บทที่ 431 หนึ่งไม้ผ่านกาลเวลา
ระหว่างพูด มือผีแขนเสื้อเพียงสะบัด ทันใดนั้นทัณฑ์สวรรค์แต่ละทาง ก็ก่อตัวขึ้นแล้วฟาดลงมาทันที
หลังจากที่โจมตีที่นี่ไม่หยุด เขาก็แค่นเสียงขึ้นจมูก ไปจากที่นี่
สวี่ชิงมองเผ่าวิญญาณต้นไม้ที่ร่างแหลกละเอียดไปกว่าครึ่งบนพื้น แล้วดึงสายตากลับมา ก่อนจะตามมือผีจากไป
บนพื้น ใบหน้าของต้นไม้ยักษ์ฉายสีหน้าทุกข์ระทม ร่างสั่นสะท้านโอนเอน สายตาจับจ้องไปยังเงาแผ่นหลังของสวี่ชิงที่จากไปไกลบนท้องฟ้า พึมพำในใจ
“ข้อมือขวาของเขามีเส้นด้ายแห่งโชคชะตาอยู่ด้วย…”
หลังจากนั้นหลายชั่วยาม สุดปลายโลกใบเล็กใบนี้ มือผีกับสวี่ชิงก็สิ้นสุดการเดินทางในคุกครั้งนี้
ก่อนไปสวี่ชิงขอร้องมือผี ให้ตัวเองสัมผัสความรู้สึกที่ต้องแบกรับกฎที่นี่ด้วยตัวเองเพียงลำพัง
จะอย่างไร นี่ก็เป็นเรื่องที่ตนจะต้องทำในอนาคต ไม่เช่นนั้นแล้วหากไม่สามารถลาดตระเวนเพียงลำพังตลอด ต้องคอยตามคนอื่นทุกครั้ง หากเป็นแบบนั้นการที่เป็นพลทหารเขตปิ่งก็ไม่มีความหมายอะไร
“เจ้ามั่นใจหรือ” มือผีมองสวี่ชิงผาดหนึ่ง
“สัมผัสการลงมาเยือนของกฎโลกใบหนึ่ง ไหล่แบกกฎเดิน เรื่องนี้มีเพียงปราณก่อกำเนิดเท่านั้นที่ทำได้ ระดับแก่นลมปราณก็มีคนที่ทำได้เหมือนกันแต่ว่าน้อยมาก อีกทั้งส่วนใหญ่แล้วล้วนสามถึงห้าอึดใจร่างก็จะระเบิด”
สวี่ชิงเงียบนิ่ง จากนั้นสีหน้าก็เคร่งขรึมจริงจัง พยักหน้าโค้งคารวะ
“ได้” มือผีไม่พูดอะไรอีก คลายพลังที่ตนแบกรับเอาไว้
เสี้ยวขณะต่อมา ร่างของสวี่ชิงทั้งร่างส่งเสียงดังบึ้ม เหมือนมีภูเขาลูกมหึมาจำนวนไม่ถ้วนทับอยู่บนร่าง ร่างมีเสียงกร๊อบๆ ดังมา กระทั่งว่าวิญญาณก็สั่นสะท้าน ความรู้สึกฉีกขาดรุนแรงเกิดขึ้นบนร่าง
เหมือนจะระเบิดแหลกละเอียดแตกดับได้ทุกเมื่อ
มือผีส่ายหน้า กำลังจะดึงพลังกลุ่มนี้กลับมา วิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณของสวี่ชิงก็ปรากฏออกมาในเสี้ยวขณะนี้เอง พลังกายเนื้อปะทุขึ้นมาทั้งหมด ทำการต้านทาน
เพียงแต่ก็ยังคงยากลำบากเช่นเดิม ร่างสั่นสะท้านรุนแรง แต่เวลาผ่านไปทีละอึดใจๆ สีหน้าของมือผีก็ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงทีละน้อย
