ตอนที่ 1,500 ข้าคือเทพเจ้าผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทาน
“เจ้านี่มันหน้าด้านไร้ยางอายจริง ๆ”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงโต้ตอบกลับมาอย่างทันควัน “ทำเป็นสวมใส่หน้ากากคนดี แต่เนื้อในเน่าเหม็นไม่มีผู้ใดเสมอเหมือน… ฮ่า ๆๆ เจ้าคิดว่าตนเองยังจะสามารถทำเรื่องราวเช่นในอดีตได้อยู่อีกหรือ?”
กลุ่ม ‘คนดู’ ที่อยู่ด้านล่างพลันมีเม็ดเหงื่อผุดพราวขึ้นมาเต็มหน้าผาก
นี่มันอะไรกันเนี่ย
การเผชิญหน้ากันระหว่างเทพเจ้าระดับสูง เหตุไฉนจึงกลายเป็นการวิวาททางวาจาไปเสียได้
ใต้เท้าเหลียนมีแววตาเคร่งเครียดมากขึ้น “จงกลับไปซุกหัวอยู่ในกระท่อมเก่าโทรมของเจ้าซะ มิเช่นนั้น วันนี้ข้าคงต้องฆ่าเจ้าไปพร้อมกับพวกของหลินเป่ยเฉินคนอื่น ๆ”
“เจ้ายินดีปล่อยข้ากลับไปจริงหรือ?”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย “งั้นนี่ก็หมายความว่าเจ้ายังคงกลัวข้าอยู่สินะ… ฮ่า ๆๆ ยอมแพ้เสียเถอะ ถึงอย่างไร เจ้าก็สวยสู้ข้าไม่ได้อยู่แล้ว”
ใต้เท้าเหลียนขมวดคิ้ว
นางพบว่าตนเองไม่สามารถพูดคุยกับเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงได้อีกต่อไป
เพราะเทพธิดาผู้เสียสตินางนี้มีวาจาร้ายกาจมากเกินไป ยิ่งพูดกันมากเท่าไหร่ ใต้เท้าเหลียนก็พบว่าตนเองยิ่งเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากเท่านั้น
“หากเป็นเช่นนี้…”
ใต้เท้าเหลียนโบกสะบัดธงรบวิหคดำในมือพร้อมกับพูดว่า “เจ้าก็ลงหลุมศพไปพร้อมกับหลินเป่ยเฉินเสียเถอะ”
ผืนธงโบกสะบัดอย่างแรง
“วูบ…!”
ได้ยินเสียงนกกรีดร้องในอากาศ
ทันใดนั้น วิหคดำที่อยู่บนผืนธงก็โบยบินออกมาด้วยความสง่างาม ปีกของมันกางออกกว้าง กรงเล็บแหลมคมพุ่งเข้าใส่เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิง
พญาวิหคดำคือสัตว์เลี้ยงประจำสภาเทพเจ้า
ในดินแดนทวยเทพ วิญญาณของพญาวิหคดำที่สถิตอยู่ในธงผืนนี้เปรียบดั่งพญาวิหคซึ่งเป็นนายเหนือหัวของอสูรวิหคทั้งมวล แม้แต่เทพเจ้าระดับสูงก็ยังต้องตายด้วยกรงเล็บของวิหคดำตัวนี้มานับไม่ถ้วน
พญาวิหคดำกระพือปีก พลังกดดันคุกคามรอบบริเวณ ไม่ต่างจากสัตว์กินเนื้อที่อยู่จุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร กลุ่มเทพเจ้าที่อยู่ด้านล่างต่างก็ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงยังคงสามารถรับแรงกดดันได้อย่างไม่มีปัญหา
สายลมกระโชกแรง
ผมยาวสลวยปลิวไสวราวกับม่านน้ำตก
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงยื่นมือออกมาข้างหน้าเล็กน้อย
และในพริบตาเดียวนั้นเอง พญาวิหคดำตัวนั้นก็ถูกนางคว้าคอเอาไว้อย่างง่ายดาย
พญาวิหคอสูรแห่งดินแดนทวยเทพส่งเสียงร้องด้วยความประหลาดใจ
หลังจากนั้น
พลังกดดันที่แผ่ออกมาจากตัวพญาวิหคดำก็สลายหายไป
วูบ! วูบ! วูบ!
