ตอนที่ 600 ไปไห่เฉิง
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินมู่หลาน ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ใช่ พวกเราสองคนอยากจะไปไห่เฉิง”
หลังจากพูดแบบนี้ ทั้งสองหันมองฉินมู่หลานอีกครั้งแล้วเอ่ยถาม “มู่หลาน ลูกจะไปกับพวกเราไหม?” ถึงแม้ว่าพวกหล่อนจะคอยจัดการเรื่องในโรงงานเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่เคยเดินทางไกลกันเพียงลำพังมาก่อน เรื่องเจรจากับคนอื่นจึงยังมีจุดด้อยอยู่นิดหน่อย
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ย “ได้ค่ะ ใกล้จะถึงปีใหม่แล้ว ถึงตอนนั้นฉันจะไปที่นั่นกับพวกแม่”
เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานตอบตกลง ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือก็มีความสุขมาก
“ดีจังเลย มีลูกไปกับพวกเรา พวกเราก็วางใจแล้ว ไม่ต้องรู้สึกกระอักกระอ่วนใจด้วย”
แต่ฉินมู่หลานคิดว่าโรงงานเครื่องสำอางยุ่งขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก แม่กับแม่สามีก็ยุ่งขึ้นกว่าเดิมด้วย เธอจึงรู้สึกว่าต้องหาคนมาปรำตำแหน่งเพิ่มเพื่อแบ่งเบาภาระงานบางส่วน “ครั้งนี้ก็ให้พี่สะใภ้มาด้วยเถอะค่ะ จะได้ให้หล่อนได้เรียนรู้เพิ่มเติม”
เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือก็ไม่ได้คัดค้าน พลางพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ได้ พาเสวี่ยเยี่ยนไปด้วย ครั้งนี้ที่ได้คุยกับผู้ช่วยของตู้เยว่เอ๋อร์ ก็ได้เสวี่ยเยี่ยนช่วยเอาไว้ไม่น้อย ตอนนี้หล่อนเริ่มทำงานได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ เลย”
“ใช่แล้ว เสวี่ยเยี่ยนมีความสามารถมากขึ้นเรื่อย ๆ เลย”
เหยาจิ้งจือก็เต็มใจที่จะได้เห็นลูกสะใภ้คนโตได้โดดเด่นอยู่แล้ว แต่เมื่อคิดว่าลูกชายกับลูกสะใภ้คนโตเตรียมตัวมาตั้งนานแล้วแต่ก็ยังไม่ตั้งครรภ์ จึงอดหันไปมองฉินมู่หลานแล้วกล่าวเสียไม่ได้ “มู่หลาน ถ้ามีเวลาก็ลองไปตรวจชีพจรให้พี่สะใภ้หน่อยสิ หล่อนเตรียมตัวจะมีลูกคนที่สองมาตั้งนานแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นจะคืบหน้าเลย”
ฉินมู่หลานยังไม่ทันได้พูด ซูหว่านอี๋ก็เปิดปากกล่าว “จิ้งจือ เธอไม่ต้องรีบเร่งเสวี่ยเยี่ยนหรอก หล่อนจะได้ไม่เครียดกว่าเดิม ยิ่งไปกว่านั้นการตั้งท้องก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาด้วย โชคชะตาของพวกเขาหนุ่มสาวอาจจะยังมาไม่ถึงก็ได้นะ”
เหยาจิ้งจือได้ยินแบบนี้ก็รีบกล่าวขึ้นทันที “ฉันไม่ได้จะรีบเร่งหรอก ก็แค่กลัวว่าพวกเขาสองสามีภรรยาจะกังวล แล้วก็อายเกินกว่าที่จะบอกกล่าวออกมา เพราะฉะนั้นฉันก็เลยคิดจะให้มู่หลานลองเปิดปากพูดเรื่องนี้ดู ตอนนี้ฉันก็มีหลานเยอะขนาดนี้แล้ว ไม่ได้รีบเร่งจะให้มีอีกหรอก”
ลูกชายคนเล็กกับลูกสะใภ้คนเล็กก็มีลูกกันสี่คนแล้ว และลูกชายคนโตกับลูกสะใภ้คนโตก็มีเสี่ยวอวี่แล้ว หล่อนจึงไม่รีบร้อนอยู่แล้ว
ฉินมู่หลานได้ฟังคำพูดนี้ ก็พยักหน้าแล้วบอกกล่าว “ได้ค่ะ ไปไห่เฉิงครั้งนี้ ฉันจะหาโอกาสลองตรวจชีพจรให้พี่สะใภ้ดูค่ะ”
หลังจากทั้งสามคนพูดเรื่องนี้กันจบแล้ว เหยาจิ้งจือก็หาโอกาสไปบอกหลี่เสวี่ยเยี่ยนเรื่องที่จะไปไห่เฉิง
หลังจากหลี่เสวี่ยเยี่ยนทราบ สีหน้าก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“แม่ ฉันไปด้วยได้จริงเหรอคะ?”