จวบจนหลังจากนั้นร้อยอึดใจ สวี่ชิงฝืนเงยหน้ามองไปทางมือผี
“ผู้อาวุโส ข้าน่าจะแบกรับการประทับลงมาของกฎได้นะขอรับ”
มือผีประทับใจ สายตาค่อยๆ ฉายประกายวาววับ
“เด็กน้อย เจ้าใช้ได้นี่ ไม่ใช่แค่กายเนื้อแข็งแกร่ง จิตใจก็น่าตะลึงมากเช่นกัน ผู้บำเพ็ญส่วนใหญ่ที่มีพลังบำเพ็ญระดับเจ้า ทำไม่ได้ถึงจุดนี้”
มือผีพูดจบ ชายเสื้อเพียงสะบัด พลังกดดันบนร่างสวี่ชิงก็เบาลง มือผีแบกรับกฎเกณฑ์อีกครั้ง
จากแรงกดดันมหาศาลถึงขีดสูงสุดมาเบาสบายในพริบตา ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้ สวี่ชิงร่างสะท้านเฮือก เขาสัมผัสได้ว่าพลังกายเนื้อตัวเองยกระดับขึ้นเล็กน้อยในระยะเวลาร้อยอึดใจสั้นๆ นี้
เหมือนว่าถูกฝึกฝนใหม่อีกครั้ง
นี่ทำให้สวี่ชิงใจวูบโหวง
“เจ้าก็อย่าได้พอใจแค่นี้ ผู้บำเพ็ญระดับแก่นลมปราณที่ทำได้ถึงระดับนี้แม้จะน้อย แต่ก็ใช่ว่าไม่มี” มือผียิ้มๆ ไม่พูดอะไรมาก ท่ามกลางการประสานปางมือก็พาสวี่ชิงไปจากโลกใบเล็กใบนี้
ในตอนที่ปรากฏตัวขึ้นก็มาอยู่โลกภายนอก ในความว่างเปล่าแล้ว
ระหว่างทางที่กลับ สวี่ชิงไม่ได้พอใจที่ตัวเองยืนหยัดได้ร้อยอึดใจแค่นี้ เขานึกถึงเผ่าวิญญาณโบราณที่อีกฝ่ายพูดถึงเมื่อก่อนหน้า จึงเอ่ยถามขึ้น
“เผ่าวิญญาณโบราณหรือ” มือผีนึกย้อนเล็กน้อย
“นี่เป็นเผ่าที่แปลกประหลาดเผ่าหนึ่ง ในช่วงยุคหลัง ดูจากประวัติศาสตร์แล้ว ข้ารู้สึกว่าเผ่าพันธุ์นี้ถูกเรียกว่าเผ่าแห่งชะตาสวรรค์ก็มีเหตุผลในระดับหนึ่ง
“เผ่าพันธุ์นี้ว่ากันว่ามีพรสวรรค์อันน่าตื่นตะลึง เกี่ยวพันกับโชคชะตา สามารถเพิ่มพลังให้กับตัวเองได้ และสามารถเพิ่มให้กับผู้อื่นได้เช่นกัน แต่รายละเอียดข้าไม่รู้แน่ชัดนัก
“ทว่าว่ากันว่าจักรพรรดิวิญญาณอาศัยโชคชะตาของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ หวังจะทะลวงระดับจักรพรรดิโบราณ ก้าวเข้าสู่ระดับชั้นที่สูงขึ้นไปอีกทว่าล้มเหลว โชคชะตาแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ถูกใช้ไป ทั้งเผ่าดับสูญไปเก้าส่วนในคืนเดียว จบสิ้นยุคสมัยที่เป็นของพวกเขาเผ่าวิญญาณโบราณ”
ขณะพูด ทั้งสองก็เดินออกมาจากภาพวาดฝาผนัง กลับมายังชั้นที่เก้าสิบในกรมราชทัณฑ์