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงยกมือซ้ายที่คว้าคอพญาวิหคดำขึ้นสูง แล้วจึงยกมือขวาฟาดเข้าใส่ศีรษะของพญาวิหคดำอย่างแรง ส่งผลให้พญาวิหคตัวนี้ขนหลุดกระจาย แม้มันจะพยายามดิ้นรนอย่างสุดความสามารถก็ตาม…
“เจ้านกผู้ต่ำต้อย ยังคิดจะขัดขืนข้าอีกหรือ?” เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงแสยะยิ้มด้วยความสะใจ “บอกตามตรง ข้าเป็นผู้ชำนาญการชำแหละนกเป็นอย่างยิ่ง… ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ ข้าจะถอนขนเจ้าและนำเจ้าไปทำเป็นนกดองสุรา…”
พูดมาถึงตรงนี้ เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงก็อดน้ำลายไหลไม่ได้
พญาวิหคดำได้ยินดังนั้นก็ไม่กล้าขยับตัวอีกแล้ว
มันทำได้แต่เฝ้ามองเทพธิดาสาวสวยผู้จับคอของมันอยู่ด้วยแววตาขอร้องอ้อนวอน
เพราะมันไม่เคยพบเจอสตรีที่ดุร้ายเช่นนี้มาก่อน
ทุกคนเฝ้าดูด้วยความตะลึงงัน
ช่างน่ากลัวเหลือเกิน
เทพธิดาสาวสวยผู้นี้… ไม่ว่านางเป็นใครมาจากไหน แต่นางก็ถึงกับทำให้พญาวิหคดำต้องตัวสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวแล้ว
สีหน้าของใต้เท้าเหลียนแปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ไม่ต่างจากคนที่ถูกบังคับให้รับประทานอาจม และนางก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ “นี่เจ้า… พลังของเจ้า… ฟื้นคืนกลับมาแล้วหรือ? เจ้า…”
“เจ้าจะประหลาดใจทำไม?”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงละสายตาออกมาจากพญาวิหคดำในมือ ก่อนเงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะ เลื่อนมือข้างหนึ่งลงไปเท้าเอวพลางกล่าวว่า “คงคิดไม่ถึงล่ะสิว่าแผนการของข้าจะสำเร็จผล ฮ่า ๆๆ…”
นางกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
นี่ไม่ใช่คำคุยโวโอ้อวด
“ข้าคือผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานที่สุดในดินแดนทวยเทพ ไม่ทราบว่ามีผู้ใดอยากจะออกมาสู้กับข้าบ้างหรือไม่?”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเริ่มกล่าววาจาเหมือนคนเสียสติ
“เป็นไปไม่ได้ ข้าไม่เชื่อ…”
ใต้เท้าเหลียนโบกสะบัดผืนธงแรงมากกว่าเดิม ต้องการจะนำตัวพญาวิหคดำกลับมา แต่ไม่ว่าสะบัดธงรบอย่างแรงสักเท่าไหร่ สิ่งที่ลอยกลับมาก็มีเพียงขนบนตัวของพญาวิหคดำเท่านั้น ส่วนตัวของมันยังคงอยู่ในมือของเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงต่อไปดังเดิม
“น่าเวทนานัก เจ้าไม่รู้หรอกว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริงคืออะไร”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเป็นฝ่ายยกมือขึ้นโบกสะบัดบ้าง
วูบ!
ธงรบวิหคดำสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
ใต้เท้าเหลียนรู้สึกเจ็บปวดที่ข้อมือ ก่อนที่ธงรบวิหคดำจะลอยหลุดมือไปและเข้าไปอยู่ในมือของเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิง
“ธงนี้สมควรเป็นของข้า”
เมื่อนางยกผืนธงขึ้นโบกสะบัด พญาวิหคดำก็ถูกดูดหายวับกลับเข้าไปอยู่ในผืนธงอีกครั้ง
หลังจากนั้น คลื่นพลังสีเงินก็แผ่กระจายออกมาจากธงรบสีดำแผ่ปกคลุมรอบบริเวณ
ด้วยเหตุนี้ ธงรบสีดำจึงเปลี่ยนไปกลายเป็นธงรบสีขาวในพริบตา
“สีนี้สวยกว่ากันเยอะเลย”
ใบหน้าที่สวยงามของเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงแสดงออกถึงความพึงพอใจ
หลังจากนั้น นางก็โบกสะบัดผืนธง
วูบ!
