้งนี้ไม่ใช่เพียงเป็นความเห็นชอบจากสภาเทพเจ้าเท่านั้น แต่นี่เป็นพระประสงค์ขององค์มหาเทพ อู่จิว อีกไม่นานเจี๋ยนเซียวเหยาก็กำลังจะพ่ายแพ้แล้ว วิหารของมันกำลังจะล่มสลาย เจ้าจะปกป้องพวกมันไปอีกเพื่ออะไร?”
นักเวทชราอู่จิวมองเจ้านายของตนเองในความเงียบ ไม่ตอบรับคำใด
ดวงตาร้อนผ่าวด้วยเปลวไฟแห่งความโกรธแค้น
ใต้เท้ากั้วย่อมไม่สามารถทนถูกจ้องมองด้วยแววตาเช่นนี้ได้ จึงคำรามออกมาว่า “ข้าทนกับเจ้ามานานมากเกินไปแล้ว อู่จิว เจ้าเป็นเพียงสุนัขไร้เจ้าของที่ข้าเก็บมาเลี้ยงดูด้วยความเมตตา แต่บัดนี้ เจ้ากลับคิดทรยศข้าเสียอย่างนั้นหรือ?”
นักเวทชราอู่จิวพูดเสียงเรียบ “ใต้เท้าได้โปรดนั่งลงตามเดิม”
สุดท้าย ใต้เท้ากั้วก็ต้องคำรามออกมาด้วยความเดือดดาลว่า
“เจ้าสุนัขแก่ เป็นเจ้าบังคับข้าเองนะ…”
ได้ยินเสียงดีดนิ้วมือ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงพยัคฆ์คำราม แล้วร่างของเสือดำตัวหนึ่งก็พุ่งออกมาจากอากาศธาตุ กรงเล็บตะปบเข้าใส่ศีรษะของนักเวทชราอู่จิว
ชายชรายังคงยืนอยู่ที่เดิม
พลัน ร่างกายเปล่งแสงสีทองเรืองรองออกมา
ทันใดนั้น ร่างของเสือดำก็หายวับไปจากตรงหน้านักเวทชราอู่จิว ก่อนที่มันจะไปปรากฏกายอีกครั้งอยู่ที่หน้าเสาหินด้านหลังชายชรา
นี่คือค่ายอาคมสับเปลี่ยนตำแหน่ง
ทุกการโจมตีที่พุ่งเข้ามาทางด้านหน้า จะถูกสับเปลี่ยนตำแหน่งเลยผ่านไปอยู่ทางด้านหลังของนักเวทชราอู่จิวหมดสิ้น
ใต้เท้ากั้วไม่ได้แปลกใจสักเท่าไหร่
เขาย่อมรู้ดีว่าชายชรามีฝีมือไม่ธรรมดา
เมื่อเหตุการณ์ดำเนินมาถึงขั้นนี้ เนื่องจากใต้เท้ากั้วตัดสินใจที่จะแตกหักกันแล้ว เทพเจ้าร่างใหญ่จึงไม่ลังเลใจอีกต่อไป
เพราะเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะนั่งดูอยู่เฉย ๆ ได้อีก
ใต้เท้าเหลียนชิงตัดหน้านำธงรบวิหคดำออกไปป่าวประกาศศักดา นี่คงได้รับความดีความชอบจากท่านมหาเทพไม่ใช่น้อย ส่งผลให้สถานะของใต้เท้ากั้วยิ่งต่ำต้อยมากกว่าเดิม เพราะฉะนั้น เขาจึงต้องตัดสินใจเลือกข้างอย่างช่วยไม่ได้
มิฉะนั้น หากสงครามครั้งนี้จบลง ใต้เท้ากั้วก็ทราบชะตากรรมดีว่าท่านมหาเทพคงเรียกตนเองเข้าไปสอบถามเป็นแน่แท้ ว่าเพราะเหตุใดยามเกิดสงคราม เขาถึงไม่ออกมาช่วยเหลือพี่น้องของตนเอง
ร่างกายใหญ่ยักษ์พุ่งเป็นลำแสง ฝ่ามือตะปบลงไปที่ศีรษะของนักเวทชรา
ฝ่ามือของใต้เท้ากั้วเปลี่ยนเป็นกรงเล็บเสือดำ
นี่คือการโจมตีด้วยพลังเทพเจ้าที่แท้จริง
กรงเล็บของใต้เท้ากั้วสามารถทะลวงผ่านค่ายอาคมสับเปลี่ยนตำแหน่งของชายชราเข้าไปได้อย่างง่ายดาย
พรึ่บ!