“วันนี้พอแค่นี้ก่อน ในเมื่อเจ้าพอจะทนแบกรับการประทับลงมาของกฎเกณฑ์ได้ เช่นนั้นวันหลังก็ทำความเคยชินอยู่เรื่อยๆ ดูซิว่าเจ้าใช้เวลาเท่าใดจึงจะแบกรับการประทับลงมาของกฎเกณฑ์ได้จริงๆ ทำการลาดตระเวนได้สำเร็จ”
ที่นี่ มือผีชมสวี่ชิงอยู่สองสามประโยค ดื่มเหล้าแล้วหันหลังจากไป
สวี่ชิงประสานหมัดโค้งคารวะเงาแผ่นหลังมือผี จากนั้นก็ไปจากกรมราชทัณฑ์กลับหอกระบี่ด้วยจิตใจที่เหนื่อยล้า
ระหว่างทางกลับเขานึกย้อนภาพแต่ละฉาก ในแดนคุกที่แปรเปลี่ยนมาจากโลกใบเล็กนั่น ก็ยังต้องตื่นตะลึงกับฝีมือของวังครองกระบี่ ขณะเดียวกันก็นึกถึงเผ่าเคียงเซียนสี่สิบกว่าคนนั่นในโลกใบเล็ก
“เผ่าเคียงเซียน…
“คิดจะสืบเรื่องหุ่นเชิดเซียน มีแต่จะต้องไปยังเผ่าเคียงเซียนหรือเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ ไม่เช่นนั้นความยากในการสืบจะสูงอย่างมาก”
สวี่ชิงสะกดความเหนื่อยล้าในใจ พึมพำออกมา
เรื่องนี้หากอยากสืบให้กระจ่าง อุปสรรคยากเข็ญ อีกทั้งยากจะหลบเลี่ยง แต่สวี่ชิงก็วาดหวังในแต้มกองทัพห้าแสนแต้มเอาไว้อย่างมาก โดยเฉพาะแต้มความชอบระดับสองนั่นยิ่งอยากจะได้มาครอง
ในเมื่อถ้าจะไปเขาประกายอรุณไม่ได้ใช้แค่แต้มกองทัพเท่านั้น ต้องใช้แต้มความชอบด้วยเช่นกัน
ดังนั้นดวงตาสวี่ชิงฉายแววล้ำลึก หลังจากวิเคราะห์ในสมอง จู่ๆ เขาก็พลันฉุกคิดขึ้นมาได้
‘ความจริงยังมีอีกทางหนึ่ง นั่นก็คือลงมือจากหุ่นเชิดเซียน นี่ต้องทำความเข้าใจว่าสร้างหุ่นเชิดเซียนอย่างไร’
ขณะพึมพำในใจ สวี่ชิงนึกถึงที่มือผีบอกว่าใต้เท้าปลัดเขตปกครองศึกษาค้นคว้าหุ่นเชิดเเซียน จึงหยิบกระบี่อาญาสิทธิ์ออกมา ใช้แต้มกองทัพของตัวเองยื่นขอโอกาสเรียนกับปลัดเขตปกครองครั้งหนึ่ง
ทั้งเขตปกครองต่างยอมรับว่าใต้เท้าปลัดเขตปกครองความรู้กว้างขวางล้ำลึก ดังนั้น ปกติเมื่อมีข้อสงสัยหรือขอความช่วยเหลือ ล้วนแต่ไปขอคำชี้แนะจากเขาทั้งนั้น
เพียงแต่ปลัดเขตปกครองปกติแล้วช่วยเจ้าเขตปกครองดูแลพื้นที่ทั้งเขตปกครอง มีภารกิจรัดตัว ดังนั้นหลังจากที่ยื่นขอไปแล้วจะผ่านเมื่อไร ก็ต้องดูเวลาของตัวปลัดเขตปกครองเอง