“ดีจังเลยค่ะ ฉันจะตั้งใจเรียนรู้”
ตอนนี้หลี่เสวี่ยเยี่ยนหวังอยากจะทำงานได้สักยี่สิบสี่ชั่วโมงต่อวัน ชีวิตของหล่อนทุกวันนี้เป็นสิ่งที่ไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลย ตอนนั้นหล่อนคิดว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือตอนที่สามารถทำงานเป็นพนักงานในโรงงานอาหารได้ ใครจะไปคิดว่าตอนนี้จะสามารถนั่งทำงานอยู่ในบริษัทได้
ในไม่ช้าทุกคนในครอบครัวก็ทราบว่าพวกเธอกำลังจะไปไห่เฉิงกัน
เซี่ยเหวินปิงอดเอ่ยถามไม่ได้ “แล้วพวกเด็ก ๆ จะทำยังไง?”
เหยาจิ้งจือรีบยกยิ้มแล้วกล่าว “วางใจได้ ฉันบอกพ่อกับแม่ของฉันแล้ว พรุ่งนี้พวกท่านจะมา ถึงตอนนั้นครอบครัวของเจ๋อเหว่ยก็จะมาด้วย พวกเขาจะมาช่วยดูแลเด็ก ๆ ด้วยกัน ยิ่งไปกว่านั้นเสี่ยวอวี่และชิงชิงเฉินเฉินก็โตพอแล้ว แค่มีคนไปรับไปส่งพวกเขาไปโรงเรียนก็พอแล้วล่ะ”
เมื่อเห็นว่าภรรยาจัดการเรื่องต่างๆ เรียบร้อยแล้ว เซี่ยเหวินปิงก็วางใจ เพราะพวกเขาเองก็ยุ่งมากเหมือนกัน กำลังสร้างโรงงานผลิตยาที่เขตชานเมืองตะวันออก
และคุณย่าฉินก็อดหันมองฉินมู่หลานแล้วเอ่ยเสียไม่ได้ “มู่หลาน พวกหลานกำลังจะเดินทางไกล ก็ควรจะไปบอกอาหลี่ล่วงหน้าหน่อยนะ เผื่อเขาไม่รู้”
“ได้ค่ะคุณย่า ตอนแรกหนูคิดว่าจะไปบอกวันพรุ่งนี้ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี”
สำหรับหลานสาวคนนี้ คุณย่าฉินไม่ต้องกังวลอะไรเลยจริง ๆ
เมื่อถึงเวลาไปเรียนในวันรุ่งขึ้น ฉินมู่หลานก็บอกเซี่ยปิงหรุ่ยว่าเธอกำลังจะไปไห่เฉิง
เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินแบบนี้ ก็กล่าวตามตรง “ได้ เธอไปเถอะ ปิงชิงกับฉันจะอยู่ที่ซิงหลินถังเอง ทุกวันนี้ปิงชิงก็อยู่ที่ร้านเหมือนกัน หล่อนกับคังอันเหอทั้งสองคนก็ยุ่งไม่แพ้กัน”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี”
หลังจากเลิกเรียน ฉินมู่หลานก็ไปหาทางฝั่งเซี่ยเจ๋อหลี่
เซี่ยเจ๋อหลี่ไม่รู้ว่าฉินมู่หลานมาหา ดังนั้นเมื่อเห็นเธอ จึงรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย “มู่หลาน คุณมาทำไมเหรอ?”
“ฉันมาหาคุณเพราะมีเรื่องจะบอกคุณน่ะค่ะ”
“เรื่องอะไรเหรอ?”