แล้วเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงก็ปล่อยมือ
ธงรบวิหคดำที่เปลี่ยนแปลงกลายเป็นธงรบวิหคขาวพลันพุ่งลงไปปักอยู่หน้าประตูคฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยน
ธงรบพลิ้วไหวตามแรงลม
“นี่ถือเป็นของขวัญสำหรับน้องชายตัวเหม็นของข้า”
เมื่อคำพูดนี้จากเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงดังกังวาน รอบบริเวณก็กึกก้องด้วยเสียงนกร้องอีกครั้ง อสูรวิหคดำปรากฏตัวออกมาจากผืนธง มันขยายร่างกลายเป็นนกยักษ์ที่เมื่อแผ่ปีกกางออกกว้างก็กินพื้นที่ยาวไกลถึงสามลี้ มันบินขึ้นไปเกาะอยู่บนยอดหลังคาของวิหาร ดวงตาเป็นประกายคมกล้า แสดงออกชัดเจนว่าต้องการปกป้องวิหารหลังนี้รวมถึงผู้คนทั้งหมดด้วยชีวิตของมันเอง
เสียงนกร้องดังกึกก้องทั่วแผ่นฟ้า บรรยากาศถูกปกคลุมด้วยมนต์ขลังที่น่าขนลุก
“นกของเจ้ากลายเป็นนกของข้าแล้ว”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงยกมือขึ้นและหันหน้าไปทางวิหคยักษ์
หลังจากนั้น ก้อนเมฆดำบนท้องฟ้าก็ถูกดูดซับลงมาไม่ต่างจากวาฬทะเลดูดน้ำ เมฆดำเหล่านั้นถูกดูดเข้ามาในฝ่ามือของเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงจนกระทั่งหลอมรวมกลายเป็นลูกไฟสว่างไสวลูกหนึ่ง
พื้นที่รอบบริเวณปกคลุมด้วยแสงสว่างเจิดจ้า
สว่างจนแสบตา
ขณะนี้ พลังกดดันคุกคามในสนามรบได้ถูกกำจัดออกไปหมดสิ้น
ความหมดหวังสลายหายไป
ความหวังหวนคืนกลับมา
แม้แต่สมาชิกของกองทัพเทพสงครามทั้งสี่ก็ยังอดรู้สึกโล่งใจไม่ได้
คิดเปลี่ยนฝ่ายตอนนี้ยังทันอยู่หรือไม่?
พวกเขาไม่รู้เลยว่าเทพธิดาสาวสวยผู้มีความแข็งแกร่งไร้เทียมทานผู้นี้เป็นใครมาจากไหน เพราะเหตุใดจึงไม่มีผู้ใดรู้จักนางมาก่อน?
มีเพียงเทพเจ้าบางคนเท่านั้นที่เคยพบเจอเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงอยู่บ้าง และก็จำได้ว่านางเป็นเทพีขี้เมาแห่งย่านชานเมือง ซึ่งนั่นก็ทำให้พวกเขาส่ายหน้าปฏิเสธไม่อยากยอมรับความเป็นจริง เพราะเทพีขี้เมาผู้นั้นไม่มีทางมีความสามารถสูงส่งถึงระดับนี้เด็ดขาด
ดวงตาทุกคู่จ้องมองไปที่เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงด้วยความว่างเปล่า
ส่วนเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงจ้องมองไปที่ใต้เท้าเหลียนด้วยแววตาของผู้ชนะ
“บัดนี้ เจ้าคงรู้แล้วสินะว่าข้าแข็งแกร่งเพียงใด… มีสิ่งใดคิดพูดออกมาอีกหรือไม่?”
นางกำลังมีความสุขยิ่งนัก
หลังฟื้นฟูพลังกลับคืนมาได้ทั้งหมด เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงก็สามารถกระทำได้ทุกอย่างตามที่ต้องการแล้วจริง ๆ
การปรากฏตัวออกมากอบกู้สถานการณ์ในครั้งนี้ ทำให้นางได้พลังศรัทธาเป็นจำนวนมหาศาล
แต่ใต้เท้าเหลียนกลับตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด
เพราะนางเลือกที่จะหมุนตัวหลบหนีไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
อ้าว?
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเบิกตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ
ไม่คิดจะพูดอะไรสักหน่อยเลยหรือไง
อย่างน้อยก็สมควรพูดว่า ‘ฝากไว้ก่อนเถอะ’ หรืออะไรทำนองนั้น เพื่อแสดงออกถึงความโกรธแค้นและหลงเหลือไว้ซึ่งศักดิ์ศรีของตนเองบ้างนี่นา?
แต่ที่ไหนได้ ใต้เท้าเหลียนกลับทิ้งให้เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงลอยเคว้งคว้างอยู่แต่เพียงผู้เดียว
“นี่ กลับมานะ… เจ้ากลับมาก่อน!”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงรีบไล่ตามไปด้วยความเดือดดาลทันที