สวี่ชิงโชคไม่เลวเลย กลับมานั่งสมาธิที่หอกระบี่ครึ่งชั่วยาม ก็ได้รับการตอบกลับจากปลัดเขตปกครอง
“สวี่ชิงหรือ”
“เจ้ามีธุระอะไรหรือ” เสียงของปลัดเขตปกครองแฝงด้วยความเหนื่อยล้า เห็นได้ชัดว่าเพิ่งจัดการภาระงานเสร็จ
สวี่ชิงรู้ว่าไม่ควรรบกวนมากเกินไป จึงอธิบายคำขอที่ตัวเองอยากทำความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหุ่นเชิดเซียนอย่างคร่าวๆ
“หุ่นเชิดเซียนหรือ หากตอนนี้เจ้ามีเวลาก็มานี่สักหน่อย ข้าจะพาเจ้าไปดูด้วยตาตัวเอง”
ได้ยินคำตอบกลับจากปลัดเขตปกครอง สวี่ชิงลิงโลด ออกจากหอกระบี่ตรงไปยังเมืองหลวงเขตปกครอง
ตอนนี้ยังไม่ดึกมาก ในเมืองหลวงเขตปกครองโคมตะเกียงส่องสว่าง ร้านค้ามากมายล้วนยังเปิดอยู่ ประชาชนธรรมดาก็มีไม่น้อย กระทั่งว่าของกินเล่นบางอย่างก็ยังเปิดขาย บนถนนประเดี๋ยวๆ ก็จะเห็นผู้ครองกระบี่และการลาดตระเวนจากเมืองหลวงเขตปกครอง
สวี่ชิงมุ่งหน้าตรงมายังจวนปลัดเขตปกครองที่อยู่ทางเขตตะวันออก หลังจากที่มาถึงก็บอกถึงจุดประสงค์ที่มากับองครักษ์ของจวน สุดท้ายก็ถูกนำมาถึงนอกห้องหนังสือของปลัดเขตปกครอง
“ผู้ครองกระบี่สวี่ชิง ขอพบใต้เท้าปลัดเขตปกครองขอรับ” สวี่ชิงสีหน้าเคร่งขรึม ประสานหมัดโค้งคารวะ
“เข้ามาเถอะ” เสียงเหนื่อยล้าของปลัดเขตปกครองดังมาจากในห้องหนังสือ
สวี่ชิงเดินไปอย่างนอบน้อม ผลักประตูห้องหนังสือ เห็นปลัดเขตปกครองที่กำลังปรุงน้ำยาและผู้ช่วยสามสี่คนของเขา
ในนั้นยังมีผู้ครองกระบี่ที่เป็นผู้ครองกระบี่หน้าใหม่รุ่นเดียวกับสวี่ชิงด้วย
ผู้ครองกระบี่คนนี้เมื่อเห็นสวี่ชิงก็พยักหน้าให้ จากนั้นก็เตรียมน้ำยาตามคำสั่งของปลัดเขตปกครอง
สวี่ชิงไม่ได้ไปรบกวน ยืนอยู่ข้างๆ สายตากวาดมองห้องหนังสือ เห็นกระถางดอกไม้ สวนถาดมากมายที่วางอยู่ห่างออกไปไม่ไกล ในนั้นบ้างเป็นสมุนไพร บ้างเป็นดอกไม้ธรรมดา
ตอนนี้ปลัดเขตปกครองสีหน้าแฝงความเหนื่อยล้า แต่ดวงตาเป็นประกาย ทั้งยังเห็นได้ชัดว่าปรุงยาถึงช่วงเวลาสำคัญแล้ว
ภายใต้สมาธิที่จดจ่อมุ่งมั่นของเขา น้ำยาแต่ละขวดๆ ถูกผสมเข้าด้วยกัน หลังจากที่เสร็จสิ้นในที่สุด เขาก็รีบเดินมายังต้นกุ้ยกระถางหนึ่ง แล้วเทยาลงไปในดินเบาๆ