เซี่ยเจ๋อหลี่ก้าวเดินเข้ามาใกล้ฉินมู่หลานพลางสวมกอดเธอเอาไว้ ช่วงนี้ภรรยายุ่งมาก ก่อนหน้านี้เขาก็ได้เจอภรรยามาแล้ว แต่ทั้งสองก็ไม่ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันมากพอ จึงรู้สึกเหมือนไม่ได้เจอกันมานานแล้ว
“อีกไม่กี่วันข้างหน้าฉันจะไปไห่เฉิงกับพวกแม่ แต่คุณไม่ต้องห่วงนะคะ ไปไม่นานหรอกค่ะ แค่สองสามวันเท่านั้น” หลังจากพูดจบ เธอก็บอกเรื่องที่คนในครอบครัวจัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้ “ที่บ้านมีคนดูแลพวกเด็ก ๆ แล้ว เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องกังวล”
เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “ผมไม่กังวลใจอยู่แล้ว เดี๋ยวผมมีเวลาจะกลับไปที่บ้าน ใช้เวลาอยู่กับพวกเด็ก ๆ”
“ค่ะ”
ฉินมู่หลานพูดเรื่องที่ต้องการบอกเสร็จแล้ว จึงครุ่นคิดว่าคืนนี้จะกลับไปดีหรือเปล่า
เพียงแต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้เอ่ยปาก เซี่ยเจ๋อหลี่ก็เดินเข้ามาสวมกอดเอาไว้ แล้วเอ่ยกระซิบข้างหู “มู่หลาน เย็นนี้ค้างที่นี่เถอะ”
ฉินมู่หลานเข้าใจสิ่งที่เซี่ยเจ๋อหลี่สื่อได้ ใบหน้าจึงขึ้นสีแดง แต่เธอก็ยังพยักหน้า แล้วเอ่ยเสียงแผ่วเบา “ค่ะ”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานพยักหน้า เซี่ยเจ๋อหลี่ก็อุ้มคนเข้าไปในห้องทันที
เมื่อถึงเช้าวันรุ่งขึ้น ฉินมู่หลานก็ตื่นสาย เธอจึงรีบเก็บข้างของแล้วไปมหาวิทยาลัย วันนี้เป็นวันสุดท้ายของภาคการศึกษา นักศึกษาจึงกระตือรือร้นกันเป็นพิเศษ ดังนั้นท่าทางของฉินมู่หลานจึงไม่ได้ตกเป็นเป้าสายตานัก
แต่เซี่ยปิงหรุ่ยก็ยังจ้องมองฉินมู่หลานด้วยความอยากรู้แล้วเอ่ยถาม “มู่หลาน ทำไมเธอถึงหาวบ่อยจังล่ะ”
“ฉัน…เมื่อคืนนอนหลับไม่ค่อยดีน่ะ”
หลังจากฉินมู่หลานอธิบายเสร็จก็รีบเปลี่ยนเรื่องทันที หลังจากเลิกเรียน ฉินมู๋หลานก็กลับบ้านแล้วจัดกระป๋า ส่วนทางด้านพวกซูหว่านอี๋เตรียมกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็มีท่าทางตื่นเต้นเพราะพรุ่งนี้จะได้ออกไปผจญโลกกว้างเพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ กับพวกมู่หลาน
จนกระทั่งถึงวันออกเดินทาง ฉินมู่หลานก็บอกลาคนในครอบครัวที่สถานีรถไฟ แล้วขึ้นรถไฟมุ่งหน้าสู่ไห่เฉิง
“มู่หลาน ไปถึงแล้วพวกเราต้องไปหาใครเป็นคนแรกเหรอ?”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนรู้สึกตื่นเต้นจนเมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ จนถึงตอนนี้หล่อนก็ยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่ นอกจากนี้หล่อนยังมีเส้นสายในการหาซื้อตั๋วที่นอน และที่นี่ตอนนี้ก็ยังไม่มีคนอื่น หล่อนจึงเอ่ยถามตามตรง
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “หลังจากไปถึงที่พักแล้ว ค่อยไปพบหัวหน้าสำนักงานพาณิชย์ของไห่เฉิง ส่วนเรื่องจะเป็นยังไงต่อก็ต้องรอดูกัน”
ฉินมู่หลานเพิ่งพูดเรื่องนี้จบ ก็มีคนอีกสองสามคนเปิดประตูเดินเข้ามา เป็นชายวัยกลางคนหนึ่งและชายหนุ่มอีกหนึ่งคน ตอนนี้พวกเขากำลังจ้องมองฉินมู่หลานด้วยความสงสัย ก่อนจะหันมองหลี่เสวี่ยเยี่ยนอีกครั้ง
ฉินมู่หลานเห็นคนมา ก็ทราบได้ทันทีว่าเป็นคนที่มากับเตียงสองชั้นที่เหลืออยู่ จึงพยักหน้าให้น้อย ๆ เป็นการทักทาย
หลี่เสวี่ยเยี่ยนเห็นคนมาแล้ว จึงไม่ถามมาก
ชายวัยกลางคนคนนั้นอยู่ชั้นล่างสุด หลังจากวางของลงเรียบร้อยแล้ว ก็หันไปมองฉินมู่หลานแล้วเอ่ยถาม “พวกเธอก็จะไปไห่เฉิงกันด้วยเหรอ บังเอิญจัง พวกเราสองคนก็จะไปเหมือนกัน”