ร่างของนักเวทชราอู่จิวถูกกรงเล็บเสือดำตะปบจนระเบิดกระจายกลายเป็นม่านหมอกเลือด
แต่หัวใจของใต้เท้ากั้วกลับกระตุกวูบ รีบล่าถอยออกมาโดยไม่รู้ตัว
ตู้ม!
กรงเล็บเสือดำตะปบลงไปยังตำแหน่งที่ร่างของชายชรายืนอยู่เมื่อสักครู่ พื้นหินของวิหารแตกร้าว วิหารหลังใหญ่สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
และนักเวทชราอู่จิวก็ปรากฏกายขึ้นอีกครั้งห่างออกไปห้าวาในอากาศ
“นี่สินะวิชาสะท้อนกลับในตำนาน ดูเหมือนกงจักรอมตะของเจ้าจะสามารถปลดผนึกได้แล้วจริง ๆ”
ใต้เท้ากั้วมีสีหน้าเคร่งเครียดในพริบตา
เขาทราบดีถึงรูปแบบการต่อสู้ของนักเวทชราอู่จิว วิชาที่ถูกใช้ออกมาเมื่อสักครู่นี้เรียกว่าวิชามหาเวทสะท้อนกลับ เป็นการสะท้อนการโจมตีจากคู่ต่อสู้เข้าใส่ตัวของคู่ต่อสู้เอง หากเป็นเทพเจ้าทั่วไปที่มีสถานะต่ำกว่าระดับเทพสงคราม ย่อมไม่อาจหลบหนีความตายจากวิชานี้รอดพ้นเด็ดขาด
“โอกาสสุดท้าย”
นักเวทชราอู่จิวยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ใต้เท้า ได้โปรดนั่งรอจนกว่าการต่อสู้ข้างนอกจะยุติลง แล้วข้าจะถือเสียว่าเรื่องราวในครั้งนี้ไม่เคยเกิดขึ้น”
ใต้เท้ากั้วได้ยินคำพูดนั้นก็อดระเบิดเสียงหัวเราะออกมาไม่ได้ “สุนัขแก่ เจ้าคิดว่าจะสามารถเอาชนะข้าได้จริงหรือ? เจ้าคิดหรือว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา ข้าจะไม่ได้เตรียมตัวรับมือเจ้าเอาไว้เลย?”
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
ร่างของอสูรมายาเสือดำยักษ์ที่อยู่ด้านหลังใต้เท้ากั้วพลันระเบิดพลังศักดิ์สิทธิ์ออกมาเต็มอัตรา ค่ายอาคมทุกจุดที่ถูกวางเอาไว้ทั่ววิหารถูกเปิดใช้งาน แล้ววิหารทั้งหลังก็เปลี่ยนสภาพกลายเป็นท้องฟ้าที่มีแต่ดวงดาวระยิบระยับ
ใต้เท้ากั้วบริกรรมคาถาออกมายาวเหยียด
พลังกดดันในอากาศเริ่มบีบคั้นอย่างหนักหน่วงมากขึ้นเรื่อย ๆ
“พรวด!”
ทันใดนั้น นักเวทชราอู่จิวกระอักเลือดออกมาจากปาก
ชายชราได้ยินเสียงร่างกายของตนเองถูกบดขยี้อย่างรุนแรง
คลื่นพลังกดดันบีบอัดเข้ามาจากรอบทิศทาง ราวกับว่าต้องการจะทำลายล้างร่างกายของนักเวทชราอู่จิวให้แหลกสลายอยู่ตรงนี้
“คิดไม่ถึงเลยว่าท่านจะสามารถใช้ค่ายอาคมวงแหวนอันธการได้แล้ว”
นักเวทชรายกมือขึ้นปาดเลือดจากมุมปากและกล่าวว่า “การใช้ค่ายอาคมชนิดนี้จำเป็นต้องใช้ศิลาเทวะเป็นจำนวนมาก มิหนำซ้ำ ยังดูดกินพลังชีวิตของผู้ใช้งานอีกจำนวนไม่น้อย ไม่ว่าเป็นเทพเจ้าหรือมนุษย์ หากป่วยไข้ไม่สบายเพียงเล็กน้อยก็จะต้องถึงแก่ความตายอย่างแน่นอน…”
ดวงตาของใต้เท้ากั้วเป็นประกายวาวโรจน์
นักเวทชราแสยะยิ้มและถามออกมาแผ่วเบา “ดังนั้น ข้าน้อยขอล่วงเกินสอบถาม ไม่ทราบว่าอาการของโรคบุปผามรณะของใต้เท้าในขณะนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”