แต่เห็นได้ชัดว่าน้ำยายังมีข้อบกพร่อง สวนถาดนั่นแห้งเหี่ยวไปอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่า จวบจนร่วงโรย
“เฮ้อ”
ปลัดเขตปกครองถอนหายใจเบาๆ หลังจากนวดหว่างคิ้วก็หันมามองสวี่ชิง กำลังจะอ้าปาก แต่ตอนนี้แผ่นหยกสื่อเสียงสั่น หลังจากที่หยิบมาออกมาสีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนมาเคร่งเครียดเล็กน้อย
“สวี่ชิง เจ้าเขตปกครองเรียกตัวข้า วันนี้ข้าไม่อาจอธิบายเรื่องหุ่นเชิดเซียนให้เจ้าฟังได้แล้ว นี่เป็นเอกสารบางอย่างของหุ่นเชิดเซียนที่ข้าจดบันทึก เจ้าเอาไปศึกษาเอง มีจุดไหนที่ไม่เข้าใจค่อยมาถามข้า”
คล้ายว่าเรื่องราวค่อนข้างร้ายแรง ปลัดเขตปกครองไม่พูดอะไรมาก หลังจากยื่นแผ่นหยกจดบันทึกชิ้นหนึ่งให้สวี่ชิง เขาก็จัดความเรียบร้อยของเสื้อผ้า
ก่อนไปก็พยักหน้าให้สวี่ชิงอย่างขอโทษ แล้วกำชับให้ผู้ช่วยในห้องหนังสือปรุงน้ำยาต่อไป จากนั้นก็เหยียบอากาศจากไปไกลอย่างเร่งร้อน
สวี่ชิงรับแผ่นหยก ประสานหมัดโค้งคารวะ
เห็นผู้ช่วยของปลดเขตปกครองในห้องหนังสือตอนนี้เริ่มปรุงน้ำยาอีกครั้ง สวี่ชิงรู้ว่าไม่ควรดูให้มาก จึงเอ่ยลาไปจากจวนปลัดเขตปกครอง
ระหว่างทางที่กลับหอกระบี่ ความคึกคักในเมืองหลวงเขตปกครองจางหายไป แม้จะมีร้านค้ามากมายที่ยังคงเปิดอยู่ แต่ของกินเล่นบางอย่างเก็บร้านแล้ว
สายตาสวี่ชิงกวาดมองไป เห็นร้านขายถังหูลู่ร้านหนึ่งกำลังเก็บร้าน มองถังหูลู่แดงแจ๋ เขาคิดๆ แล้วเดินไปซื้อมาไม้หนึ่ง
ถือไว้ในมือ สวี่ชิงกินไปคำหนึ่ง คิ้วพลันเลิกขึ้น ก้มหน้ามองถังหูลู่ในมือผาดหนึ่ง
รสชาติของถังหูลู่นี่ดีกว่าสำนักเจ็ดเนตรโลหิตมาก
รสชาติเปรี้ยวหวานผสมผสานกันอย่างพอดีแฝงด้วยความเย็นชื่น ทำให้สวี่ชิงนึกถึงความทรงจำที่เมืองเป็นหนึ่งในตอนเด็ก
เขาจึงหันไปมองบริเวณร้านขายถังหูลู่ แต่คนขายเก็บของไปแล้ว
“ซื้อหลายไม้หน่อยก็ดีแล้ว” สวี่ชิงพึมพำ แล้วกินไปอีกคำหนึ่ง
รสชาติก็ยังคงไม่เลวเช่นเดิม
ภายใต้แสงจันทร์ เขากินถังหูลู่ไปด้วย สัมผัสรับรู้แผ่นหยกของปลัดเขตปกครอง อ่านข้อมูลเกี่ยวกับหุ่นเชิดเซียนในนั้นเช่นนี้เอง
บันทึกในแผ่นหยกละเอียดมาก ทั้งยังมีรูปภาพมากมายประกอบด้วย เห็นได้ชัดว่าปลัดเขตปกครองศึกษาค้นคว้าเรื่องนี้อย่างลึกซึ้งมาก
สวี่ชิงกวาดอ่านคร่าวๆ เลื่อมใสในความรู้ที่ลึกซึ้งของปลัดเขตปกครองมาก ตอนนี้ใกล้จะออกไปจากเมืองหลวงเขตปกครองแล้วเต็มที เขาพลันสีหน้าเปลี่ยนไป เงยหน้ามองไปยังที่ไกล
ในหอที่ไกล ผู้บำเพ็ญกลางคนชุดดำคนหนึ่งกำลังห้อตะบึง คนคนนี้รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยิ่งสะบัดมือโยนผงพิษออกมากระจายไปตามลม
พิษรุนแรงมาก ร่วงลงบนต้นหญ้าบางต้นก็ทำให้พวกมันแห้งเหี่ยวไปในทันที ส่งกลิ่นเหม็นออกมา
ข้างหลังเขายังมีคนอีกคนหนึ่ง กำลังไล่ตามมาอย่างเร็วรี่
คนที่ไล่เป็นผู้หญิง สวมชุดนักพรตผู้ครองกระบี่ หน้าสวมหน้ากาก แบกเคียวยมทูตผีร้ายขนาดมหึมา เป็นชิงชิวนั่นเอง
จิตสังหารในดวงตาของนางรุนแรงมาก ทั่วร่างรังสีอำมหิตลอยตลบ คิดจะไล่ตามผู้บำเพ็ญกลางคนคนนั้น
แต่อีกฝ่ายมีกำลังรบห้าวังเหมือนชิงชิว ร่วมกับพิษที่กระจายมาตามลมพวกนั้น ทำให้ชิงชิวไม่สามารถดึงระยะใกล้เข้ามาได้ในเวลาสั้นๆ
สวี่ชิงมองผาดหนึ่ง ช่วงนี้เขาที่รับภารกิจอยู่บ่อยๆ ก็จำได้ทันทีว่าคนชุดดำคนนี้เป็นนักโทษประกาศจับ ในความทรงจำอีกฝ่ายมีสมญาชื่อว่าเด็กน้อยเหมือนกัน
สวี่ชิงจึงจำได้อยู่บ้าง
แต่ในเมื่อชิงชิวกำลังไล่ล่า เขาก็ไม่คิดจะเข้าไปร่วมด้วย กำลังจะจากไป
แต่เสี้ยวขณะต่อมา จากลมที่พัดมา พิษจำนวนหนึ่งลอยมาข้างหน้าสวี่ชิง
พิษพวกนี้สำหรับสวี่ชิงแล้วไม่นับเป็นอะไร แต่ถังหูลู่ที่เหลือครึ่งหนึ่งในมือหลังจากที่ลมพัดมา ก็เปลี่ยนเป็นสีดำด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า ส่งกลิ่นเหม็นเน่าออกมา
สวี่ชิงสีหน้าอึมครึมทันใด เงยหน้ามองไปทางคนชุดดำที่หนีไปที่ไกลแวบหนึ่ง มือขวาพลันยกขึ้นมาแล้วสะบัด ไม้เสียบถังหูลู่ในมือก็พุ่งไปทันที
เร็วจนส่งเสียงแหวกอากาศแหลม พุ่งตรงไปยังคนชุดดำ
เพียงพริบตาเสียงฉึกดังขึ้น ไม้เสียบถังหูลู่แทงทะลุศีรษะของคนชุดดำคนนี้ทันที
จากกลิ่นเหม็นถังหูลูที่เป็นสีดำแต่ละเม็ดร่วงหล่น ชายชุดดำดวงตาเบิกกว้าง สิ้นลมหายใจตาย ซากร่างร่วงลงพื้นส่งเสียงบึ้ม